ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | รายงานผลการศึกษา เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการศึกษา
เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
๒.
มอบหมายให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
42 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมท่าอากาศยาน และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม ในการดำเนินโครงการของกรมทางหลวง
กรมทางหลวงชนบท กรมท่อากาศยาน และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำนวน ๔๒ โครงการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๑,๖๕๓.๓๐๕๓ ล้านบาท (ระยะเวลาดำเนินการ
ปี ๒๕๖๘-๒๕๗๕ โดยมีวงเงินที่จะขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
จำนวน ๑๕,๖๒๗.๙๔๑๑ ล้านบาท และให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
เร่งจัดทำข้อเสนอโครงการและเสนอขออนุมัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงแผนขับเคลื่อนกิจการเพื่อใช้ในการดำเนินงานตามแนวทางของแผนฟื้นฟูกิจการ
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ให้เสร็จโดยเร็ว ให้กรมท่าอากาศยาน
พิจารณาปรับแผนการพัฒนาท่าอากาศยานชุมพรให้มีความสอดคล้องกับแผนการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง
รวมถึงประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดให้มีบริการขนส่งสาธารณะระหว่างท่าอากาศยานชุมพรกับแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่เศรษฐกิจ
และแหล่งชุมชนที่สำคัญ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานชุมพรในปัจจุบัน ให้กรมทางหลวงประสานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
43 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า
(จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า) งบประมาณ ๑,๙๙๕.๔๓ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย และให้กระทรวงมหาดไทย
โดยเทศบาลนครนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างรายได้และโอกาสให้แก่ประชาชน
การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการภาครัฐหรืออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
44 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.01 | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด
(ก.ธ.จ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้ติดตามสอดส่องการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
๒,๐๙๘
เรื่อง และมีข้อเสนอแนะ ๑,๕๗๖ ข้อ ใน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑)
แผนงาน/โครงการ ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ๒)
แผนงาน/โครงการของส่วนราชการในจังหวัด ๓) แผนงาน/โครงการอื่น ๆ (เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และรัฐวิสาหกิจ) และ ๔) เรื่องร้องเรียน ๒.
ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญและแนวทางการแก้ไขของ ก.ธ.จ. เช่น ๑) การปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ธ.จ. แต่ละคณะมีความแตกต่างกันทำให้มาตรฐานในการทำงานแตกต่างกัน
แนวทางการแก้ไข ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงานของ
ก.ธ.จ. ให้มีความเหมาะสมเป็นมาตรฐานเดียวกัน และ ๒) งบประมาณไม่เพียงพอกับการปฏิบัติงานของ
ก.ธ.จ. แนวทางการแก้ไข เช่น ให้ ก.ธ.จ. จัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรร
ปรับแผนการลงพื้นที่ และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
45 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการปฏิรูปการจัดการศึกษาของท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา | มท. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการปฏิรูปการจัดการศึกษาของท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น
วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยสรุปได้ว่า
ในส่วนปัญหาอุปสรรคของท้องถิ่นในการจัดการศึกษา พบว่าด้านบุคลากร กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการกำหนดแผนการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและคัดเลือกในตำแหน่งที่มีความต้องการแล้ว
และด้านการบริหารจัดการ ปัจจุบันมีสถานศึกษาสามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
เช่น ค่าอุปกรณ์สำหรับผู้เรียนในการฝึกกีฬา ค่าประกันอุบัติเหตุ
เพื่อแก้ไขปัญหากระบวนการจัดซื้อจัดหาตามระเบียบที่ล่าช้าและมีความเหลื่อมล้ำได้อยู่แล้ว
ในส่วนข้อเสนอแนะสำหรับหน่วยงานและองค์กรภาครัฐ ในด้านนโยบาย กรมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้สนับสนุนการดำเนินงานท้องถิ่นดิจิทัลผ่านความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย
เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ
อีกทั้งได้มีการเสนอร่างกฎหมายเพื่อกำหนดให้บุคลากรทางการศึกษาร่วมเป็นคณะกรรมการในองค์กรบริหารงานส่วนท้องถิ่นเพื่อกำหนดแนวทางการสรรหาบุคลากร
ด้านบุคลากร ได้นำมาตรฐานหลักเกณฑ์และระเบียบที่ใช้กับบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการมาประยุกต์ใช้โดยอนุโลม
และได้ดำเนินการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการแล้ว รวมทั้งได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเพื่อสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพการศึกษาเชิงพื้นที่แล้ว
และได้จัดงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นในระดับประเทศ ด้านวัสดุ อุปกรณ์
เทคโนโลยีสารสนเทศ อาคารสถานที่ แหล่งเรียนรู้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัย และนวัตกรรมเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ควรบูรณาการและสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน
เช่น จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการการเรียนระบบคลังหน่วยกิตกับโรงเรียน
ด้านการบริหารจัดการ
ได้กำหนดแนวทางหรือระเบียบว่าด้วยการจัดจ้างบุคลากรเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติแล้ว
และได้ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเปิดรับอาสาสมัครมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่และครูในพื้นที่
ด้านงบประมาณ กระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบให้สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหารงบประมาณตามการกิจแล้ว
ในส่วนของข้อเสนอแนะสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ออกแบบหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาออกแบบและพัฒนาหลักสูตรที่มุ่งเน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับปรัชญาและวัตถุประสงค์ของสถาบันและลักษณะสาขาวิชา
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
46 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การศึกษาประวัติศาสตร์และพัฒนาการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในรูปแบบประชาสังคมระดับจังหวัด และเรื่อง กลไกการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ : กรณีสภาประชาสังคมไทย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา | สว. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การศึกษาประวัติศาสตร์และพัฒนาการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในรูปแบบประชาสังคมระดับจังหวัด
และเรื่องกลไกการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ : กรณีสภาประชาสังคมไทย
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความสามัคคีปรองดอง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
47 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 | คค. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๔)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดเอกสารและหลักฐานที่ใช้สำหรับการขอรับหรือขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
เพื่อเป็นการลดภาระและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอรับหรือขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอรับหรือขอต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อให้สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
48 | การจัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2567 | มท. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบให้ประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ดังนี้ (๑) ด้านบำบัดทุกข์ เช่น โครงการลูกหนี้อุ่นใจ มหาดไทยช่วยไกล่เกลี่ย
โครงการมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อลดการก่อหนี้นอกระบบ
และโครงการมหาดไทย เติมน้ำ เติมสุข บำบัดทุกข์ คลายแล้ง เป็นต้น (๒) ด้านบำรุงสุข
เช่น โครงการ OTOP Giftset : กระเช้าปีใหม่ คนไทยร้องว้าว โครงการปันรักษ์ ปันสุข จากศูนย์แบ่งปันเมล็ดพันธุ์ชุมชน และโครงการสร้างรายได้
กระจายโอกาส ให้ชุมชนและเกษตรกรกับองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
49 | มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2567 และกลไกการบริหารจัดการ | ทส. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ๒๕๖๗
และกลไกการบริหารจัดการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ
เห็นว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะส่วนราชการเจ้าของเรื่องควรพิจารณาติดตามความคืบหน้าและทบทวนความมีประสิทธิภาพของมาตรการเป็นระยะ
ๆ ตามที่เห็นเหมาะสม
ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้มาตรการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทุกระดับอย่างเคร่งครัดด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นควรเพิ่มเติมการบูรณาการการทำงานระหว่างจังหวัด
และขจัดปัญหาอุปสรรคในการกระจายอำนาจการบริหารจัดการสถานการณ์ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ควรเร่งรัดการออกกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด
และกฎหมายการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant
Release and Transfer Register : PRTR)
ต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดให้การลดหรือการควบคุมปริมาณการปล่อยมลพิษทางอากาศ
(PM2.5) เป็นตัวชี้วัด (KPIs) ที่สำคัญของแต่ละจังหวัด
รวมทั้งเร่งชี้แจงทำความเข้าใจให้ทุกจังหวัดทราบและถือปฏิบัติต่อไปได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (PM2.5)
เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมได้อย่างยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
50 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2565 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร.01 | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ ดังนี้ (๑) การเลือกกรรมการผู้แทนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นกรรมการในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) การถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ
๖๐ พรรษา นวมินทราชินี/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(๓) การกำหนดสัดส่วนและการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ (๔) การทบทวนแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการวินิจฉัยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๕) การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ (๖) การติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ : ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
51 | ขออนุมัติและขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) | พม. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
และหน่วยงานเจ้าภาพแผนงานบูรณาการดังกล่าวพิจารณาภาพรวมในการส่งเสริม
สนับสนุนบริบาล และคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ตลอดจนพิจารณาขั้นตอน วิธีการ
กลุ่มเป้าหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการ
และการดูแลผู้สูงอายุเกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป และในขั้นตอนการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณโครงการดังกล่าวไว้แล้ว
จำนวน ๘,๘๕๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะโครงการนำร่อง และให้มีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงาน
หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะต่อไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการดังกล่าวตามภารกิจ ความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการสำรวจผู้ดูแลผู้สูงอายุประเภทต่าง
ๆ ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ ตามลักษณะของกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มติดสังคม
กลุ่มติดบ้าน และกลุ่มติดเตียง เนื่องจากมีความจำเป็นในการใช้ผู้ดูแลที่ต่างกัน ค่าใช้จ่ายที่เสนอขอเป็นงบดำเนินงานในส่วนของค่าจัดอบรมที่เป็นการอบรมในเชิงทฤษฎี
หรือเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ
ซึ่งอาจพิจารณาใช้รูปแบบการอบรมแบบออนไลน์ งบลงทุนที่เสนอขอซื้ออุปกรณ์/ครุภัณฑ์สำหรับการดูแลผู้สูงอายุ
ควรมีการสำรวจความต้องการเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
52 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566 และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566 | นร.11 สศช | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
๑ (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๖ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ มอบหมายให้สำนักงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความพร้อมและความคุ้มค่าของการลงทุน
จัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน
รวมทั้งความเหมาะสมของแหล่งงบประมาณในการดำเนินการตามขั้นตอน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยในส่วนของข้อเสนอโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
๑ ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอดังกล่าวของแต่ละจังหวัดเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ตามความจำเป็น เหมาะสม และลำดับความสำคัญเร่งด่วนของแต่ละจังหวัด
ภายในกรอบวงเงินรวมจังหวัดละไม่เกิน ๖๐ ล้านบาท ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับข้อเสนอที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาแนวทางการเพิ่มจำนวนด่านการนำเข้ามันสำปะหลังเพิ่มเติม
เพื่อให้มีปริมาณวัตถุดิบเพียงพอต่ออุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลัง นั้น
ขอให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม
และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในประเทศเป็นสำคัญด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้จังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑
(หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ)
แต่ละจังหวัดเร่งพิจารณาจัดทำข้อเสนอโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่
ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
53 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาศึกษาการปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
เช่น ควรปรับปรุงโครงสร้างและการบริหารจัดการของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
สนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งศูนย์บริการคนพิการทั่วไป
และควรเร่งดำเนินการออกกฎหมายเพื่อให้องค์กรเอกชน
องค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรด้านคนพิการที่สนับสนุนภาครัฐในการทำงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการได้รับยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุน
รวมถึงควรส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมลและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
เป็นต้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
54 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2566 | กค. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๐ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ
หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๖ โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐ ได้กำหนดกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ
ดังนี้ ๑) สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ ๗๐ ๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ
ต้องไม่เกินร้อยละ ๓๕ ๓) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด
ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ ๔) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ
ต้องไม่เกินร้อยละ ๕ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ
และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ ดังนี้ ๑) มีหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน ๑๑.๑๓
ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๔ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน ๐.๗๖
ล้านล้านบาท ๒) หนี้เงินกู้คงค้างของหน่วยงานของรัฐ เช่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ที่ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ
คือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาซน) จำนวน ๑๗,๔๐๐.๐๐ ล้านบาท รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะที่ทำธุรกิจให้กู้ยืมธุรกิจบริหารสินทรัพย์
และธุรกิจประกันสินเชื่อที่กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน จำนวน ๐.๖๐ ล้านล้านบาท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวน ๐.๐๔ ล้านล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย
มีจำนวน ๔.๒๑ ล้านล้านบาท เป็นต้น และ ๓) ความเสี่ยงทางการคลัง พบว่า
ยังอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการฯ กำหนด ซึ่งหนี้สาธารณะ
จำนวน ๑๑.๑๓ ล้านล้านบาท โดยหนี้ส่วนใหญ่ (ร้อยละ ๙๘.๕๘) เป็นหนี้ในประเทศ
และร้อยละ ๘๓.๙๘ ของหนี้สาธารณะเป็นหนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง
และหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐที่ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ
ไม่มีผลกระทบต่อภาระทางการคลัง หรือเงินงบประมาณแผ่นดินในภาพรวม
เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีสถานะการดำเนินงานที่มั่นคงและมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้เงินกู้ได้เอง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
55 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 | นร.01 | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
56 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการจัดการศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน ศึกษากรณี : องค์กรภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการจัดการศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน ศึกษากรณี : องค์กรภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ
อาทิ
การผลักดันให้คนไร้บ้านมีอาชีพเพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้เกิดการทำงานสร้างรายได้อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพและพัฒนาตนเอง
การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำบัตรประชาชน สิทธิการรักษาพยาบาล
การจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับคนไร้บ้าน
การจัดบุคลากร เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เข้ามาดูแลคนไร้บ้าน
รวมถึงการพัฒนาศูนย์พักพิงชั่วคราวให้มีประสิทธิภาพ
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ
กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
57 | การกำหนดให้การจัดการขยะเป็นวาระเร่งด่วน | นร. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากปัญหาขยะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนจำเป็นจะต้องร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
ให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
จึงเห็นควรดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเป็นหน่วยงานนำร่องในการดำเนินการบริหารจัดการขยะภายในหน่วยงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่อง
โดยให้ดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่ในระดับต้นทาง เน้นการลดปริมาณขยะ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ระดับกลางทาง
เน้นการส่งเสริมให้มีการแยกขยะเพื่อให้สามารถนำขยะกลับมาใช้ซ้ำหรือใช้ใหม่
และนำขยะเข้าสู่กระบวนการกำจัดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และระดับปลายทาง
มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีภารกิจจัดการขยะเร่งดำเนินการกำจัดขยะที่มีอยู่ให้หมดไปและไม่เกิดการตกค้าง
รวมทั้งให้จัดหาพื้นที่กำจัดขยะที่ถูกสุขลักษณะ
โดยใช้วิธีการกำจัดขยะที่เหมาะสมกับขยะแต่ละประเภทตามหลักวิชาการและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดแนวทางการลดปริมาณขยะของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจน
เหมาะสม เช่น การลดการใช้ขวดและถุงพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติกต่าง ๆ
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
58 | มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟชานเมืองสายสีแดง
๒๐ บาท เฉพาะสายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต)
ต่อ ๑ เที่ยวการเดินทาง (เริ่มต้นเมื่อระบบมีความพร้อม จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒.
รับทราบแนวทางการดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
สูงสุด ๒๐ บาท ตามนโยบายรัฐบาล (เริ่มต้นเมื่อระบบมีความพร้อม จนถึงวันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๗) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการตามข้อ ๑ และ ๒ เป็นรายปี
เพื่อนำผลการประเมินมาประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางมาตรการดังกล่าวในปีต่อไป
ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินผลไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
59 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 10/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการดังกล่าว
ในวงเงิน ๑,๐๓๐,๙๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
ยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
60 | สรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเงินอุดหนุนที่รัฐอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท. | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กรณีเงินอุดหนุนที่รัฐอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผลการดำเนินการได้แก่
(๑) ข้อเสนอด้านการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุน (๒) ข้อเสนอด้านการนำเงินอุดหนุนไปจัดทำข้อบัญญัติ/เทศบัญญัติ
และการบริหารจัดการงบประมาณเงินอุดหนุน และ (๓) ข้อเสนอด้านการติดตาม
ประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|