ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
901 | แนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก บ้านสันติคีรี หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย | ทส | 12/10/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก บ้านสันติคีรี หมู่ที่ ๑ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบเหตุ ๑.๑ มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีประสานสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดเชียงรายและองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก เพื่อดำเนินการสำรวจและออกแบบโครงสร้างป้องกันดินทรุดตัวและรอยแยก โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน (ระยะเวลา ๒ เดือน) ๑.๒ มอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก และจังหวัดเชียงราย จัดทำระบบป้องกันดินทรุดตัวและรอยแยก โดยการเพิ่มเสถียรภาพของลาดดิน และป้องกันมิให้น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินไหลเข้าสู่พื้นที่ประสบเหตุ (ระยะเวลา ๖ เดือน) ๒. พื้นที่เฝ้าระวัง ๒.๑ มอบหมายให้จังหวัดเชียงราย และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก สนับสนุนให้เจ้าของที่ดิน กำหนดระดับความเสี่ยงของพื้นที่ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันเหตุดินทรุดตัวและรอยแยกผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการคืบตัวของลาดดินและพัฒนาการของรอยแยก ๒.๒ มอบหมายให้จังหวัดเชียงราย และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก สนับสนุนให้เจ้าของที่ดิน ผู้ครอบครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำระบบป้องกันเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก ๓. พื้นที่ชุมชนดอยแม่สลอง ๓.๑ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดและประกาศเขตเสี่ยงภัยดินถล่ม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนดอยแม่สลองทั้งหมด ๓.๒ มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสม และมาตรการป้องกันเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการคืบตัวของลาดดินด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์ ๓.๓ มอบหมายหน่วยงานที่กำกับดูแลพื้นที่สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควบคุมและดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||
902 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง สำหรับค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 12/10/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕๔,๐๗๐,๐๐๐ บาท ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อจ่าย เป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๔,๑๑๕ คน ในส่วนที่เพิ่มขึ้น ๑,๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา ๑๒ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๕๒-๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) โดยให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ สำหรับค่า ตอบแทนพิเศษรายเดือนที่เบิกจ่ายตามอัตราเดิม ๑,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ให้เบิกจ่ายจากเงินรายได้ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
903 | การพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้มีการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ 1.2 ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดย รัฐเพื่อกำกับดูแลการพัฒนาระบบการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ กำหนดกลุ่มเป้าหมายของการประเมิน มาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ รวมทั้งติดตามและรวบรวมผลการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐเพื่อนำเสนอต่อคณะ รัฐมนตรี 1.3 ให้การประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐเป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดย รัฐ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงของการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินงบประมาณ โดยกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1.4 ให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐของคณะกรรม การติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ (ค.ต.ป.) ดำเนินการตามแนวทางที่ ค.ต.ป. กำหนด 1.5 ให้หน่วยตรวจสอบภายในของหน่วยงานรับผิดชอบติดตามและตรวจสอบการประเมินมาตรฐานการ จัดซื้อโดยรัฐของแต่ละหน่วยงาน โดยมี ค.ต.ป. มีหน้าที่สอบทานการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจสอบภายใน สำหรับ กรณีของกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) มีหน้าที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ ตาม ลำดับ โดยมี ค.ต.ป. พิจารณารวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรี 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การ ประเมินมาตรฐานระดับหน่วยงานเรื่องแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างและผู้ประกอบการเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและ อุปสรรคในการจัดซื้อจัดจ้างในเชิงลึก และควรมีการสร้างความพร้อมให้กับส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการ ติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐทั้งระบบ รวมทั้งสนับสนุนให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน ผลการจัดซื้อโดยรัฐได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และเมื่อส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการติดตามและ ประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐมีความพร้อมแล้ว ให้กำหนดเป็นประเด็นการสอบทานของ ค.ต.ป. และกำหนดเป็นตัวชี้ วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการโดยมีกรมบัญชีกลางเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ การกำหนดกลุ่มเป้า หมายของการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ ค.ต.ป. ควรพิจารณาให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความเสี่ยงเรื่อง การเงินสูงหรือมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างสูง โครงการที่มีผลกระทบต่อสาธารณชนเป็นจำนวนมาก โครงการที่มีความ ถี่ในการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงเกินความจำเป็นจนเป็นที่ผิดสังเกต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
904 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 8/2553 | นร | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผล
การประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และการประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษา และมีมติดังนี้ 1. กระทรวงการคลังควรพิจารณาความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินกู้ในส่วนวงเงินเหลือจ่ายอย่างรอบคอบ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวสู่สภาวะปกติแล้ว จึงควรใช้เงินเหลือจ่ายในการลงทุนโครงการที่มี ความจำเป็นเร่งด่วนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงเท่านั้น และอาจพิจารณาใช้งบประมาณแผ่นดินสำหรับ โครงการทั่วไปที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากนัก รวมทั้งควรกำหนดขอบเขตเวลาที่ส่วนราชการจะสามารถขอขยาย เวลาในการลงนามสัญญา หรือเสนอโครงการเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังฯ มีกรอบ ระยะเวลาที่ชัดเจน 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาในประเด็น ดังนี้ 2.1 พิจารณากำหนดแนวทางดำเนินโครงการและเตรียมจัดหาแหล่งเงินรองรับการดำเนินการภาย หลังจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สิ้นสุดลง เพื่อให้การดำเนินโครงการในการยกระดับมาตรฐานการ ศึกษามีความต่อเนื่องและยั่งยืน 2.2 พิจารณากำหนดแนวทางการสร้างความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาร่วมกับชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพมีส่วนร่วมในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในชุมชน ซึ่งจะทำให้การยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษามีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
905 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | กค | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ตามที่รอง นายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ 2. ให้คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรนำเป้าหมายเชิงคุณภาพมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา ร่วมด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเกิดประสิทธิผล อย่างแท้จริง รวมทั้งควรมีแนวทางเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ ใช้จ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในท้องถิ่น ตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณา ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
906 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับโครงการที่รัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย พ.ศ. .... | มท | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติ
ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับโครงการที่รัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีราย ได้น้อย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบ คุมอาคารสำหรับอาคารที่กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นของรัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
907 | การลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก | ทส | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าของผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ในเขตป่า สงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมหรือรู้เห็น หรือเป็น ตัวการในการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด โดยให้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีออกนอกพื้นที่ และกำชับ เจ้าหน้าที่ในสังกัดมิให้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าอย่างเด็ดขาด 1.2 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัด กำนัน ผู้ ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้น ที่ที่รับผิดชอบ เข้มงวดกวดขัน และเร่งรัดการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว 1.3 หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรกำชับเจ้าหน้าที่ ให้สนับสนุน ส่งเสริมเฉพาะพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ สิทธิครอบครอง และพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย เท่านั้น 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ เห็นว่า ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางเข้า-ออกพื้นที่ป่า รวมทั้งจุดผ่าน ต่าง ๆ ควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และควรให้ฝ่ายทหารเข้าร่วมดำเนินการ ด้วยเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
908 | ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 4 ฉบับ | นร | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ รวบรวมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎ หมายรายได้ท้องถิ่น กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายเกี่ยวกับข้าราชการส่วนท้องถิ่น และกฎ หมายอื่นตามหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำเป็นประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อ ประโยชน์ในการอ้างอิงและใช้กฎหมายที่จะรวมอยู่ในฉบับเดียวกัน และปรับปรุงบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวให้ เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน 1.2 ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสาระสำคัญคือ รวมบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จัดตั้ง การบริหาร อำนาจหน้าที่ รายได้ และการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันได้แก่ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล เข้าไว้ด้วยกัน (ยกเว้นกรุงเทพมหานครและการปกครองท้อง ถิ่นรูปแบบอื่น) รวมทั้งประมวลบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด เข้าไว้ด้วยกัน 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสมกับการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันและสอด คล้องกับหลักการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 1.4 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โดยจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถิ่นในสังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแก้ไขในส่วนของร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน สองวาระไม่ได้ ไม่สอดคล้องกับกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้จำกัด วาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหาร จึงสมควรแก้ไขให้สอดคล้องกัน ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี และให้ส่ง คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
|||||||||||||||||||||
909 | รายงานความคืบหน้าการทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียนตามมติคณะรัฐมนตรี | กษ | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการทบทวนระบบ
บริหารจัดการนมโรงเรียน ตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 1. คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2553 มี มติเห็นชอบหลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ภาคเรียนที่ 1/2553 และให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ ซึ่งมีสาระสำคัญได้แก่ 1.1 หลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.2 หลักเกณฑ์การจัดสรรสิทธิและพื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียนให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.3 แนวปฏิบัติในการจัดซื้อนมโรงเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และโรงเรียนเอกชน 1.4 แนวปฏิบัติการในการขนส่งและเก็บรักษานมโรงเรียน 1.5 มาตรการควบคุม กำกับ ดูแลการจำหน่ายนมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน 1.6 ราคาจัดซื้อนมโรงเรียน กำหนดให้ลดจากราคากลางเดิมที่กำหนดไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 13 พฤษภาคม 2552 โดยนมพาสเจอร์ไรส์ลดลงถุงล ะ 0.20 บาท และ นม ยู.เอช.ที. ลดลงกล่อง/ซองละ 0.25 บาท ยกเว้นพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เฉพาะ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสะบ้าย้อย นาทวี เทพา และจะนะ เฉพาะนม ยู.เอช.ที. ให้จัดซื้อในราคากลางเดิม 2. ผลการดำเนินงาน ได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับภาคเรียนที่ 1/2553 รวม ทั้งสิ้น 68 ราย และสามารถจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียนในระดับพื้นที่จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด โดย แยกประเภทผู้ซื้อเป็น อปท. จำนวน 7,851 แห่ง จำนวนนักเรียน 6,712,737 คน และเป็นโรงเรียนเอกชนสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จำนวนนักเรียน 1,411,450 คน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการนม โรงเรียนทั้ง 68 ราย รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรตามบันทึกข้อตกลง (MOU) รวม 1,211 ตันต่อวัน
|
|||||||||||||||||||||
910 | ของบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ | มท | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ใช้จ่ายงบประมาณเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ จำนวน 25,082 คน เป็นเงิน 75,246,000 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณที่ได้มีการกันไว้ตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่าย เงินจากคลังเป็นลำดับแรกก่อน หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่เห็นควรตรวจสอบข้อมูลคนพิการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยความพิการให้ถูกต้องตรงกับข้อมูลของกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับการจ่ายเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการที่มีสิทธิจะต้องเป็นคน พิการที่ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยความพิการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนด และควรจ่ายตาม ระยะเวลาที่ได้ลงทะเบียนไว้ ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
911 | ผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 3/2553 | นร | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผล
การประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 3/2553 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ ไปดำเนินการตามมติที่ประชุม ดังนี้ 1. รับทราบความก้าวหน้าโครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง โดยมอบหมายหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้ 1.1 ให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเร่งรัดหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครง การขนถ่ายขยะมูลฝอยออกจากบ่อฝังกลบขยะเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณดำเนินงานต่อไป 1.2 ให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการโครงการขนถ่ายขยะมูลฝอยภายหลัง จากลงนามในสัญญาจ้างแล้ว และพิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมซึ่งมีภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นกรรมการ 1.3 ให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดทำรายชื่อชุมชนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระบบประปา ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา พื้นที่อำเภอเมืองระยอง และโครงการสร้างปรับปรุงท่อ และขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลเมืองบ้านฉาง เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนทราบ และติดตาม/ตรวจสอบความก้าวหน้าโครงการได้ 2. เห็นชอบในรายละเอียดการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนมาบตาพุด ระยะต่อเนื่อง ประกอบ ด้วยโครงการติดตั้งชุดตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายแบบต่อเนื่องและป้ายแสดงผลคุณภาพสิ่งแวดล้อม ของกรมควบ คุมมลพิษ โครงการก่อสร้างสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ และโครงการ จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน ของเทศบาลเมืองมาบตาพุด และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนา พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการศูนย์เฝ้าระวังฯ ให้มีภาคประชาชน ร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และ โรงงานอุตสาหกรรม 3. มอบหมายให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเป็นหน่วยงานหลักประสานการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและ ที่ดินงอกในพื้นที่มาบตาพุดให้กับชุมชนร่วมกับจังหวัดระยอง และหากมีปัญหาในการดำเนินงาน ให้นำเสนอในการ ประชุมครั้งต่อไป 4. รับทราบผลการประชุมหารือเรื่อง การจัดตั้งกองทุนในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง และแผนการยก ระดับศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมระยอง เป็นสถาบันภายใต้กระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||
912 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ | สช | 16/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติที่ 6 โรคติดต่ออุบัติใหม่ ซึ่งคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 พิจารณาเห็นชอบให้คณะ กรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกันควบคุม และแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ และโรคระบาดร้ายแรงในมนุษย์ เป็นกลไกดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 โดยให้ คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ นำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการทั้ง เรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการ บทบาทการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อการบริหารจัดการโรคติดต่ออุบัติใหม่ แบบบูรณาการภายในระยะเวลา 1 ปี และการจัดทำข้อเสนอจัดตั้งกลไกระดับชาติเพื่อจัดการปัญหาโรคติดต่ออุบัติ ใหม่ที่มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีส่วนร่วมต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้อง ต่อไป ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ 2. ให้คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ในส่วนของผู้แทนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนสื่อมวลชน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาไปสู่ การปฏิบัติได้รวดเร็ว สามารถหยุดยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
913 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | นร | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่
28 กรกฎาคม 2553 และวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
914 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553 และวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ 4 สิงหาคม 2553 และครั้งที่ 2 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2553 2. ให้ปรับเพิ่มหลักการของร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กรณีร่างมาตรา 3 (แก้ ไขมาตรา 67 วรรคสี่) ให้ชัดเจนในกรณีการปรับเพิ่มเงินที่ต้องกระทำโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ตามความเห็น ของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
915 | การทบทวน ปรับปรุง หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่างๆ | กค | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2552 ดังนี้ 1.1.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของหน่วยงานสร้างอาวุธ ของกระทรวงกลาโหม 1.1.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการได้รับสิทธิพิเศษ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงกลั่นน้ำมันฝาง กรมการพลังงานทหาร สิทธิพิเศษขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) สิทธิพิเศษของสภากาชาดไทย สิทธิพิเศษของโรงพิมพ์ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และโรงพิมพ์ที่อยู่ในความควบคุมของหน่วยงานดังกล่าว และสิทธิพิเศษของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา 1.1.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงานต่างๆ จำนวน 2 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงเรียนผู้ใหญ่รวมช่าง โรงเรียนผู้ใหญ่สายอาชีวศึกษา และโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2517 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0203/ว 118 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2517 และสิทธิพิเศษของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2531 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 190 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2531 1.2 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ดังนี้ 1.2.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 1.2.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไป โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขการได้รับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 4 หน่วยงาน ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา (โรงเรียนต่อเรือพระนครศรีอยุธยา เดิม) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กรมอาชีวศึกษา เดิม) บริษัท ไม้อัดไทย จำกัด และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ 1.2.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงาน จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2541 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว(ล) 12361 ลงวันที่ 23 กันยายน 2541 เนื่องจากไม่มีภารกิจในการผลิต รับจ้างทำ จำหน่าย ให้บริการหรือหมดความจำเป็นที่จะได้รับสิทธิพิเศษต่อไปและให้แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ ทราบต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า กรณีสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ดำเนินการโดยวิธีกรณีพิเศษได้นั้น สมควรกำหนดให้มีการตรวจสอบราคาตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ราคาอ้างอิงด้วย เพื่อให้การดำเนินการมีความโปร่งใสและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
916 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วย วิชาชีพการสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การจัดสรรเงินอุดหนุนจากงบ ประมาณแผ่นดินควรพิจารณาจากความเหมาะสมตามความจำเป็นในแต่ละปีและเป็นไปตามกระบวนการและวิธีการจัด ทำงบประมาณรายจ่ายตามที่กฎหมายกำหนด และควรระวังมิให้มีการจำกัดสิทธิของประชาชนหรือองค์กรภาคเอกชน ในการที่จะช่วยพัฒนาการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจากการที่ต้องขึ้นทะเบียนและขอรับใบอนุญาต รวมทั้งควรมีบท บัญญัติส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขได้มีโอกาสเป็น ผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพการสาธารณสุข ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติ บัญญัติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
917 | โครงการถวายพระพรออนไลน์ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม 2553 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ 1.1 การจัดโครงการถวายพระพรออนไลน์ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม 2553 ของกระทรวงเทคโนโล ยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ 1.2 ให้ส่วนราชการระดับกระทรวงและหน่วยงานในสังกัด จังหวัด องค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กร ส่วนท้องถิ่น ภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ใช้เว็บไซต์ถวายพระพรออนไลน์ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสารลงบนหน้าแรกของเว็บไซต์ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการถวายพระ พรออนไลน์ 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าควรเปิดโอกาส ให้คนไทยในต่างประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการฯ ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
918 | ขออนุมัติดำเนินโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง | ทก | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เพื่อพ่อหลวง จำนวน 1,000 แห่งทั่วประเทศ วงเงิน 578,000,000 บาท ภายในปีงบประมาณประจำปี 2554 โดย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป 1.2 เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการ ใช้บริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ศูนย์ ICT ชุมชนทั่วประเทศที่อยู่ในบริเวณซึ่งไม่มีโครงข่ายโทรคมนาคมเข้าถึง และต้องใช้ โครงข่ายดาวเทียมซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการติดต่อสื่อสาร รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ประชาชน 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
919 | แนวทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสมทบงบประมาณแก่กองทุนสวัสดิการชุมชน | พม | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแนวทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สมทบงบประมาณแก่กองทุนสวัสดิ การชุมชน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.1 อปท. ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหา นคร เมืองพัทยา สามารถจัดตั้งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานและสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชนซึ่งเป็นภารกิจ ของ อปท. ในการสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มต่าง ๆ ในชุมชนที่มีเป้าหมาย เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกกลุ่ม 1.2 การสมทบงบประมาณ โดย อปท. แก่กองทุนฯ เป็นการยึดหลักความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา โดย ประชาชนออม 1 ส่วน อปท. สมทบงบประมาณ 1 ส่วน และรัฐบาล 1 ส่วน โดย อปท. พิจารณาสมทบงบประมาณได้ ตามฐานะการคลังของแต่ละ อปท. 1.3 องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สามารถให้การสนับสนุนงบประมาณให้กับเทศบาล อบต. เพื่อ การสมทบงบประมาณแก่กองทุนสวัสดิการชุมชนได้ โดยปฏิบัติตามระเบียบ หนังสือสั่งการ ตามประกาศคณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ที่เกี่ยวข้อง 2. ทั้งนี้ การสนับสนุนหรือการสมทบงบประมาณให้แก่กองทุนฯ ให้เป็นไปตามความสมัครใจของ อปท. แต่ ละแห่ง และให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยรับความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็น ควรจัดระบบความสัมพันธ์ของการจัดสวัสดิการทางสังคมต่าง ๆ ให้เชื่อมโยงและเกื้อกูลกันทั้งระบบสวัสดิการในระดับ ชาติ ระดับท้องถิ่น และระดับชุมชน พร้อมทั้งจัดให้มีกลไกในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดการดำเนินงาน ระหว่างชุมชนเพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และควรร่วมกันพิจารณาบูรณาการการ ดำเนินงานของกองทุนฯ และกองทุนฯ เพื่อให้เกิดการส่งเสริมเกื้อหนุนเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ให้ อบจ. สามารถสมทบงบประมาณแทน อปท. อื่นในจังหวัด ให้กระทำได้ในกรณีที่ อปท. อื่นไม่สามารถให้การสมทบได้ เนื่อง จากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
920 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบบริหารหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบบริหารหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบบริหารหมู่บ้านฯ พ.ศ. 2522 โดยกำหนดคำนิยาม ให้มีความชัดเจนขึ้น และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง โครงสร้างหมู่บ้าน องค์ประกอบของคณะกรรมการกลาง อำนาจหน้าที่ การจัดสรรรายได้ การจัดทำงบประมาณ และการควบคุม ตาม ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนัก งานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และ กระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการให้คณะกรรมการกลางบริหารหมู่บ้านให้สอดคล้องกับแนวทางดำเนินงานในกรอบ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งให้คณะทำงานด้านการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อยของหมู่บ้านอาสา พัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) เพิ่มเติมหน้าที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างจิตสำนึกด้านความมั่นคงของคนและชุมชนใน หมู่บ้าน อพป. และกำหนดบทบาท ภารกิจและอำนาจหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีระบบและกลไกการบริหารงานที่ประสานสัมพันธ์กันและไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน นอกจากนี้ เห็นควรให้คณะกรรมการ กลางของแต่ละหมู่บ้านต้องมีการประชุมและเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาโดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งในการประชุม และการเตรียมความพร้อมของชุมชนอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง และปรับเพิ่มงบประมาณในพื้นที่เสี่ยง ไปประกอบการ พิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 2. ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการกลาง (ร่างมาตรา 13) ให้กระทรวงมหาดไทยไปพิจารณา กำหนดหลักเกณฑ์ โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังต่อไป |