คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4)
ที่มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
พ.ศ. 2523   ว่าด้วยการกำหนดระดับเงินเดือนของตำแหน่งข้าราชการครู   ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของ  คกก.4  (เกี่ยวกับ
การพิจารณาแก้ไขกฎ ก.ค. เพื่อกำหนดตำแหน่งข้าราชการครูสายงานผู้บริหารนอกสถานศึกษา 3  สายงาน
ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าระดับจังหวัดตัวแทนกรมที่ถือเป็นระดับกอง  (ระดับ  8)  เท่านั้น  ให้มีระดับเงินเดือน
สูงขึ้นเป็นระดับ 9 ในจังหวัดเดียวกันทั้ง  3  ตำแหน่ง ไม่สอดคล้องตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพล
เรือน พ.ศ. 2535)  ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้  กับเห็นชอบหลักเกณฑ์ และวิธี
การกำหนดตำแหน่งข้าราชการครูและมาตรฐานกำหนดตำแหน่งข้าราชการครู  ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ
เสนอ  สำหรับงบประมาณดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  และ พ.ศ. 2546  ให้ใช้เงินเหลือจ่ายของ
กระทรวงศึกษาธิการ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งของ
เอเปค ครั้งที่ 3 และการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศเปรู ระหว่างวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2545 ณ กรุง
ลิมา  ประเทศเปรู  ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยรัฐมนตรีด้านการขนส่งของประเทศสมาชิกเอเปคและเจ้าหน้าที่
ระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและภาคเอกชน รวม 19 ประเทศ  โดยมีนายนิกร  จำนง  รัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม  ทั้งนี้  การประชุมดังกล่าวแบ่งออกเป็น 
3  ระดับ  ได้แก่  การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี  การประชุม 
ระหว่างรัฐมนตรีและภาคอุตสาหกรรม และการประชุมระดับรัฐมนตรี  ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมได้ให้ความ
สำคัญกับการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงในด้านการขนส่ง  การปฏิบัติตามมาตรการขององค์การการ
บินพลเรือนระหว่างประเทศและองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ   รวมทั้งเห็นชอบให้มีการประชุม ฯ  ครั้งที่ 4
ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2547  สำหรับการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศเปรู ได้
มีการหารือในเรื่องความตกลงด้านการขนส่งทางอากาศและการขนส่งทางทะเล  การนำเข้าไม้จากเปรูโดยทาง
เรือ การระงับซื้อข้าวจากไทย การนำเข้าไม้จากเปรู การจัดท่องเที่ยวมายังเอเชียในลักษณะ package  และโครง
การร่วมมือทางประมง

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเงื่อนไขการเปิดตลาดนำเข้าสินค้ากระเทียม และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่
สำหรับปี  2545   ตามที่คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์กำหนดปริมาณและ
อัตราภาษี   โดยปริมาณกระเทียมนำเข้าเพื่อบริโภค  จำนวน  44.33  ตัน  อัตราภาษีในโควตาร้อยละ  27 
ปริมาณกระเทียมนำเข้าเพื่อใช้เป็นพันธุ์เพาะปลูก จำนวน 20  ตัน  อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 0  เป็นการ
ส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกเพื่อการส่งออกด้วยการยกเว้นภาษีนำเข้า โดยมอบให้องค์การคลังสินค้าเป็น
ผู้บริหารการนำเข้า และกระเทียมนำเข้านอกโควตาอัตราภาษีร้อยละ 58.2 สำหรับเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่  
กำหนดปริมาณในโควตา 6.283 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 0 และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 222.8 
เป็นไปตามข้อผูกพัน โดยมอบให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย   จำกัด  เป็นผู้นำเข้า  
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 611 ร.เรื่อง การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในสังกัด
กระทรวงอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหาขาดทุน ของนายนิยมชัย  วรปัญญา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด
ลพบุรี  ซึ่งถามว่า  รัฐบาลมีแผนและนโยบายในการแก้ไขปัญหาการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง
อุตสาหกรรมไว้อย่างไร   หรือไม่   มีการวางแผนเพื่อมิให้ประชาชนเดือดร้อนจากการบริโภคสินค้าราคาแพง
และการที่รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ต้องขาดทุนเพราะการบริหารงานเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร  ผู้จัดการ  ซึ่ง
อาจใช้อำนาจเพื่อหาประโยชน์ จึงทำให้เกิดผลขาดทุน  ขอให้ตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงหรือไม่  อย่างไร  มีผล
อย่างไร การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมจะเกิดผลดีและผลเสียอย่างไร  และรัฐวิสาหกิจ
สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมมีการดำเนินงานที่ขาดทุนในแต่ละแห่งเท่าใด นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงสิ้นปี
พ.ศ. 2544 มีจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด  รวมทั้งในปี พ.ศ. 2545 นี้  รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งคาดว่าจะมีผลกำไร  ขาด
ทุนอย่างไร ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ
และผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  (แก้ไขให้ตำแหน่งอธิการบดีและรอง
อธิการบดีของสถาบันราชภัฏ  รวมทั้งเพิ่มเติมตำแหน่งอธิการและรองอธิการของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน
และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทผู้บริหารในสถาบันการศึกษา
ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 เป็นต้นไป)  ตามที่ประธานคณะกรรม
การพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน
การต่อไปได้

                          อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่มี
มติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา  พ.ศ. ....  ตามที่คณะทำงานได้ปรับ
ปรุงแก้ไขแล้ว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตตามประเด็นอภิปราย
(เกี่ยวกับการกำหนดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ  การได้รับใบอนุญาตของครูและผู้บริหารการศึกษาก่อนวันที่ร่าง
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  องค์ประกอบของคณะกรรมการสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา   องค์การจัดหาผล
ประโยชน์  องค์การค้าคุรุสภา)  ไปประกอบการพิจารณาด้วย     แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน
ราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายขรรค์  ประจวบเหมาะ  ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำหรับการกำหนดค่าจ้าง รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างผู้บริหารให้เป็นไปตามที่คณะ
กรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง  ตามที่กระทรวงการ
คลังเสนอ โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (9 กรกฎาคม 2545) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเดือนพฤษภาคม 2545 
มีจำนวนผู้มีงานทำประมาณ 31.98 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2544 เพิ่มขึ้นประมาณ
1.32  ล้านคน  สำหรับภาวะการว่างงาน มีจำนวนประมาณ 1.00 ล้านคน  หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อย
ละ 3.0 เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2544 ลดลงประมาณ 4.2 แสนคน ส่วนรายงานการสำรวจ
ความคิดเห็นของประชาชน กรุงเทพมหานครที่มีต่อการใช้สะพาน  หลังการเปิดใช้สะพานพระราม 8  มีประชา
ชนเดินทางระหว่างฝั่งกรุงเทพ-ธนบุรี ร้อยละ 11.4 เป็นประชาชนในกลุ่มผู้ใช้เส้นทางบริเวณสะพาน ฯ เคยใช้
สะพาน ฯ ในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มอื่น คือ ร้อยละ 32.2   ส่วนกลุ่มผู้ใช้เส้นทางฝั่งกรุงเทพ และฝั่งธนบุรี มีผู้ที่
เคยใช้สะพานดังกล่าว ร้อยละ 3.5 และ 4.1  ตามลำดับ  สำหรับสะพานที่เคยใช้ในการเดินทางระหว่างฝั่งกรุง
เทพและฝั่งธนบุรี สะพานพระปิ่นเกล้าเป็นสะพานที่มีผู้ใช้มากที่สุด ประมาณร้อยละ 67.4  สะพานพุทธ  ร้อย
ละ 62.0 สะพานกรุงธน (ซังฮี้) ร้อยละ 51.0  สะพานพระปกเกล้า  ร้อยละ 44.8  สะพานสาทร  สะพานกรุง
เทพ  และสะพานกรุงเทพ  2  ร้อยละ  39.6  37.7  และ  25.3  ตามลำดับ  ส่วนสภาพการจราจรบนสะพาน
สะพานพระปิ่นเกล้าติดขัดมากที่สุด ร้อยละ 54.4 สะพานสาทร ร้อยละ 53.3 สะพานกรุงธน (ซังฮี้)  ร้อยละ
52.8 สะพานกรุงเทพ ร้อยละ 42.7 สะพานพุทธ  สะพานพระปกเกล้า  และสะพานกรุงเทพ 2  ร้อยละ 37.9
32.7  และ 23.6  ตามลำดับ  สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับการจราจรในภาพรวมภายหลังการเปิดใช้สะพาน
พระราม 8 มีผู้ที่เห็นว่าทำให้สภาพการจราจรคล่องตัวขึ้น ร้อยละ 43.2 เหมือนเดิม ร้อยละ 28.8 ติดขัดมาก
ขึ้นร้อยละ 2.3  และอีกร้อยละ 25.7 ไม่แสดงความคิดเห็น   ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับจำนวนสะพานที่ใช้เดิน
ทางระหว่างฝั่งกรุงเทพ-ฝั่งธนบุรี  มีผู้ตอบว่ามีสะพานเพียงพอที่ใช้เดินทาง ร้อยละ  42.0  มีสะพานไม่เพียง
พอ ร้อยละ 13.0 ไม่ให้ความคิดเห็น ร้อยละ  45.0  และทั้งนี้ประมาณร้อยละ  54.2  ของผู้ที่เห็นว่ามีสะพาน
ไม่เพียงพอ   ให้ความเห็นว่าควรสร้างสะพานเพิ่มโดยให้ผู้บริหารกำหนดสถานที่เอง  สร้างเพิ่มในบริเวณที่มี
ปริมาณรถใช้มาก ๆ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 30 กันยายน
2542  และ 2543  งบรายรับ-รายจ่าย  และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงเงินกองทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของ
แต่ละปี  รวม  2  งวดบัญชี  ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรใน
การหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ของสำนักงานการ
ตรวจเงินแผ่นดิน  ซึ่งถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์ในการจัดทำงบการเงิน   พร้อมทั้งมีข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปรับปรุง  โดยในส่วนของกองทุนสงเคราะห์ ฯ  ควรเร่งรัดหน่วยงานชำระหนี้โดยเร็วเพื่อ
ให้กองทุน  ฯ  มีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการต่อไป  พิจารณาแก้ไขปัญหาที่ทำให้โครงการล่าช้า   และโครง
การที่มีปัญหาในทางปฏิบัติที่ขัดต่อระเบียบและข้อกฎหมาย   กับปรับปรุงบัญชีเงินให้กู้ยืมและบัญชีรายได้เพื่อให้
งบการเงินงวดปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  แสดงยอดที่ถูกต้อง  รวมทั้งแจ้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร  และหน่วย
งานอื่น  ๆ   ที่ค้างชำระหนี้ถือปฏิบัติในการนำส่งเงินให้ถูกต้องเป็นไปตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร 
จัดให้มีการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินและติดตามผลการดำเนินงาน      และทบทวนนโยบายการบัญชีโดยใช้ระบบ
เกณฑ์คงค้าง   สำหรับเงินกองทุนหมุนเวียน ฯ ให้เร่งรัดหน่วยงานที่ครบกำหนดชำระส่งเงินคืนโดยเร็ว  พร้อมทั้ง
ตรวจสอบหาสาเหตุว่า เหตุใดโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อจำหน่ายไปแล้ว ทำไม
จึงไม่นำเงินส่งคืน   และหามาตรการแก้ไขปัญหาเพื่อให้หน่วยงานนำเงินส่งกองทุน  ฯ   ได้ต่อไป     และทบทวน
นโยบายบัญชี โดยพิจารณาเปลี่ยนเป็นระบบเกณฑ์คงค้าง เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการประเมินฐานะ
ทางการเงิน ผลการดำเนินงาน และช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม

             รับทราบรายงานการพิจารณาเรื่องร้องเรียน เรื่อง ขอให้มีการตรวจสอบการคัดสรรผู้อำนวยการ
การท่าเรือแห่งประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ฯ 
ซึ่งเห็นว่า  ขั้นตอนในการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย  มิได้
ปฏิบัติตามหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตาม
พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ  (ฉบับที่ 4)  พ.ศ. 2544  ซึ่งตาม
ขั้นตอนคณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทน ฯ  จะต้องเชิญผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่ 1  มาเจรจาต่อ
รองผลตอบแทนก่อน   หากเจรจาตกลงไม่ได้จึงจะเชิญผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่  2  มาเจรจาต่อรองผล
ตอบแทนเป็นบุคคลต่อไป แต่ในการสรรหาผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ คณะอนุกรรมการ
พิจารณาผลตอบแทน ฯ มิได้ปฏิบัติตามหนังสือซักซ้อมความเข้าใจดังกล่าว ดังนั้น กระบวนการสรรหาผู้อำนวย
การการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงมีความบกพร่องและอาจทำให้การสรรหาเกิดความไม่โปร่งใสได้ ตามที่สำนัก
งานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ   และมอบให้กระทรวงคมนาคม  และกระทรวงการคลัง รับไปพิจารณาดำเนินการ
แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล 
ในปีที่สอง  โดยมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการจัดการประชุมชี้แจงแก่ผู้บริหารระดับสูง
ของทุกกระทรวง  ทบวง  กรม  ผู้ว่าราชการจังหวัด   หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ   และองค์การมหาชน 
รวมทั้งหัวหน้าสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีจากทุกกระทรวง  ในวันศุกร์ที่  7  มิถุนายน  2545  ณ  ตึก
สันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการการประชุมการจัดการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ
ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก  ครั้งที่ 7 "The 7th Asia-Pacific Conference on Giftedness" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวัน
ที่ 12-16 สิงหาคม 2545 กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักวิชาการ ผู้บริหาร  ครู  อาจารย์
เด็กและเยาวชน  ตลอดจนผู้ปกครองและผู้สนใจทั่วไปได้มีความรู้ความเข้าใจ มีโอกาสแลกเปลี่ยนการเรียน
รู้และประสบการณ์ในเรื่องการจัดการศึกษาและการอบรมเลี้ยงดูผู้มีความสามารถพิเศษกับนานาประเทศ
รวมทั้งอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงาน ฯ  โดยมีนายกรัฐมนตรี  เป็นที่ปรึกษา  และรองนายกรัฐมนตรี
(นายปองพล  อดิเรกสาร)  เป็นประธานกรรมการ  มีอำนาจหน้าที่ให้ข้อคิด   ข้อเสนอแนะ   กำหนดทิศ
ทาง วางแผน ส่งเสริม สนับสนุน  ติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  บรรลุตามวัตถุ
ประสงค์ที่วางไว้ทุกประการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการและแนวทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในการชุมนุมเรียก
ร้อง  โดยหากกลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการและเอกชน
เป็นการกระทำเกินกว่าการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของตน และเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของผู้
อื่น ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง โดยให้หัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจได้กำชับ
ข้าราชการและพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ  โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาตำรวจใน
ระดับจังหวัดให้ถือปฏิบัติตามหลักการและแนวทางดังกล่าวโดยเคร่งครัด ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการรายงานเกี่ยวกับการ
ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540  ประจำปี พ.ศ. 2544  ซึ่งมีผลการดำเนิน
งานที่สำคัญ  ได้แก่  การพิจารณาดำเนินการเรื่องร้องเรียน โดยมีเรื่องร้องเรียนการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ข้อมูลข่าวสารของราชการ  รวมทั้งสิ้น  150  เรื่อง   ลดลงจากปี  พ.ศ. 2543  เล็กน้อย   ส่วนการพิจารณา
เรื่องอุทธรณ์ มีเรื่องอุทธรณ์ไม่เปิดเผยข้อมูล จำนวน  88  เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล
ข่าวสารสาขาต่าง ๆ ได้มีคำวินิจฉัยแล้วเสร็จ 66 เรื่อง  นอกจากนี้  คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ฯ  ได้ตรวจ
เยี่ยมหน่วยงานตัวอย่าง   และประชุมร่วมกับผู้บริหารงานข้อมูลข่าวสารของกระทรวงเพื่อให้ความสนับสนุน
การดำเนินงาน     พร้อมทั้งจัดประชุมและสัมมนาร่วมกับจังหวัดต่าง  ๆ   เพื่อสร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์
สำหรับประชาชน ผู้บริหารท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ของจังหวัดต่าง ๆ   ตลอดจนเผยแพร่ความรู้   ความเข้าใจ
เกี่ยวกับกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ   จัดทำแผนยุทธศาสตร์สำหรับสำนักงานคณะกรรมการข้อมูล
ข่าวสารของราชการ  เพื่อรองรับนโยบายการพัฒนาศักยภาพองค์กร  และดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อให้สามารถมีกลไกตามกฎหมายที่ตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของ
กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ   คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ในสมัยประชุมปี  พ.ศ. 2545  
และให้บริการข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยจัดทำ  Web Site  ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้บริการ
ค้นหาข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐในทุก  ๆ  ด้าน สำหรับประชาชนผู้สนใจทั่วไปสามารถใช้บริการ
ได้ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ http://www.oic.thaigov.go.th/ginfo

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการเชื่อมโยงสถาบันอุดมศึกษาไปสู่ชุมชนในระดับ
รากหญ้า  และการสำรวจวิทยาเขต  โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและรัฐมนตรีว่าการ
ทบวงมหาวิทยาลัยจัดประชุมผู้บริหารสถาบันการศึกษาต่าง  ๆ  เพื่อพิจารณาระบบและแนวทางใน
การเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษากับชุมชนซึ่งเป็นระดับรากหญ้า โดยในการเชื่อมโยง
ดังกล่าวจะต้องมิใช่เป็นการจัดตั้งเป็นวิทยาเขต (Campus) โดยมีการก่อสร้างอาคารเรียนขึ้นมาใหม่
รวมทั้งให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายกระแส ชนะวงศ์)  ซึ่งได้รับมอบหมายและมอบ
อำนาจให้สั่งการและปฏิบัติราชการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ไปพิจารณาร่วมกับ
ทบวงมหาวิทยาลัยและกระทรวงศึกษาธิการในการสำรวจและพิจารณาทบทวนทั้งระบบว่า สถาบัน
การศึกษาในระดับอุดมศึกษา และวิทยาเขตต่าง  ๆ   ของประเทศไทยปัจจุบันมีเพียงพอแล้วหรือไม่
หากไม่เพียงพอควรขยายในลักษณะใด  โดยให้จัดทำเป็นแผนแม่บท  แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อ
ไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 2 
(ฝ่ายเศรษฐกิจ)  (คกก.2)  ที่มีมติรับทราบผลการดำเนินงานไตรมาสแรก  ปี 2545  ของรัฐวิสาหกิจ 
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  เสนอ  โดยให้รัฐวิสาห
กิจรับข้อเสนอแนะของ  สศช.  ที่ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายลงทุนอย่างต่อเนื่อง ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ  90 
ของเป้าหมายในแต่ละไตรมาส เพื่อให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบอย่างสม่ำเสมอ   และติดตามการลงทุน
โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่อย่างใกล้ชิด กับให้ปรับปรุงการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
เพื่อให้การเบิกจ่ายลงทุนเป็นไปตามเป้าหมาย และให้สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติจัดให้มีการอบรมผู้
บริหาร และผู้แทนจากรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
และเกิดผลจริงในทางปฏิบัติได้เร็วขึ้น  และความเห็นข้อสังเกตของ คกก.2  (เกี่ยวกับผลประกอบการ
ในไตรมาสแรกของรัฐวิสาหกิจ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น  เป็นผลมาจากมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน  แสดง
ให้เห็นว่ารัฐวิสาหกิจมีการกู้เงินต่างประเทศเป็นจำนวนสูง    ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลก
เปลี่ยนจึงมีผลกระทบต่อผลประกอบการ  ดังนั้น รัฐวิสาหกิจควรพิจารณาเร่งให้มีการชำระหนี้ เมื่อมี
ความได้เปรียบทางอัตราแลกเปลี่ยน)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย   และให้  สศช.  ร่วมกับกระทรวง
การคลัง เพื่อศึกษาวิเคราะห์การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง    โดยให้จัดกลุ่มตามความเห็น
ของ คกก.2  โดยแบ่งกลุ่มตามศักยภาพ เน้นรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน/มีการกู้เงินสูง 
และลงทุนเป็นจำนวนมาก  รวมทั้งกำหนดกลยุทธ์การกำกับดูแลเป็นกลุ่มๆ และให้จัดประชุมสัมมนา
ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 
(ฝ่ายเศรษฐกิจ) (คกก.2)  ที่มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนและการกำหนดคุณ
สมบัติผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนพื้นฟูกิจการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้แก้ไของค์
ประกอบของคณะกรรมการพิจารณาผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนพื้นฟูกิจการ  โดยเพิ่มผู้แทนกระทรวง
การคลัง  สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  สมาคมธนาคารไทย   และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ
ไทย เป็นกรรมการ และแก้ไข  "ผู้แทนกรมทะเบียนการค้า"  เป็น  "ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์"  รวมทั้ง
แก้ไขจำนวนกรรมการอื่นซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านบัญชี  ด้านธุรกิจ  ด้านการเงิน  จาก  "จำนวนหก
คน"  เป็น  "ไม่เกินหกคน"  ตามข้อสังเกตของ คกก.2 แล้วดำเนินการต่อไปได้ 

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ  1900  MHz
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคืบหน้า
ในการดำเนินโครงการในเบื้องต้นกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่  4  กรกฎาคม  2543  ให้องค์การ
โทรศัพท์แห่งประเทศ (ทศท.) การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.)  และบริษัท  วิทยุการบินแห่งประเทศ
ไทย จำกัด  (บวท.)  ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน  และให้บริษัทได้รับสิทธิการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ระบบ 1900 MHz  จาก  ทศท.  และ  กสท.  ซึ่งขัดต่อมาตรา  80  แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่น
ความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543  นั้น  เพื่อให้
การดำเนินโครงการสามารถดำเนินการต่อไปได้ทันภายในวันที่ 27 มีนาคม 2545 กระทรวงคมนาคมจึง
เห็นชอบให้ดำเนินการตามมติที่ประชุมร่วมระหว่างผู้บริหารของ ทศท.  และ กสท. โดยให้ทั้งสองฝ่ายร่วม
กันเป็นผู้จัดสร้างโครงข่ายในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 1900 MHz  และให้เช่าใช้อุปกรณ์กับ
บริษัท ฯ  เพื่อให้บริการตามโครงการต่อไป  และคณะกรรมการบริหารของรัฐวิสาหกิจทั้ง  2  แห่ง  มีมติ
เห็นชอบด้วยแล้ว  โดยจะร่วมกันดำเนินงานและบริหารโครงการในลักษณะกิจการร่วมค้า    รวมทั้งจัดตั้ง
คณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐวิสาหกิจทั้งสอง เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและกำหนดนโยบายในการดำเนิน
การต่อไป   สำหรับในส่วนของการลงทุนโครงการจะได้นำเสนออีกครั้งหนึ่งต่อไป   ทั้งนี้   คณะรัฐมนตรี
มีข้อสังเกตว่า  ต่อไปการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่และมีวงเงินลงทุนสูง  ควรต้องระมัดระวัง   มิควร
หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายจากงบลงทุนมาใช้งบทำการ  ซึ่งจะมีปัญหาในระยะยาว    และการวิเคราะห์ผลตอบ
แทนทางการเงิน (IRR) ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเพื่อ
ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวนโยบายของรัฐด้านต่าง  ๆ  การดำเนินการที่เกี่ยวข้อง  การติดตาม
งาน  ตลอดจนการเตรียมการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป 
ให้มีความเข้าใจที่ชัดเจน  สอดคล้องตรงกัน  มอบให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับเรื่องนี้ไปดำเนินการ 
โดยให้ประสานรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรีต่อไป    ตามที่
นายกรัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการเร่งรัดการติดตามการใช้เงินภาครัฐในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545  โดยให้รัฐมนตรีรับไปกำชับและเร่งรัดการดำเนินการขอเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 
พ.ศ. 2545  และการขอก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ฯ ดังกล่าว ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัด
ให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กันยายน  22  ตุลาคม และ  27  พฤศจิกายน  2544
ที่ให้หัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจตรวจสอบ เร่งรัดและติดตามการดำเนินการเบิกจ่าย
เงินงบประมาณ ฯ  ดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินภาค
รัฐ   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   รวมทั้งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการจัดทำแผนการ
ดำเนินการต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ