ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 34 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 671 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. 2564-2565) | กก. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติ
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวตาม
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕)
อันเป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และภายหลังสถานการณ์ดังกล่าวให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
และเกิดการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาตัวชี้วัดเชิงคุณภาพและกระบวนการติดตามและประเมินผล
รวมทั้งกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยว
โดยให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการดำเนินการการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ตลอดจนการพัฒนากระบวนการหรือแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ
ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
การเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และจัดทำให้เป็นระบบข้อมูลเปิด (Open Data) ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น แลกเปลี่ยนเรียนรู้
สร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและการสะท้อนผลลัพธ์ในแต่ละโครงการ
ควรส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า และควรมีการบูรณาการการขับเคลื่อนระหว่างหน่วยงานภายใต้แผนฯ
และมีการติดตามประเมินผลแผนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. การขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) และการจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติฉบับต่อไป ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวม
เพื่อให้การกำหนดหรือการดำเนินมาตรการ/โครงการที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยเฉพาะการยกระดับกลไกการดำเนินงาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวในรูปแบบที่หลากหลาย
รวมทั้งควรเน้นย้ำความสำคัญของการใช้อำนาจแบบอ่อน (Soft
power)
ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น
ประเด็นวัฒนธรรมและค่านิยม โดยพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน Soft power ของประเทศให้สอดคล้องกับความปกติใหม่ (New normal) อย่างเป็นรูปธรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | ขออนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 | กษ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐,๐๖๕.๖๙
ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง ในกรณีราคายางตกต่ำ
ในช่วงวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นรวมทั้งค่าบริหารโครงการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและการยางแห่งประเทศไทยดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๒๙ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔)
ทั้งนี้
ในส่วนของอัตราการชดเชยต้นทุนทางการเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้ใช้อัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ประจำไตรมาส บวก ๑ โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินที่แท้จริงทุกไตรมาส
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๐๗๑๘/๑๒๙ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรอบวงเงินภายใต้ตามมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินคงเหลือไม่เพียงพอ
ให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย
เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
กรณีเกษตรกรชาวสวนยางมีเป้าหมายในการดำเนินการในพื้นที่ป่าไม้จะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง
ครบถ้วน เป็นไปตามนัยมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวน พ.ศ. ๒๕๐๗
และพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตลอดจนระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ยางระยะ ๒๐ ปี
เพื่อยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางและการพัฒนาอาชีพและรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงโดยไม่สร้างภาระด้านงบประมาณแก่ประเทศไทยในระยะยาว
และเร่งพิจารณาแหล่งเงินตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถของภาครัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณทั้งในปัจจุบันและอนาคตเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปิดบัญชีโครงการที่รัฐบาลรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายในการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถนำกรอบวงเงินที่เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ดังกล่าว
มาใช้ในการดำเนินงานโครงการอื่นที่มีความจำเป็นในอนาคตต่อไป
รวมทั้งให้เร่งรายงานผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเร็วด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 19/2564 | นร. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 สรุปได้ ดังนี้ ๑) รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานผลการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) ผลการดำเนินงานและแผนการเปิดประเทศ และการจัดทำเว็บไซต์หลักของประเทศไทย (Thailand.go.th) ๔) สถานการณ์แรงงานในประเทศและความก้าวหน้าในการนำแรงงานเข้าประเทศ ๕) การปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ๖) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร และมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 (กิจการสถานบันเทิง) และ ๗) การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๕) ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท Test and Go นั้น ให้คงวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ตามคำสั่ง ศบค. ที่ ๑๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๗) ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสาธิต ปิตุเตชะ) เสนอa
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 และมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กค. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๐
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นการรายงานความเป็นมาและข้อเท็จจริง
รายละเอียดของการกู้เงิน วัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกู้และรายละเอียดโครงการ
และผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับของโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | ตช. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ (๑) แยกเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ๑๙๑ คดี
และโครงการคนละครึ่ง ๘๕ คดี และ (๒)
แยกเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนเสร็จส่งพนักงานอัยการ ๒๑ คดี
ศาลมีคำพิพากษาแล้ว ๑ คดี และอื่น ๆ เช่น อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานอื่น ๆ
๕ คดี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.01 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
พบว่า ประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น ผ่านช่องสายด่วนของรัฐบาล
๑๑๑๑ มากที่สุด โดยยื่นเรื่องประเด็นการรักษาพยาบาลมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ๒. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
และการประสานความร่วมมือส่วนราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ขอให้ทุกส่วนราชการพิจารณาเพิ่มการสร้างพันธมิตรในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤติโควิด-๑๙
ร่วมกับภาคเอกชนและกลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ
เพื่อสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ ๒.๒ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาสำรวจความต้องการและความคาดหวังของผู้รับบริการ
(ประชาชน) ให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ตลอดจนยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่องานบริการของภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม (Participation)
ในการบริหารจัดการภาครัฐ ๒.๓ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาลดข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน
เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และลดอัตราการเสียชีวิตให้ได้โดยเร็ว
และสนับสนุนให้ใช้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการประสานแก้ไขสถานการณ์ในเชิงพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 13 | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และให้นายกรัฐมนตรี
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
ร่างแถลงการณ์ประธานการการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๓ เน้นย้ำบทบาท ASEM ในการส่งเสริมพหุภาคนิยมเพื่อการเจริญเติบโต
โดยเฉพาะในบริบทของโลกหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) ในประเด็นในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (๒)
แถลงการณ์พนมเปญว่าด้วยการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค-๑๙
ซึ่งกล่าวสนับสนุนบทบาทขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโรคระบาด
ย้ำความจำเป็นในการเข้าถึงยาและวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เป็นต้น (๓) ร่างเอกสารเส้นทางสู่ความเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย-ยุโรป เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโส
ASEM กับกลไกความร่วมมือรายสาขาต่าง ๆ ของ ASEM ที่มีอยู่แล้ว เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านความเชื่อมโยงในกรอบ ASEM และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโครงการด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ในกรอบ ASEM ต่อสาธารณชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จำนวน ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 39/2564 | นร.11 สศช | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๙/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยให้จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดลำพูน จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดกาญจนบุรี
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกกิจกรรมภายใต้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
พร้อมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๖๕๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 15/2564 | นร.11 สศช | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการฯ
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการโดยเคร่งครัด
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับผู้เสนอโครงการตั้งแต่ตอนการเสนอโครงการ
การอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้และการรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติให้กรมการจัดหางาน
ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs (๒) มอบหมายให้กรมสรรพากร
พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีที่กำหนดให้เงินอุดหนุนที่รัฐจ่ายให้นายจ้างจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณีตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
(๓) เห็นชอบกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการ
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการโดยเคร่งครัด
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่ควรซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับผู้เสนอโครงการตั้งแต่ตอนการเสนอโครงการ
การอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้และการรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 18/2564 | นร.04 | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)
ครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) ผลการดำเนินการเปิดประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ๔) การดำเนินการโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ ๒ ๕)
แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ๖) มาตรการควบคุมโรคและปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
๗) แนวทางการนำแรงงานต่างด้าวเข้าราชอาณาจักรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
และ ๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓
ฉบับ ดังนี้ ๑.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๘) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ขึ้นใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์
(พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม
พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว)
และกำหนดให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น
และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ต่าง ๆ
รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมภายใต้พระราชกำหนดฯ (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่๓๐ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒๑/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น ๖ จังหวัด (จังหวัดตาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา)
พื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งสิ้น ๓๙ จังหวัด (เพิ่มจังหวัดจันทบุรี) พื้นที่ควบคุม
รวมทั้งสิ้น ๒๓ จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น ๕ จังหวัด ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๒/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโครงสร้างภายในของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
โดยมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าศูนย์
และผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าว เป็นผู้ปฏิบัติงานในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 14/2564 | นร.11 สศช | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา
๕ (๒) มาใช้เพื่อการตามมาตรา ๕ (๑) เพิ่มเติม ครั้งที่ ๑ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ของหน่วยงานรับผิดชอบ (๒) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติดำเนินโครงการใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
และพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ
เร่งดำเนินการคืนเงินกู้เหลือจ่ายและรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเสนอกระทรวงการคลัง
(๓) อนุมัติโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี ๒๕๖๔
รอบที่ ๕ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรอบวงเงิน ๒๐,๘๒๙.๒๓๔๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๔)
มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี
๒๕๖๔ รอบที่ ๕ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง และรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ภูเก็ต ตรัง พังงา ระนอง และสตูล) | นร.11 สศช | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น
เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ภูเก็ต ตรัง พังงา
ระนอง และสตูล) เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เห็นชอบในหลักการของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีทั้ง
๗ โครงการ กรอบวงเงิน ๔๙๔ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
และให้กระทรวงมหาดไทยเสนอขอรับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และอนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปร วาระพิเศษ (Specialized Expo) ณ จังหวัดภูเก็ต
ภายใต้ชื่องาน EXPO-๒๐๒๘-Phuket, Thailand และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในหนังสือเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในนามของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
(Letter candidature) ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณให้ดำเนินการพิจารณาความเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการด้านการเยียวยา ฟื้นฟู
และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ด้านการท่องเที่ยว ด้านเกษตร
ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) | ตช. | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขและบรรเทาผลกระทบแก่คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามประเภทการตรวจลงตรา
(รวมทั้งการตรวจลงตรา Visa on Arrival) คนต่างด้าวที่ได้รับสิทธิการยกเว้นการตรวจลงตรา
และคนต่างด้าวที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
โดยให้ได้รับการขยายระยะเวลาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการแจ้งที่พักอาศัยต่อไปได้
ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (๓ สิงหาคม ๒๕๖๔) [เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙] ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ของบุคคลควบคู่ไปด้วย
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและการแสวงประโยชน์จากห้วงเวลาดังกล่าวในการกระทำความผิด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | แนวทางการดำเนินงานส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565 (Visit Thailand Year 2022) | กก. | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย ๒๕๖๕ (Visit Thailand Year 2022)
เพื่อเป็นแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-19) ที่ได้ส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจในการนำรายได้เข้าประเทศเพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจภาพรวมและสังคมของประเทศ
เพื่อประกาศความพร้อมของประเทศในการพลิกโฉม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในปี ๒๕๖๕
สร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับประเทศไทย พร้อมยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในฐานะ
Quality Destination สู่การเป็น Preferred
Destination และดึงดูด
เชิญชวนและกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2564 | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติโครงการภายใต้มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด ๑๙) (ด้านไฟฟ้าและด้านน้ำประปา) จำนวน ๔ โครงการ ของการไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค กรอบวงเงินรวม ๑๒,๗๗๑.๑๕ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการกลุ่มที่
๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการจัดทำข้อเสนอโครงการ
เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้หน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินกู้ได้ตามแผนงานและวัตถุประสงค์
ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลโครงการทั้งในช่วงระหว่างการดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 38/2564 | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดกระบี่ จังหวัดยโสธร จังหวัดอ่างทอง จังหวัดมุกดาหาร
จังหวัดพังงา จังหวัดพิจิตร และจังหวัดกาฬสินธุ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการหรือยกเลิกโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
พร้อมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๓๓๔,๙๔๕,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาการดำเนินกิจกรรมและใช้จ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีและเงินเหลือจ่ายจากโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) | รง. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความจำเป็น ความคุ้มค่า และประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และจัดให้มีระบบการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้
และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เช่น
การออกมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) การออกระเบียบและการประกาศรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา
(Solar Rooftop) เป็นต้น การจัดเก็บรายได้
และการใช้จ่ายงบประมาณ เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย
และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๙๐๔.๗๖๙
ล้านบาท และประมาณการรายได้ ๑,๐๐๒.๗๗๑ ล้านบาท
ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามความในมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน
พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
เช่น เห็นควรที่กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)
จะได้รายงานผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานตามแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและเป้าหมายของแผนย่อยภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในแต่ละระดับ
รวมถึงแผนการปฏิรูปด้านพลังงาน ตามที่กำหนดด้วย เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|