ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1218 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24341 - 24360 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24341 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบล บางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางเหรี่ยง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำระบบระบายน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ ๒) จังหวัดสงขลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24342 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระนอง พ.ศ. .... | มท | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระนอง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดระนอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24343 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 และรายงานของ ผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 และ 2555 | พน | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๕ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24344 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง หลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออม แห่งชาติ พ.ศ. 2554 | สผ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง หลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่เห็นควรให้เร่งรัดปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ เนื่องจากการไม่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน และกองทุนการออมเพื่อวัยสูงอายุควรอยู่ภายใต้หน่วยงานกำกับดูแลเดียวกันเพื่อให้เกิดเอกภาพในด้านนโยบายและประสิทธิภาพในการกำกับดูแลในภาพรวม ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีความเห็นว่า ควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ต่อไป และกระทรวงการคลังควรเป็นหน่วยงานที่ดูแลหลักประกันบำนาญของประชาชนซึ่งเป็นภาระผูกพันระยะยาวของภาครัฐ ขณะที่สำนักงานประกันสังคมควรทำหน้าที่ดูแลการจัดสวัสดิการระยะสั้นของแรงงาน และเห็นควรยกเลิกความคุ้มครองประกันสังคมตามมาตรา ๔๐ กรณีบำนาญชราภาพ (ทางเลือกที่ ๓-๕) โดยโอนผู้ประกันตนภายใต้ความคุ้มครองดังกล่าวมาที่กองทุนการออมแห่งชาติตามความสมัครใจ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งอนุมัติหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของกองทุนการออมแห่งชาติ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗ ฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||
24345 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2556 และครั้งที่ 7 พ.ศ. 2557 | สช | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแล้วในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วย ๘ ประเด็น ได้แก่ (๑) นโยบายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน (๒) เป้าหมายในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อของประเทศไทย (๓) แผนยุทธศาสตร์ร่วมแห่งชาติ ว่าด้วยระบบสุขภาวะชุมชน (๔) แผนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายของยา อาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ (๕) ระบบการจัดการอาหารในโรงเรียน (๖) การกำกับดูแลสื่อและการสื่อสารการตลาดของผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (๗) การสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อ “สุขภาพหนึ่งเดียว” ของคน-สัตว์-สิ่งแวดล้อม และ (๘) ข้อเสนอต่อการปฏิรูประบบสุขภาพภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย ๑.๒ มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อบูรณาการกลไกคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัวจากปัจจัยเสี่ยง (๒) การพัฒนากระบวนการประเมินและตัดสินใจการใช้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (๓) การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน (๔) การจัดการสเตอรอยด์ที่คุกคามสุขภาพคนไทย และ (๕) การจัดทำแผนยุทธศาสตร์สุขภาพโลกของประเทศไทย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยให้ยึดหลัก (๑) นโยบายของรัฐบาล (๒) กฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และ (๓) งบประมาณและทรัพยากรที่มีอยู่ของหน่วยงาน |
||||||||||||||||||||||||
24346 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ของสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. .... | กก | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ของสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ ระดับดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง บัณฑิต และประกาศนียบัตรบัณฑิตของสถาบันการพลศึกษา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24347 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | สว | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงวัฒนธรรมมีความเห็นว่า หากเกิดกรณีที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ไม่สามารถได้รับเงินจัดสรรจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมได้ จำเป็นต้องมีงบประมาณจากแหล่งอื่นสนับสนุน เนื่องจากกองทุนพัฒนาสื่อฯ เป็นองค์กรหนึ่งที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และมีบุคลากรและทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จะต้องอาศัยงบประมาณในการบริหารจัดการ ดังนั้น กองทุนพัฒนาสื่อฯ ควรได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากสำนักงบประมาณเพื่อจัดทำภารกิจให้มีประสิทธิภาพต่อไป และเห็นควรให้กองทุนพัฒนาสื่อฯ นำประเด็นและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไปพัฒนาการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อฯ และรายงานผลการดำเนินงานตามประเด็นและข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในปีถัดไป เพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อฯ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเพื่อให้การตรวจสอบและการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อฯ มีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ๑.๒ สำนักงบประมาณมีความเห็นว่า ในร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ได้เพิ่มเติมบทบัญญัติให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเป็นทุนประเดิม อย่างไรก็ดี ในโอกาสต่อไปหากกองทุนพัฒนาสื่อฯ ไม่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจ่ายเสียงฯ เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว รัฐบาลก็สามารถจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒. แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24348 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร. 1 พร้อมอาคารประกอบ สัญญาที่ 1 โครงการบรรเทาอุทกภัย อำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) จังหวัดสงขลา | กษ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร ๑ พร้อมอาคารประกอบสัญญาที่ ๑ โครงการบรรเทาอุทกภัย อำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ ๒) จังหวัดสงขลา โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการประกวดราคางานจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าว โดยวิธีการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ภายในวงเงินงบประมาณ ๑,๘๘๘.๗๔๐ ล้านบาท ได้ผลการประกวดราคา โดยคณะกรรมการประกวดราคาเห็นสมควรรับราคาจาก บริษัท สยามพันธุ์วัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ซึ่งปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขการประกวดราคาเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๓๔๖ ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๓๗๗.๗๔๘ ล้านบาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๙๖๘.๒๕๒ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างรายการดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ จึงเห็นควรให้กรมชลประทานนำเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่ออนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนลงนามในสัญญา และให้เร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24349 | รัฐบาลสาธารณรัฐโกตดิวัวร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอาดามา ดอสโซ (Mr. Adama Dosso)] | กต | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอาดามา ดอสโซ (Mr. Adama Dosso) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทนนายอาแลง นีแกส ปาปาชี โกฟี่ (Mr. Alain Nicaise Papatchi Coffie) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24350 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (รายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูป แห่งชาติ) | สผ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พิจารณากำหนดนโยบายสนับสนุนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน (ASEAN BEV HUB) ๑.๒ กำหนดมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในแผนอนุรักษ์พลังงาน ๒๐ ปี และแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP 2558-2579) ให้เกิดมาตรการส่งเสริมการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้า และเกิดการสร้างสถานีประจุไฟฟ้าให้เพียงพอต่อจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และกำหนดมาตรการปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบ เพื่อให้มีมาตรฐานที่ปลอดภัยและการใช้งานอย่างเหมาะสมกับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าบนถนนทั่วไปและบนถนนในท้องถิ่น ตลอดจนเตรียมความพร้อมของระบบสายส่ง สายจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ ในช่วงเริ่มต้นควรกำหนดพื้นที่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้ชัดเจน เพื่อวัตถุประสงค์ในการบรรเทาปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ กำหนดมาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานบนถนนทั่วไปและบนถนนในท้องถิ่น โดยส่งเสริมให้มีการลงทุนในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อการใช้งานในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ รวมทั้งจัดทำมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีประจุไฟฟ้า จัดทำมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำของยานยนต์ที่ใช้งานบนถนนทั่วไปและบนถนนในท้องถิ่น ตลอดจนออกมาตรการในการจัดการแบตเตอรี่ซึ่งหมดอายุจากการใช้งานหรือไม่สามารถใช้งานได้ ๑.๔ กำหนดมาตรการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมอเตอร์ แบตเตอรี่ และสถานีประจุไฟฟ้าอย่างครบวงจรในสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการของไทย เพื่อให้สามารถนำมาใช้และผลิตจริงขึ้นในประเทศ ๑.๕ กำหนดมาตรการส่งเสริมด้านภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีเงินได้และภาษีอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้สามารถดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการพัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้งานบนถนนทั่วไปและบนถนนในท้องถิ่นที่มีอยู่ในประเทศ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานของคณะกรรมการปฏิรูปพลังงาน เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการปฏิรูปพลังงานอันจะเป็นการช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงนำเข้าจากต่างประเทศ เพิ่มทางเลือกการใช้พลังงานของประเทศและยังเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และให้กระทรวงพลังงานจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24351 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายแพทย์สาย หมอก คำ รองประธานาธิบดีเมียนมา | กต | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายแพทย์สาย หมอก คำ รองประธานาธิบดีเมียนมา ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ประกอบด้วย การเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี การพบหารือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข การศึกษาดูงานด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โรงพยาบาลสมุทรสาคร และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษานวมินทราชินี จังหวัดสมุทรสาคร และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการติดตามผลการเยือนดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมียนมาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลเมียนมา ระหว่างวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. การผ่อนผันให้แรงงานผิดกฎหมายชาวเมียนมาทำงานในประเทศไทยต่อไปภายหลังวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ๓. การยกระดับจุดผ่านแดนถาวร ด่านสิงขร-มอต่อง และด่านห้วยต้นนุ่น ๔. การหารือเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดา ๕. การผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้คืบหน้าเป็นรูปธรรมต่อไป ๖. การพัฒนาพื้นที่ชายแดนและความเชื่อมโยง ๗. การส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข ๘. การหารือเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านท่องเที่ยว |
||||||||||||||||||||||||
24352 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 | กต | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันและมีนัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของหน่วยงานต่าง ๆ และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามนัยสรุปประเด็นสำคัญสำหรับการติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเพื่อนำไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Foreign Ministers’ Meeting) ได้แก่ การสร้างประชาคมอาเซียน การรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียน และความสัมพันธ์กับประเทศภายนอกภูมิภาคและการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ ๒. การประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community Council Meeting) ครั้งที่ ๑๒ ได้แก่ พัฒนาการขององค์กรรายสาขาภายใต้ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน และการดำเนินการตามแผนงานสำหรับประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ๓. การประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council Meeting) ครั้งที่ ๑๖ ได้แก่ การดำเนินงานของคณะกรรมการผู้แทนถาวรประจำอาเซียน (Committee of Permanent Representative : CPR) การดำเนินงานตามแผนงานเพื่อการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration : IAI) และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค |
||||||||||||||||||||||||
24353 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย | วธ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย โดยเป็นการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเผยแพร่ความเป็นเลิศของศิลปวัฒนธรรมไทยในสาขาศิลปะการแสดงที่เป็นแบบฉบับให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีระดับโลก ในชื่องาน “เทศกาลไทยในสหราชอาณาจักร-ไทยแท้แท้ (Totally Thai)” ระหว่างเดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินงานโครงการฯ ๒. ให้ดำเนินโครงการฯ โดยเน้นกิจกรรมเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์และพิจารณาใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า |
||||||||||||||||||||||||
24354 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย | อื่นๆ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงินรวม ๓๖๗,๓๐๙,๗๔๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานตามแผนงานการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ทั้งนี้ ให้นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของแต่ละหน่วยงานมาประกอบการขอทำความตกลงด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำรายชื่อบริษัทที่ร่วมลงทุนกับต่างชาติทำการประมงในน่านน้ำต่างชาติหรือน่านน้ำสากล และส่งข้อมูลให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24355 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส) | กค | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24356 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก (นายเข็มชัย ชุติวงศ์) | วท | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเข็มชัย ชุติวงศ์ ผู้ตรวจการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนนายวุฒิชัย กบิลกาญจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24357 | รายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และขออนุมัติจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เรื่องที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ) | กษ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีมติเห็นชอบในหลักการให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (Command Center for Combating Illegal Fishing) เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย โดยให้รับประเด็นอภิปราย ๔ ข้อ ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ และให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมายจัดทำแผนปฏิบัติการพร้อมทั้งประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ต่อไป สำหรับประเด็นอภิปรายทั้ง ๔ ข้อ มีดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนเรือประมงอย่างเข้มงวด โดยเรือลำใดไม่มีการจดทะเบียนจะไม่ให้ออกเรือ และหากมีการฝ่าฝืนให้สามารถจับกุมและยึดเรือไว้เพื่อใช้ประโยชน์ของทางราชการได้ การแจ้งเข้า-ออกของเรือประมง การติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (VMS) และระบบการรายงานผล รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงชายฝั่งที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) และแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายสรุปขั้นตอนการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายให้ชัดเจนแล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประกอบการดำเนินการต่อไป ๒. เนื่องจากพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวเพิ่มเติม และออกกฎหมายลำดับรองที่จะต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งในระยะเวลานี้หากจำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้มีการออกกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายได้รวดเร็วขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อออกคำสั่งต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมข้อสังเกตจากนักวิชาการและสื่อมวลชนเกี่ยวกับการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมประเด็นปัญหาการประมงผิดกฎหมายในส่วนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมและครบถ้วน ๓. การชี้แจงต่อต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมายของไทยนั้น ต่างประเทศอาจไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและกฎหมายของไทยเท่าที่ควร ดังนั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมประเด็นต่าง ๆ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ๔. ในกรณีที่เรือประมงต่างชาติลักลอบทำการประมงผิดกฎหมายในไทย เช่น เรือประมงของเวียดนามที่ลักลอบเข้าทำประมงในน่านน้ำของไทย และได้มีการจับกุมลูกเรือดังกล่าวไว้เพื่อดำเนินคดีนั้น ขณะนี้ยังมีคดีประเภทดังกล่าวที่อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความแออัดของสถานที่คุมขัง รวมทั้งเป็นภาระแก่ทางราชการด้วย จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในภาพรวม โดยให้คำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24358 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร05 | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ได้มีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ที่ให้มีการจัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย" (Command Center for Combating Illegal Fishing) เรียกโดยย่อว่า ศปมผ. (CCCIF) เป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บัญชาการ ศปมผ. ทั้งนี้ หากจะมีการดำเนินการตามข้อ ๑๗ ของคำสั่งดังกล่าวที่ผู้บัญชาการ ศปมผ. มีอำนาจสั่งย้ายหัวหน้าส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เพิกเฉยหรือละเลย ไม่กระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งนี้ได้ทันที นั้น จะต้องมีรายงานต่อนายกรัฐมนตรีตามลำดับชั้น และการสั่งการดังกล่าวจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของข้าราชการพลเรือนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
24359 | ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ 13 | พณ | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ ๑๓ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งอาเซียนสามารถดำเนินการตามมาตรการสำคัญเพื่อไปสู่ AEC ได้ร้อยละ ๙๐.๕ (ดำเนินการได้ ๔๕๘ มาตรการ จาก ๕๐๖ มาตรการ) โดยไทยดำเนินการได้ร้อยละ ๙๓.๑ คงเหลือมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๔๘ มาตรการ ซึ่งไทยได้เน้นย้ำให้สมาชิกอาเซียนเร่งดำเนินทุกมาตรการให้ครบถ้วนภายในปี ๒๕๕๘ โดยเฉพาะมาตรการที่เกี่ยวข้องกับสาขาการขนส่ง รวมทั้งให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น การจัดทำระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว การจัดทำคลังข้อมูลการค้าอาเซียน เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำร่างเอกสารกรอบวิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี ๒๐๒๕ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก โดยเอกสารดังกล่าวจะเป็นแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC Blueprint ฉบับใหม่ ประกอบด้วย ๖ เป้าหมายหลัก ได้แก่ (๑) มีการรวมตัวสูง (๒) มีความสามารถการแข่งขัน นวัตกรรม และพลวัต (๓) ครอบคลุมทุกภาคส่วน ยืดหยุ่น และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (๔) ขยายการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ (๕) ขยายความร่วมมือและรวมตัวรายสาขา และ (๖) เป็นส่วนสำคัญของโลก โดยมีกำหนดจะเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ ๔๗ พิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารกรอบวิสัยทัศน์ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ๒. การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ ๑๓ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการตามแผนงานด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป ฉบับปี ๒๐๑๓-๒๐๑๔ และเห็นชอบแผนฯ ฉบับใหม่ปี ๒๐๑๕-๒๐๑๖ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ เช่น สาขาบริการ พลังงาน การขนส่งทางอากาศ การอำนวยความสะดวกทางการค้า มาตรฐานต่าง ๆ พิธีการศุลกากร การลงทุน และประเด็นการค้าใหม่ ๆ รวมทั้งจะมีการจัดตั้งเวทีการหารือของผู้เชี่ยวชาญของสองภูมิภาคทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาในสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปในอนาคต ทั้งนี้ สหภาพยุโรปได้แสดงความประสงค์ที่จะให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-สหภาพยุโรป และเสนอให้มีการทบทวนและรวบรวมข้อมูลสถานะการเจรจาที่ได้หยุดชะงักไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (RCEP) เพิ่มเติมอีก ๑ ครั้งก่อนการประชุมรัฐมนตรี RCEP ที่กำหนดไว้ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ โดยในเบื้องต้นอาจพิจารณาจัดการประชุมในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
24360 | แนวทางการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ (ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหาการเลี้ยงไก่ไข่ของประเทศ) | กษ | 28/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วย (๑) มาตรการระยะสั้น (เร่งด่วน) ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการตลาด ขอความร่วมมือส่วนราชการจัดสถานที่ให้เกษตรกรจำหน่ายไข่ไก่ตรงสู่ผู้บริโภค การรวบรวมไข่ไก่ส่วนเกินออกจากระบบเพื่อส่งออกในรูปไข่ไก่สดและแปรรูป โดยชดเชยเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรฟองละไม่เกิน ๐.๕๐ บาท และการปลดแม่ไก่ไข่ก่อนกำหนด อายุไม่เกิน ๖๕ สัปดาห์ โดยทำโครงการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่เพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร และ (๒) มาตรการระยะยาว คือ กำหนดปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ และการนำเข้าไก่ไข่พ่อ-แม่พันธุ์ (P.S.) ที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์มีอำนาจบริหารจัดการไก่ไข่ทั้งระบบ และกรมปศุสัตว์ควบคุมปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่และบริหารไก่ไข่พันธุ์ โดยการควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าเลี้ยงในฟาร์มต่อไป และรับทราบการดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพไข่ไก่ โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการบริหารจัดการเรื่องการผลิตและการตลาดไข่ไก่ ควรคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยเป็นสำคัญเพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพให้แก่กลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย ส่วนการปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงและรวบรวมไข่ไก่ออกจากระบบ ควรพิจารณากรอบระยะเวลาดำเนินการและปริมาณที่เหมาะสมด้วยความรอบคอบ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อตลาดและประชาชนผู้บริโภคในประเทศ นอกจากนี้ เห็นควรให้มีการสนับสนุนการใช้องค์ความรู้และงานวิจัยของสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยต่าง ๆ ในการแปรรูปและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบต่อสุขภาพจากการบริโภคไข่ไก่เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ในกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับราคาและปริมาณไข่ไก่ในอนาคต ให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....