ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1188 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 23741 - 23760 จากข้อมูลทั้งหมด 124340 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23741 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้กรุงเทพมหานครดำเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทให้แก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครตามเจตนารมณ์มาตรา ๖๑/๒ วรรคเก้า แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของ ก.พ.ร. เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลของกรุงเทพมหานครที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับคณะกรรมการจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มาจากหน่วยงานภายในของกรุงเทพมหานครเท่านั้น จึงควรเพิ่มองค์ประกอบที่เป็นบุคคลภายนอก เช่น อัยการ หรือตำรวจ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23742 | การดำเนินโครงการจัดทำเครื่องมือประเมินผลกระทบทางกฎหมาย กฎ และระเบียบ | ยธ | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) มีข้อสังเกตว่า โดยที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการจัดทำเครื่องมือประเมินผลกระทบทางกฎหมาย กฎ และระเบียบ ด้วย ควรเพิ่มผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในคณะทำงานตามโครงการดังกล่าวด้วย ๒. รับทราบความคืบหน้าโครงการจัดทำเครื่องมือประเมินผลกระทบทางกฎหมาย กฎ และระเบียบ เรื่อง ANSSR : Developing Regulatory Impact Assessment (RIA) Guidelines as an Anti-Corruption Tool ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำแผนงานเพื่อกำหนดกิจกรรมที่ต้องดำเนินการร่วมกัน ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ (๑) การจัดทำแนวทางการประเมินผลกระทบทางกฎหมาย (RIA Guidelines) (๒) การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและปรับปรุงแนวทางการประเมินผลกระทบทางกฎหมาย (RIA Guidelines) และ (๓) การเผยแพร่แนวทางการประเมินผลกระทบทางกฎหมาย (RIA Guidelines) พร้อมกับจัดฝึกอบรมเพื่อสร้างวิทยากรฝึกอบรมด้านการประเมินผลกระทบทางกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถพัฒนาบุคลากรของตนเองได้ ๒.๒ กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ (Workshop on Thailand RIA Guidelines Development) ในวันที่ ๘-๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการพัฒนากระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย อันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศ และยกร่างเอกสารเรื่อง Regulatory Impact Assessment (RIA) in Thailand เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการจัดประชุมดังกล่าว และได้ประสานงานเพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ องค์การเอเปค องค์กรความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) สำนักเลขาธิการอาเซียน และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) รวมทั้งประเทศที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการนำเครื่องมือการประเมินผลกระทบทางกฎหมายมาใช้ ได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และมาเลเซีย มาเป็นวิทยากร พร้อมกับเชิญผู้แทนประเทศในกลุ่มเอเปค อาทิ ชิลี มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จีน เวียดนาม รัสเซีย เม็กซิโก เปรู เข้าร่วมการประชุมด้วย ๓. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามโครงการดังกล่าว |
|||||||||||||||
23743 | ข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ AO โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล 1 จำกัด) | คค | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเรื่อง ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ AO โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล ๑ จำกัด) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม การท่าเรือแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากรและกรมสรรพากร) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีดังนี้ ๑.๑ การตรวจสอบการให้สัมปทานประกอบกิจการท่าเรือที่อยู่ในการกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทั้งหมดว่ามีพฤติการณ์ในลักษณะเอาเปรียบรัฐ โดยการฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าผู้ประกอบการของแต่ละท่ามีพื้นที่และลักษณะทางกายภาพติดต่อกัน จะเป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นชุดเดียวกันหรือไม่ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด รวมทั้งดำเนินคดีเรียกค่าปรับ หรือค่าเสียหายอันเกิดจากการฉ้อฉลและทุจริตดังกล่าวด้วย และหากพิจารณาเห็นว่าข้อกำหนดในสัญญาข้อใด เป็นผลทำให้รัฐเสียเปรียบและก่อให้เกิดความเสียหาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อสัญญานั้นให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป ๑.๒ กรณีให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาถึงความเป็นไปได้อย่างเหมาะสมที่จะยกเลิกเพิกถอนการให้สิทธิประโยชน์โครงการของผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเลที่มีพฤติการณ์ในลักษณะเอาเปรียบรัฐโดยการฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลและวิเคราะห์เปรียบเทียบผลดี ผลเสียที่ภาครัฐจะได้รับจากการให้สิทธิประโยชน์โครงการของผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวด้วย ๑.๓ กรณีการให้กรมศุลกากรพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมเกณฑ์อัตราเปรียบเทียบปรับตามประมวลฯ ๑ ๐๖ ๐๓ ๐๑ (๒๒) ของระเบียบกรมศุลกากรที่ ๑๘/๒๕๕๐ ซึ่งใช้ประกอบการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๓๘ โดยเพิ่มโทษให้มีอัตราที่สูงขึ้นและเหมาะสมเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้มีการฝ่าฝืนหรือละเมิดต่อกฎหมาย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปหารือร่วมกันเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลการตรวจสอบการถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของท่าเทียบเรือ AO (โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด) และท่าเทียบเรือ B1 (โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล ๑ จำกัด) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าเหตุใดจึงไม่สอดคล้องกับการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีภายใน ๒๐ วันนับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||
23744 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ที่บ้านหนองบัว และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 130 สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ที่แม่สอด ตอนบ้านหนองบัว - บ้านวังตะเคียน พ.ศ. .... | คค | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน)-มุกดาหาร ที่บ้านหนองบัว และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๓๐ สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ ๒ ที่แม่สอด ตอนบ้านหนองบัว-บ้านวังตะเคียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน)-มุกดาหาร ที่บ้านหนองบัว และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๓๐ สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ ๒ ที่แม่สอด ตอนบ้านหนองบัว-บ้านวังตะเคียน ในท้องที่ตำบลแม่ปะ และตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23745 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการซึ่งกระทรวงการคลังแต่งตั้งให้เป็นผู้พิจารณา และเสนอความเห็นเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับการแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23746 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลอ่างทอง ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ ตำบลทุ่งรวงทอง ตำบลห้วยยางขาม ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | คค | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลอ่างทอง ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ ตำบลทุ่งรวงทอง ตำบลห้วยยางขาม ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลอ่างทอง ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ ตำบลทุ่งรวงทอง ตำบลห้วยยางขาม ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23747 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินให้มีที่ดินทำประกอบเกษตรกรรมเป็นของตนเอง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23748 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างบ้านท่าข้าวเปลือกกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ และสายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๐๙ ที่บ้านเกษแก้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23749 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองน้อย ตำบลอีปาด ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ และตำบลลิ้นฟ้า อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองน้อย ตำบลอีปาด ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ และตำบลลิ้นฟ้า อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองน้อย ตำบลอีปาด ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ และตำบลลิ้นฟ้า อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23750 | ร่างพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. .... | กห | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีระบบกำลังพลสำรอง โดยกำหนดประเภทบุคคลที่จะเป็นกำลังพลสำรอง การดำเนินการทั้งหลายเกี่ยวกับกิจการกำลังพลสำรอง รวมถึงการกำหนดหน้าที่และสิทธิของกำลังพลสำรองในการเข้ารับราชการทหาร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||
23751 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | กค | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อเป็นมาตรฐานกลางสำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ความเห็นของคณะรัฐมนตรีซึ่งเห็นควรให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับรวมถึงองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญด้วย เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกันในการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน ก.พ. มีข้อสังเกตว่า สำหรับกรณีการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำรงตำแหน่งที่มาตรฐานกำหนดตำแหน่งให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุในหน่วยงานที่ตนสังกัด ซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรที่กรมบัญชีกลางกำหนด ให้ได้รับค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด นั้น ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้การได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ เป็นไปตามระเบียบที่ ก.พ. กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ส่วนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการในการจัดซื้อจัดจ้างบางประการ รวมทั้งฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสังเกตว่าควรเพิ่มหลักเกณฑ์ในการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ชัดเจน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... จากการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||
23752 | ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม 9 ฉบับ | นร09 | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม ๙ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๔. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๕. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๖. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอุทธรณ์และฎีกา) ๗. ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๘. ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๙. ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
|||||||||||||||
23753 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | ยธ | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราเงินสินบนในคดีที่จับได้ผู้ต้องหาและหรือยาเสพติดของกลาง อัตราเงินช่วยเหลือเฉพาะตัวแก่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด เพิ่มเติมการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีบาดเจ็บและรักษาตัวไม่เกินยี่สิบวัน หรือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพในภายหลัง ตลอดจนปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของประธานอนุกรรมการ และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการภาคในการพิจารณาจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามระเบียบนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||
23754 | การประชุมระหว่างประเทศครั้งที่ 3 ว่าด้วยการระดมทุนเพื่อการพัฒนา (Third International Conference on Financing for Development) | กต | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างข้อตกลงแอดดิส อาบาบา ของการประชุมระหว่างประเทศครั้งที่ ๓ ว่าด้วยการระดมทุนเพื่อการพัฒนา (Third International Conference on Financing for Development : 3rd FfD) มีจุดประสงค์ในการกำหนดแนวทางการระดมทุนและการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความช่วยเหลือต่าง ๆ ทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาภายหลัง ค.ศ. ๒๐๑๕ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือความท้าทายต่อการจัดหาทุนเพื่อการพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดมาตรการอันเป็นรูปธรรมที่สามารถนำไปสู่การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีพื้นฐานจากฉันทามติมอนเทอร์เรย์ (Monterrey Consensus) ในปี ๒๕๔๕ และปฏิญญาโดฮา (Doha Declaration) ในปี ๒๕๕๑ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้เพิ่มถ้อยคำบางประการในร่างข้อตกลงฯ โดยให้ระบุว่า ในการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ให้อยู่ภายใต้กฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ดังนี้ “In carrying out any operations as stated in this Agreement, the governing law shall be that of each individual State.” ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์จากการประชุม 3rd FfD ๓. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุม 3rd FfD ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการและการจัดการประชุมของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๒๔ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่เห็นชอบเป็นหลักการว่าต่อไปในกรณีที่มีการประชุมระหว่างประเทศซึ่งมีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน การกำหนดองค์ประกอบของคณะผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุม หากไม่มีกฎหมาย ระเบียบใดกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีผู้เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับการบริหารราชการเป็นผู้ที่ให้ความเห็นชอบได้แล้วแต่กรณี |
|||||||||||||||
23755 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับผลชมพู่สดส่งออกจากไทยไปจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับผลชมพู่สดส่งออกจากไทยไปจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมาตรฐานในการตรวจสอบและกักกันแมลงศัตรูพืชของชมพู่ทับทิมจันทร์ที่จะส่งออกจากไทยไปจีนตามข้อกำหนดทางเทคนิคที่ได้ตกลงกัน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ โดยหากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่จีนตรวจสอบที่ด่านนำเข้าพบการปฏิบัติไม่สอดคล้องตามร่างพิธีสารฯ แล้ว อาจมีการทำลายหรือส่งคืนสินค้าชมพู่สด กรณีการส่งสินค้าอาหารดังกล่าวคืน ประเทศไทยจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอาหารตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้าง หากไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น การส่งออกสินค้าดังกล่าวควรพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งกฎหมายของประเทศไทยและประเทศคู่ค้าด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการส่งออกและมีการตีคืนสินค้าในภายหลัง นอกจากนี้ การดำเนินการตามร่างพิธีสารฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สามารถดำเนินการได้ และเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงาน มิใช่ระดับรัฐกับรัฐ กรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญฯ และไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่หน่วยงานเสนอเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นข้อผูกพันหรือพันธกรณีซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความตกลงและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติและ/หรือเห็นชอบแล้ว เช่น การเสนอพิธีสารหรือความตกลงเพื่อเพิ่มเติมสาระทางด้านเทคนิค ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี และหากไม่มีข้อทักท้วงใด ๆ ให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ |
|||||||||||||||
23756 | ขออนุมัติโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ (400 ไร่) ตำบลหนองมะโมง อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท | มท | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ (๔๐๐ ไร่) ตำบลหนองมะโมง อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท วงเงินงบประมาณ ๔๙,๔๐๒,๘๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๗ ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โครงการบริหารจัดการน้ำ ปี ๒๕๕๗ ในส่วนที่เหลือจำนวน ๕๔๙,๖๔๖,๓๖๙ บาท รวมทั้งขอรับการสนับสนุนจากกองทัพบก (กรมการทหารช่าง) ให้เป็นหน่วยดำเนินการโครงการดังกล่าว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๗ ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โครงการบริหารจัดการน้ำ ปี ๒๕๕๗ ในส่วนที่เหลือจำนวน ๕๔๙,๖๔๖,๓๖๙ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เห็นควรมีแนวทางการบริหารจัดการสระเก็บน้ำภายหลังการก่อสร้างให้ชัดเจนระหว่างท้องถิ่นและชุมชนในการใช้ประโยชน์และการดูแลบำรุงรักษา รวมทั้งให้เร่งรัดการปฏิบัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเป็นแหล่งรองรับน้ำหลากและเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า ตลอดจนพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
23757 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายภาสกร อัครเสวี) | สธ | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายภาสกร อัครเสวี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานพัฒนารูปแบบการควบคุมโรค กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||
23758 | สรุปผลการจัดประชุมคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ASEAN Committee on Science and Technology : ASEAN COST) ครั้งที่ 69 | วท | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดประชุมคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ASEAN Committee on Science and Technology : ASEAN COST) ครั้งที่ ๖๙ ในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบกับการเปลี่ยนระยะเวลาการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (ASEAN Plan of Action on Science, Technology and Innovation : APASTI) จากปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๒๐ เป็นปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ เพื่อให้สอดคล้องกับ AEC Post-2015 Attendant Document โดยประเทศไทยในฐานะคณะที่ปรึกษาด้านแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Advisory Body of ASEAN Plan of Action on Science and Technology : ABAPAST) จะจัดประชุมคณะทำงานเพื่อปรับแก้ไขร่าง APASTI เพื่อนำเสนอในที่ประชุม ASEAN COST ครั้งที่ ๗๐ และที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งกำหนดจัดในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒. ที่ประชุมรับทราบสถานะเงินกองทุนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอาเซียน (ASEAN Science, Technology and Innovation Fund : ASTIF) ณ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ มีเงินจำนวน ๑๑,๔๔๘,๓๗๐.๔๖ ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีดอกเบี้ยที่สามารถใช้สนับสนุนกิจกรรมของ ASEAN COST และคณะอนุกรรมการ จำนวน ๙๑๓,๑๕๒.๔๕ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคณะที่ปรึกษาด้านกองทุนวิทยาศาสตร์อาเซียน (Advisory Body of ASEAN Science Fund : ABASF) จะจัดทำกฎเกณฑ์และแนวทางสำหรับการสนับสนุนข้อริเริ่มนวัตกรรมเพื่อให้การใช้เงินกองทุนฯ เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ประชุมเห็นพ้องให้ ABAPAST และ ABASF ร่วมกันทบทวนการจัดการเงินกองทุนฯ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงน้อยลง ๓. ที่ประชุมรับทราบสถานะและพิจารณาข้อเสนอโครงการความร่วมมือของคณะอนุกรรมการอาเซียนในด้านต่าง ๆ ซึ่งมีคณะอนุกรรมการที่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดัน/ริเริ่มข้อเสนอโครงการใหม่ ได้แก่ (๑) การใช้ประโยชน์จากห้องปฏิบัติการวิจัยแสงซินโครตรอน (๒) การจัดตั้งเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการสร้างความตระหนักในผลกระทบของอุบัติเหตุที่เกิดในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Networking for Enhancement of Awareness of Consequences of Nuclear Power Plant Accidents) (๓) การจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนการวิจัยด้านชีวมวล (ASEAN Network on Biomass Open Research : ANBOR) (๔) การจัดเตรียมแผนที่นำทาง (roadmap) และแผนปฏิบัติการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ (Quality Infrastructure) เพื่อสนับสนุน ASEAN Post-2015 (๕) การจัดตั้ง "ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยด้านเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้แห่งอาเซียน" หรือ “ASEAN Research and Training Center for Space Technology and Applications (ARTSA)” (๖) ข้อเสนอความร่วมมือด้านดาราศาสตร์ในกรอบเครือข่ายดาราศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Astronomy Network : SEAAN) และ (๗) การจัดงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอาเซียน [ASEAN Science, Technology and Innovation (STI) Forum] ในปี ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||
23759 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ประจำปี 2557 | พน | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ประจำปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยกิจกรรมด้านการสำรวจการประเมินปริมาณสำรอง การผลิตปิโตรเลียม และการกำกับดูแลด้านอาชีวอนามัยความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย แปลง A-18 แปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 โดยในปี ๒๕๕๗ มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง A-18 รวมทั้งสิ้น ๓๐๒ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๘๒๗ ล้านลูกบาศก์ฟุต และจากแปลง B-17 & C-19 รวมทั้งสิ้น ๑๒๑ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๓๓๒ ล้านลูกบาศก์ฟุต ๒. ผลประกอบการในปี ๒๕๕๗ ขององค์กรร่วมฯ ได้จากการขายปิโตรเลียมโดยการผลิตปิโตรเลียมจากแปลง A-18 และแปลง B-17 & C-19 ก่อให้เกิดรายได้ขององค์กรร่วมฯ ในรูปของค่าภาคหลวง ๓๑๖,๘๘๘,๗๒๔ ดอลลาร์สหรัฐ ปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร ๘๖๓,๙๐๔,๗๙๖ ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้อื่น ๖๔๘,๓๔๙ ดอลลาร์สหรัฐ สถานะของกองทุนองค์กรร่วมฯ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ มียอดรวม ๓๖๑,๒๙๒,๕๒๑ ดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||
23760 | สรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 07/07/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง สปป.ลาว เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมในแต่ละสาขาเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการทำงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคณะทำงานร่วมจะหารือเกี่ยวกับการจัดทำโครงการในรายละเอียดและจัดทำแผนปฏิบัติ รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าตามแผนการดำเนินงาน ทั้งนี้ ฝ่ายลาวได้เสนอขอรับคำปรึกษาจากฝ่ายไทยในการสร้างท้องฟ้าจำลอง การสร้างหอดูดาว และการสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติให้แก่นักเรียนและผู้สนใจ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “คาราวานวิทยาศาสตร์ความร่วมมือไทย-สปป.ลาว” ระหว่างวันที่ ๑-๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียนและเยาวชนลาว ซึ่งมีองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเป็นหน่วยงานหลัก และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นำนิทรรศการในเรื่องต่าง ๆ ไปจัดแสดง อาทิ นิทรรศการความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ นิทรรศการด้านดาราศาสตร์ กิจกรรมมหัศจรรย์พลาสติก กิจกรรมการตรวจสอบคุณภาพน้ำและสีผสมอาหาร กิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนและเยาวชนลาวเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าชมและร่วมกิจกรรม จำนวน ๘,๓๖๑ คน
|
.....