ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 821 | แนวทางการพัฒนาท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง ท่าเทียบเรือเชียงแสน และท่าเทียบเรือเชียงของ | นร | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย งานผลการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและการบริหารจัดการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง ท่าเทียบเรือเชียงแสน และท่าเทียบเรือเชียงของ สรุปได้ดังนี้ (1) ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง ที่ประชุมมี มติมอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการ และให้หารือกับกรมธนารักษ์ถึงอัตราค่าเช่าท่า เรือที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจให้ได้ข้อยุติต่อไป (2) ท่าเทียบเรือเชียงแสนและการพัฒนาพื้นที่ หลังท่า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้การท่าเรือ ฯ เป็นผู้บริหารจัดการจัดทำแผนปฏิบัติการการใช้พื้นที่ท่าเรือ และพื้นที่หลังท่า รวมทั้งให้หารือกับกรมธนารักษ์ถึงอัตราค่าเช่าท่าเรือที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในเชิง ธุรกิจ และให้กรมศุลกากรประสานกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ และกรมทางหลวง เพื่อขอใช้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงงานยาสูบ ศูนย์สำรวจอุทกวิทยาเชียงแสน สถานีตำรวจน้ำ และที่สงวนกรมทางหลวง เป็นพื้นที่หลังท่าของท่าเรือเชียง แสน เพื่อพัฒนาเป็นจุดพักสินค้า คลังสินค้าทัณฑ์บน และอาคารสำนักงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ (3) ท่าเทียบเรือเชียงของ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กรมศุลกากรประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการประถม ศึกษาแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง หาข้อยุติการขอใช้พื้นที่ของโรงเรียนบ้านหัวเวียง เพื่อพัฒนาเป็นอาคาร สำนักงานของกรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ให้จังหวัดเชียงราย กรมธนารักษ์ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาสถานที่ และก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ตามความ เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 822 | รายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด | มท | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ของ ศตส.จังหวัด 75 จังหวัด เพิ่มเติม สรุปได้ดังนี้ (1) ผลการปราบปรามจับกุมผู้ค้า/ผู้ผลิต ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2546 จับกุมเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2,869 คน มีจังหวัดที่สามารถจับกุมเพิ่มจากสัปดาห์ก่อนอีก 10 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 68 จังหวัด ผู้ค้า/ผู้ผลิตเข้าแสดงตนต่อทางราชการเพิ่มขึ้น 255 คน และมีผู้เสพเข้า แสดงตนต่อทางราชการเพิ่มขึ้น 5,351 คน โดยมีผู้เสพได้รับการบำบัดโดยชุมชนแล้ว 63,371 คน (2) การ จับกุมผู้ค้ารายสำคัญและการยึดทรัพย์ จับกุมได้ 343 ราย ยึดทรัพย์ของผู้ค้ายาเสพติด 135 ราย มูลค่า ทรัพย์สิน 324,403,329 บาท (เพิ่มจากที่รายงานเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2546 จำนวน 90 ล้านบาทเศษ) (3) การดำเนินการเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่ม อีก 60 คน ส่วนบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น 8 คน สำหรับ ส่วนราชการอื่น ๆ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการทางวินัยเพิ่มอีก 3 คน กระทรวงกลาโหม มีราย งานการตรวจสอบพบมีพฤติการณ์เพิ่มอีก 1 คน (4) การมอบนโยบายให้กับ ผู้บริหารในส่วนภูมิภาค ในช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมระหว่างรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับนโยบายที่เกี่ยว ข้องกับยาเสพติด รวมทั้งผู้บริหารในส่วนภูมิภาคในภาคใต้และภาคเหนือ เพื่อมอบนโยบายและมอบอำนาจ ในการบริหารจัดการ และ (5) การเน้นย้ำกับกลุ่มพลังแผ่นดินในการป้องปรามยาเสพติด ในรอบสัปดาห์ที่ ผ่านมาผู้บริหารระดับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุม ชี้แจง และจัดประชุมเพื่อสร้างความร่วมมือในการแก้ ปัญหายาเสพติดกับพลังแผ่นดิน |
|||||||||||||||||||||
| 823 | การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546 | นร | 18/03/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ
เรื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546 และให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดและติดตามการดำเนินการเบิก จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ และหน่วยงานในสังกัดให้เกิดความรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบกลางรายการ ค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 และงบกลางรายการค่าใช้จ่ายใน การปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในภาพรวมยังมีการเบิกจ่ายน้อย สำหรับข้อมูลการเบิกจ่าย งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546 ของส่วนราชการต่างๆ ในภาพรวม ที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นาย วราเทพ รัตนากร) เสนอ สรุปได้ว่า ส่วนราชการมีการเบิกจ่ายไปแล้วเพียง 356,212,524,782 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 35.62 ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด (999,900,000,000 บาท) ซึ่งต่ำกว่าการเบิกจ่ายในปี งบประมาณที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน สาเหตุของการเบิกจ่ายล่าช้าและยังมีจำนวนน้อย อาจเป็นผลมาจากการ พัฒนาระบบราชการ ซึ่งทำให้มีการยุบ ย้ายและตั้งกระทรวงใหม่ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและรัฐมนตรี ด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 824 | รายงานสรุปข้อเท็จจริง ความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา | นร | 04/03/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปข้อเท็จจริง ความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกล่าว หากรมประชาสัมพันธ์ กองทัพบก และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ว่า มีการกระทำใน ลักษณะแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชนที่เป็นข้าราชการและพนักงานหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับความคุ้มครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 สรุปได้ว่า รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับการบริหารราชการ และสั่งและปฏิบัติราชการหน่วยงานดังกล่าว ได้แจ้งผลการพิจารณาดังนี้ (1) กรมประ ชาสัมพันธ์ได้กำชับผู้บริหารด้านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ให้ระมัดระวังการดำเนินการใด ๆ ในการบริหารจัด การอันจะเข้าข่ายละเมิดหรือลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน ส่วนการกระทำของ อ.ส.ม.ท. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ของรัฐสภาได้พิจารณาวินิจฉัยไปแล้วว่า ไม่เข้าข่ายมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (2) ความคืบ หน้าเรื่องการสรรหาและคัดเลือก คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ได้มี การแถลงคดีโดยตุลาการเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2546 ยืนตามศาลปกครองชั้นต้น คือ ให้เพิกถอนประกาศราย ชื่อบุคคลที่สมควรเป็นกรรมการ กสช. และยกฟ้องสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้เรื่องยังอยู่ระหว่าง การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด และ (3) กระทรวงกลาโหม ได้แจ้งให้คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจาย เสียงและวิทยุโทรทัศน์ กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ ได้รับทราบนโยบาย และการปฏิบัติของการใช้สื่ออย่างเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ ให้หน่วยงานหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญถือปฏิบัติตามที่ คณะรัฐมนตรีได้ประชุมเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2546 โดยให้ถือเป็นหลักการว่า กรณีหน่วยงานหรือองค์กรตามรัฐ ธรรมนูญได้ส่งข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ หรือความเห็นเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินใด ๆ ให้ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจให้ความสำคัญและเร่งรัดการพิจารณาว่าเรื่องใดจะรับดำเนินการ เรื่องใดดำเนินการแล้วหรือไม่ สามารถดำเนินการได้ เพราะเหตุใด แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีทราบก่อนแจ้งตอบ
|
|||||||||||||||||||||
| 825 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2546 | ลต | 04/03/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอผลการหารือการเตรียม
ความพร้อมและภาระด้านงบประมาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นตามพระ ราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การ เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2546 ในส่วนของ ความจำเป็นในการกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นทุกประเภท ด้านการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ และด้านงบประมาณ และมอบให้สำนัก งบประมาณดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป โดยสรุปคือ กรณีที่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดมีเงินไม่เพียงพอเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง และหากคณะกรรมการการ เลือกตั้งต้องเข้ามาดำเนินการในขณะนี้การใช้จ่ายเงินงบประมาณก็จะเป็นการใช้จ่ายเงินในจำนวนเดียวกัน ฉะนั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกานี้ คณะรัฐมนตรีจึงอาจอนุมัติในหลักการ ที่จะให้เงินอุดหนุนเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง โดยให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณดัง กล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 826 | รายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2546) | มท | 04/03/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติด ระหว่างวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2546 สรุปได้ดังนี้ (1) การดำเนินการด้านจับกุมปราบปราม ของ จังหวัดต่าง ๆ ยกเว้นกรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้าได้ 18,613 คน จากเป้าหมายรวม 43,456 คน คิดเป็นร้อยละ 42.83 (2) การดำเนินการต่อผู้มาแสดงตน มีผู้ผลิต/ผู้ค้า มาแสดงตนต่อทางราชการ 40,380 คน และผู้ติด/ผู้เสพ มาแสดงตน 226,048 คน (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงโทษทางวินัย ให้ออก ปลดออก ไล่ออก 28 คน สั่งพักหน้าที่ 27 คน ลาออกจาก ตำแหน่ง 14 คน อยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบพฤติการณ์ 119 คน ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังพิจารณา ดำเนินการทางอาญาต่อไป และกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพ ติด 121 คน แยกเป็นผู้บริหารท้องถิ่น 23 คน สมาชิกสภาท้องถิ่น 95 คน และลูกจ้าง 3 คน ซึ่งได้สั่งให้พ้น จากตำแหน่ง 21 คน อยู่ระหว่างการสอบสวน 72 คน ลาออก 20 คน เสียชีวิต 6 คน จำคุก 1 คน และถูกจับ กุม 1 คน และให้พิจารณาดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่พ้นตำแหน่ง และลาออกด้วย (4) การดำเนินการเกี่ยว กับการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด ได้มีการอบรมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 75 จังหวัด ผ่านการประชุมวีดีทัศน์ทางไกล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และดำเนิน การออกบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง (5) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเอาชนะยาเสพติด ได้กำหนดขั้นตอนรวม 6 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 การเตรียมองค์กร/บุคลากร ขั้นที่ 2 การเตรียมหมู่บ้าน/ชุมชน ขั้นที่ 3 การประชุมประชาคมหมู่บ้าน ขั้นที่ 4 การสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด ขั้นที่ 5 การทำให้หมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด และขั้นที่ 6 การพัฒนาให้หมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็ง เอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยกำหนดเป้าหมายในการดำเนินการไว้ 2 ระยะ ระยะแรก ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2546 และระยะที่สอง ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2546 - 31 กรกฎาคม 2547 |
|||||||||||||||||||||
| 827 | การประชุมคณะกรรมการกองทุนโลกเพื่อโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรีย | สธ | 25/02/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหาร
กองทุนโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรีย ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2546 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ผลการประชุมมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ (1) การพิจารณาโครงการที่ขอรับการสนับสนุนในรอบ ที่ 2 ซึ่งมีโครงการที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการทางวิชาการให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน ฯ รวม 98 โครงการ เป็นโครงการจากประเทศไทย จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการด้านโรคเอดส์ (มุ่งเน้น การรักษาการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก และการป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มประชากรอพยพ) และโครง การด้านการควบคุมป้องกันโรคมาเลเรีย (2) การเลือกตั้งประธานและรองประธานคณะกรรมการ ที่ประชุม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ (น.พ. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ) ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารกองทุนเป็น เวลา 1 ปี และ ฯพณฯ Tommy Thompson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐ ฯ ได้รับเลือก เป็นประธานคณะกรรมการ และ (3) การจัดประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนครั้งที่ 6 ที่ประชุมมีมติเป็น เอกฉันท์ ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2546 โดยการ ประชุมดังกล่าวจะมีการศึกษาดูงานโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุน และการประชุมของคณะกรรมการชุด ต่าง ๆ ต่อด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน โดยประเด็นสำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือ การ พิจารณาผลการสนับสนุนโครงการในรอบที่ 3 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีการจัดประชุมในประเทศกลุ่มผู้รับการ สนับสนุน และทางสำนักงานกองทุน ฯ จะส่งผู้บริหารมาร่วมกำหนดรายละเอียดในการจัดประชุม ประมาณ เดือนมีนาคม 2546 นี้ |
|||||||||||||||||||||
| 828 | โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก 2545/46 | กษ | 11/02/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 2 (คกก.2)ที่มี
มติอนุมัติในหลักการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก 2545/46 และ ข้อเสนอตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ รวม 4 ข้อ ได้แก่ (1) เห็นชอบโครงการ ฯ ดังกล่าว โดยใช้เงินยืม ปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตามที่จ่ายจริงแต่ ไม่เกินร้อยละ 1 ของวงเงินดำเนินการทั้งโครงการ ฯ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินงาน 2 ปี และงดคิดค่า ปรับในกรณีที่ไม่สามารถส่งคืนเงินได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (2) เห็นชอบเงื่อนไขการชำระเงินคืนขององค์กร เกษตรกรและ/หรือเกษตรกร หากชำระเงินคืนภายในระยะเวลา 9 เดือนไม่คิดดอกเบี้ย หากชำระคืนเกิน 9 เดือน แต่ไม่เกิน12 เดือน คิดดอกเบี้ยส่วนที่เกิน 9 เดือน ในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี หากเกิน 12 เดือน คิดดอกเบี้ยส่วนที่ เกิน 12 เดือนในอัตราร้อยละ 9 ต่อปี (3) ดำเนินโครงการ ฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ เป็นผู้ดำเนินการ และ (4) ขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในการกำหนดให้ปุ๋ยชีวภาพเป็นสินค้า ควบคุมฉลาก และให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร (สารวัตรเกษตร) เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ (เฉพาะปุ๋ยชีวภาพ) เพิ่มเติมจนกว่าพระราชบัญญัติปุ๋ยที่แก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 จะประกาศ ใช้ ทั้งนี้ ให้เลื่อนระยะเวลาโครงการ ฯ เป็นปีเพาะปลูก 2546/2547 และให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้อง (เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาของโครงการ ฯ) และประเด็นอภิปรายของ คกก. 2 ไปดำเนินการด้วย โดย สรุปคือ ให้กระทรวงเกษตร ฯ เร่งรัดและติดตามบัญชีหนี้ค้างชำระของเกษตรกรและส่งเงินคืน คชก. ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว รวมทั้งตรวจสอบกระบวนการดำเนินการบริหารงานของแต่ละสหกรณ์ ว่าผู้บริหารของแต่ละสหกรณ์ มี วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงานที่โปร่งใสหรือไม่ เพียงใด และเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนิน งานของโครงการ ฯ ดังกล่าวต่อไป รวมทั้งกำหนดระบบมาตรฐานของปุ๋ยอินทรีย์ไว้ให้ชัดเจน ให้บริษัทเอกชนที่ทำ ธุรกิจเกี่ยวกับปุ๋ยต้องจดทะเบียนตามที่กำหนดไว้ โดยให้กลุ่มเกษตรกรซึ่งเป็นผู้ใช้บริการเป็นผู้ตรวจสอบและติด ตามประเมินผลโครงการฯ ว่ายังคงมีปัญหาการบริหารการจัดการ และมีวิธีดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือไม่ เพียง ใด
|
|||||||||||||||||||||
| 829 | กระทู้ถามที่ 365 เรื่อง การควบคุมการดำเนินการในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา | สผ | 11/02/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอคำตอบ
กระทู้ถามที่ 365 เรื่อง การควบคุมการดำเนินการในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนคร ราชสีมา ของนายพงษ์พิช รุ่งเป้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา และมอบให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญ ของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีนโยบายกำกับดูแลผู้ดำเนิน กิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการเงินและสิทธิประโยชน์อัน พึงมีพึงได้ให้กับประชาชนผู้เป็นสมาชิก ป้องกันการทุจริตหลอกลวง ฉ้อโกง และแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากผู้บริหารหรือผู้ดำเนินการ ปัจจุบันพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 ได้กำหนดมาตร การการลงโทษทางอาญาต่อผู้กระทำผิดให้สูงยิ่งขึ้นแล้ว (2) ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาสังคมและ สวัสดิการจังหวัดทั่วประเทศจัดอบรมให้ความรู้ในแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ฯ ดังกล่าว พร้อมทั้ง ตรวจสอบการดำเนินงานของสมาคม ฯ เพื่อให้เข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องอันจะเป็นวิธีการ ป้องกันการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และ (3) กรณีการทุจริตในสมาคม ฯ ได้กำชับ เร่งรัดให้นายทะเบียนตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมโดยด่วนที่สุด หากพบการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎ หมายเป็นเหตุให้สมาคม ฯ และสมาชิกได้รับความเสียหายให้ลงโทษโดยเฉียบขาด |
|||||||||||||||||||||
| 830 | การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด | นร | 11/02/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
โดยมอบให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งรัดติดตามการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด และประเมินผลการปฏิบัติงาน หากพบว่าจังหวัดใดมีผลการปฏิบัติ งานต่ำ และไม่มีเหตุผลหรือข้อมูลที่จะชี้แจงให้เป็นที่ยอมรับได้ ให้ดำเนินการสับเปลี่ยน หรือย้ายข้าราชการที่ เกี่ยวข้องได้ (2) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดและประสานการดำเนินการบำบัดผู้เสพและผู้ ติดยาเสพติดให้สามารถรองรับจำนวนผู้เสพและผู้ติดยาในจังหวัดต่าง ๆ อย่างทั่วถึง และจัดการบำบัดในลักษณะ "ชุมชนบำบัด" ตามความเหมาะสม (3) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้ผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสอดส่องดูแลมิให้นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (4) ให้รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำ เงินบางส่วนที่ได้มาจากการยึดทรัพย์สินของผู้ค้ายาเสพติด มาจ่ายเป็นค่าตอบแทนพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ทำ หน้าที่ในการบำบัดรักษาผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด (5) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจัดทำคู่มือและแนว ทางปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม ยึดทรัพย์สินของนาย ทุน ผู้ผลิตและผู้ค้า ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น และ (6) โดยที่นโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพ ติดของรัฐบาลในขณะนี้เน้นการปราบปรามเป็นหลัก และผู้กระทำผิดได้ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน จนนำไปสู่การ ทำวิสามัญฆาตกรรม และผู้ร่วมกระทำผิดลอบสังหารผู้กลับตัวกลับใจเพื่อฆ่าปิดปาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยว ข้องเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด รวมทั้งให้เพิ่มมาตรการคุ้มครองผู้กลับใจเข้า รายงานตัวต่อทางการ ตลอดจนเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้จ้างวานใช้ และผู้กระทำผิดในการฆ่าตัดตอน มาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 831 | การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 04/02/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าการถ่ายโอนบุคลากรตาม
พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 สรุปได้ ว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมติที่ประชุมคณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 8/2545 วันที่ 28 ตุลาคม 2545 ที่มอบหมาย ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานในการจัดสรรบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในจังหวัด โดย กระทรวงมหาดไทยและสำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินการตามแผนดำเนินการถ่ายโอนบุคลากร โดยในส่วนของสำนัก งาน ก.พ. ได้จัดสัมมนาแนวทางปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2545 และจัดปฐมนิเทศให้กับข้าราชการที่จะถ่ายโอนไปสู่ท้องถิ่น เมื่อวันที่ 11 - 12 ธันวาคม 2545 สำหรับกระทรวง มหาดไทยได้จัดประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่หัวหน้าส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเมื่อ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2545 และแจ้งศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรทุกจังหวัดจัดประชุมผู้บริหารองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการลูกจ้างประจำที่ถ่ายโอนเพื่อจัดสรรบุคลากร เมื่อวันที่ 20 และ 22 พฤศจิกายน 2545 โดยให้เสนอคณะกรรมการข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดมีมติเห็นชอบการรับโอนให้ เสร็จภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2545 ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัดได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากร รวม 2 ครั้ง และได้รายงานผลการแต่งตั้งรับโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว รวม 75 จังหวัด โอนได้ 3,618 ราย คงเหลือที่โอนไม่ได้ 484 ราย |
|||||||||||||||||||||
| 832 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... | ลต | 04/02/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภา ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... (ให้ใช้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้อง ถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2546 เป็นต้นไป) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยเชิญผู้แทนคณะ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนกระทรวงการคลัง เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการเตรียม ความพร้อมและภาระด้านงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 833 | กระทู้ถามที่ 927 ร. เรื่อง ปัญหาการทุจริตในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา | สผ | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 927 ร. เรื่อง ปัญหา
การทุจริตในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา ของนายพงษ์พิช รุ่งเป้า สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ ดังนี้ (1) การดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการครู กรณีเข้าไปดำรงตำแหน่งในสหกรณ์หรือสมาคมต่าง ๆ นอก จากจะปฏิบัติตามระเบียบคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 และปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบของทาง ราชการ ข้าราชการครูจะต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อองค์กร หากปรากฏว่าเกิดการประพฤติปฏิบัติทำ ให้เกิดความเสื่อมเสียและเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการแล้ว อาจถูกดำเนินการทางวินัยได้ (2) กรณีการทุจริตที่เกิดขึ้นในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วตามคำสั่ง สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ที่ 304/2544 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2544 ขณะนี้อยู่ ระหว่างการพิจารณาของ สปช. และ (3) หากข้าราชการครูที่เข้าไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารในสหกรณ์ หรือ สมาคมต่าง ๆ มีพฤติกรรมการทุจริตจนทำให้ถูกดำเนินการทางวินัย จะได้รับโทษหนักเบาแล้วแต่ข้อเท็จจริง เป็นกรณีไป โดยมีกำหนดโทษตั้งแต่ ไล่ออก ปลดออก ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือนและภาคทัณฑ์ สำหรับ มาตรการลงโทษจะต้องนำเสนอ อ.ก.ค. สปช. หรือ อ.ก.ค. สปช. ในฐานะ อ.ก.พ. กระทรวงศึกษาธิการพิจารณา ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 834 | รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สปศ | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษารายงานผลการติดตามและประเมินผล
การดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ว่า จากที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจาก กระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการศึกษา ได้กำหนดหลักสูตรการฝึกอบรม และจัดทำชุด ฝึกอบรมต้นแบบ เพื่อมอบให้หน่วยงานต้นสังกัดนำไปขยายผล พร้อมทั้งได้ติดตามและประเมินผลการดำเนิน งานโครงการในภาพรวม พบว่า มีโครงการพัฒนาบุคลากรเข้าสู่การปฏิรูปการศึกษาที่ดำเนินการโดยหน่วย งานต่าง ๆ จำนวนมาก โดยมีเนื้อหาของหลักสูตรการฝึกอบรมที่สอดคล้องและใกล้เคียงกับเนื้อหาของชุดฝึก อบรมที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ พัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริหาร ครู และ ผู้นำชุมชน ก็ยังได้รับการเตรียมความพร้อมค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในเชิงคุณภาพ สำหรับในด้านประสิทธิ ภาพและประสิทธิผลของชุดฝึกอบรมต้นแบบ เห็นว่า การพัฒนาชุดฝึกอบรมมีขั้นตอนของการพัฒนาชุดฝึก อบรมค่อนข้างล่าช้า ส่งผลต่อการนำไปเผยแพร่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผล ทำให้บางหน่วยงาน ยังไม่มีการนำไปใช้หรือมีการใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยกเว้นกรณีสำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น กรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่มีการนำไปใช้อยู่ในขั้นมาก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิได้มีข้อเสนอแนะต่อทิศ ทางการพัฒนาบุคลากรในอนาคต ได้แก่ (1) การพัฒนาโดยใช้สื่อชุดฝึกอบรม เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะของ บุคลากรทางการศึกษาซึ่งมักมองว่าชุดฝึกอบรมจะต้องมีความสมบูรณ์ นำไปสู่การปฏิบัติได้ทันที ให้เป็นการ มองว่าชุดฝึกอบรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (2) การพัฒนาทักษะวิธีคิดที่เป็นระบบและ ฉันทะในการเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการศึกษา และ (3) การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานข้ามกรม กอง และภาวะความเป็นตัวตนระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งภาวะในระดับนโยบายของการปฏิรูปเป็นเหตุให้ไม่ เกิดการยอมรับแนวคิดบางประการสู่การปฏิบัติ |
|||||||||||||||||||||
| 835 | สมควรยกย่องชมเชยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ | นร | 14/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการสมควรยกย่องชมเชย
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสุจริต นันทมนตรี โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ริเริ่มนำนโยบายการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยระบบ หักบัญชีของนายกรัฐมนตรีที่ใช้กับต่างประเทศมาใช้กับจังหวัดศรีสะเกษอย่างได้ผลดี จนจังหวัดอื่นนำแบบอย่าง ไปปฏิบัติ รวมทั้งการบริหารงานในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในโครงการจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อ การพัฒนา สามารถทำให้ประชาชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการมีความพึงพอใจต่อการ บริหารงาน และต่อภาวะผู้นำทั้งทางด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความยากจน และปัญหาการให้บริการของรัฐ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบและเห็นชอบให้มีการกล่าวชมเชยอดีตผู้ว่า ราชการจังหวัดศรีสะเกษในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ส่วนการมอบรางวัลโล่เกียรติยศให้ดำเนินการในโอกาสอื่น เพื่อที่จะได้เผยแพร่ข่าวการยกย่องให้กำลังใจคนดีให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นแบบอย่างในการ ปฏิบัติตนให้ดีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 836 | สรุปผลการประชุม The 2002 OECD/Asian Senior Budget Officials Meeting | นร | 07/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอผลการประชุม The 2002 OECD/Asian
Senior Budget Officials Meeting ซึ่งสำนักงบประมาณเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการประชุมร่วมกับ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) ระหว่างวันที่ 21 - 22 พฤศจิกายน 2545 ณ กรุงเทพ ฯ ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างมาก โดยหัวข้อหลักของการประชุมและเป็นที่สนใจของผู้เข้า ร่วมประชุม ฯ ได้แก่ ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลาง (MTEF) การจัดทำงบประมาณแบบมุ่ง เน้นผลงาน (Performance Based Budgeting System : PBBS) รวมทั้งการจัดทำงบประมาณโดยใช้ระบบ บัญชีเกณฑ์คงค้าง (Accruals Budgeting) สำหรับวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการจัดประชุม ฯ ได้รับอนุมัติ จากนายกรัฐมนตรีให้ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2546 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 3,000,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นในการจัดประชุม ฯ จำนวน 1,680,694 บาท นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุนทรพจน์ที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุม ฯ ได้รับความสนใจจากคณะผู้บริหารของ OECD และได้รับการกล่าวถึง อย่างมากในการประชุมทั้ง 2 วัน สมควรนำออกเผยแพร่ต่อไป ส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่อง งบประมาณ เป็นมิติใหม่ ซึ่งสามารถนำความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ไปเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูป ระบบงบประมาณของประเทศไทยต่อไป และผลการประเมินการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการประชุม ฯ ประสบผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยม โดย OECD ได้ขอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุม ฯ อีกครั้ง ในปีหน้า |
|||||||||||||||||||||
| 837 | กระทู้ถามที่ 878 ร. เรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว | สผ | 07/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 878 ร. เรื่อง
การส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น สรุปได้ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีนโยบายส่งเสริมและสนับ สนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นให้ความสำคัญในการสร้างจุดแข็ง โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้อง ถิ่นแต่ละแห่งได้มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนตามความเหมาะสม และความต้องการของแต่ละท้องถิ่น สำหรับงบประมาณดำเนินการ จะใช้งบประมาณของกระทรวงในการดำเนิน การจัดอบรมสัมมนาแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณในการ สนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นได้นำไปใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ทั้งประเทศ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 838 | การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ | นร | 02/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้รัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ แจ้งให้ผู้บริหาร
รัฐวิสาหกิจทุกแห่งพิจารณาทบทวนระบบบริหารจัดการ ตลอดจนจัดทำแผนและทิศทางของการปรับปรุง โดยมี เป้าหมายเพื่อการบริหารจัดการที่มุ่งประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งนี้ เพื่อที่จะ ได้ร่วมกันพิจารณาเมื่อนายกรัฐมนตรีไปตรวจเยี่ยมรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 839 | การแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร | 02/01/2546 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่รัฐจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้ได้ผลอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง กว้างขวางทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามและจับกุมผู้ผลิตและผู้ค้า จึงมอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนิน การเตรียมการจัดประชุมชี้แจงนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราช การจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้บัญชาการและผู้บังคับการที่เป็น หัวหน้าหน่วยคุมกำลังต่าง ๆ ตลอดจนผู้บริหารของหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวข้อง โดยให้ประชุมในวัน อังคารที่ 14 มกราคม 2546 เวลา 15.00-17.00 น. ณ หอประชุมสถาบันราชภัฏสวนดุสิต ทั้งนี้ นายก รัฐมนตรีจะเป็นประธาน และให้เรียนเชิญรองนายกรัฐมนตรีทุกท่าน และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 840 | ปัญหาสหกรณ์ | นร | 17/12/2545 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง ปัญหาสหกรณ์ กรณีผู้บริหารสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกร
ไม่ได้ดำเนินกิจการในทางสร้างสรรหรือช่วยเหลือสมาชิกเท่าที่ควร หรือนำเงินของสหกรณ์ไปใช้จ่ายผิดประเภทไม่ เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่เหมาะสม ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาตรวจสอบการดำเนินการ ของสหกรณ์ที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว แล้วดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเคร่งครัด รวมทั้งพิจารณาหามาตรการ ที่จะกำกับดูแลสหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายและ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรผู้เป็นสมาชิกอย่างแท้จริง สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อให้เกิด ประโยชน์กับเกษตรกร บางครั้งถูกนำไปปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้อง บิดเบือน ทำให้เกิดปัญหา ข้อสงสัยและโต้แย้งถึง ผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดกับเกษตรกร เช่น โครงการรับจำนำลำไยอบแห้งที่อยู่ในความรับผิดชอบของธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตร ฯ รับไป ดำเนินการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด และลงโทษด้วย
|
|||||||||||||||||||||
