ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 34 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 671 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2564 | กษ. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบโครงการสำคัญ ได้แก่
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๓ และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบกิจการยาง
(ยางแห้ง) เพื่อรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง รวมทั้งเห็นชอบการดำเนินการที่สำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง
เช่น การขอรับเงินอุดหนุนและส่งเสริมสนับสนุนการปลูกแทนเพิ่มเติม
โครงการควบคุมปริมาณการผลิต
การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์
ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำอันเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และการเพิ่มองค์ประกอบในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ
รวมทั้งรับทราบผลการระบายยางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
202 | รายงานการประชุมด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาในกรอบสหประชาชาติ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) | ยธ. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาในกรอบสหประชาชาติ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) จำนวน ๒ การประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล ได้แก่ (๑)
การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๔ ระหว่างวันที่ ๗-๑๒
มีนาคม ๒๕๖๔ ณ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๓๐ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑
พฤษภาคม ๒๕๖๔ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
203 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 17/2564 | นร.04 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) การจัดงานเทศกาลลอยกระทง ประจำปี ๒๕๖๔
ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ๔)
ความก้าวหน้าแผนรองรับการเปิดประเทศและการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
๖) การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่ ๗)
การปรับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่
๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และ ๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
204 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร 05 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ขึ้นใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์
(พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม
พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว)
และห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นต้น ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๙/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด
พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม
๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น ๗ จังหวัด (จังหวัดจันทบุรี
จังหวัดตาก จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา)
พื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งสิ้น ๓๘ จังหวัด พื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น ๒๓ จังหวัด
และพื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น ๕ จังหวัด ๓.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒๐/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๘) ลงวันที่
๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันโรคก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยกำหนดให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้องมีหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้
หรือหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
205 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 12/2564 | นร.11 สศช | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ (Baiya) ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙
ChulaCov๑๙ mRNA เพื่อทำการทดสอบทางคลินิกระยะที่สาม
และการผลิต เพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรอบวงเงินรวม ๒,๓๑๖.๘๐๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่
๑ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป (๓)
เห็นชอบในหลักการโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ (Baiya)
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรอบวงเงิน ๑,๓๐๙.๐๐๐๐ ล้านบาท
โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เร่งจัดทำแผนบริหารวัคซีนทั้ง ๒ ชนิด ให้ครบถ้วนชัดเจนในทุกขั้นตอน ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (Baiya) ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
|||||||||||||||||||||||||||
206 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๓ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT-GT ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานของแผนงาน
IMT-GT ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔)
ในเจ็ดเสายุทธศาสตร์ และความคืบหน้าในการจัดทำรางแผนดำเนินงานระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๕-๒๕๖๙) รวมทั้งเน้นย้ำความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพของอนุภูมิภาคในมิติต่าง
ๆ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-๑๙)
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม
และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
207 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๖) ลงวันที่
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญให้มีการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sansbox) ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม ความพร้อม
และบริบทของแต่ละพื้นที่ การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่ดังกล่าว เช่น
การยกเลิกการห้ามออกเคหสถาน โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา ๒๓.๐๐ น. ของวันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ การห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าร้อยคน
การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค
โดยยังคงปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ เป็นต้น
ตลอดจนพิจารณาปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยภายในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวและการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด
รวมทั้งกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๗)
ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ได้แก่ มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เช่น
การอยู่ในประเทศ/พื้นที่ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ
อนุมัติไม่น้อยกว่า ๒๑ วัน ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
มีหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry-COE) เป็นต้น มาตรการเมื่อเดินทางมาถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร เช่น
การเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR
จำนวน ๑ ครั้ง การตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ATK) จำนวน ๑ ครั้ง เป็นต้น และมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร
โดยการเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกำหนด ๓. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๑๘/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น ๑๗
จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
208 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 11/2564 | นร.11 สศช | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด
ฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย
โครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๓ กรอบวงเงินจำนวน ๘,๑๒๒.๓๗๖๔ ล้านบาท
โครงการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
กรอบวงเงินจำนวน ๑,๓๘๓.๘๘๑๔ ล้านบาท
โครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ กรอบวงเงินจำนวน
๔๒,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท และโครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
กรอบวงเงินจำนวน ๓,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
และโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs กรอบวงเงินจำนวน ๓๗,๕๒๑.๖๙๐๐ ล้านบาท
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
209 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 16/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
๓) แผนการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ๔) การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่
๕) ความก้าวหน้าแผนรองรับการเปิดประเทศ และ ๖) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
210 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) ดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (๒)
ดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (๓) ให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจการจัดบริการสาธารณะ ลดความเหลื่อมล้ำ
รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ (๔)
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน (๕)
ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นการกำหนดแผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่บทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดไว้ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
211 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่
และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ (๑) การส่งเสริมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย
(Smart Entry) ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ
(๒) การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
212 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ประจำปี ๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยประเทศนิวซีแลนด์
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยผลการประชุมฯ มีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การช่วยเหลือ MSMEs และการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการดำเนินงานควรมีการวางแผนบูรณาการการทำงานร่วมกัน
การวางแผนการจัดการความเสี่ยงหรือวางแผนการลงทุนทางสังคม ควรมีการดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจระยะยาว
และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการประสาน ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานผลสัมฤทธิ์ต่อยุทธศาสตร์ชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
213 | ร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 28 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ ในวันศุกร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔
ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
โดยมีประเด็นครอบคลุมการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) และสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืน ในทุกภาคส่วน
ควบคู่กับการดำเนินนโยบายทางการคลังและนโยบายอื่น ๆ
ตลอดจนการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยปรับปรุงร่างคำแปลฯ ย่อหน้าที่ ๑๕ แก้ไขจาก
เราตระหนักถึงผลลัพธ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
ที่มีการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
เป็น เรายินดีกับการรับรองการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคโดยรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
และตระหนักถึงผลลัพธ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔...
เนื่องจาก การยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค แต่ได้รับการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
และย่อหน้าที่ ๒๓ แก้ไขจาก เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ เป็น
เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งเป็นชื่อภาษไทยของ Economic
Committee ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
214 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 36/2564 | นร.11 สศช | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๖/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาเห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน
(One Stop Service) โดยเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเป็นภายในสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
และเห็นชอบให้จังหวัดนครพนม จังหวัดตรัง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอุบลราชธานี
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกโครงการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๖๕๓
ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
215 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 10/2564 | นร.11 สศช | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และพิจารณายุติการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
216 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 6) | สธ. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๖) เพื่อเป็นการเพิ่มรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลและช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ได้อย่างทันท่วงที ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนพร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
217 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 9/2564 | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการจ้างแพทย์
พยาบาลวิชาชีพ และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น
เพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่ได้รับการจัดสรรไปดำเนินการก่อนเป็นลำดับแรก และหากจะพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เห็นควรเร่งดำเนินการพิจารณากำหนดจำนวนกรอบอัตรากำลังที่จะจ้างงานภายใต้โครงการฯ
ให้เป็นไปตามความจำเป็น เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และพิจารณาความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการโดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการจ้างแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ
และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น เพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
218 | คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๓/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๔)
ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้เข้ารับการกักตัวและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
ณ สถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด และให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19
โดยวิธี RT-PCR จำนวน ๒ ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข เช่น กรณีที่มีเอกสารหรือหลักฐานว่าได้รับวัคซีน
ครบตามเกณฑ์ที่ผลิตวัคซีนกำหนดและได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เข้ารับการกักกันและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นระยะเวลาอย่างน้อย
๗ วัน เป็นต้น ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ลงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด
ตามตารางแบ่งมอบภารกิจและการกำกับดูแลแนบท้ายคำสั่งนี้ เช่น
กรมควบคุมโรคมีภารกิจในการกำหนดและกำกับดูแลการดำเนินงานตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
ในภาพรวมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เป็นต้น เพื่อให้การปฏิบัติงานตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยายสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
219 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 35/2564 | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๕/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้กรมการแพทย์
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนการบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยมหิดล เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสาระสำคัญของโครงการ
จำนวน ๗ โครงการ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
รับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการ และข้อเสนอแนวทางการดำเนินโครงการรถ Mobile พาณิชย์... ลดราคา! ช่วยประชาชน
กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ Mobile พาณิชย์...
ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก อนุมัติให้สวนพุทธชาติ
ศูนย์เรียนรู้บริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน/สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการสร้างต้นแบบศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนและครบวงจร
เพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างต้นแบบ ๑ อำเภอ
๑ ตำบล ของสุพรรณบุรี เพื่อการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน พร้อม “ร้านรวยน้ำใจ”
สู้วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ
เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ และเปลี่ยนพื้นที่ดำเนินการ ๑ พื้นที่ จากเดิม
พื้นที่เทศบาล ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง เป็นพื้นที่เทศบาล ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง
เห็นชอบให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดนครปฐม จังหวัดลำพูน
และจังหวัดยโสธร เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกโครงการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ทำให้การดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผนที่ได้รับอนุมัติไว้
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
หากหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีกแต่ยังมีเงินกู้เหลือจ่าย
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัดด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
220 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 4/2564 | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) สรุปได้ดังนี้ (๑)
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจไทย (๒) มาตรการเยียวยาแรงงาน
ภายใต้โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (๓) มาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูภาคธุรกิจ
(๔) ความคืบหน้าผลการปฏิบัติงานของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โครงการสมุยพลัส
และโครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และ (๕) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|