ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 34 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 20 จากข้อมูลทั้งหมด 671 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กก. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ มกราคม
๒๕๖๘ ณ เมืองยะโฮร์บาห์รู สหพันธรัฐมาเลเซีย โดยมีรายละเอียด เช่น (๑) ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียนและแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วกว่าร้อยละ ๖๔ และ ๕๓.๗ ตามลำดับ
และเห็นชอบข้อเสนอโครงการใหม่จากสมาชิกอาเซียนและหารือแนวทางสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เช่น การพัฒนามาตรฐานการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน
การขยายการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงการส่งเสริมการเชื่อมโยงในภูมิภาคกับประเทศคู่เจรจา
โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และเครือรัฐออสเตรเลีย และ
(๒) ผลการประชุมที่เกี่ยวข้อง เช่น การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม
ครั้งที่ ๒๔ รับทราบความคืบหน้าของแผนงานอาเซียนบวกสาม พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๘
ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จกว่าร้อยละ ๖๑.๕ โดยในปีที่ผ่านมาได้ดำเนินกิจกรรมสำคัญ
เช่น การจัดนิทรรศการ การศึกษาดูงาน และการส่งเสริมทักษะดิจิทัล โดยเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่
และการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๑๒
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานอาเซียน-อินเดีย พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐
ซึ่งมีความคืบหน้าเพียงร้อยละ ๖ โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการดำเนินกิจกรรมสำคัญ เช่น การจัดสัมมนาด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญ
และการเฉลิมฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวอาเซียน-อินเดีย พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | ข้อเสนอแนะกรณีพนักงานบริการในสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ | สม. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑ รับทราบข้อเสนอแนะกรณีพนักงานบริการในสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (เพิ่มเติม) | กค. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (เพิ่มเติม)
และอนุมัติกรอบวงเงินในการดำเนินการตามมาตรการฯ จำนวน ๑,๑๑๓,๒๕๖,๐๐๐ บาท สำหรับเงินเยียวยาที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น
ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยจะต้องเป็นเงินค่าปรับตามสัญญาที่ได้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้วตามเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการฯ
(เพิ่มเติม) ดังกล่าว และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๓๔๙
ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๘) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรให้ผู้ประกอบการที่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ
จัดทำคำขอ โดยระบุเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานหรือที่มาของปัญหาหรือผลกระทบฯ เช่น
การขาดแคลนแรงงาน การปรับขึ้นของวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
และจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลประกอบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และคำนึงถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือร้านค้าชุมชนที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบฯ
และไม่ได้เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐด้วยเช่นกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กก. | 13/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔ ฉบับได้แก่ (๑)
ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ มีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียนปี
พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๘
และแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยวอาเซียนหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID - 19)
(๒) ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม (จีน เกาหลี
ญี่ปุ่น) ครั้งที่ ๒๔ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนงานด้านการท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม
ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๘ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการส่งเสริมความยั่งยืนระหว่างอาเซียนและประเทศบวกสาม
(๓) ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่
๑๒ มีสาระสำคัญเพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนในระดับภาคประชาชนระหว่างอาเซียนและอินเดียผ่านการประกาศให้ปี
พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวระหว่างกัน และ (๔) ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุม
รัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน - รัสเซีย ครั้งที่ ๔ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างอาเซียนและรัสเซียในการพัฒนาช่องทางเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในภาคประชาชน
และการใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ไห้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ณ เดือนเมษายน 2567 | นร.11 สศช | 17/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | รายงานการประเมินผลลัพธ์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 | กค. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 1 และเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 2 ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๕๓,๑๑๓,๕๕๙.๘๒ บาท สำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยตามมาตรา
๙ และเงินชดเชยความเสียหายตามมาตรา ๑๑ แห่ง พ.ร.ก. Soft Loan รอบแรก ครั้งที่ ๑ และรอบแรก ครั้งที่ ๒
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในคราวการประชุมเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ได้เห็นชอบกรอบวงเงินดังกล่าวแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | สธ. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๘๔๙,๒๙๗,๑๑๘.๓๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง
สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ค้างจ่ายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ที่ปฏิบัติงานระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๔ - เดือนกันยายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ตผ. | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
เช่น การตรวจเงินแผ่นดิน ผลการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การดำเนินการด้านความผิดวินัยการเงินการคลังของรัฐ
การส่งเสริมให้ความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานของหน่วยรับตรวจ
การพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเทคโนโลยี ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567 | นร.11 สศช | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอเพิ่มเติมว่า
เพื่อให้การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสุขภาพสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
จึงขอแก้ไขข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการดังกล่าว จากเดิม “สิ้นสุดเดือนเมษายน
๒๕๖๗” เป็น “สิ้นสุดเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗” ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติ
เห็นชอบ และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอและที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย กระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓
เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการพัฒนาวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
ที่ได้รับอนุมัติให้ขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถรวบรวมข้อมูลและนำส่งเงินกู้เหลือจ่ายคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
รวมทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... | มท. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นเวลา
๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๙
เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID - 19) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้
สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจ
และประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานทางการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขี้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๓๔,๓๒๑.๒๕ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๕.๐๖ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอากร
และการนำส่งเงินเหลือจ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
มีค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๒๓๔,๖๐๒.๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๕๘
เนื่องจากการลดลงของค่าใช้จ่ายอุดหนุนตามมาตรการของรัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ คลี่คลาย มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๓๖๘,๙๒๓.๘๔ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๖๐ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการจัดเก็บภาษีและการนำส่งเงินรายได้ของหน่วยงานสูง ๒. ฐานะการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒๘๗,๑๒๗.๙๗ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๓.๔๖ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของที่ดินราชพัสดุ เงินให้กู้ยืมระยะสั้น
เงินให้กู้ยืมระยะยาว และรายได้รัฐบาลค้างรับ มีหนี้สินเพิ่มขึ้น จำนวน ๕๙๐,๑๕๒.๘๘
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๐๔ เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
และการกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้ มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุนลดลง จำนวน
๓๐๓,๐๒๔.๙๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๔๓
เนื่องจากมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสะสมเพิ่มขึ้น จากผลการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับงวดปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๕๓๙,๘๓๙.๑๒ ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับปรุงรายการบัญชี
การปรับปรุงมูลค่า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 2 ฉบับ | รง. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดให้ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีและการกำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าร่างประกาศดังกล่าวเป็นการดำเนินการใด ๆ ของรัฐที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของพนักงานรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนสถานะการเงินและผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงแนวทางดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง) | กค. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ.
....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ออกไปอีก ๑ ปีภาษี (สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2566 | นร.11 สศช | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ
และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการวัคซีน AstraZeneca ที่ยังไม่ได้รับการส่งมอบจำนวน
๑๙.๐๗๔๔ ล้านโดส เป็นการจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ยาว (Long-acting
antibody : LAAB) รุ่นใหม่ จำนวน ๓๖,๐๐๐ โดส
ส่งผลให้กรอบวงเงินโครงการฯ ลดลงจาก๑๘,๓๘๒.๕๖๔๓ ล้านบาท เป็น
๑๓,๖๓๔.๘๗๑๒ ล้านบาท หรือลดลงจำนวน ๔,๗๔๗.๕๙๓๑
ล้านบาท (๒) มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับให้กรมควบคุมโรค เร่งประสานกับบริษัท AstraZenecaฯ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน
เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้ภายในเดือนมีนาคม
๒๕๖๗ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ LAAB ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
(๓) อนุมัติให้จังหวัดกระบี่
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวหาดอ่าวนางและหาดนพรัตน์ธารา
ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ วงเงิน ๕.๔๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๕ เป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ โดยขอแก้ไขข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการดังกล่าว
จากเดิม “สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖” เป็น “สิ้นสุดเดือนเมษายน ๒๕๖๗” (๔) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโดยเร็ว
และ (๕) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๙ (๑ สิงหาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดและกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๑ และ ๒๒ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือน นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการ เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16 | การจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 1 และเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 2 ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พระราชกำหนด Soft Loan) คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๓.๑๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงการคลังดำเนินการยื่นขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อสำนักงบประมาณ
ตามพระราชกำหนด Soft Loan มาตรา ๑๔ วรรคสอง
ที่กำหนดให้ในกรณีที่ต้องมีการจ่ายเงินชดเชย
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ รอบ ๖
เดือน ครั้งที่ ๒ ตามข้อ ๕ (๓) แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ
โควิด-๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) การติดตามประเมินผลโครงการ/แผนงานภายใต้พระราชกำหนดฯ
กู้เงินโควิด-๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ใช้วิธีการประเมินผลจากการสุ่มตัวอย่างโครงการ/แผนงาน จำนวน ๒๕๐ โครงการ จากโครงการทั้งสิ้น
๒,๓๗๐
โครงการ โดยคัดเลือกโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีวงเงินกู้สูง หรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
มีกรอบวงเงินตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๔๙๕,๖๙๐.๗๖ ล้านบาท
มีผลการเบิกจ่าย ๔๗๐,๑๕๑.๒๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๘๕
ของกรอบวงเงิน (๒) คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลฯ
เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน ดังนี้ ๑) แผนงานที่ ๑ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ๒) แผนงานที่ ๒ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ มีผลการประเมินระดับดีมาก และ ๓)
แผนงานที่ ๓
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินระดับดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18 | รายงานความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย | สวช. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ในประเทศไทย โดยวัคซีน COVID-19 ที่วิจัยพัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม ชื่อทางการค้า HXP-GPOVAC ได้รับการอนุมัติการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไข
(Conditional Approval) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๖ เรียบร้อยแล้ว โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้จัดทำแผน
Blueprint เพื่อการเข้าถึงวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของประชาชนไทย ซึ่งได้ดำเนินการภายใต้แผน Blueprint มาตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ ได้แก่ การจัดซื้อ จัดหาวัคซีน การทำความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน
และการพัฒนาวัคซีนต้นแบบในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำ ตามที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19 | แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ | กค. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ
จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (๒) มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และ (๓) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด
๑๙ ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ อนุมัติวงเงินงบประมาณ
จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๒ มาตรการ รวมทั้งสิ้น ๔,๙๐๐
ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และรับทราบมาตรการแก้ไขหนี้ในระบบ มาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบ และการปรับโครงสร้างระบบการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๔,๙๐๐ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินมาตรการเชิงป้องกัน
โดยการให้ความรู้ทางการเงิน ควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย
เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาจงใจผิดนัดชำระหนี้ การออกแบบมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับเป็นหลัก
รวมถึงควรมีการประเมินประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของโครงการให้เป็นไปตามคำสั่งอื่น เจตนารมณ์
และควรเร่งส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมบ่มเพาะให้เกิดวินัยในการบริหารเงินและหนี้อย่างรับผิดชอบ
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนประสบความสำเร็จและมีผลยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2565 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร.01 | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ ดังนี้ (๑) การเลือกกรรมการผู้แทนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นกรรมการในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) การถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ
๖๐ พรรษา นวมินทราชินี/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(๓) การกำหนดสัดส่วนและการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ (๔) การทบทวนแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการวินิจฉัยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๕) การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ (๖) การติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ : ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|