ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
921 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ บริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ไปพิจารณาว่า จะสมควรรวมกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการ พิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิก สภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงาน ด้านนิติบัญญัติ และร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่าง การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้หรือไม่ เพียงใด เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฯ ที่สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมีหลักการบางเรื่องทำนองเดียวกับร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว เช่น การ เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นและการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และ บางเรื่องเป็นสาระใหม่ที่ไม่มีกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ เช่น การรายงานการดำเนินงานต่อประชา ชนในการจัดทำงบประมาณ การใช้จ่าย และผลการดำเนินงานในรอบปี 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นว่าในการรายงานการ ดำเนินงานที่เกี่ยวกับงบประมาณควรกำหนดขอบเขตของรายรับที่จะรายงานให้ชัดเจน เนื่องจากรายรับขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประกอบด้วยรายได้จาก 3 แหล่ง คือ รายได้ที่ อปท. จัดเก็บเอง รายได้ที่รัฐจัดเก็บให้ และแบ่งให้ และเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ ส่วนการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตามร่างพระราชบัญญัติฯ อาจ มีค่าใช้จ่าย จึงควรกำหนดให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของ อปท. ไปพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
922 | ขอความเห็นชอบแผนพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน พ.ศ. 2553 - 2557 | กษ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแผนการพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน พ.ศ. 2553-2557 เพื่อเป็น กรอบในการดำเนินงานพัฒนาสุกรทั้งระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสาระสำคัญของแผนฯ เป็นการพัฒนา และควบคุมคุณภาพการผลิตสุกรตั้งแต่การจัดการฟาร์มที่ถูกสุขลักษณะ การเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรค ตรวจสอบ คุณภาพอาหารสัตว์ปัจจัยการผลิต และการปรับปรุงพัฒนาโรงฆ่าสัตว์ การฆ่าชำแหละ รวมถึงการขนส่งซากสุกร ที่ถูกสุขอนามัย โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ปรับแก้ไขถ้อยคำในหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ กษ 0614/2560 ลง วันที่ 9 เมษายน 2553 หน้า 5 ข้อ 2.4 บรรทัดที่ 3 จากเดิม "...ซึ่งมีทั้งหมด 4 แผนงาน 16 โครงการ" เป็น "...ซึ่งมีทั้งหมด 4 แผนงาน 18 โครงการ" ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรที่ขึ้นทะเบียน เช่น การตั้งศูนย์ช่วยเหลือเกษตรกรในระดับจังหวัด การกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาที่ครอบคลุมการ สร้างมูลค่าและคุณค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยเฉพาะการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสุกรประเภทต่าง ๆ การประสานความ ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนแผนฯ ให้ บรรลุตามเป้าหมาย รวมทั้งควรมีมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีหรือจัด หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
923 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน พ.ศ. .... | ศธ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1.1 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะ กรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการ ของสถาบันอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ 1.2 ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลัก เกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่ง นายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน 2. สำหรับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพิ่มนิยามของส่วนราชการในร่างข้อ 2 ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรมีการประสานความร่วมมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรร่วมกันของสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่ จะรวมกันจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เป็น องค์ประกอบสำคัญของหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการแบ่งส่วนราชการตามที่ได้กำหนดในพระราชบัญญัติการอาชีว ศึกษา พ.ศ. 2551 เพื่อให้การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษาเป็นมาตรฐานเดียวกันในลักษณะเดียวกับ หลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ที่คณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ใช้เป็นเกณฑ์สำหรับ แบ่งส่วนราชการสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญา และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแนว ทางประสานความร่วมมือเพื่อรับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานประกอบการเอกชน ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
924 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ. .... | มท | 18/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยาน
สุวรรณภูมิ พ.ศ. .... ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) พิจารณา แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนา พื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนออาจกระทบบทบาทและการมี ส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหลักการกระจายอำนาจ
|
|||||||||||||||||||||||||||
925 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคำขอที่ 3/ 2548 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 และวันที่ 15 พฤศจิกายน 2533 ตามที่กระทรวงอุตสาห กรรมเสนอ 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรระมัดระวังเรื่องคุณภาพ น้ำ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และรับความเห็นของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยว กับขั้นตอนการอนุญาตประทานบัตรให้นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจ สอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณฯ ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาราย งานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงการเหมืองแร่ให้ความเห็นชอบแล้ว ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบ อนุญาตต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้น ที่ที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือสุขอนามัยของประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนหรือกระบวนการ พิจารณาเพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นสื่อกลางในการสร้างความ เข้าใจที่ถูกต้องต่อโครงการที่ขอประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำกับประชาชนในพื้นที่ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
926 | ข้อเสนอแนวทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน | นร | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งพิจารณาแนวทางในการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการจัด การที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการต่าง ๆ โดยเห็นว่าเป็นนโยบายที่สำคัญเร่ง ด่วนของรัฐบาล สมควรที่ส่วนราชการซึ่งมีที่ดินสามารถสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวได้ให้ความสำคัญและเร่ง รัดพิจารณาการขอใช้ที่ดินเมื่อ อปท. ร้องขอ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ที่เห็นว่า อาจนำเรื่องนี้รวมพิจารณากับประเด็นกฎหมายภาษีและที่ดิน โฉนดชุมชน การแก้ปัญหาที่ดินหวงห้าม โดยการมอบหน่วยงาน รัฐมนตรี หรือกระทรวงที่รับผิดชอบ จัดสัมมนาเชิงนโยบาย ด้านที่ดิน แล้วกำหนดวันนำเสนอต่อสาธารณะพร้อมกันต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
927 | (ร่าง) แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. 2553 - 2555 (แผนระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 | สธ | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. 2553-2555 (แผน ระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยสาระสำคัญของร่าง แผนฯ เพื่อคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพร ที่มีระบบนิเวศตามธรรมชาติ หรือมีความหลากหลาย ทางชีวภาพ หรืออาจได้รับผลกระทบจากการกระทำของมุนษย์ในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ โดยมุ่งการสร้าง กระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างองค์กร ชุมชน และภาครัฐ ในการอนุรักษ์ สืบทอด และการบริหารจัดการสมุนไพรให้ เกิดความยั่งยืน และได้รับประโยชน์สูงสุด โดยกำหนดพื้นที่คุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ 4 แห่ง ได้แก่ พื้น ที่ป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี เขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่ป่า เขาสลัดได อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ 2. สำหรับกรอบวงเงินในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 2,105,000 บาท และปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 3,030,000 บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนา การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณ และได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป แต่เนื่อง จากแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ 4 แห่งดังกล่าวได้กำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ มาตรการ ตัว ชี้วัดที่ใกล้เคียงกัน และมีกิจกรรมการดำเนินงานที่ส่งผลให้เกิดความสำเร็จแตกต่างกัน จึงเห็นควรให้กรมพัฒนาการ แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกทบทวนแผนฯ โดยพิจารณากำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ มาตรการ ตัวชี้วัด และ แนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีการนำองค์ความรู้เรื่องสมุนไพรและ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียน และ/หรือหลักสูตรการเรียนการสอน และจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริม การมีส่วนร่วมของเยาวชนในการอนุรักษ์และคุ้มครองสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์ นอกจากนี้ ควรประสานความร่วม มือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขยายบทบาทการมีส่วนร่วมในการจัดการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และ ส่งเสริมการสร้างประชาคม สร้างเครือข่ายการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรร่วมกับชุมชนให้มากขึ้น รวมทั้งให้ ความสำคัญกับการจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรของท้องถิ่นชุมชน สร้างระบบการเรียนรู้ ถ่ายทอดยกระดับภูมิปัญญา ท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรร่วมกับความรู้สมัยใหม่ ตลอดจนร่วมกันกำหนดกติกา หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรของชุมชนร่วมกันควบคู่กับการกำหนดมาตรการในการควบคุมกิจกรรมที่คุกคามทำลายระบบนิเวศน์ เพื่อให้เกิดการรักษาฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
928 | ขอความร่วมมือในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดใช้ถุงพลาสติก (วันที่ 22 เมษายน - 5 มิถุนายน 2553) | ทส | 27/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอความร่วมมือ
จากประชาชน และหน่วยงานทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัด ในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการลดปริมาณขยะ ภายใต้แนวความคิด ลดถุงพลาสติก ลดโลกร้อน และการใช้ถุงผ้า หรือตระกร้า เพื่อลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติก ลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
929 | กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2559 | ทส | 20/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่จังหวัดชาย ฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2559 รวมระยะเวลา 6 ปี วงเงิน 19,580.8 ล้านบาท จำนวน 933 โครงการ จำแนกเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 วงเงิน 4,436.9 ล้านบาท จำนวน 202 โครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2559 วงเงิน 15,143.9 ล้านบาท จำนวน 731 โครงการ โดยเป็นโครงการที่มีความสำคัญต้องดำเนิน การเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 วงเงิน 2,490.5 ล้านบาท จำนวน 31 โครงการ 1.2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วย งานรับผิดชอบประสานการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 1.3 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ ให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่อยู่ในกรอบแผนบูรณาการงบ ประมาณฯ หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญเพื่อดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ส่วน โครงการที่ไม่ปรากฎในกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการและเป็นโครงการที่สอด คล้องกับยุทธศาสตร์ และ/หรือแผนปฏิบัติการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถ พิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ แผนบูรณาการงบประมาณฯ ควรปรับปรุงเป็นระยะตามความ เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาความเหมาะสมเชิงเทคนิคในส่วนโครงการ ที่ยังไม่มีแผนแม่บทรองรับก่อน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการเพื่อมิให้การดำเนินโครงการเกิดผลกระทบต่อ เนื่องต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเล และการเปลี่ยนแปลงทางสมุทรศาสตร์ในภาพรวมได้ในภายหลัง นอก จากนี้ ควรประเมินผลกระทบของระบบนิเวศทางทะเลต่อการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลให้มี ความชัดเจนก่อนดำเนินโครงการที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการ ตลอดจนเร่งติดตามประเมินประสิทธิภาพโครงสร้างป้อง กันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ผ่านมา และในระยะยาวควรให้ความสำคัญกับแผนงานฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม และระบบนิเวศโดยเฉพาะการปลูกป่าชายเลน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งประสานไปยังจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกี่ยวข้องเพื่อ ให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ เกี่ยวกับการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่จังหวัด หรือ อปท. จะดำเนินการ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบ เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการการ ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
930 | ขออนุมัติหลักการก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัด อำเภอและตำบล | กก | 20/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ก่อสร้างสนามกีฬาระดับจังหวัด 6 จังหวัด คือ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดสกลนคร และจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬาเสนอ และให้ก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดนราธิวาสเพิ่มเติมอีกหนึ่งจังหวัด โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เกี่ยวกับการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับขนาด สถานที่ และงบ ประมาณในการก่อสร้าง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อ จัดทำแผนการถ่ายโอนสนามกีฬาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ให้ อปท. บริหารจัดการและ ใช้ประโยชน์ เพื่อแบ่งเบาภาระในการดูแลบำรุงรักษา ไปดำเนินการ และให้จัดทำแผนขอรับการจัดสรรงบประมาณ ร่วมกับสำนักงบประมาณต่อไป 2. สำหรับสนามกีฬาระดับอำเภอและระดับตำบลให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำแผนการดำเนิน งาน ตลอดจนงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
931 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ | ทส | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รับเรื่อง ขออนุมัติดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง 2. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของโครงการฯ (Feasibility Study) ควบคู่ไปกับการดำเนิน โครงการสำรวจ ออกแบบ โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนงานลงทุนด้านน้ำของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยว ข้อง และแผนงานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วย และจัดทำประมาณการงบประมาณปี พ.ศ. 2553 ที่ เหลือจ่ายของกรมทรัพยากรน้ำที่สามารถนำไปใช้กับโครงการฯ ส่วนแผนงานที่ยังไม่ได้จัดสรรเงินให้ขอใช้งบประมาณ ปกติ ปี พ.ศ. 2554 ต่อไป สำหรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และโครงการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างด้านแหล่งน้ำภาย ใต้โครงการฯ ควรมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการฯ ศึกษาความพร้อมด้านต่าง ๆ และประสานกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ก่อนการดำเนินการเพื่อให้เกิด ความชัดเจนและยอมรับร่วมกัน รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้มีการศึกษาความเหมาะสม ของโครงการฯ การวิเคราะห์ทางเลือกในเชิงเปรียบเทียบต้นทุน ความคุ้มค่าในการดำเนินงาน และการศึกษาถึงผล กระทบสิ่งแวดล้อมแยกเป็นรายโครงการ และกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในแต่ละโครงการ/รายการให้เหมาะสมและ สอดคล้องตามสภาพปัญหาและความจำเป็นเร่งด่วนโดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องน้ำมาร่วมพิจารณาในเชิงบูรณา การเพื่อให้ได้ข้อสรุปในรายละเอียด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
932 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์การสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ การประชุม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการวิทยาลัย พ.ศ. .... | ศธ | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์การสรรหา
การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ การประชุม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะ กรรมการวิทยาลัย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดคำนิยาม ผู้ปกครอง ครูหรือคณาจารย์ วิทยาลัย องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศิษย์เก่า ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการและกรรมการ 2. กำหนดให้มีคณะกรรมการวิทยาลัยและกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการ 3. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการ 4. กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาและการเลือกกรรมการ 5. กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ วิธีการประชุม และองค์ประชุม 6. กำหนดให้ผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินการสรรหา เลือก และเสนอรายชื่อประธานกรรมการและ กรรมการให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ 7. กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหรือ การดำเนินการเลือกประธานกรรมการและกรรมการตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
933 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางสำหรับ โครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและการพัฒนาการของเด็ก | สธ | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและการพัฒนาของเด็ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีสุขภาพอนามัย พัฒนาการ และการเจริญเติบโตเต็ม ตามศักยภาพของเด็ก เพื่อพัฒนาศักยภาพครูผู้ดูแลเด็กให้มีความรู้ ทักษะการดูแลสุขภาพอนามัยอย่างรอบด้าน เพื่อพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาเด็ก และเพื่อ พัฒนาให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ระยะเวลาดำเนินการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยรับข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรให้มี ทางเลือกวิธีการบริหารจัดการศูนย์ที่เหมาะสมกับสภาพทางภูมิศาสตร์และศักยภาพของพื้นที่และใช้ประโยชน์ให้ คุ้มค่า รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและคลังสมอง (ผู้เกษียณอายุที่มีความรู้และประสบการณ์) ในพื้นที่ ที่มีส่วนร่วมในการจัดการดูแลเด็กเพื่อให้มีการพัฒนาการรอบด้านเหมาะสมกับวัยหรือสูงกว่าเป้าหมาย นอกจาก นี้ ควรเตรียมการเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีแนวดำเนินงานได้จริง และอย่างต่อ เนื่อง การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างการยอมรับจากประชาชนและชุมชนโดยมีองค์กรอื่น ๆ เป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน และการสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก 2. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินไม่เกิน 94,508,000 บาท โดยรายละเอียด ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2555 ให้กรมอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ตามความเหมาะสม กับความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
934 | การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2553 | มท | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการและ
ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศ กาลสงกรานต์ ปี 2553 ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วย 1. ช่วงเวลาในการดำเนินการรณรงค์ ระหว่างวันที่ 12-18 เมษายน 2553 รวม 7 วัน 2. เป้าหมายการดำเนินการ เพื่อลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ (admit) ให้ลดลงร้อยละ 5 3. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (เน้นหนัก) ให้หน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการเน้นหนัก 8 มาตรการ คือ (1) มาตรการ ด้านการบริหารจัดการ (2) มาตรการด้านการป้องปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย (3) มาตรการด้านสังคมและชุมชน (4) มาตรการด้านการตรวจสอบความปลอดภัยของถนนและรถยนต์ (5) มาตรการด้านการช่วยเหลือ กู้ชีพ กู้ภัย (6) มาตรการด้านการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง (7) มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนัก และ (8) มาตรการด้านการรายงานผลและวิเคราะห์ข้อมูล 4. ช่วงเวลาในการดำเนินงาน กำหนดเป็น 2 ช่วง ดังนี้ 4.1 ระยะที่ 1 ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ 1-11 เมษายน 2553 ให้จังหวัดเตรียมความพร้อม และดำเนินงานในภารกิจต่าง ๆ ได้แก่ จัดประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด วาง แนวทางในการดำเนินงาน ตลอดจนจัดทำแผนการดำเนินงานในภาพรวมของจังหวัดเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งด้าน การปฏิบัติและงบประมาณ วางแผนการจัดตั้งจุดตรวจและจุดบริการ เป็นต้น 4.2 ระยะที่ 2 ช่วงปฏิบัติการเข้มข้น ระหว่างวันที่ 12-18 เมษายน 2553 ดำเนินการตามมาตรการ เน้นหนัก ตั้งจุดตรวจร่วมเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจร โดยให้มีการเข้มงวดจับกุมดำเนินคดี ขั้นสูงสุดในคดีความผิด 3ม. 2ข. 1ร. เป็นต้น 5. แผนการดำเนินงาน แบ่งเป็น 4 แผนงาน ดังนี้ 5.1 จัดตั้งศูนย์อำนวยการ/ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2553 ในส่วนกลาง ระดับจังหวัด และอำเภอ 5.2 ตั้งจุดตรวจร่วม/ด่านตรวจร่วมบนถนนสายหลัก สายรอง และถนนในเขตชุมชน/หมู่บ้าน 5.3 ตั้งจุดสกัดประจำหมู่บ้าน ชุมชน 5.4 จัดตั้งหน่วยสนับสนุนและบริการประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
935 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้ 1.1 จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย 1.1.1 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสระ แก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัด ตาก จังหวัดน่าน จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี - ขอปรับกิจกรรมและงบประมาณของโครงการเพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อ การดำเนินงาน - ขอแก้ไขรายการซ้ำซ้อนกับรายการที่หน่วยงานอื่นได้รับจัดสรรแล้ว โดยโครงการจังหวัด และกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการซ้ำซ้อน ให้นำโครงการลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่ม จังหวัดปี 2553 มาดำเนินการแทน - ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการบันทึกข้อมูลให้ถูกต้อง รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดงบ ประมาณรายจ่ายให้ถูกต้องตามหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย - ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการให้สอดคล้องกับการดำเนินการจริง - ขอเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนใน วงเงินเดิม - ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินการให้ตรงกับข้อเท็จจริงตามทะเบียนภูมิศาสตร์ 1.1.2 จังหวัดนนทบุรี ขอปรับลดเป้าหมายการดำเนินการจากการขุดลอกคลอง อำเภอเมือง 15 สาย เป็น 10 สาย และขอเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในการขุดคลองอำเภอบางกรวย จาก 3 สาย เป็น 45 สาย 1.1.3 จังหวัดตราด (รายการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล) ขอเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในการดำเนิน การภายใต้วงเงินเดิม และขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้องตามหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย 1.1.4 จังหวัดสุราษฎร์ธานี (รายการส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านท่องเที่ยว OVC เมืองคนดี) ขอเปลี่ยน แปลงรายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้องตามหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย 1.2 กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการครุภัณฑ์ เพื่อให้ตรงกับคุณ ลักษณะเฉพาะที่กองทัพบกกำหนด และให้ตรงกับความต้องการของหน่วยงานที่จะใช้งาน 1.3 กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่การดำเนินการ เนื่องจากรายการเดิม เป็นการก่อสร้างที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 1.4 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ขอเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการให้ เป็นไปตามสภาพปัญหาในพื้นที่ความมั่นคงปลอดภัยทางวิศวกรรมและความต้องการของท้องถิ่น 1.5 กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอแก้ไขจำนวนอัตราที่จัด สรรให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง 2. รับทราบการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเกาะสีชัง 2 แห่ง พร้อมเรือขน ถ่ายนักท่องเที่ยว ของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ เป็น ไปตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
936 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2551 | นร | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์เสนอรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2551 สรุปได้ดังนี้ 1. ข้อมูลประชากรผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ. 2551 มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป) 7.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.1 ของประชากรทั้งหมด ประชากรอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไปมีจำนวนเพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุหญิงมี แนวโน้มอายุยืนกว่าผู้สูงอายุชาย 2. สถานการณ์ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ. 2551 ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ร้อยละ 57.7 มีปัญหาการ มองเห็น ปัญหาการได้ยินสูงขึ้นแบบทวีคูณ ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุง่าย กรณีพลัดตกหกล้มสูงถึงร้อยละ 40.4 มีผู้สูงอายุที่พิการ ร้อยละ 15.3 สำหรับโรคของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของต่อมไร้ ท่อ และโรคเบาหวาน ตามลำดับ 3. การดูแลและสวัสดิการของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุร้อยละ 90 ยังคงได้รับการดูแลเอาใจใส่จากสมาชิกของ ตนเอง รวมทั้งยังมีการดูแลและสวัสดิการผู้สูงอายุโดยภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรสาธารณประโยชน์ 4. การทำงาน รายได้ และการออมของผู้สูงอายุ การทำงานของประชากร พ.ศ. 2551 พบผู้สูงอายุที่ทำ งานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37.3 ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรม แต่การทำงานนอกภาคเกษตรกรรม ก็เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุร้อยละ 62.0 ประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยไม่มีลูกจ้าง และมีสัดส่วนการเป็นลูกจ้างเอกชนเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 13.3 ผู้สูงอายุมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยลดลง นอกจากนี้ แรงงานผู้สูงอายุนอกระบบ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 91.4 แนวโน้มจำนวนผู้สูงอายุที่ยากจนลดลงเหลือ 1.19 ล้านคน ส่วนสถานการณ์การออม พบ ว่าสัดส่วนการออมส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นจากเดิมแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยการออมเพื่อวัยสูงอายุมีทั้งแบบบังคับ และแบบ สมัครใจ เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น 5. การเข้าถึงข้อมูลการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต ผู้สูงอายุฟังวิทยุลดลง แต่นิยมชมโทรทัศน์เพิ่มขึ้นต่อ เนื่อง โดยรายการที่นิยมส่วนใหญ่ คือ ข่าว รองลงมา คือ บันเทิง ในปี พ.ศ. 2551 ผู้สูงอายุศึกษาต่อในสถาบันอุดม ศึกษา จำนวน 2,950 คน เพิ่มขึ้นจากเดิม เข้ารับการศึกษานอกระบบขั้นพื้นฐาน 13,501 คน และเข้าศึกษาตาม อัธยาศัยในหลักสูตรอาชีพระยะสั้น 148,941 คน โดยสนใจการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคม/ชุมชน 6. ศักยภาพของผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ. 2551 มีผู้สูงอายุที่มีศักยภาพในด้านต่าง ๆ คือ ด้านการบริหาร มีผู้ สูงอายุที่ทำงานการเมือง คณะกรรมการระดับชาติ ระดับภูมิภาค ระดับท้องถิ่น ด้านการมีส่วนร่วมทางสังคม ด้าน การอนุรักษ์และถ่ายทอดภูมิปัญญา 7. สถานการณ์เด่นผู้สูงอายุไทย ปี พ.ศ. 2551 ได้แก่ การสรรหาผู้สูงอายุแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2551 การสร้างระบบการติดตามและประเมินผลแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2564) และสถานการณ์ผู้ สูงอายุในรอบปี พ.ศ. 2551 เป็นต้น 8. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 8.1 ให้ความสำคัญกับการจัดระบบและช่วยเหลือการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุ พร้อมทั้งดูแลและจัดสิ่ง แวดล้อมในครอบครัว และสถานที่สาธารณะให้เหมาะสมแก่ผู้สูงอายุ การจัดทำมาตรฐานการดูแลของสถานบริการ และผู้ดูแลเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสม 8.2 มีการผลิตสื่อทั้งประเภทเนื้อหาและรูปแบบที่ผู้สูงอายุนิยมและเพิ่มช่องทางด้านสื่อโทรทัศน์ โดย เฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้ดู และการสอดแทรกสาระที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ อาทิ ด้านสุขภาพ เป็นต้น 8.3 เร่งจัดตั้งระบบบำนาญชราภาพที่มาจากการออมส่วนบุคคล ร่วมกับการจัดสวัสดิการจากรัฐ เพื่อ เป็นหลักประกันสำหรับผู้สูงอายุในอนาคต 8.4 ผลักดันให้แผนผู้สูงอายุแห่งชาตินำไปสู่การแปลงแผน เพื่อการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ การมีส่วนร่วมของทุกหน่วยงานโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีบทบาทเป็นเจ้าภาพในการนำแผนไปสู่ การปฏิบัติ โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพและรายได้ของผู้สูงอายุ และส่งเสริมกระบวนการภาคประชาสังคม โดยมี หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นผู้สนับสนุนองค์ความรู้และทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
937 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการการอาชีวศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | ศธ | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมใน
การจัดการการอาชีวศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญ คือ 1. กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขประกอบเกณฑ์การประเมินความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น 2. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความประสงค์จะจัดการการอาชีวศึกษายื่นคำขอต่อสำนัก งานล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามร้อยวันก่อนวันเริ่มต้นปีการศึกษาที่จะเปิดทำการสอน 3. กำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการเพื่อทำการประเมินเพื่อทำหน้าที่ประเมินความพร้อมในการจัด การการอาชีวศึกษาและแจ้งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
938 | ร่างแผนหลักการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553 - 2557 | มท | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่ง ชาติ (กปอ.) เสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างแผนหลักการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 ซึ่งได้กำหนดวิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และหน่วยงานรับผิดชอบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการกับอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รวมทั้งมีวัฒนธรรมความปลอดภัยในวิถีชีวิตเพื่อลดความ สูญเสียทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการ ป้องกันอุบัติภัย ยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยี ยุทธศาสตร์การเฝ้าระวังและเตือนภัย ยุทธศาสตร์การสร้างการ มีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ยุทธศาสตร์การบังคับและปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ และยุทธศาสตร์การ บริหารจัดการ 1.2 ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นผู้ประสานงานในการจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับแผน หลักการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 2. ให้ กปอ. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ โดยให้ภาคประชาชน เอกชน องค์การสาธารณกุศล และสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงอุบัติภัยต่าง ๆ และให้สังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและแนวทางการป้องกัน รวมทั้งรัฐบาลและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานอย่างเพียงพอ และให้จัดตั้งเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ ของแต่ละจังหวัดเพื่อรณรงค์ป้องกันอุบัติภัยอย่างต่อเนื่อง มีการประกวดและมอบรางวัลแก่จังหวัดที่เกิดอุบัติภัยน้อย ที่สุด เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการป้องกันมิให้เกิดอุบัติภัยในจังหวัด ส่วนยุทธศาสตร์การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคี ต่าง ๆ ซึ่งเพิ่มบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของ อปท. นั้น ต้องพิจารณาถึงศักยภาพและสถานะทางการคลังของ ท้องถิ่นเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
939 | การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพอื่น | มท | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้ใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อจ่ายคืนเงินค่าปรับให้แก่ผู้ ประกอบอาชีพงานก่อสร้างที่ได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และวัน 2 ธันวา คม 2551 กรณีผิดสัญญาที่ได้นำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดินแล้ว จำนวน 641 โครงการ จำนวนเงิน 123,324,148 บาท ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจ่ายคืนให้แก่ผู้รับจ้างต่อไป 1.2 การเบิกจ่ายเงินงบกลาง ฯ ให้เบิกจ่ายได้เมื่อกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบการขอคืนเงินค่าปรับและ ได้อนุมัติให้ถอนคืนเงินค่าปรับได้ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง และให้รับความ เห็นของกระทรวงการคลัง ที่ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเบิกจ่ายเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ หากกรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่นเบิกจ่ายเงินรายการดังกล่าวไม่แล้วเสร็จกระทรวงการคลังจะไม่อนุมัติให้กันเงินงบประมาณที่คงเหลือไว้เบิกเหลื่อม ปี ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
940 | แต่งตั้งกรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในคณะกรรมการการอาชีวศึกษาแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายอำนาจ เต็มสงสัย) | ศธ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำนาจ เต็มสงสัย เป็นกรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แทนนายสายัณห์ มีแสง ที่ถึงแก่กรรม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดย ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 กุมภาพันธ์ 2553) เป็นต้นไป
|
.....