ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 41 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 801 - 820 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 801 | รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย ภายหลังการดำเนินงานในช่วง 3 เดือน | มท | 26/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ภายหลัง การดำเนินงานในช่วง 3 เดือน ซึ่งเป็นการสรุปผลงานในภาพรวมของศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด จังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในระยะเดือนที่ 4 เพิ่มเติมจนถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2546 สรุปได้ดังนี้ (1) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ/กิ่ง อ. มียอดการจับกุม รวมทั้งสิ้น 44,844 คน การแสดงตนของผู้ผลิต/ผู้ค้า และผู้เสพ มีผู้แสดงตนต่อทางราชการที่เป็นผู้ผลิต/ผู้ค้า รวม 42,408 คน และผู้เสพ รวม 288,822 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพมีผลการบำบัดรักษา รวมทั้งสิ้น 260,000 คน ส่วนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ตามกระบวนการเสริมสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็งเพื่อ เอาชนะยาเสพติด ครบ 4 ขั้นตอนใน 6 ขั้นตอน จำนวน 81,798 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการครบ 5 ขั้นตอน จำนวน 46,587 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการครบ 6 ขั้นตอน จำนวน 13,097 หมู่บ้าน/ชุมชน (2) การปราบ ปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญและการยึดทรัพย์สิน มีผลการปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ รวม 1,905 คน ยึดทรัพย์สินได้มูลค่า 6,613.110 ล้านบาท สำหรับผลการปฏิบัติงานยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส. ปปง. ศตส.กทม. และจังหวัดต่าง ๆ โดยระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2546 สามารถยึดทรัพย์สินได้รวม 3,567.990 ล้านบาท และระหว่างวันที่ 1-23 พฤษภาคม 2546 สามารถยึดทรัพย์สินได้ รวม 5,185.144 ล้านบาท (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากการตรวจสอบเพิ่มเติม ปรากฏ ว่า มีจำนวนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 1,191 ราย และรายงานของกรมการปกครอง มี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 345 คน และกรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่น มีบุคลากรขององค์กร ฯ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 184 คน นอกจากนี้ ยังมีผลการปฏิบัติงานในส่วน ของโครงการประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด การมอบรางวัลนักรบพลังแผ่นดินขจัดสิ้นยาเสพติดและ การให้แนวทางการดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด การมอบนโยบายแก่ผู้บริหารในส่วนกลางและส่วน ภูมิภาคเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมทั้งผลการประชุม ศตส. เรื่องแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพล |
||||||||||||||||||
| 802 | รายงานการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 56 (ระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤษภาคม 2546) | สธ | 26/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 56
ระหว่างวันที่ 18-24 พฤษภาคม 2546 ณ Palais des Nations นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข (นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ฯ โดยสาระสำคัญ ของการประชุมในครั้งนี้ได้มีการลงนามในข้อตกลงความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนเอดส์โลก ระหว่างรองปลัด กระทรวงสาธารณสุข (ศ.ดร. ภักดี โพธิศิริ) กับผู้อำนวยการกองทุนเอดส์โลก ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุขของไทยได้กล่าวปราศรัยในที่ประชุม ฯ โดยชี้แจงถึงนโยบายและกิจกรรมของรัฐบาลไทยในการสร้าง เสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเด็กและความพยายามในการออกมาตรการป้องกันและควบคุมโรคซาร์ส ซึ่งทำให้ประเทศ ไทยปลอดจากโรคซาร์สโดยไม่มีการติดเชื้อในประเทศ พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกช่วยเผยแพร่ข้อ มูลดังกล่าวกับประเทศต่าง ๆ ด้วย และได้นำเสนอร่างมติสมัชชาอนามัยโลก เกี่ยวกับโรคซาร์ส ที่ประเทศไทยได้จัด ทำขึ้นใหม่ ตามมติที่ประชุมผู้แทน จาก 10 ประเทศ สมาชิกองค์การอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAR) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2546 ที่เห็นชอบในหลักการร่างมติดังกล่าว และมอบให้ประเทศไทยร่วมกับผู้ แทนมัลดีฟส์ปรับปรุงร่างมติดังกล่าว โดยประเด็นสำคัญของร่างมตินี้ คือ การที่ประเทศสมาชิกและองค์การอนามัย โลกจะต้องร่วมกันสร้างความมั่นใจว่า มาตรการควบคุมโรคต่าง ๆ ที่นำมาใช้ จะต้องวางบนพื้นฐานของหลักฐานทาง ระบาดวิทยาที่เชื่อถือได้ และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับ Dr. David Heymann, Executive Director ของ CDS ขององค์การอนามัยโลกเพื่อให้ดำเนินการติดต่อกับกระทรวงสาธารณสุขของสมาพันธรัฐสวิส ในการถอดชื่อประเทศไทยจากประเทศกลุ่มเสี่ยงโดยด่วน รวมทั้งได้เข้าพบและหารือในระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรี สาธารณสุขประเทศต่าง ๆ และผู้บริหารระดับสูงขององค์การระหว่างประเทศด้วย |
||||||||||||||||||
| 803 | รายงานผลการตรวจติดตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 26/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบ
รายงานผลการตรวจติดตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ของผู้ตรวจราช การสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของผลการดำเนินงานตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และผลการดำเนิน งานตามโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล และ (2) รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบมอบหมายให้หน่วย งานที่รับผิดชอบโครงการ ฯ คือ คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ (กอ.นตผ.) และ กระทรวงมหาดไทย และโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล คือ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาด ไทยรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในรายงานผลการตรวจติดตามโครงการดัง กล่าว ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ โครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ควรจัดหาตลาดที่แน่นอน มีความมั่นคง ถาวร เพื่อเป็นหลักประกันในการรองรับสินค้า ของกลุ่มผู้ผลิตทั่วประเทศ ประสานกับภาคเอกชนในการให้ความรู้ด้านเทคนิคการผลิตต่าง ๆ แก่กลุ่มผู้ผลิตให้มีการ ฝึกอบรมแก่กลุ่มผู้ผลิตเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการ การตลาด การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ควบคู่ ไปกับการบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนประสานกับภาคเอกชนในการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ผลิตในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิต อาทิ ภาษี ค่าเช่าสถานที่จำหน่าย ค่าขนส่ง ฯลฯ รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ผลิต ถึงยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานตามโครงการ ฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิ ปัญญาท้องถิ่น และใช้ทรัพยากรในพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญให้มากขึ้น ส่วนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ไทย ตำบลดอทคอม ควรปรับปรุงในเรื่องของสีสัน ความคมชัด และรูปแบบการจัดวางให้เป็นที่ดึงดูดใจมากขึ้น สำหรับ โครงการอินเทอร์เน็ตตำบล ควรพิจารณาจัดสรรเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับที่ทำการปกครองจังหวัด อำเภอฝ่ายท้อง ถิ่น และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้มีการเชื่อมโยงกันทุกระบบและครบวงจร ปรับปรุงแก้ไขปัญหากรณี เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อให้บริการมีความสะดวกรวดเร็ว จัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ อบต. เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์ของโครงการและ การให้บริการประชาชนด้านอินเทอร์เน็ตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ให้ผู้บริหารในระดับท้องถิ่นให้ความสำคัญ ในการกำกับดูแล กำชับ และปลูกจิตสำนึกให้ อบต. ทุกแห่งใช้คอมพิวเตอร์ตามโครงการ ฯ และเห็นความสำคัญของ การนำเอาเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาสนับสนุนการปฏิบัติงาน
|
||||||||||||||||||
| 804 | รายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (เดือนเมษายน 2546) | ศธ | 26/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติด (เดือนเมษายน 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การดำเนินงานด้านนโยบายและแนวทางการกำกับ ติดตาม ได้จัดประชุมผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ครู-อาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติด ให้มีการตรวจสอบระบบข้อมูล และการติดตามการปฏิบัติงานให้บรรลุผลอย่างจริงจังของ หน่วยงานในสังกัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในส่วนของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ทุกเขตการ ศึกษา และผู้ตรวจราชการ กรมทุกกรม ได้ดำเนินการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และของ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค และให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของสถานศึกษาทุก เขตการศึกษาทั่วประเทศ (2) การดำเนินงานในการสร้างภูมิคุ้มกันและการเฝ้าระวัง สถานศึกษาทุกแห่งได้เปิด สถานศึกษาในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนและเยาวชนได้ร่วมกิจกรรม เช่น การเล่นกีฬา บรรพ ชาสามเณร ส่งเสริมการอ่าน การเล่นดนตรี ค่ายวิชาการ ค่ายคุณธรรม ศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น กิจกรรมวัน สงกรานต์ เป็นต้น รวมทั้งการดำเนินการจัดกิจกรรมของกลุ่มเสพ/ติด (3 ) การดำเนินงานกับเจ้าหน้าที่ของ รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ได้เร่งรัดให้กรมต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ดำเนินการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและสอบสวนให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2546 จำนวน 2 กรม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรม การการประถมศึกษาแห่งชาติ มีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 141 ราย และสังกัดกรมสามัญศึกษา มีผู้เกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด 29 ราย (4) การดำเนินงานในการจัดกิจกรรมหลักที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ การเปิดโครง การรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดตั้งชมรม To Be Number One ในสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ กำหนดเปิดโครงการในวันที่ 9 มิถุนายน 2546 การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจ สารเสพติด ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ การจัดพิมพ์โปสเตอร์ และแผ่น ซี ดี มอบให้สถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในแนวทางการดำเนินงานป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา และการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในกลุ่มเสี่ยงในเขตกรุงเทพ ฯ และจังหวัด ที่เป็นพื้นที่ระบาดยาเสพติดรุนแรงของผู้บริหารระดับสูง รวมทั้ง (5) การจัดกิจกรรมภาคฤดูร้อนต่าง ๆ |
||||||||||||||||||
| 805 | รายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (เดือนมีนาคม 2546) | ศธ | 19/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยา
เสพติด (เดือนมีนาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การดำเนินงานด้านนโยบายและแนวทางการกำกับ ติดตาม ได้ จัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกันและแก้ปัญหาสารเสพติดในสถานศึกษา ประจำจังหวัดทุกจังหวัด ที่สำนักงาน ศึกษาธิการจังหวัด เพื่อกำกับติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยจัดทีมสารวัตรนักเรียนมาปฏิบัติงานในการรับแจ้งข้อมูลที่มีนักเรียน นักศึกษา และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และข้อมูลผู้เสพ ผู้ค้า โดยประสานการดำเนินงานกับสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติในการลงพื้นที่ติดตามทุกรายที่ได้รับข้อมูล พร้อมทั้งจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำรูปแบบการ ดำเนินงานและแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยได้จัดทำแผนงานโครงการ และกิจกรรมให้แก่สถานศึกษาในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 เพื่อให้สถานศึกษาปลอดยาเสพติดภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2546 (2) การ ดำเนินงานด้านการสำรวจสภาพการใช้สารเสพติดในสถานศึกษา ได้มีการปรับปรุงแบบสรุปรายงานสภาพการ ใช้สารเสพติดในสถานศึกษา โดยสรุปแยกนักเรียน นักศึกษา ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่ม ผู้เสี่ยง กลุ่มผู้เสพ กลุ่มผู้ติด และกลุ่มผู้สงสัยว่าค้ายา โดยกำหนดการรายงานผลการสำรวจออกเป็น 2 ช่วง คือ 1 มีนาคม และ 30 กันยายน นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการให้กรมและสถานศึกษาดำเนินการ กรณีพบข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดเกี่ยวข้องกับการผลิต การค้ายาเสพติด และให้ผู้บริหารแต่ละระดับ ตรวจสอบ กำกับ ติดตาม กรณีที่พบว่ามีครูอาจารย์ และบุคลากรในหน่วยงานและสถานศึกษาเกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด อย่างใกล้ชิด และจริงจังเพื่อให้มีข้อมูลเป็นปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยว ข้องกับยาเสพติด และการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันและการเฝ้าระวัง |
||||||||||||||||||
| 806 | การแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา | นร | 19/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาที่
คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติในเรื่องดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2546 และเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2546 โดยขอย้ำ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งติดตามดูแล และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ด้วย เนื่องจากผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษานั้น ๆ โดย ตรง ทั้งนี้ ให้ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||
| 807 | แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2550) | นร | 19/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546-2550) และ ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์ที่ 4 มาตรการ ที่ 6 การปรับปรุงสมรรถนะของศูนย์พัฒนาและโอนถ่ายบุคลากรภาครัฐ รวมทั้งจัดให้มีตำแหน่งทดแทนหรือสำรอง ราชการเพื่อประโยชน์ในการหมุนเวียน โอนย้าย และพัฒนาข้าราชการ ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ข้าราชการที่ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอนย้ายมาอยู่ที่ศูนย์ ฯ และส่งไปพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ทัศนคติ คุณธรรม และจริยธรรม ที่ศูนย์พัฒนาข้าราชการของสำนักงาน ก.พ. แล้วจึงส่งกลับมาปฏิบัติราชการตาม เดิม และหากข้าราชการผู้ใดไม่สามารถปรับปรุงพัฒนาตนเองให้สามารถปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพได้ อาจพิจารณา สั่งให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ หรือให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนได้ตามแนวทางของมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 เรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (การสำรองราชการข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด) และ (2) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 ที่เห็นชอบให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดและเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศทั้งหมดเป็นผู้บริหารสูงสุด (Chief Executive Officer-CEO) และใช้ การบริหารแบบบูรณาการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและเอกอัครราชทูตจะ ต้องทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุด และเป็นเจ้าภาพดูแลรับผิดชอบดำเนินการ ประสาน หรือติดตามการดำเนินงาน ด้านต่าง ๆ โดยมีการประชุมหารือกับฝ่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการและการ ป้องกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บรรลุผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง และหากการดำเนินการเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน และเกินขีดความสามารถ หรือกรอบอำนาจที่จะดำเนินการได้ ก็ให้รีบแจ้งให้หน่วยงานส่วนกลางทราบเพื่อดำเนิน การต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของผู้แทนทางการค้าของไทย (Thailand Trade Representative-TTR) ซึ่งจะต้องทำงาน เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างประเทศด้วย นั้น ให้ถือว่า TTR เป็นเสมือนผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรีในการประสานงานที่ เกี่ยวข้องกับเอกอัครราชทูตและรัฐมนตรีทุกท่าน เพื่อแสวง รักษา และปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจการค้าของ ประเทศ
|
||||||||||||||||||
| 808 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 1 | นร | 19/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยสำนักโฆษก รายงานผลการจัด
สัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 1 วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2546 ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน ซึ่งผลการจัดสัมมนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจ จากสื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น 321 คน เป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น 138 คน โฆษก กระทรวง 19 คน ผู้ตรวจราชการ 8 คน หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่และผู้สังเกตการณ์ 107 คน เจ้าหน้าที่ผู้ ประสานงาน 46 คน และวิทยากร 3 คน โดยมีประเด็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สำคัญ ได้แก่ สื่อท้อง ถิ่นไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหารท้องถิ่น มีปัญหาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ขอให้จัดตั้งศูนย์ผู้สื่อข่าว ประจำจังหวัดและศูนย์ข้อมูลข่าวสารระดับจังหวัด และมีข้อเสนอของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องแนว ทางการแก้ปัญหา การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร คือ ให้สื่อท้องถิ่นประสานงานโดยตรงกับสำนักโฆษกหรือโฆษก กระทรวง ฯลฯ รวมถึงมีการเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้แก่ ราคาเนื้อสุกรมีชีวิตตกต่ำ การจัดระบบชล ประทานเพื่อการเกษตร ปัญหาขยะ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเปิดจุดผ่อนปรนชายแดน การฮั้วงาน การก่อสร้าง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เป็นต้น และจากการประเมินผลการสัมมนาโดยการตอบแบบสอบถาม สื่อ มวลชนส่วนใหญ่พอใจกับการสัมมนา และเห็นว่า ได้ประโยชน์มากเพราะทำให้ได้รับทราบข้อมูลและแนวทางการ ดำเนินงานของรัฐบาลที่ถูกต้อง และสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของหน่วยงานราชการส่วนกลางได้มากขึ้น โดยสื่อ มวลชนได้มีข้อเสนอแนะว่า ต้องการให้จัดสัมมนาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มเวลาการจัดสัมมนาให้มากขึ้น รวมทั้งต้อง การให้ผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ มาร่วมสัมมนาโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อจะได้ตอบข้อซักถามในทุกประเด็นได้ทัน ที สำหรับในส่วนของการตอบปัญหาและข้อซักถามของสื่อมวลชน บางปัญหาไม่สามารถตอบได้ทันทีและครอบ คลุมในทุกเรื่อง เนื่องจากโฆษกกระทรวงและผู้ตรวจราชการของบางกระทรวงไม่ได้เดินทางเข้าร่วมสัมมนาในครั้ง นี้ และบางหน่วยงานส่งผู้แทนในระดับที่ไม่สามารถตอบปัญหาของสื่อมวลชนได้ ทั้งนี้ ในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่สื่อมวลชนตั้งคำถามมาและยังไม่ได้รับคำตอบ สำนักโฆษกจะดำเนินการส่งประเด็นคำถามเหล่านั้นให้กระทรวง ที่รับผิดชอบตอบคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรและจะได้ส่งคำตอบให้สื่อมวลชนท้องถิ่นทราบและเผยแพร่ให้ประชา ชนในท้องถิ่นทราบต่อไป |
||||||||||||||||||
| 809 | รายงานผลการติดตามดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ (Website) ของหน่วยงานภาครัฐ | ทก | 19/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการติดตาม
ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ (Website) ของหน่วยงานภาครัฐ สรุปได้ว่า หน่วยงานภาครัฐในระดับกระทรวง ทบวง ส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานที่ขึ้น ตรงต่อนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่น ๆ ได้มีการจัดทำเว็บไซต์ (website) ครบทุกหน่วยงานแล้ว สำหรับหน่วย งานระดับกรม ได้มีการจัดทำเว็บไซต์ จำนวน 270 หน่วย ขณะเดียวกันปรากฏว่า มีหน่วยงานที่ยังไม่ดำเนินการ จัดทำเว็บไซต์ จำนวน 8 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 97.12 ของหน่วยงานทั้งหมด 278 หน่วย ส่วนผู้บริหารระดับ สูงสุดของหน่วยงาน (CEO) และผู้บริหารสารสนเทศระดับสูงของหน่วยงาน (CIO) ได้มีการดำเนินการไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) แล้ว จำนวน 161 คน และจำนวน 102 คน คิดเป็นร้อยละ 57.91 และร้อยละ 36.69 ของจำนวนทั้งหมด 278 คน ตามลำดับ รวมทั้งการจัดทำเว็บไซต์ของจังหวัดทั่วประเทศ ได้มีการจัดทำเว็บไซต์ ครบถ้วนแล้ว โดยจัดทำขึ้นเป็นลักษณะให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับจังหวัด ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้บริการ ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ตลอดทั้งบริหารราชการแผ่นดินในเชิงรุกให้รวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 810 | การสนับสนุน เด็ก นักเรียน นักศึกษา นักเรียนทุนรัฐบาล รวมทั้งบุคคลรุ่นใหม่ที่ฉลาดมีความรู้ ความสามารถพิเศษ มาร่วมปฏิบัติงานเพื่อการพัฒนาประเทศ | ทม | 13/05/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยรายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการสนับสนุนเด็ก
นักเรียน นักศึกษา นักเรียนทุนรัฐบาล รวมทั้งบุคคลรุ่นใหม่ที่ฉลาดมีความรู้ความสามารถพิเศษ มาร่วมปฏิบัติงาน เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยได้กำหนดแผนการดำเนินการ กิจกรรมที่สำคัญ ดังนี้ (1) จัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีความ สามารถพิเศษ ในสาขาวิชาและระดับปริญญาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนรวม 10,080 คน (2) ให้มหาวิทยาลัย/สถาบัน พิจารณาแนวทางในการส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ การกำหนด หน่วยงาน/คณะทำงาน จัดระบบโครงสร้างความรับผิดชอบที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมาย จำนวนผู้มีความสามารถ พิเศษประมาณร้อยละ 1 ของแต่ละมหาวิทยาลัย/สถาบัน กำหนดวิธีการ/แผน/โครงการในการส่งเสริมนักเรียน ทุน โครงการพัฒนาอาจารย์ที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย รวมทั้งกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณและเสนอให้ทบวง มหาวิทยาลัยทราบ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2546 (3) จะจัดประชุมสัมมนาระดมความคิดกับผู้บริหารมหาวิทยา ลัย/สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่ง (4) เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2546 จะจัดประชุมผู้มีความสามารถพิเศษทั่ว ประเทศ (5) ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จะพิจารณาจัดโครงการให้ผู้มีความสามารถพิเศษไปศึกษาดูงานต่าง ประเทศ 3 รุ่น รุ่นละประมาณ 40 คน และอีกประมาณ 10 รุ่นในปีงบประมาณถัดไป (6) เดือนตุลาคม 2546 ถึง เดือนกันยายน 2547 ให้เด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถพิเศษทำโครงการวิจัยพัฒนาประเทศ ร่วมกับอาจารย์อาวุโส และ (7) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จะจัดสรรทุนให้ผู้มีความสามารถพิเศษได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โท และเอก และสร้างเครือข่ายและกิจกรรมทางวิชาการในสถาบันคลังสมองแห่งชาติของทบวงมหาวิทยาลัยต่อไป |
||||||||||||||||||
| 811 | ร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 06/05/2546 | |||||||||||||||
|
อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การ
บริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และโดยที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติ (28 เมษายน 2546) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเกี่ยวกับที่มาของผู้บริหารท้องถิ่นทั้งระบบให้ สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำ เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยด่วนต่อไป สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับ นี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล เกี่ยวกับที่มาของผู้บริหารท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสภาท้องถิ่นกับผู้บริหารท้องถิ่น การเลือกตั้ง การพ้นจากตำแหน่ง การยุบรวมหรือยกฐานะ และผลบังคับใช้ |
||||||||||||||||||
| 812 | การกำหนดให้ทุกจังหวัดใช้การบริหารงานแบบบูรณาการ | นร | 28/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับ
เปลี่ยนบทบาทและอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการให้เป็นผู้บริหารสูงสุดของจังหวัด (Chief Executive Office - CEO) โดยใช้การบริหารงานแบบบูรณาการ ซึ่งมีจังหวัดตามโครงการจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อการพัฒนาดำเนิน การประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นต่าง ๆ ตลอดจนภาคเอกชนสามารถประสานและร่วมมือกันปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีเอกภาพ และบรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม จึงควรกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่เหลืออยู่ทั้งหมด (ยกเว้น กรุงเทพมหานคร) ใช้การบริหารงานแบบบูรณาการเช่นเดียวกัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้น ไป ทั้งนี้ ในการพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ควรถือปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 เรื่อง แนวทางการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง (ระดับ 9 - 11) โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมิใช่ข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่จะพิจารณาคัดเลือกจากข้าราชการ ระดับสูงทั้งหมดที่มีอยู่ในภาพรวมของทุกส่วนราชการที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมมากที่ สุดเป็นสำคัญ จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วดำเนินการด้านต่าง ๆ ต่อไป เพื่อให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดใช้การบริหารแบบบูรณาการได้ทันกำหนดเวลา
|
||||||||||||||||||
| 813 | การดำเนินงานของศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในตะวันออกกลาง | รง | 22/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์เฉพาะกิจเพื่อ
ช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในตะวันออกกลาง ระหว่างวันที่ 17 มีนาคม - 17 เมษายน 2546 สรุปดังนี้ (1) ศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทย ฯ ได้ประสานการอำนวยความสะดวกแก่แรงงาน ไทยที่เดินทางกลับประเทศไทย และตอบข้อซักถามของญาติพี่น้องแรงงานไทย รวม 1,128 ราย (2) ผู้บริหาร ระดับสูงของกระทรวงแรงงานได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้คำแนะนำชี้แจงแก่หัวหน้ากลุ่มคนไทยและแรงงานไทยใน ตะวันออกกลาง รวมทั้งได้หารือเงื่อนไขมาตรการและแนวปฏิบัติในการอพยพแรงงานไทยและได้ประสานการ อำนวยความสะดวกแก่แรงงานไทย รวม 12 ครั้ง จำนวน 341 คน จำแนกเป็นแรงงานไทย 316 คน นักศึกษา 22 คน คนไทยที่ติดตามญาติกลับประเทศไทย 3 คน (3) แรงงานไทยที่อพยพกลับจากตะวันออกกลาง ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - 12 เมษายน 2546 จำนวน 316 คน ได้แจ้งขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงแรงงาน จำนวน 249 คน และ (4) สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางยุติลงสภาพการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว กระทรวง แรงงานได้สั่งปิดศูนย์เฉพาะกิจ ฯ และได้เร่งรัดให้กรมการจัดหางานและกรมพัฒนาฝีมือแรงงานติดตามช่วยเหลือ แรงงานไทยในด้านการกลับไปทำงานในต่างประเทศ การประกอบอาชีพและการฝึกอาชีพเพิ่มเติม ทั้งนี้ จาก สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางครั้งนี้ไม่มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด |
||||||||||||||||||
| 814 | การนำเงินสำรองทางการไปร่วมลงทุนในกองทุน Asian Bond Fund I | กค | 22/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงการคลังเสนอการเข้าร่วมลงทุนใน
กองทุน Asian Bond Fund I (ABFI) ซึ่งมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อรักษามูลค่าของกองทุน ฯ และเพิ่มพูนมูลค่าของ สินทรัพย์ในกองทุน ฯ โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการนำเงินสำรองทางการเข้าร่วม จัดตั้ง ABFI ทั้งนี้ สาระสำคัญของกองทุน ABFI สรุปได้ดังนี้ (1) เงินลงทุน : เงินสำรองทางการของประเทศที่ สนใจนำไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน ฯ (2) โครงสร้างตามกฎหมาย : เป็นกองทุนของ Bank for International Settlements (BIS) มีชื่อว่า ABFI (3) ผู้บริหารกองทุน : BIS (4) ขนาดของกองทุน ฯ : ประมาณ 1-1.5 พัน ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ขึ้นอยู่กับจำนวนประเทศที่เข้าร่วม (5) สกุลเงินลงทุน : ดอลลาร์สหรัฐ ฯ (ในระยะแรก) (6) นโยบายการลงทุน : กำหนดโดยคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) ซึ่งมาจากประเทศที่ ร่วมลงทุน (7) การจ่ายผลตอบแทน : ไม่จ่ายผลตอบแทน แต่จะนำรายได้ที่เกิดจากการลงทุนมาร่วมในกองทุน ฯ และดำเนินการลงทุนต่อไป และ (8) เริ่มดำเนินการ : คาดว่า ABFI จะเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนพฤษภาคม -มิถุนายน 2546 |
||||||||||||||||||
| 815 | การเข้าไปมีส่วนร่วมสมยอมราคาในการประกวดราคาของนักการเมืองท้องถิ่น | นร | 22/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ขณะนี้ปัญหาที่นักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัด
ต่าง ๆ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสมยอมราคาในการประกวดราคาเพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ของทางราชการ ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเชื่อมโยงไปสู่การใช้อิทธิพลก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและความ ขัดแย้งด้านผลประโยชน์ระหว่างกัน และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงและขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หาก แต่ละจังหวัดสามารถควบคุมดูแลการจัดการประกวดราคาเพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ในจังหวัดให้มีประสิทธิภาพ สามารถประหยัดงบประมาณ โดยการทำให้ผลการประกวดราคามีวงเงินต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัด สรรไว้ ก็จะมีเงินงบประมาณจำนวนหนึ่งเหลืออยู่ ซึ่งนำไปใช้ในการพัฒนาจังหวัดหรือท้องถิ่นเพิ่มเติมได้ จึงขอให้ กระทรวงมหาดไทยรับไปสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กวดขัน ดูแล เอาใจใส่ และแก้ไขปัญหาการสมยอมราคา ดังกล่าวอย่างจริงจัง รวมทั้งพิจารณากฎหมายท้องถิ่นฉบับต่าง ๆ ที่ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้ผู้บริหารหรือ สมาชิกเข้าไปมีประโยชน์หรือส่วนได้เสียใด ๆ กับท้องถิ่นแตกต่างกันอยู่ และให้กระทรวงการคลังประสานปรับ ปรุงแก้ไขระเบียบ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้จังหวัดและท้องถิ่นสามารถนำงบประมาณ ส่วนที่ประหยัดได้จากการประกวดราคาไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาจังหวัดหรือท้องถิ่นของตนได้โดยตรงต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 816 | การบริหารจัดการและการให้เงินกู้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ | กค | 08/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเรื่อง การบริหารจัดการและการให้เงินกู้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่ง ชาติ (กทบ.) ดังนี้ (1) ให้ธนาคารออมสินเป็นผู้บริหารจัดการ กทบ. และ (2) ให้ กทบ. กู้เงินจากธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับการดำเนินงานของ กทบ. ในส่วนของ ธ.ก.ส. ที่เป็นเขตพื้น ที่ห่างไกลในช่วงต่อไป ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับไปประสานกับรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เพื่อเร่งรัดการดำเนินการต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านที่เสนอขอกู้เงินใหม่ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้อง มีการ บริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และโดยที่การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล จึงสมควรเพิ่ม เติมคุณสมบัติของหมู่บ้านที่จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมว่าเป็นหมู่บ้านที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
|
||||||||||||||||||
| 817 | ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการศึกษา (การใช้ GPA และการขอศึกษาต่อของผู้ที่หยุดเรียนกลางคันในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ) | ศธ | 01/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียนการ
ใช้ GPA และการขอศึกษาต่อของผู้ที่หยุดเรียนกลางคันในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และการดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้า ใจและแก้ปัญหาของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ภารกิจสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คือ การปฏิรูปการศึกษา ซึ่งการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต้องอาศัย ความร่วมมือร่วมใจ ตลอดจนทัศนคติและแนวคิดเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษา และการจัดการศึกษาของรัฐที่ถูกต้อง มี เอกภาพ สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารระดับสูง ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ระบบการศึกษาของประเทศมีประสิทธิภาพและมาตรฐาน เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียน มากที่สุด และโดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 เรื่อง ปัญหาด้านการศึกษา มอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเรื่องนี้ไปจัดประชุมชี้แจงและระดมความคิดร่วมกับผู้เกี่ยวข้องไว้แล้ว จึง ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้แล้วเสร็จต่อไป |
||||||||||||||||||
| 818 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 662 ร. เรื่อง การเตรียมความพร้อมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเพื่อบริหารงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | สผ | 01/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 662 ร. เรื่อง
การเตรียมความพร้อมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเพื่อบริหารงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (บัญชีรายชื่อ) และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการเพื่อรองรับนโยบายกระจายอำนาจการปกครองจากส่วนกลางไปยังส่วนท้องถิ่น เพื่อให้มีอำนาจหน้า ที่บริหารตนเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ของตนเองนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ. 2546 ศูนย์วิจัย ฯ ได้รับงบประมาณในการจัดทำโครง การว่าจ้างหาความต้องการในการฝึกอบรมและดำเนินการจัดอบรมให้กับบุคลากรระดับท้องถิ่น จัดฝึกอบรมหลัก สูตรองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นกับการใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม และหลักสูตรการจัดการมูลฝอย และ (2) จาก สภาพปัญหาการบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการกำจัดขยะ มูลฝอยและการบำบัดน้ำเสีย แต่เนื่องจากความไม่พร้อมและการขาดการอบรมผู้บริหารระดับท้องถิ่นให้มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการโครงการนั้น โดยแท้จริงแล้วมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการขอจัดสรรงบ ประมาณมาให้อย่างต่อเนื่อง สำหรับหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ กรมการปก ครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำไปอบรมผู้บริหารและพนักงานองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ตลอดจนองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการและมีความ เข้าใจในกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||
| 819 | การปรับปรุงหน่วยงานด้านการข่าวและความมั่นคง | นร | 01/04/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงหน่วยงานด้านการข่าวและความ
มั่นคงของประเทศ เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร และสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ได้ทั้งในทางลึกและกว้าง รวมทั้งให้สามารถเข้าถึงแหล่งข่าว ตลอดจน ประสานเชื่อมโยงกับผู้บริหารระดับสูงในด้านการข่าวของประเทศต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับ สนุนให้รัฐบาลสามารถตัดสินใจในการดำเนินการแก้ไขปัญหา กำหนดยุทธศาสตร์/นโยบายในด้านต่าง ๆ ได้ อย่างรวดเร็วและเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริง เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ และ ความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสงครามระหว่างอิรักกับสหรัฐ ฯ และพันธมิตรยุติ ซึ่งเป็น ที่คาดได้ว่า เหตุการณ์การก่อการร้ายจะทวีความรุนแรงและลุกลามไปทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศ ไทยในด้านต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) รับเรื่องนี้ไป พิจารณากำหนดแนวทางในการปรับปรุงโครงสร้างและการปฏิบัติงานของหน่วยงานด้านข่าวกรอง และหน่วย งานด้านความมั่นคงให้เหมาะสม ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และความเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น โดยอาจพิจารณา ยุบรวมหน่วยงานดังกล่าวเพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจที่มีความสำคัญเหล่านี้ได้อย่างมีเอกภาพ ทั้งนี้ ให้หารือ กับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
| 820 | การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาและชุมชน) | นร | 25/03/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาและชุมชน) โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ (1) การแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถาน ศึกษา ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานสั่งการเพิ่มเติมแก่ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด สำรวจนักเรียน/ นักศึกษา เมื่อพบว่าผู้ใดเป็นผู้เสพ ให้ใช้กลุ่มเพื่อนในสถานศึกษาเป็นกลไกในการช่วยควบคุมดูแลพฤติกรรม และให้กำลังใจผู้เสพยาเพื่อให้เลิกเสพก่อน แต่ถ้ากลไกดังกล่าวไม่ได้ผล ก็ควรนำนักเรียน/นักศึกษาที่ติดยา และไม่สามารถเลิกได้เข้าสู่ระบบบำบัดฟื้นฟู ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (2) การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะ แห่งชาติ) ประสานสั่งการให้สำนักงานเคหะชุมชนโครงการต่าง ๆ ของการเคหะ ฯ ช่วยกวดขันดูแลประชาชน ผู้อยู่อาศัยในชุมชน หากปรากฏว่ามีผู้เสพและไม่สามารถใช้กลไกในชุมชนและครอบครัวของผู้เสพควบคุมดูแล ให้เลิกพฤติกรรมเสพยาได้ ก็ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำบุคคลดังกล่าวเข้าสู่ระบบบำบัดฟื้นฟู ตามกฎหมายต่อไป และ (3) การนำเงินที่ได้จากการยึดทรัพย์มาใช้เพื่อการบำบัดฟื้นฟู มอบให้กระทรวง การคลังพิจารณาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนว ทางการดำเนินการ เพื่อนำเงินที่ได้จากการยึดทรัพย์สินของผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติดมาใช้ในการบำบัดฟื้นฟู ผู้เสพยา นอกเหนือจากการนำเงินที่ยึดได้มาใช้เป็นสินบนและรางวัลนำจับตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2546 |
||||||||||||||||||
.....
