ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1212 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24221 - 24240 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24221 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (จำนวน 2 ราย) (นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ , นางเมธินี เทพมณี) | นร01 | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นางเมธินี เทพมณี ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
24222 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 2558 และแนวโน้มปี 2558 | นร11 | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี ๒๕๕๘ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๑ ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๗ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๐.๓ จากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๘ (QoQ_SA) ๑.๑ ด้านการใช้จ่าย มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการ โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ เร่งตัวขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๑ ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๗ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๕ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายค่าซื้อสินค้าและบริการสุทธิที่ขยายตัวร้อยละ ๑๔.๗ การเบิกจ่ายงบประมาณโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๕ อัตราการเบิกจ่ายอยู่ที่ร้อยละ ๒๑.๗ (ต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายร้อยละ ๒๓.๐) การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๐.๗ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ในระดับสูงกว่า ๕๐ (ระดับที่นักธุรกิจเริ่มขยายการลงทุน) เป็นครั้งแรกในรอบ ๗ ไตรมาส โดยอยู่ที่ระดับ ๕๐.๕ สูงกว่าระดับ ๔๘.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า ๑.๒ ด้านการต่างประเทศ การส่งออกสินค้ามีมูลค่า ๕๒,๙๙๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๔.๓ โดยปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ ๒.๖ และราคาสินค้าส่งออกลดลงร้อยละ ๑.๘ มีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักยังชะลอตัว การแข็งค่าของเงินบาท ราคาสินค้าส่งออกลดลงตามราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก รวมทั้งการตัดสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ในสินค้าส่งออกของไทยไปยังยุโรป ๑.๓ ด้านการผลิต ปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกภาคการผลิต โดยเฉพาะสาขาการก่อสร้าง สาขาโรงแรมและภัตตาคาร ที่ขยายตัวสูงขึ้น รวมทั้งสาขาคมนาคมขนส่ง และสาขาอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเร่งขึ้น โดยสาขาก่อสร้างขยายตัวร้อยละ ๒๕.๔ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๓ ในไตรมาสก่อนหน้า สาขาโรงแรมและภัตตาคารขยายตัวสูงร้อยละ ๑๓.๕ ตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวซึ่งทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว รายได้ และอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น สาขาอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๒.๓ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๔ ในไตรมาสก่อนหน้า อุตสาหกรรมที่ขยายตัว ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม หลอดอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เคมี ๑.๔ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๐.๙ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับร้อยละ -๐.๕ บัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๓๒๕,๗๕๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙.๖ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๘ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๐.๒ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๓ และร้อยละ ๖.๒ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ (-๐.๓)-๐.๗ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๓.๙ ของ GDP
|
|||||||||||||||||||||||||||
24223 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ระหว่างวันที่ 12 - 19 เมษายน 2558 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ซึ่งมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมกว่า ๑๔๐ ประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้คือ การบูรณาการการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาในวาระของสหประชาชาติเพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายด้านเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งส่งเสริมหลักยุติธรรมในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของสาธารณะ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงผลักดันประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับมาตรฐานและบรรทัดฐานของสหประชาชาติด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาที่มีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะการส่งเสริมการอนุวัติ “ข้อกำหนดกรุงเทพฯ” (Bangkok Rules) ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการในเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติในการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (UN Model Strategies and Practical Measures on the Elimination of Violence against Children in the Field of Crime Prevention and Criminal Justice) ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมโดยแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการทุจริต ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ ส่วนอาชญากรรมรูปแบบใหม่ ไทยได้ให้ความสำคัญในประเด็นหลักคือ อาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศจากเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ๒. ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญคือ ร่างปฏิญญาโดฮา (Doha Declaration) ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น ความเชื่อมโยงระหว่างระบบยุติธรรมที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพกับหลักนิติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน การปกป้องสิทธิมนุษยชนในบริบทของการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนด้านการป้องกันอาชญากรรม ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศและผู้บริหารองค์กรต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี หาลู่ทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในพัฒนาการต่าง ๆ ของประเทศไทย ๔. ผลจากการประชุมครั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมเห็นควรมุ่งเน้นการดำเนินการเชิงนโยบายในบริบทของการติดตามผลการประชุมใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ ส่งเสริมประเด็นด้านสตรีในกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมการเผยแพร่และการอนุวัติยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กในกระบวนการยุติธรรม และริเริ่มการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมแห่งชาติ โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อผลักดันให้เกิดการบูรณาการและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมโดยเน้นมิติ “เชิงป้องกัน” เป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||||||||
24224 | แนวทางการยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ | 19/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเสนอ ดังนี้
๑. การยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ดำเนินการยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมต่อฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ๒. กรณีในคำขอแก้ไขเพิ่มเติมเดียวกันและมาตราเดียวกัน แต่มีการขอแก้ไขเพิ่มเติมตั้งแต่ ๒ แบบขึ้นไป จะให้แนวทางในการดำเนินการแก่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นประการใด สรุป คณะกรรมาธิการมีมติในกรณีนี้ให้ในหนึ่งคำขอแก้ไขเพิ่มเติมและหนึ่งมาตราจะต้องแสดงการแก้ไขเพิ่มเติมแบบเดียวเท่านั้น หากมาตราใดมาตราหนึ่งมีการแสดงการแก้ไขเพิ่มเติมตั้งแต่สองแบบขึ้นไป คณะกรรมาธิการถือว่าการขอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรานั้นไม่มีความสมบูรณ์และไม่รับไว้พิจารณาต่อไป ๓. กรณีคำขอแก้ไขเพิ่มเติมไม่เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดตามข้อ ๑๗ ของข้อบังคับเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๗ จะให้แนวทางในการดำเนินการแก่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นประการใด สรุป คณะกรรมาธิการมีมติในกรณีนี้ให้คำขอแก้ไขเพิ่มเติมที่จะยื่นต่อคณะกรรมาธิการจะต้องเป็นไปตามแบบที่กำหนดตามข้อ ๑๗ ของข้อบังคับเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๗ เท่านั้น หากคำขอแก้ไขเพิ่มเติมใดไม่เป็นไปตามแบบดังกล่าว คณะกรรมาธิการถือว่าคำขอแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไม่มีความสมบูรณ์และไม่รับไว้พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24225 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๐๓๗,๘๘๐ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๗,๑๖๘ ล้านบาท ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) โดยให้เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาให้ความเห็นชอบกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามโครงการ/รายการเดิม พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24226 | ข้าราชการการเมืองลาออกจากตำแหน่ง และการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ | นร | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ให้ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๒/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มอบหมายให้ พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกหน้าที่หนึ่งจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24227 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สำนักโฆษก) ประสานงานให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลในความรับผิดชอบสำหรับสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทยที่ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยทุกวัน เวลา ๑๘.๐๐ น. โดยให้จำแนกงานออกเป็น ๔ กลุ่ม คือ งานตามอำนาจหน้าที่ งานตามนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายในปี ๒๕๕๘ งานตามนโยบาย และงานด้านการปฏิรูป โดยในการนำเสนอข้อมูลเมื่อกำหนดงานหรือกิจกรรมที่จะดำเนินการแล้ว ให้ระบุปัญหาอันเป็นที่มาของงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ การดำเนินการของหน่วยงานในการแก้ไขปัญหา และเป้าหมายของการดำเนินการเพื่อแสดงให้เห็นว่าเมื่อแก้ไขปัญหาแล้วในอนาคตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย ทั้งนี้ ในการจัดทำข้อมูลให้มีการบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24228 | การนำเสนอวีดิทัศน์หรือสื่อนำเสนอ (PowerPoint Presentation) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | นร05 | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เรื่องที่นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะการนำเสนอเป็นวีดิทัศน์ควรมีความกระชับ จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่จะนำเสนอวีดิทัศน์หรือสื่อนำเสนอ (PowerPoint Presentation) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจัดทำวีดิทัศน์หรือสื่อนำเสนอที่มีความยาวไม่เกิน ๔ นาที และให้ส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าภายในวันศุกร์ เพื่อนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24229 | การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | เวียน | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมประชุมและชี้แจงในการประชุมดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24230 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
24231 | แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี | สลธ.คสช. | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แจ้งต่อที่ประชุม ดังนี้ ๑.๑ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีแจ้งต่อที่ประชุมว่า งานซึ่งเป็นเป้าหมายในการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีแบ่งเป็น ๔ กลุ่ม คือ (๑) การรักษาความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย (๒) การขับเคลื่อนงานตามอำนาจหน้าที่ให้มีความเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นั้น จะใช้ในกรณีที่มีความจำเป็นและในเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น (๓) การวางแผนสำหรับการปฏิรูปประเทศในระยะต่อไป และ (๔) การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ทั้งกฎหมายที่ล้าสมัย กฎหมายที่ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมหรือทำให้สังคมดีขึ้น กฎหมายเกี่ยวกับการค้า การลงทุน หรืออนุวัติการตามหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ และกฎหมายที่วางแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการตามเป้าหมายทั้ง ๔ ด้าน ในระยะแรกเน้นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง การผลักดันให้เกิดการพัฒนางานในเรื่องสำคัญและเร่งด่วน เช่น การพัฒนาด้านการเกษตร อุตสาหกรรม เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การจัดการที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น โดยการดำเนินการตามแผนงานต้องกำหนดเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนในแต่ละช่วงระยะเวลาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมตามกำหนดเวลา ๑.๒ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในช่วงนี้ควรมุ่งเน้นการพัฒนาภาคการเกษตรซึ่งมีประชากรในกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในการกำหนดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษควรกำหนดพื้นที่พัฒนาเป็นกลุ่ม (Cluster) ในแต่ละภูมิภาคให้มีความชัดเจนเหมาะสม เช่น เขตท่องเที่ยว เขตธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) เขตอุตสาหกรรม เกษตรแปรรูป และในแต่ละกลุ่มให้มีการส่งเสริมการลงทุนให้ตรงตามประเภทธุรกิจในพื้นที่นั้น ๆ และรัฐบาลควรปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนให้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของแรงงานที่ในอนาคตจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น โดยอาจดูตัวอย่างจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ รวมทั้งควรเร่งตกลงทำสัญญาในโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต่อไป ๒. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) พิจารณาทบทวนประเด็นปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุนของประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนของต่างชาติในประเทศไทย และเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยสรุปมาตรการการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม เสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
24232 | ยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้น้อมนำแนวคิดของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อใช้เป็นหลักหรือแนวทางในการปฏิรูปและพัฒนาประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีวิสัยทัศน์ คือ ประเทศชาติมั่นคง สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ตลอดจนประชาชนมีความมั่นคั่งอย่างยั่งยืน และประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ๙ ข้อ ได้แก่ (๑) การสร้างความเป็นธรรมในสังคม (๒) การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน (๓) การสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร ความมั่นคงของอาหาร และพลังงาน (๔) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน (๕) การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม (๖) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (๗) การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในการใช้บริการอย่างแท้จริง (๘) การปรับปรุงระบบโทรคมนาคม เทคโนโลยีของชาติให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ให้ทัดเทียมอาเซียนและประชาคมโลก และ (๙) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างยั่งยืน ตามที่เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงาน ๒. ที่ประชุมเห็นว่าความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และต่างประเทศ การบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงเน้นการสร้างความมั่นคงทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในทุกด้านอันจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศตาม Road Map ในระยะต่อไปได้ ดังนั้น ทุกหน่วยงานจะต้องตระหนักว่าการปฏิบัติงานจะต้องสอดคล้องกับแนวทางตาม Road Map ซึ่งปัจจุบันเป็นการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลซึ่งอยู่ในระยะที่ ๒ และจะเข้าสู่ระยะที่ ๓ คือ การปฏิรูปประเทศต่อไป จึงให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมเข้าสู่การปฏิรูปประเทศโดยจัดทำแผนปฏิรูปของหน่วยงานในกรอบระยะเวลา ๕ ปี โดยวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในอนาคตประเทศไทยควรจะเป็นอย่างไร และหน่วยงานจะมีส่วนในการผลักดันและขับเคลื่อนไปสู่จุดนั้นอย่างไร ทั้งนี้ กรอบเวลาของแผนดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24233 | ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ | นร | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แจ้งว่าได้รวบรวมและสรุปความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของกระทรวงต่าง ๆ และหน่วยงานในฝ่ายบริหาร องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และประชาชน แล้ว สรุปได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติที่อาจเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งควรแก้ไขหลายประการ รวมทั้งบทบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปซึ่งมีรายละเอียดมากและอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ควรกำหนดกรอบและกลไกอย่างกว้าง ซึ่งจะได้จัดทำรายละเอียดฉบับสมบูรณ์ เพื่อยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปดำเนินการจัดทำรายละเอียดฉบับสมบูรณ์เพื่อยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามแบบที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดเสนอคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
24234 | การบรรยายพิเศษเรื่อง "ถอดบทเรียนการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองสู่การปฏิรูปประเทศในระบอบประชาธิปไตย กรณีศึกษาการร่างรัฐธรรมนูญในต่างประเทศ" | สลธ.คสช. | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๐ เมษายน ๒๕๕๘) มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประสานคณะทำงานตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๘ เรื่อง การดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การจัดทำรัฐธรรมนูญและการปฏิรูป ลงวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เพื่อดำเนินการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศมาให้ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการจัดทำรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้น สถาบันพระปกเกล้าในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะทำงานจะจัดให้มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “ถอดบทเรียนการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองสู่การปฏิรูปประเทศในระบอบประชาธิปไตย” ในวันที่ ๒๒, ๒๖ และ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ดังนี้ ๑.๑ กรณีศึกษา การร่างรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดย Prof. Dominique Rousseau ในวันศุกร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๑.๒ กรณีศึกษา การร่างรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดย Prof. Michel Troper ในวันอังคารที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๑.๓ กรณีศึกษา การร่างรัฐธรรมนูญของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดย Prof. Ulrich Karpen ในวันพุธที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประสานสถาบันพระปกเกล้า เพื่อเชิญคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษดังกล่าว ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมควรจัดเตรียมประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ทรงคุณวุฒิด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24235 | ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร09 | 15/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนร่วมกันเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และให้มีความสอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล สั่ง ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยให้หารือกับรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24236 | การรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณ | นร | 15/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์สุดท้ายของเดือน โดยเริ่มรายงานครั้งแรกในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วย
๑. รายงานการเบิกจ่ายงบประมาณงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจำแนกตามส่วนราชการ พร้อมทั้งระบุรายละเอียดให้ชัดเจนทั้งในมิติของกลุ่มของประชากรที่เป็นเป้าหมายของงบประมาณ ช่วงเวลาในการใช้จ่ายงบประมาณและจำนวนงบประมาณที่จำแนกรายกิจกรรม ๒. รายงานการเบิกจ่ายงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยจำแนกตามส่วนราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24237 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาคทางหลวงหมายเลข 1 สายนครสวรรค์ - ตาก ตอน 2 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 (กำแพงเพชร - ตาก) (เป็นตอน ๆ) | คค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป กรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาคทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสวรรค์-ตาก ตอน ๒ (กำแพงเพชร-ตาก) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ ในวงเงิน ๖๙๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท และส่วนที่ ๒ ในวงเงิน ๖๙๓,๑๒๐,๔๕๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๓๘๔,๔๒๐,๔๕๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24238 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 7 - 10 เมษายน 2558) | สผ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๗-๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๑๖-๑๗ เมษายน ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24239 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ 2 (1 ตุลาคม 2557 - 31 มีนาคม 2558) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 2 กันยายน 2557) | กษ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ ๒ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน-๒ กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการ ดำเนินการใน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๘ ในภาพรวมไตรมาสแรกมีการเบิกจ่ายได้ร้อยละ ๔๗.๖๐ ส่วนงบลงทุนเบิกจ่ายได้เพียงร้อยละ ๔๗.๙๒ ๑.๒ ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับรายการที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท รวม ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ผู้รับจ้างได้เข้าปฏิบัติงานแล้ว ๑.๓ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีกฎหมายที่ผ่านความเห็นและมีผลบังคับใช้แล้ว ๗ ฉบับ อาทิ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... เป็นต้น ๑.๔ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพื่อดำรงตำแหน่งในกรรมการ และคณะกรรมการภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ๕ แห่ง อาทิ กรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๖ ราย กรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ๖ ราย กรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง ๓ ราย ๒. เรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเกี่ยวข้องใน ๓ ด้าน ได้แก่ ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร การจัดจั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ๒.๒ ด้านสังคม ได้จัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือผลิตผลทางการเกษตรในระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ โดยบูรณาการการปฏิบัติงานจากทุกหน่วยงานในพื้นที่ ๒.๓ ด้านกฎหมาย ได้รวบรวมพิจารณาทบทวน แก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัย อาทิ การพิจารณาร่างปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และยกเลิกพระราชบัญญัติบำรุงพันธุ์สัตว์ พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อออกร่างกฎกระทรวงตามมาตรา ๕ และเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นต้น ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗) โดยขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรอบวงเงิน ๕,๔๙๘.๙๙ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน ๖๘ จังหวัด และการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ท่วมขังในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ปราจีนบุรี เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
24240 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 เพื่อขอบัญญัติ การจัดตั้งสำนักงานกองทุนยุติธรรมไว้ในพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง ข้อสังเกตของ ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไว้ในกฎหมาย) ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เพื่อขอให้มีการบัญญัติการจัดตั้งสำนักงานกองทุนยุติธรรม ปรากฏไว้ในร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เป็นการเฉพาะราย ๒. กรณีมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงโครงสร้างภายในกระทรวงยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....