ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1220 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24381 - 24400 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24381 | ขออนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นแก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย | ศธ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๓๓,๔๓๙,๐๐๐ บาท ในลักษณะงบเงินอุดหนุนแก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายของนักศึกษาทุนรุ่นปีการศึกษา ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๘ ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการพิจารณาจัดสรรทุนควรพิจารณาสาขาที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคการผลิตและบริการหรือมีความสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ อาทิ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ทางด้านระบบราง และควรจัดทำระบบการติดตามและประเมินผลการจัดสรรทุนที่ผ่านมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะองค์ความรู้หรือผลงานวิจัยที่ตรงกับความต้องการและส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการของประเทศในระดับใด เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวเป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรทุนในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24382 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า โดยที่เหตุของการได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชนกรณีการปฏิบัติการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในต่างประเทศหรือปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ อันเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในกรอบและสอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ อนึ่ง เพื่อมิให้เจตนารมณ์ของการจะได้รับเหรียญนี้ต้องบิดเบือนไปว่า การปฏิบัติการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในต่างประเทศหรือปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ อันเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ หรือตรวจเยี่ยมพื้นที่เป็นครั้งคราว รวมทั้งบุคคลอื่นที่อาจเพียงสนับสนุนทางการเงินเหล่านี้จะมีคุณสมบัติได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชนได้ ดังนั้น การกำหนดในรายละเอียดของภารกิจ สถานการณ์ พื้นที่ และระยะเวลาการปฏิบัติการที่เหมาะสมให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งสามารถตราก่อนมีคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่หรือภายหลังก็ได้ จะทำให้เกิดความชัดเจน และจะได้ตระหนักตามข้อสังเกตนี้ด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24383 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 290 สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนบ้านหนองไทร - บ้านหนองบัวศาลา และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 สายปากเกร็ด - นครราชสีมา ที่บ้านหนองไทร และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2310 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 (ไชยมงคล) - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 (หนองเสาเดียว) ที่บ้านภูเขาทอง และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 สายนครราชสีมา - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (โชคชัย) ที่บ้านหนองบัวศาลา พ.ศ. .... | คค | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๙๐ สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนบ้านหนองไทร-บ้านหนองบัวศาลา และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๔ สายปากเกร็ด-นครราชสีมา ที่บ้านหนองไทร และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๓๑๐ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๔ (ไชยมงคล)-บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๔ (หนองเสาเดียว) ที่บ้านภูเขาทอง และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๔ สายนครราชสีมา-บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔ (โชคชัย) ที่บ้านหนองบัวศาลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่น ในท้องทึ่ตำบลไชยมงคล ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา และตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24384 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 23 - 27 มีนาคม 2558) | สผ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๒๓-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24385 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา) | สผ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา) โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) เรื่องทรัพย์สินของวัดหรือของพระสงฆ์ (๒) เรื่องปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธา (๓) เรื่องการทำให้พระธรรมวินัยให้วิปริตและการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย และ (๔) เรื่องฝ่ายอาณาจักรที่จะต้องเข้าไปสนับสนุนปกป้องคุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสนจักร ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาของคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา และข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24386 | มาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต | ปช | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ข้อเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต เรื่อง “การบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน)” ๑.๑.๑ ข้อเสนอในทางบริหาร สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตของแต่ละส่วนราชการนำข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง “การบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน)” ไปเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจสำคัญของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตที่ได้จัดตั้งขึ้นในแต่ละส่วนราชการด้วย ๑.๑.๒ ข้อเสนอในทางกฎหมาย เพื่อให้ข้อกำหนดในข้อเสนอแนะเรื่อง “การบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน)” มีผลและสภาพบังคับทางกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม เห็นควรนำหลักการในข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นข้อกำหนดส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐดังกล่าวด้วย ๑.๒ มาตรการป้องกันการทุจริตจากการใช้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) เห็นควรยกเว้นมิให้นำการจัดจ้างด้วยวิธีการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ มาใช้ในงานก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่างานก่อสร้างนั้นจะมีลักษณะของงานซับซ้อนหรือมีเทคนิคเฉพาะหรือไม่ก็ตาม ๑.๓ งานศึกษาวิจัย เรื่องโครงการศึกษาประเด็นทางกฎหมายที่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตที่มีผลกระทบในภาพรวมโดยเฉพาะของเอกชน ๑.๓.๑ ปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย กำหนดมาตรการเสริมเพื่อป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะมาตรการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างโดยการประชุมแบบเปิดเผย ๑.๓.๒ ปัญหาการจัดการโครงสร้างขององค์กรจัดซื้อจัดจ้างที่มีโครงสร้างแบบรวมศูนย์อำนาจ เปลี่ยนแปลงการจัดโครงสร้างองค์กรที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างจากแบบรวมศูนย์อำนาจ (Centralization) ที่ง่ายต่อการทุจริต เป็นลักษณะการกระจายอำนาจ (Decentralization) ๑.๓.๓ ปัญหาในชั้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๓.๔ ข้อเสนอแนะในมิติของกฎหมาย เห็นสมควรร่างกฎหมายในชั้นพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโดยเฉพาะ ซึ่งมีเนื้อหาและโครงร่างเช่นเดียวกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นต่าง ๆ เพื่อขจัดขัดขวางการกระทำการอันเป็นการทุจริตซึ่งขัดขวางต่อประโยชน์ของราชการและเป้าหมายสูงสุดของการจัดซื้อจัดจ้าง ๑.๓.๕ ข้อเสนอแนะในมิติอื่น ๆ ควรมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยและรองรับต่อการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ มีการเผยแพร่ความรู้แก่ผู้ประกอบการเพื่อให้เข้าใจขั้นตอนและกระบวนการในการจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดจนสิทธิ หน้าที่ ข้อห้ามและผลของการฝ่าฝืนต่าง ๆ รวมทั้งมีการจัดทำและเผยแพร่จรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24387 | การแต่งตั้งผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) | กต | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) โดยตำแหน่งจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงแก้ไข ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา เป็นผู้แทนถาวรไทยประจำ ICAO ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24388 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีมิ่งแก้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง เชียงราย จังหวัดเชียงราย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีมิ่งแก้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีมิ่งแก้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๐๓๙๕ เนื้อที่ ๙๖ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวงเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๑๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองเชียงรายควบคุม-บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๘ (ดงมะดะ) ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24389 | ร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 | รง | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นคำขอ การออกหนังสือรับรอง การขอต่ออายุหนังสือรับรอง และการออกใบแทนหนังสือรับรองการเป็นศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นคำขอ การขอต่ออายุหนังสือรับรอง และการยื่นคำขอเพื่อออกใบแทนขององค์กรอาชีพ หรือหน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะเป็นศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขของนายทะเบียนในการออกหนังสือรับรองและการออกใบแทนหนังสือรับรองการเป็นศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมของศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลางและศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลางและศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถที่เป็นหน่วยงานของรัฐเก็บค่าธรรมเนียมการประเมินเพื่อออกหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ ครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท และใบแทนหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ ฉบับละ ๑๐๐ บาท ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราที่กำหนดแนบท้ายพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ |
|||||||||||||||||||||
24390 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการกำหนดราคาของของนำเข้า หรือถิ่นกำเนิดของของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือตีความพิกัด อัตราศุลกากร เป็นการล่วงหน้า พ.ศ. .... | กค | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการกำหนดราคาของของนำเข้า หรือถิ่นกำเนิดของของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือตีความพิกัดอัตราศุลกากร เป็นการล่วงหน้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ในเรื่องดังต่อไปนี้ (๑) การกำหนดราคาของของนำเข้า เป็นการล่วงหน้า (๒) การกำหนดถิ่นกำเนิดของของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นการล่วงหน้า และ (๓) การตีความพิกัดอัตราศุลกากร เป็นการล่วงหน้า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เกี่ยวกับวันมีผลใช้บังคับของกฎกระทรวงดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักการในการบัญญัติกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24391 | ผลการประชุม Global Conference on Cyberspace 2015 | กต | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Global Conference on Cyberspace 2015 ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าวตามตารางติดตามผลการเข้าร่วมประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การพัฒนาการดำเนินการด้านไซเบอร์ของไทย โดยการกำหนดหน่วยงานที่ทำหน้าที่เจ้าภาพหลักเพื่อรับผิดชอบประเด็นด้านไซเบอร์ การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การจัดทำแผนการรับมือเหตุการณ์ทางไซเบอร์แห่งชาติ การจัดตั้งศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การจัดการซักซ้อมการรับมือกับภัยทางไซเบอร์อย่างสม่ำเสมอ และการพิจารณาความเหมาะสมของการเข้าเป็นสมาชิก GFCE ๒. โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย โดยการสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายให้กับประเทศที่สนใจ อาทิ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ๓. การบริหารจัดการน้ำ โดยให้ความร่วมมือในโครงการบริหารจัดการน้ำระหว่างไทย-เนเธอร์แลนด์ ๔. ความสัมพันธ์ไทย-คอซอวอ/เกาหลีใต้ โดยการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างไทย-คอซอวอ/เกาหลีใต้ ๕. ความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย โดยการเดินทางเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียในห้วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ และการกระชับความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ การส่งผู้เชี่ยวชาญไปดูงานที่ออสเตรเลีย ๖. ความสัมพันธ์ไทย-สวิตเซอร์แลนด์ โดยการเชิญให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ส่งผู้เชี่ยวชาญมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสัมมนา On the Path to Reform ที่ประเทศไทยในอนาคต ๗. ความสัมพันธ์ไทย-กานา โดยการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างไทย-กานา และการให้ความร่วมมือด้านการเกษตรกับกานา ๘. ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น โดยให้ความร่วมมือระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น การพิจารณานำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยเพิ่มเติม และการผ่อนผันมาตรการตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
24392 | สรุปผลการจัดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2558 | วธ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๕๘ ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงานสงกรานต์ “สืบสานประเพณีไทย สุขใจไทยทั่วหล้า” เพื่ออนุรักษ์ ส่งเสริม และสืบสานสาระคุณค่าของประเพณีสงกรานต์ ซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญของไทยให้ยังคงความงดงามและสืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ดังนี้
๑. การจัดงานสงกรานต์แบบดั้งเดิม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในส่วนกลางจัดที่วัดสำคัญ จำนวน ๗ วัด ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชมหาวิหาร วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดสุทธาโภชน์ วัดบางกระดี่ วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และวัดเสมียนนารี สำหรับในส่วนภูมิภาคจัดงานที่วัดสำคัญของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ๒. การสักการะ ๙ พระพุทธรูปมงคลโบราณ เป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปมงคลโบราณจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และคลังกลางจังหวัดปทุมธานี จำนวน ๙ องค์ มาประดิษฐานยังศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ๓. การจัดงาน “สงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้าครองโลก” ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สยามสแควร์ ๔. การจัดงาน “Water Festival 2015 วิถีชีวิตไทย” ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณบนโค้งน้ำเจ้าพระยาใน ๗ พื้นที่หลัก ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ท่ามหาราช ตลาดยอดพิมานริเวอร์วอล์ค และเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ๕. การรดน้ำขอพรจากศิลปินแห่งชาติ ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ หอประชุมเล็กศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ๖. การจัดงานสงกรานต์เมืองหน้าด่านวัฒนธรรม จำนวน ๔ เมือง ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ๗. การจัดทำสื่อเพื่อใช้รณรงค์ เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณค่าสาระประเพณีสงกรานต์ของไทย และการจัดทำ E-Card หรือบัตรอวยพร เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้ส่งความสุขปีใหม่แบบไทยในวันสงกรานต์
|
|||||||||||||||||||||
24393 | การตั้งงบประมาณด้านการจัดการขยะมูลฝอย ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ | ทส | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตั้งงบประมาณด้านการจัดการขยะมูลฝอย ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด จำนวน ๙๐ โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๖๒๐.๓๕๒๑ ล้านบาท จำแนกเป็นงบประมาณแผ่นดิน จำนวน ๕,๑๕๒.๙๓๔๔ ล้านบาท เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม จำนวน ๓.๙๐ ล้านบาท และงบท้องถิ่นสมทบ จำนวน ๔๖๓.๕๑๗๗ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม และได้จัดส่งรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำของบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย) ให้สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24394 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 19 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กค | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย การประชุม AFMM ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางของอาเซียน (ASEAN Central Bank Governors’ Meeting : ACGM) การประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของอาเซียน (ASEN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) การประชุม ASEAN Finance Ministers Retreat และการประชุมร่วมกับ ASEAN-US Business Council และ ASEAN-EU Business Council เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการตามแผนการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Blueprint : AEC Blueprint) ในช่วงระหว่างปี ๒๕๕๒-ปัจจุบัน ซึ่งสำเร็จตามเป้าหมาย คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๗ โดยการดำเนินการตามเป้าหมายของสาขาการเงินการคลังสำเร็จแล้วร้อยละ ๘๐ และคาดว่าจะบรรลุตามเป้าหมายทั้งหมดได้ภายในสิ้นปีนี้ ๒. ที่ประชุมรับทราบการลงนามในเอกสาร ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ ๖ (๒) พิธีสาร ฉบับที่ ๗ ว่าด้วยระบบศุลกากรผ่านแดน (Customs Transit System) ของประเทศสมาชิกอาเซียน และ (๓) กรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของอาเซียน ๓. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของคณะทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Capital Markets Forum : ACMF) ผลการประชุมของผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของอาเซียน (ASEAN Insurance Regulators Meeting : AIRM) และข้อคิดเห็นของคณะกรรมการ ASEAN Business Advisory Council (ASEAN-BAC) รวมถึงความร่วมมือด้านการต่อต้านกิจกรรมทางการเงินของผู้ก่อการร้ายและความร่วมมือด้านภาษี ๔. ที่ประชุมรับทราบการดำเนินการของกองทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน (AIF) โดยปัจจุบัน AIF มีเงินกองทุน ๔๘๕.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้กู้ร่วมกับเงินกู้ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) แก่อินโดนีเซียและเวียดนามไปแล้วรวม ๓ โครงการ รวมเป็นเงิน ๑๖๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกรณีที่ให้ใช้กองทุนฯ เพื่อช่วยค้ำประกันโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทยเห็นว่า ควรพิจารณาบทบาทของกองทุนฯ เพิ่มเติมในการให้การสนับสนุนด้านเงินทุน (Equity) แก่โครงการเพิ่มเติมจากการให้กู้เพียงอย่างเดียว ๕. ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานเพื่อจัดทำร่างวิสัยทัศน์ (Vision) ของอาเซียนในภาคการเงินการคลังภายหลังปี ๒๕๕๘ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไปภายหลังจากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย ๓ เสาหลักคือ การรวมตัวภาคการเงิน (Financial Integration) การเข้าถึงบริการทางการเงินภาคประชาชน (Financial Inclusion) และการกำกับดูแลภาคการเงินให้มีเสถียรภาพ (Financial Stability) ๖. ที่ประชุมเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (AFMM) เป็นการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของอาเซียน (AFMGM) โดยถือว่าการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรก
|
|||||||||||||||||||||
24395 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 16 (การประชุม ครั้งที่ 66/2558 ถึง ครั้งที่ 70/2558) | นร05 | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑๖ (สำหรับการประชุมครั้งที่ ๖๖/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึงครั้งที่ ๗๐/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘) พร้อมทั้งจุลสาร “รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปเป็นอย่างไร” ฉบับที่ ๖ เรื่อง “ความเห็นดี ๆ ที่ได้รับฟังมา” ที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูล กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และเนื้อหาสารัตถะในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็เป็นการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนก่อนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะใช้บังคับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24396 | รายงานข้อมูลการจัดกิจกรรมช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน กระทรวงศึกษาธิการ "MOE Summer Camps 2015" และแหล่งเรียนรู้ (พิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้) | ศธ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานข้อมูลการจัดกิจกรรมช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน กระทรวงศึกษาธิการ “MOE Summer Camps 2015” และแหล่งการเรียนรู้ (พิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้) โดยได้จัดประชุมคณะกรรมการดำเนินการกิจกรรมในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนฯ และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางเพื่อบูรณาการการใช้ทรัพยากรในการพัฒนานักเรียนนักศึกษาร่วมกันระหว่างการจัดกิจกรรมกับแหล่งเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อบูรณาการการดำเนินการได้ สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรม รวมทั้งสิ้น ๒๙๙ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมลักษณะปิด (กิจกรรมที่หน่วยงานผู้จัดได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้เป็นการเฉพาะ) จำนวน ๒๕๗ กิจกรรม กิจกรรมลักษณะเปิด (กิจกรรมที่เปิดรับกลุ่มเป้าหมายทั่วไปตามจำนวนที่กำหนดไว้) จำนวน ๒๙ กิจกรรม และกิจกรรมลักษณะอื่น ๆ จำนวน ๑๓ กิจกรรม ๒. เป้าหมายรวมการให้บริการกิจกรรม จำนวน ๗๒๕,๓๑๘ คน ได้แก่ กิจกรรมลักษณะปิด จำนวน ๘๐,๐๓๓ คน และกิจกรรมลักษณะเปิด จำนวน ๖๔๕,๒๘๕ คน ๓. กิจกรรม แบ่งได้เป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ ประเภทค่ายฝึกอบรม จำนวน ๕๗ กิจกรรม กลุ่มที่ ๒ ประเภทค่ายพักแรม จำนวน ๖๔ กิจกรรม และกลุ่มที่ ๓ ประเภทค่ายวิชาการ จำนวน ๑๖๕ กิจกรรม ๔. กลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ กิจกรรมประเภทจิตอาสาและบำเพ็ญประโยชน์ จำนวน ๑๐ กิจกรรม และกิจกรรมประเภทสร้างรายได้พิเศษให้นักเรียนนักศึกษา จำนวน ๓ กิจกรรม ๕. แหล่งเรียนรู้เป็นหน่วยงานที่เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๒๔ แห่ง แยกเป็นศูนย์การเรียนรู้ จำนวน ๑๑๒ แห่ง และพิพิธภัณฑ์ จำนวน ๑๒ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||
24397 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปมติที่ประชุมได้ ดังนี้
๑. รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จำนวน ๙ คน ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) เป็นรองประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ นายกำจร ตติยกวี และนายทวีศักดิ์ กออนันตกูล เป็นกรรมการ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบาย แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษา การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตามนโยบายรัฐบาลและแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการ แนวทางการตัดสินใจในเชิงรุกให้การขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลและแผนพัฒนาฯ บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนกำกับดูแล ติดตาม และบูรณาการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายและการดำเนินงานพัฒนาการศึกษาเพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนายกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้มีความสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ เป็นเอกภาพ เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้ง พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และเห็นชอบให้เชิญ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ และนายวิรไท สันติประภพ ผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นที่ปรึกษา ๓. มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเป็นแกนหลักดำเนินการร่วมกับองค์กรหลักและหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการนำความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ได้แก่ ทิศทางและการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษา ต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน เป้าหมายการดำเนินงานด้านการศึกษาและการเรียนรู้ จะต้องกำหนดให้มีความเป็นรูปธรรมชัดเจน เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้างโอกาสทางการศึกษาและการลดความเหลื่อมล้ำ โครงสร้างการศึกษา เน้นการทำงานรวมกันอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้โครงสร้างหน่วยงานทางการศึกษาที่มีในปัจจุบัน การบริหารและจัดการศึกษา ต้องเน้นในห้องเรียนและนอกห้องเรียน กำหนดหลักสูตร ชั่วโมงเรียนที่เหมาะสม ทำให้นักเรียนมีความสุขที่จะได้เรียน กล้าแสดงออก รวมถึงส่งเสริมให้เด็กช่วยเหลือสังคม งบประมาณและการช่วยเหลือทางการเงิน ควรบริหารจัดการงบประมาณด้านการศึกษาให้บังเกิดประสิทธิภาพสูงสุด หาแนวทางที่เหมาะสมในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก รวมทั้งการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคน ไปพิจารณาดำเนินการ และจัดทำวิสัยทัศน์และกรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในระยะ ๕ ปี ให้เป็นรูปธรรม และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสนับสนุนข้อมูลการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาคลัสเตอร์ เพื่อกระทรวงศึกษาธิการใช้ประกอบการวิเคราะห์เพื่อผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการและทิศทางการพัฒนาประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
24398 | ร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (Joint Statement of the Ministry of Information and Communication Technology of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Internal Affairs and Communications of Japan on Cooperation in the Field of Information and Communication Technology) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางการริเริ่มการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นการพัฒนาความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระหว่างภาคธุรกิจ การวิจัยและพัฒนา สถาบันการศึกษา นโยบายรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแล และองค์กรอื่น ๆ ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนดังกล่าวจะอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศ และบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน ความสัมพันธ์ และผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของฝ่ายไทย และมิใช่การแก้ไขในสาระสำคัญ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ |
|||||||||||||||||||||
24399 | การเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร | นร08 | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการดำเนินการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ตามความเห็นและมติที่ประชุมระหว่างสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรจะมีหลักเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการดำเนินงาน ณ จุดผ่านแดนถาวร โดยกระทรวงมหาดไทยสามารถยกร่างประกาศเสนอคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยพิจารณาก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรีลงนามตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑.๒ ในส่วนของการควบคุมตรวจสอบการเข้า-ออกของคน ยานพาหนะ และสินค้าจะเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจัดตั้งกลไกในการกำกับดูแลผลกระทบด้านความมั่นคงที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากจะมีการเดินทางเข้า-ออกของคน ยานพาหนะ และสินค้าเพิ่มมากขึ้น ๑.๓ กรณีผลกระทบเรื่องเขตแดน เนื่องจากได้มีการสำรวจรายละเอียดภูมิประเทศไว้แล้ว (Joint Detail Survey) ดังนั้น ในขณะที่ยังไม่มีการรับรองผลการสำรวจฯ ให้คงสภาพของพื้นที่ตามผังสนามที่ได้สำรวจไว้แล้ว หากมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการใด ๆ ในบริเวณดังกล่าวต้องประสานกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทยให้ครอบคลุมทั้งเรื่อง คน ยานพาหนะ สินค้า รวมทั้งมาตรการป้องกันปัญหาหรือผลกระทบอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้น และให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดตั้งกลไกกำกับดูแลผลกระทบความมั่นคง ทั้งนี้ การดำเนินการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่นำไปเป็นข้อยกเว้นเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนในอนาคตด้วย ๓. กรณีมีความจำเป็นต้องก่อสร้างหรือดำเนินกิจกรรมใด ๆ บริเวณชายแดนให้ประสานกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ ๔. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่จุดผ่านแดน (พิเศษ) และจุดอื่น ๆ โดยรอบประเทศด้วย ๕. ให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าเมื่อมีการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษแล้ว กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องควรติดตามและรายงานต่อสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทุก ๓ เดือน ในเรื่องการเข้า-ออก ของประชาชน และปริมาณการค้า รวมทั้งปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ ตลอดจนแนวโน้มสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติศึกษาและเตรียมระบบการตรวจสอบติดตามการเข้า-ออกของบุคคลข้ามแดนให้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งเตรียมระบบเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบเข้าสู่เขตชั้นในอย่างมีประสิทธิภาพ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
24400 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2557) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปภาวะเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๑.๔ เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ ที่ขยายตัวร้อยละ ๐ ภาวะการเงินอยู่ในเกณฑ์ผ่อนปรนต่อเนื่อง โดยในการประชุม กนง. ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๗ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อฟื้นฐาน ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๗ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๑.๕๖ และร้อยละ ๑.๗๒ ตามลำดับ เสถียรภาพของภาคสถาบันการเงินอยู่ในเกณฑ์มั่นคง เสถียรภาพภาคเศรษฐกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี ฐานะการคลังมั่นคง โดยสัดส่วนหนึ้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นปี ๒๕๕๗ อยู่ที่ร้อยละ ๔๕.๘ เสถียรภาพด้านต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์มั่นคง และแนวโน้มเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๘ เศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น โดยมีการใช้จ่ายภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศที่มีไม่มากนัก ๒. สรุปการดำเนินงานของ ธปท. ประกอบด้วย (๑) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ความสำคัญกับแรงกระตุ้นภาครัฐต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และประเมินว่าความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่สำคัญในระยะต่อไป ได้แก่ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มึความไม่แน่นอน รวมถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงมาก และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ (๒) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน ได้แก่ การดำเนินงานด้านนโยบายสถาบันการเงิน และการดำเนินการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ และ (๓) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน การลดความเสี่ยงในระบบการชำระเงิน การคุ้มครองผู้ใช้บริการการชำระเงิน และการยกร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลระบบการชำระเงิน
|
.....