ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 29 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 571 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 281 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 และ 2554 | กค | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ โดยกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ แบ่งการตรวจสอบเป็น ๒ ลักษณะ คือ การตรวจสอบทางการเงิน และการตรวจสอบพัสดุ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การตรวจสอบทางการเงิน ผลการตรวจสอบงบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควร มีสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานการเงินสำหรับหน่วยงานภาครัฐ และมีข้อตรวจพบที่มีสาระสำคัญคือ การบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมตรวจสอบบัญชีไม่สอดคล้องตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการรับ การจ่าย และการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๓ หมวด ๑ ส่วนที่ ๑ ข้อ ๑๒ และขาดการควบคุมภายในที่เหมาะสมเกี่ยวกับลูกหนี้ค่าธรรมเนียมตรวจสอบบัญชี ๑.๒ การตรวจสอบพัสดุ ผลการตรวจสอบ มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีข้อตรวจพบที่มีสาระสำคัญคือ ๑.๒.๑ การจัดจ้างออกแบบ จำนวน ๒ สัญญา ราคารวม ๓๘.๐๗๕ ล้านบาท มีการดำเนินการที่อาจทำให้ไม่ได้ผู้รับจ้างออกแบบที่เหมาะสมที่สุด โดยมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๐๖ (๓) ๑.๒.๒ การดำเนินการควบคุมพัสดุ ยังไม่ถูกต้องรัดกุม รอบคอบ และหรือเหมาะสมเท่าที่ควร โดยมีการขายทอดตลาดรถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน ๘ คัน เนื่องจากมีสภาพเสียหายไม่คุ้มค่าซ่อมแซม โดยขาดข้อมูลที่ชัดเจนเชื่อถือได้เกี่ยวกับสภาพรถยนต์ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อเร่งรัดการนำเสนอรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปีต่อ ๆ ไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ๓. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินพัฒนาระบบการตรวจสอบให้มีความครอบคลุมถึงการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดหาพัสดุที่ไม่มีการจำหน่ายในช่องทางการตลาดปกติ ให้มีมาตรฐานที่ชัดเจน เช่น วัสดุและยุทโธปกรณ์ทางด้านความมั่นคง เป็นต้น รวมทั้งควรมีการพัฒนาบุคลากรของสำนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะเพื่อดำเนินการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานเจ้าของเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 282 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2555 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี 2556 | กค | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ กบข. มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๕๘๐,๗๕๐.๑๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ หนี้สินรวม จำนวน ๓,๖๑๘.๕๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๘ จากปี ๒๕๕๔ สินทรัพย์สุทธิรวม จำนวน ๕๗๗,๑๓๑.๖๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๖ จากปี ๒๕๕๔ รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๘,๗๑๐.๑๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๗๙ ล้านบาท จากปี ๒๕๕๔ กำไรจากการดำเนินงาน จำนวน ๑๖,๗๐๕.๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑,๐๘๙.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ และผลประโยชน์สุทธิรวม ๓๕,๔๐๗.๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑๓.๑๕ จากปี ๒๕๕๔ ๑.๒ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดส่งรายงานประจำปีให้ผู้แทนสมาชิกก่อนวันประชุม การแสดงผลตอบแทนของแต่ละแผนการลงทุนในใบแจ้งยอดที่จัดส่งถึงสมาชิก การให้สิทธิสมาชิกที่เกษียณอายุราชการเข้าถึง website เพื่อคำนวณเงินโดยที่ไม่ต้องใส่ Password และการเตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกที่เลือก undo (การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔) ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานและเร่งรัดการรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของ กบข. และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และปีต่อ ๆ ไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 283 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 | คค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ประกอบด้วย รายงานงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ และสรุปผลการดำเนินงานของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) รับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ เร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการนำระบบ GPS และระบบการติดตามผู้ขับขี่มาใช้ในรถยนต์โดยสารสาธารณะเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถโดยสารสาธารณะ ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) และวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ ๔) รวม ๑๔ ฉบับ] ให้แล้วเสร็จและมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒.๒ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเงินที่ได้รับจากการประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวยให้ประชาชนและผู้สนใจได้ทราบโดยทั่วกัน
|
|||||||||||||||||||||
| 284 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 | คค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว มีความเห็นว่า งบการเงินของ รฟม. แสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของ รฟม. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานทางการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 285 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ประจำปี 2556 | พน | 02/07/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ประจำปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยกิจกรรมด้านการสำรวจ การประเมินผลปิโตรเลียม การประเมินปริมาณสำรอง การพัฒนา การผลิตปิโตรเลียม และการกำกับดูแลด้านชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียแปลง A-18 แปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 โดยในปี ๒๕๕๖ มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง A-18 รวมทั้งสิ้น ๓๒๑ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๘๗๘ ล้านลูกบาศก์ฟุต และจากแปลง B-17 & C-19 รวมทั้งสิ้น ๑๑๗ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๓๒๐ ล้านลูกบาศก์ฟุต โดยในปี ๒๕๕๖ มีก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ส่งให้แก่ประเทศไทย จำนวน ๒๙๓ พันล้านลูกบาศก์ฟุต โดยผ่านท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ไปยังโรงไฟฟ้าจะนะที่จังหวัดสงขลาและผ่านท่อประธานเส้นที่ ๓ ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ขึ้นไปที่จังหวัดระยอง ๒. ผลประกอบการในปี ๒๕๕๖ ขององค์กรร่วมฯ ได้จากการขายปิโตรเลียม โดยการผลิตปิโตรเลียมจากแปลง A-18 และแปลง B-17 & C-19 ก่อให้เกิดรายได้ขององค์กรร่วมฯ ในรูปของค่าภาคหลวง ๓๒๐,๑๙๙,๓๗๓ ดอลลาร์สหรัฐ ปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร ๘๗๗,๕๑๓,๒๒๖ ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้อื่น ๓๖๕,๖๙๒ ดอลลาร์สหรัฐ สถานะของกองทุนองค์กรร่วมฯ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ มียอดรวม ๒๗๘,๕๑๖,๔๖๙ ดอลลาร์สหรัฐ ๓. ปี ๒๕๕๖ องค์กรร่วมฯ ได้นำส่งรายได้จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ให้แก่รัฐบาลไทย ๖๒๒,๖๘๖,๘๐๓.๙๘ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑๙,๐๗๖,๘๖๓,๙๑๖.๖๑ บาท) ซึ่งเท่ากับรายได้ที่ส่งให้รัฐบาลมาเลเซีย
|
|||||||||||||||||||||
| 286 | รายงานความคืบหน้าในการยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด (เสร็จการชำระบัญชี) | กษ | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าในการยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด (บริษัท สธท. จำกัด) (เสร็จการชำระบัญชี) โดยเป็นการสรุปผลการชำระบัญชีในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. จำนวนโคทั้งหมด ๒๑,๖๘๔ ตัว จำแนกเป็นโคปกติ จำนวน ๙,๕๓๕ ตัว (จำหน่ายเสร็จสิ้นแล้ว) โคผิดปกติ (ตาย เจ็บป่วยรักษาไม่หาย หรือนำไปแลกเปลี่ยน) จำนวน ๔๓๙ ตัว และโคลักลอบขาย จำนวน ๑๑,๗๑๐ ตัว ๒. ที่ประชุมคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีและจำหน่ายกิจการบริษัท สธท. จำกัด ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการจำหน่ายหนี้เกษตรกรโคลักลอบขายออกจากบัญชีเป็นสูญ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวนเกษตรกร ๑๔๘ ราย จำนวนโค ๒๙๐ ตัว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓.๐๕ ล้านบาท ๓. ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท สธท. จำกัด ในการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ได้มีมติอนุมัติงบการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินแล้ว และอนุมัติเสร็จการชำระบัญชีบริษัท สธท. จำกัด ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยที่ประชุมได้อนุมัติให้จ่ายคืนทุนแก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนที่ได้ชำระทุนให้แก่บริษัท สธท. จำกัด ซึ่งเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ กระทรวงการคลังได้รับเงินคืนดังกล่าวไปแล้ว จำนวน ๓๓๑.๙๕ ล้านบาท และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ |
|||||||||||||||||||||
| 287 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และ 2554 (กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง) | รง | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีรายได้รวม จำนวน ๒๗,๐๑๙,๐๑๒.๐๖ ล้านบาท ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๓,๐๑๐,๑๘๐.๓๓ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม จำนวน ๑๑๐,๘๕๒,๘๖๖.๒๘ บาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๖๔,๑๗๘,๒๑๒.๕๒ บาท มีผลทำให้รายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๘๓,๘๓๓,๘๕๔.๒๒ บาท ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗๗,๑๘๘,๓๙๒.๖๕ บาท ๒. กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๓๑๗,๖๙๘,๓๕๓.๒๔ บาท ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘๓,๘๘๔,๐๓๕.๘๖ บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 288 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด | ยธ | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองแล้ว โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีสินทรัพย์ ๕๔๔,๔๐๕,๗๕๒.๖๐ บาท และหนี้สิน ๓๑,๒๐๒,๐๑๑.๑๖ บาท รวมสินทรัพย์ ๕๑๓,๒๐๓,๗๔๑.๔๔ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 289 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2554 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินองค์การสะพานปลา ปี ๒๕๕๔ และรายงานประจำปี ๒๕๕๔ ขององค์การสะพานปลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงส่วนของทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีขององค์การสะพานปลา โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ๒. งบดุล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และงบกำไรขาดทุนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๘๔๗,๓๗๕,๗๔๓.๒๓ บาท หนี้สินและส่วนของทุน ๘๔๗,๓๗๕,๗๔๓.๒๓ บาท มีรายได้รวม ๓๔๙,๗๒๙,๐๐๕.๐๙ บาท ค่าใช้จ่าย ๓๕๔,๖๓๐,๔๕๖.๖๙ บาท และ ๓๑๘,๙๘๒,๐๓๕.๒๘ บาท ขาดทุนสุทธิ ๔,๙๐๑,๔๕๑.๖๐ บาท ๓. องค์การสะพานปลามีผลงานเด่นในปี ๒๕๕๔ ได้แก่ โครงการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแปรรูปคุณภาพ และโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (การเก็บรักษาความสดของสัตว์น้ำให้ยืนยาวและการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้น้ำแข็งเหลว) เป็นต้น ๔. องค์การสะพานปลามีแผนงานและโครงการสำคัญในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ได้แก่ แผนงานพัฒนาระบบการบริหารจัดการตลาด ประกอบด้วย โครงการพัฒนาการขนถ่ายสัตว์น้ำ ฯ ที่ท่าทียบเรือประมงภูเก็ต และโครงการผลิตน้ำสะอาดเพื่อล้างสัตว์น้ำท่าเทียบเรือประมงระนอง แผนงานบูรณาการธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย โครงการติดตั้งสื่อโฆษณาสินค้าในบริเวณสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง และโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง แผนพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์กร ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร และโครงการปรับปรุงกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงานและการกำหนดค่าตอบแทน
|
|||||||||||||||||||||
| 290 | รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2553 | คค | 12/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของกรมการขนส่งทางบก ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินและงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงาน การบริหารแผนงบประมาณ การใช้จ่ายเงินตามแผนงานโครงการ และการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพย์สิน และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 291 | รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | กค | 05/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าว ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย และหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งจัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) โดยใช้ข้อมูลบัญชีจากชุดรัฐบาลที่แสดงการรับจ่ายเงินคงคลังของรัฐบาลเป็นหลัก และรวบรวมข้อมูลที่มีสาระสำคัญในส่วนสินทรัพย์และหนี้สินของรัฐบาลจากส่วนราชการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการแทนรัฐบาล มาปรับปรุงในบัญชีชุดรัฐบาล โดยข้อมูลเหล่านี้ ได้แก่ ข้อมูลหนี้สาธารณะจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ข้อมูลเงินลงทุนของรัฐบาลจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และข้อมูลที่ราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบรายได้และค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย รายได้สุทธิ รวม ๑,๖๕๖,๓๔๙.๙๕ ล้านบาท และค่าใช้จ่าย รวม ๑,๖๗๖,๒๙๐.๕๒ ล้านบาท ๒. งบแสดงฐานะการเงิน ประกอบด้วย สินทรัพย์ รวม ๔,๘๙๑,๓๕๐.๑๓ ล้านบาท หนี้สินและภาระผูกพัน รวม ๒,๓๙๑,๘๒๖.๕๓ ล้านบาท และสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน รวม ๒,๔๙๙,๕๒๓.๖๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 292 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2555 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 05/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ของ รฟท. ซึ่งมีประมาณการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ จำนวน ๑,๘๗๙.๘๗๗ ล้านบาท (จำนวนเงินอุดหนุนฯ ปี ๒๕๕๕ หักเงินค่าปรับจากการดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพ) โดยให้มีการพิจารณาความเหมาะสมของจำนวนเงินอุดหนุนบริการสาธารณะดังกล่าวอีกครั้งภายหลังจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองงบการเงินประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ของ รฟท. แล้ว ๑.๒ ให้ รฟท. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ งวดที่ ๒ จำนวน ๗๐๔.๗๔๔ ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ๑.๓ ให้ รฟท. รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะทราบ ๑.๔ ให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (คณะกรรมการ รฟท.) พิจารณาถึงการนำเอาเป้าหมายตัวชี้วัดตามบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปเชื่อมโยงกับการประเมินผลการดำเนินงานประจำปี ๒๕๕๗ ของคณะกรรมการ รฟท. และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การประเมินผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท. ในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ควรมีการปรับปรุงตัวชี้วัด (KPI) และจัดลำดับความสำคัญของตัวชี้วัด รวมทั้งกำหนดเป้าหมายความสำเร็จของแต่ละกิจกรรม (Milestone) ให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินกิจการของ รฟท. ได้อย่างแท้จริง โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของ รฟท. ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาล คุณภาพมาตรฐานของการให้บริการ ความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการของ รฟท. จึงขอให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 293 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... | ศธ | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องอำนาจในการกู้ยืมเงินของมหาวิทยาลัย โดยเห็นควรกำหนดกรอบวงเงินให้ชัดเจน และหากเกินวงเงินที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ อำนาจในการปกครอง ดูแล และการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ซึ่งสมควรให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขในการใช้ที่ราชพัสดุ การให้มหาวิทยาลัยต้องนำเงินรายได้ฝากกับกระทรวงการคลัง หากจะฝากกับธนาคารต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง การกำหนดให้รัฐบาลต้องจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ควรแก้ไขเป็นให้จัดสรรตามความจำเป็น เหมาะสม สอดคล้องกับสถานะการเงินการคลังของประเทศ และปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับระบบบัญชีและการจัดทำงบการเงิน รวมทั้งให้ตัดร่างมาตรา ๑๕ วรรคสาม เกี่ยวกับการให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ ในสัดส่วนเดียวกับกรณีที่มีการปรับเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้กับข้าราชการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษา ควรคำนึงถึงการพัฒนาและการผลิตกำลังคนเพื่อรองรับประชาคมอาเซียนและการแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยการพัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล การพัฒนาระบบการจัดการองค์ความรู้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และกำหนดให้การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารและดำเนินงานในทุกระบบขององค์กร นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาและวางระบบการบริหารการเงินการคลังที่เอื้อต่อประโยชน์สูงสุดต่อการวางแผนการพัฒนาการศึกษาในระดับอุดมศึกษาให้สามารถรองรับการพัฒนาประเทศ รวมทั้งติดตามประเมินผลเพื่อหาจุดที่คุ้มทุนในการจัดการศึกษาของแต่ละสาขาวิชาเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนที่เป็นรูปธรรมในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 294 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2553 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 24/09/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป และให้กระทรวงพลังงานเปิดเผยรายงานในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑ ผลการดำเนินงาน ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่ ๑ การออกใบอนุญาตกำกับดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงาน ชุมชน และประเทศชาติ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การส่งเสริมการประกอบกิจการและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดีและการแข่งขันในกิจการพลังงาน ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การส่งเสริมโครงสร้างพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคง เชื่อถือได้ และปลอดภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบพลังงาน และยุทธศาสตร์ที่ ๖ การพัฒนาองค์กรสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และภาพลักษณ์ที่ดีเป็นองค์กรชั้นนำในระดับประเทศ ๑.๒ งบการเงินและบัญชีทำการปีงบประมาณ ๒๕๕๒ มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม ๔๗๖,๕๙๗,๖๗๓.๒๘ บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ๑๘,๖๙๕,๕๒๓.๑๓ บาท มีสินทรัพย์รวม ๔๙๕,๒๙๓,๑๙๖.๔๑ บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม ๔๔,๓๒๖,๓๑๓.๔๖ บาท มีรายได้จากการดำเนินงานรวม ๕๕๘,๐๔๔,๓๗๑.๒๐ บาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม ๑๑๗,๔๑๙,๒๓๕.๐๑ บาท มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม ๔๔๐,๖๒๕,๑๓๖.๑๙ บาท ๒. รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๑ ผลการดำเนินงาน ได้ดำเนินการด้านมาตรฐานกิจการพลังงาน เพื่อกำกับดูแลมาตรฐานการบริการของผู้ประกอบกิจการพลังงานและรวมถึงการบริการของสำนักงานฯ ด้านประสิทธิภาพกิจการพลังงาน การกำกับดูแลอัตราค่าบริการไฟฟ้าและอัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติให้สะท้อนต้นทุนการประกอบกิจการพลังงาน การบริหารจัดการและการแข่งขันในกิจการพลังงาน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบพลังงาน การพัฒนาองค์กรสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นองค์กรชั้นนำในระดับประเทศ โดยอาศัยระบบบริหารจัดการสำนักงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒.๒ งบการเงินและบัญชีทำการปีงบประมาณ ๒๕๕๓ มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม ๖๐๓,๓๐๑,๙๐๑.๖๐ บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ๖๒,๑๘๒,๙๑๙.๖๔ บาท มีสินทรัพย์รวม ๖๖๕,๔๘๔,๘๒๑.๒๔ บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม ๑๐๕,๕๒๒,๗๙๕.๐๕ บาท มีรายได้จากการดำเนินงานรวม ๕๙๖,๘๘๐,๑๐๗.๔๐ บาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม ๔๑๒,๙๘๒,๓๓๓.๙๓ บาท มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม ๑๘๓,๘๙๗,๗๗๓.๔๗ บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 295 | ขอความอนุเคราะห์เสนองบการเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช สำหรับปีที่สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2555 เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา | กษ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบการเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช สำหรับปีที่สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว และเห็นว่างบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนฯ โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม ๕๒๘,๕๐๐.๐๐ บาท หนี้สินและส่วนของทุน ๕๒๘,๕๐๐.๐๐ บาท และมีรายได้รวม ๑๔๑,๙๐๐.๐๐ บาท สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม ๓๘๖,๖๐๐.๐๐ บาท หนี้สินและส่วนของทุน ๓๘๖,๖๐๐.๐๐ บาท และมีรายได้รวม ๑๑๑,๓๐๐.๐๐ บาท และได้เสนอรายงานงบการเงินดังกล่าวให้คณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชทราบในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 296 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2555 และ 2554 | อก | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ของ กนอ. โดยฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๕ กนอ. มีสินทรัพย์รวมจำนวน ๒๐,๗๑๗ ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน ๑๐,๔๕๕ ล้านบาท และส่วนของทุนจำนวน ๑๐,๒๖๒ ล้านบาท และผลประกอบการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีกำไรสุทธิจำนวน ๑,๖๘๓ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 297 | งบการเงินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย | กค | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) (ระหว่างชำระบัญชี) และงวดตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ (ระหว่างชำระบัญชี) ที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๙๐ แห่งพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. ๒๕๔๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานของผู้สอบบัญชี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่างบการเงินของ บสท. สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ (ระหว่างชำระบัญชี) แสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และผลการดำเนินงาน (เฉพาะทุนประเดิม) และงบกระแสเงินสดโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามเกณฑ์การชำระบัญชี ๒. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ บสท. มีสินทรัพย์ ๓๑๕,๗๓๒ ล้านบาท หนี้สิน ๑๕,๙๗๐ ล้านบาท ส่วนของเจ้าของ ๑,๓๗๔ ล้านบาท และรายรับสุทธิรอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอน ๒๙๘,๓๘๘ ล้านบาท ๓. งบรายรับหรือรายจ่ายสุทธิรอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ บสท. มีรายรับจากการบริหารสินทรัพย์รับโอน ๕๑,๒๘๒ ล้านบาท และรายจ่ายในการบริหารสินทรัพย์รับโอน ๑,๑๗๓ ล้านบาท จึงมีรายรับสุทธิรอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอน ๕๐,๑๐๙ ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดสะสมของรายรับและรายจ่ายสุทธิรอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอนตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ มีรายรับ ๓๓๐,๘๓๓ ล้านบาท และรายจ่าย ๓๒,๔๔๕ ล้านบาท จึงมีรายรับสุทธิรอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอน ๒๙๘,๓๘๘ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 298 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 | คค | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบดุล ปี ๒๕๕๕ และปี ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๑๔๒,๓๖๒,๔๓๐,๕๖๔.๗๐ บาท และ ๑๒๕,๕๓๘,๙๗๘,๐๒๔.๕๙ บาท หนี้สินรวม ๑๐๗,๒๔๕,๕๒๐,๐๓๕.๓๒ บาท และ ๙๘,๔๐๘,๑๑๐,๙๖๔.๓๔ บาท ทุนรวม ๓๕,๑๑๖,๙๑๐,๕๒๙.๓๘ บาท และ ๒๗,๑๓๐,๘๖๗,๐๖๐.๒๕ บาท ตามลำดับ ๒. งบกำไรขาดทุน ปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ มีรายได้รวม ๒,๕๗๖,๕๔๔,๓๙๒.๗๒ บาท และ ๕๘๕,๕๑๓,๙๓๑.๕๖ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๓,๕๕๒,๘๕๑,๔๑๗.๗๔ บาท และ ๑๒,๖๙๑,๘๕๖,๔๕๔.๙๖ บาท ขาดทุนสุทธิ ๙๗๖,๓๐๗,๐๒๕.๐๒ บาท และ ๑๒,๑๐๖,๓๔๒,๕๒๓.๔๐ บาท ตามลำดับ ๓. คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้มีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินดังกล่าวแล้วในการประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||
| 299 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 4/2556 | กนร | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาและมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๑.๒ เห็นชอบเรื่อง การปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนของค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ตามผลการประชุม กนร. ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ ๑.๒.๑ กำหนดกลุ่มรัฐวิสาหกิจเพื่อใช้ระบบแรงจูงใจในส่วนของค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินตามระบบประเมินผลฯ เพื่อให้สอดคล้องการดำเนินงานและรูปแบบระบบแรงจูงใจที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจแต่ละประเภท ๑.๒.๒ กำหนดให้มีแรงจูงใจที่เป็นตัวเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณะและประสบผลขาดทุน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นต้น โดยพิจารณาจากผลการประเมินตามการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจเปรียบเทียบค่าเป้าหมาย ๑.๒.๓ กำหนดเงื่อนไขในการจัดสรรโบนัสของรัฐวิสาหกิจโดยรวบรวมจากมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๘ มติ และปรับปรุงเพิ่มเติมในบางประเด็น ได้แก่ วิธีการคำนวณกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัสเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กำหนด การจัดสรรโบนัสของรัฐวิสาหกิจจะกระทำได้เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินแล้ว และต้องได้รับการอนุมัติการจัดสรรโบนัสจาก สคร. รวมทั้งห้ามมิให้รัฐวิสาหกิจจ่ายเงินในลักษณะเดียวกันกับโบนัส ไม่ว่าจะจ่ายจากงบทำการของรัฐวิสาหกิจหรือจากแหล่งเงินอื่นใด และให้รัฐวิสาหกิจกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสภายในวงเงินโบนัสที่ได้รับอนุมัติให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำของรัฐวิสาหกิจตามผลการปฏิบัติงานที่อิงจากผลการประเมินประจำปี ๑.๒.๔ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๓๘ (เรื่อง ระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ) เฉพาะในส่วนที่เชื่อมโยงการกำหนดวงเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนกับผลการประเมิน โดยให้รัฐวิสาหกิจกำหนดวงเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี โดยพิจารณาถึงสถานภาพขององค์กร และให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดวงเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ๑.๓ เห็นชอบเรื่อง อัตราค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ ตามผลการประชุม กนร. ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ ๑.๓.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงอัตราเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๑.๓.๒ ให้ความเห็นชอบการจัดกลุ่มรัฐวิสาหกิจ อัตราค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ และหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการชุดย่อย/คณะอนุกรรมการ/คณะทำงานอื่น ๑.๓.๓ อัตราค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมดังกล่าวเป็นอัตราขั้นสูงสุดในการพิจารณากำหนดและปรับปรุงค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการชุดย่อย/คณะอนุกรรมการ/คณะทำงานอื่น ซึ่งรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะต้องพิจารณาถึงฐานะการเงินและความสามารถในการจ่ายขององค์กรเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินงบประมาณ ขอให้พิจารณาถึงความเหมาะสมและภาระของงบประมาณประกอบด้วย เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อฐานะการเงินขององค์กร ๑.๓.๔ ให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเพื่อให้การพัฒนาการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจดียิ่งขึ้น และให้สามารถเทียบได้กับมาตรฐานสากล ๑.๓.๕ ให้มีผลใช้บังคับถัดจากเดือนที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการคำนวณกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัสสำหรับใช้เป็นฐานในการคำนวณโบนัสให้กับพนักงานนั้น ได้กำหนดไม่ให้นำบางรายการมารวมไว้ในการคำนวณ อย่างไรก็ตาม ยังมีรายได้หรือค่าใช้จ่ายบางรายการที่นำมารวมไว้ในการคำนวณ อาทิ ค่าเสื่อมราคา โดยรัฐวิสาหกิจบางแห่งมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเสื่อมราคาซึ่งรัฐบาลเป็นผู้รับภาระการลงทุนดังกล่าวแต่บันทึกบัญชีไว้ในงบการเงินของรัฐวิสาหกิจ ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจมีผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณกำไรข้างต้นให้มีความชัดเจนและเกิดความเป็นธรรมต่อรัฐวิสาหกิจ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 300 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 | คค | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ๑.๑ งบแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม ๑,๐๕๒,๑๑๒,๔๗๕.๑๘ บาท มีหนี้สินรวม ๕๕๓,๗๗๕,๓๓๘.๓๖ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๑,๐๕๒,๑๑๒,๔๗๕.๑๘ บาท ๑.๒ งบกำไรขาดทุน มีรายได้รวม ๓๙๘,๓๖๕,๒๘๒.๗๐ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๓๖๙,๖๗๔,๕๙๑.๐๑ บาท มีกำไรสุทธิ ๒๘,๖๙๐,๖๙๑.๖๙ บาท ๑.๓ งบกระแสเงินสด มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๙๔,๕๕๔,๔๗๗.๕๕ บาท เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๓๔,๕๖๑,๓๘๙.๓๐ บาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๗๙,๘๘๔,๕๕๓.๑๐ บาท ๒. งบการเงินของ สบพ. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ๒.๑ งบแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม ๑,๐๑๘,๒๕๐,๕๑๐.๑๐ บาท มีหนี้สินรวม ๕๔๘,๖๐๔,๐๖๔.๙๗ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๑,๐๑๘,๒๕๐,๕๑๐.๑๐ บาท ๒.๒ งบกำไรขาดทุน มีรายได้รวม ๔๐๔,๙๙๔,๖๗๘.๖๕ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๓๔๘,๔๘๙,๗๙๔.๗๖ บาท มีกำไรสุทธิ ๕๖,๕๐๔,๘๘๓.๘๙ บาท ๒.๓ งบกระแสเงินสด มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๙๖,๕๔๓,๓๗๘.๙๖ บาท มีเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๗๑,๕๐๑,๖๖๒.๐๙ บาท และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๓๙,๔๒๗,๖๔๘.๑๓ บาท
|
|||||||||||||||||||||
.....
