รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการพิจารณาศึกษา
ปัญหาราคาเส้นไหมตกต่ำ ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎร  และมอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ   แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ  เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
โดยผลการพิจารณาปัญหาราคาเส้นไหมตกต่ำเกิดจากปัญหาไหมลักลอบที่เข้ามาตีราคาไหมไทย   โดยเฉพาะใน
บริเวณชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  คณะกรรมาธิการ ฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหา
ดังกล่าวสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คือ (1) ระยะสั้น รัฐบาลควรหามาตรการต่าง ๆ  เพื่อให้โรงสาวไหมรับ
ซื้อรังไหมจากเกษตรกรในราคาขั้นต่ำ กิโลกรัมละ 85 บาท (2) ระยะกลาง รัฐบาลต้องหามาตรการต่าง ๆ  เพื่อ
ป้องกันและปราบปราม  ตลอดจนดำเนินคดีกับผู้นำเข้าไหมลักลอบอย่างจริงจัง  ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนา
คุณภาพของผลิตภัณฑ์ไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ และยกเลิกการซื้อไหมแบบระบบสัดส่วน และนำ
มาตรการศุลกากรมาใช้ในเรื่องเกี่ยวกับการจัดเก็บอากรขาเข้าร้อยละ 5 ของการนำเข้าสินค้าทำนองเดียวกับข้อ
ตกลงพันธกรณีของ  (AFTA)  และ (3) ระยะยาว รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนการผลิตไหมเหลืองพื้นเมืองอย่าง
จริงจัง เปิดเสรีทางการค้า และสนับสนุนนโยบายในเรื่อง การทำสัญญาร่วมภาคเอกชนแบบครบวงจร (Contact
Farming) อย่างจริงจัง    รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการผลิต   การลดต้นทุนการผลิต   การกำหนดมาตรฐานกลาง
ในการนำเข้าไหมเพื่อรักษาคุณภาพของไหมไทยและต้องมีนโยบายไหมและกำหนดยุทธศาสตร์ทางการค้าให้ชัด
เจน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการพัฒนาการส่งออกต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  ครั้งที่ 10/2545  เมื่อวันที่  24  ธันวาคม  2545  ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว 
ประกอบด้วย  (1) เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ
เขื่อนแม่วง จังหวัดนครสวรรค์  (2)  เรื่องเพื่อพิจารณา  6  เรื่อง  ได้แก่  การขยายเวลาการห้ามเลี้ยงกุ้งกุลาดำใน
พื้นที่เหนือเขื่อนทดน้ำบางปะกง, รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการกิ่วคอหมา  จังหวัดลำปาง 
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม   โครงการเขื่อนแควน้อย   จังหวัดพิษณุโลก,   การกำหนดพื้นที่เขต
คลองเตย  กรุงเทพมหานคร  เป็นพื้นที่วิกฤต,  การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม  โครงการระบบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ ของการ
ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย   และคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมขออนุมัติแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกอง
ทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อการใช้จ่ายเงินสำหรับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในกรณีฉุกเฉิน  (3) เรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง
ได้แก่  การประชุมสุดยอดของโลกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (World Summit on Sustainable Development :
WSSD), ข้อมูลเพิ่มเติมรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครใต้  (ถนนกาญจนาภิเษก)  ของกรมทางหลวง  รวมทั้งผลการดำเนินงาน
พิจารณาและเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ประกอบกิจการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรม 
บริเวณตำบลพุกร่าง ตำบลขุนโขลน และตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และมติคณะกรรมการ ฯ
ครั้งที่ 8/2545  ในส่วนของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม  พ.ศ. 
2545 และ (4) เรื่องอื่น ๆ 1 เรื่อง ได้แก่ การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ
พิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ  โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม  ดังนี้  (1)  ลำดับที่  2  รองปลัด
กระทรวงการคลัง เปลี่ยนเป็น ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ  เป็นกรรมการ  (2)  ลำดับ
ที่ 3 ผู้แทนกระทรวงการคลัง ให้ยกเลิกกรรมการในตำแหน่งดังกล่าว  เนื่องจากกระทรวงการคลังได้มีการปรับ
ปรุงโครงสร้างส่วนราชการใหม่    มีการแบ่งกลุ่มภารกิจ    และมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบราชการและ
บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในกลุ่มภารกิจนั้น  ๆ  โดยขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และ (3) ลำดับที่ 11  12   และ 13  แก้ไขและเพิ่มผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานด้านกฎหมายและระเบียบการ
คลัง และผู้อำนวยการกลุ่มมาตรฐานและระเบียบว่าด้วยการพัสดุ  กรมบัญชีกลาง  เป็นกรรมการ   และยกเลิก
กรรมการในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องทำหน้าที่รับผิดชอบช่วยเลขานุ
การอยู่แล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะ
กรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี
กำกับการบริหารราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกรรมการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ  และกรรมการอีก 7 คน  โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิค
แห่งประเทศไทย ฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ประธานคณะกรรม
การพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนา
ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา   โดยเพิ่มเติมกรรมการ  ซึ่งเป็นผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการการ
พัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา  ดังนี้  ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  อธิบดี
กรมชลประทานอธิบดีกรมป่าไม้  อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ  อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ  อธิบดีกรมอุทยานแห่ง
ชาติ  สัตว์ป่า  และพันธุ์พืช  อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง   และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยี
อวกาศและภูมิสารสนเทศ  รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่จำนวน 4 คน และผู้แทนภาคประชาชนในพื้นที่จำนวน
9 คน และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ฯ โดยให้ครอบคลุมถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของประชา
ชน การติดตามประเมินผล การปฏิบัติงานอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโครงการ ฯ

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้จัดสรรเงินงบประมาณ จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ จากงบค่าใช้
จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อใช้ในการลงทุนในบริษัทร่วมทุน
ยางพาราสามประเทศ  ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับเงินลงทุนส่วนที่เหลือ จำนวน 98 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 6  ที่มีมติ
เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ  โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการ  ฯ  ชุดใหม่  ประกอบ
ด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับการบริหารกระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ เป็นประธานกรรม
การ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ
เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการอื่นอีก 7 คน  สำหรับอำนาจหน้าที่ ได้แก่ (1) พิจารณากำหนดรูป
แบบ กรอบ และแนวทางการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ และ (2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ 
ตามความเหมาะสม

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)  เสนอคำสั่งคณะกรรม
การปรับปรุงระบบการบริหารงานการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ 1/2546 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรม
การกำกับการดำเนินการออกแบบโครงสร้างและรายละเอียดระบบการบริหารงานการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็ก
ทรอนิกส์ (GFMIS) ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2546  เป็นต้นไป  และขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความ
ร่วมมือต่อไป   สำหรับองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ  ฯ  ประกอบด้วย  รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด จาตุ
ศรีพิทักษ์)  เป็นประธานอนุกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เป็นรองประธานอนุกรรมการ  ประธาน
ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี  (นายพันศักดิ์  วิญญรัตน์)  เป็นรองประธานอนุกรรมการ    และมีอนุกรรม
การอื่นอีก 7 คน  มีอำนาจหน้าที่  (1)  จัดทำการออกแบบระบบ  และเครือข่ายที่จำเป็นในการจัดทำ  เสนอโครง
สร้าง  และระบบการบริหารงานการคลังภาครัฐตามนโยบายและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด  (2) เชิญผู้แทน
กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานของรัฐ ในการเข้าร่วมประชุมชี้แจงให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง  (3) แต่งตั้งคณะ
ทำงานและที่ปรึกษา เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น  และ (4) ปฏิบัติหน้าที่อื่น  ๆ  ตามที่คณะกรรม
การมอบหมาย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะ
กรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม ดังนี้  (1)  ให้นายกฤษณ์  กาญ
จนกุญชร เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ยังคงปฏิบัติหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค ฯ (ฝ่าย
ไทย) ต่อไป  เนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและรับผิดชอบการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อน
ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงกับกัมพูชาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง (2) ให้อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรม
ชาติ  กระทรวงพลังงานหรือผู้แทน  และผู้แทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  เป็นกรรมการในคณะกรรมการร่วม  ฯ 
(ฝ่ายไทย) แทนอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีหรือผู้แทน และผู้แทนกรมทรัพยากรธรณี ตามลำดับ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  2  ที่มี
มติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โครงการที่ขอใช้จ่าย
จากงบค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กันไปเบิกจ่ายในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  เพิ่มเติม  รวม
4 โครงการ  ดังนี้ (1) โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ (กระทรวงมหาดไทย)
วงเงิน 87.18 ล้านบาท  (2) โครงการบริการทางวิชาการการท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรม  (โรงเรียนนาย
ร้อยตำรวจ)  วงเงิน  13.50  ล้านบาท   (3)   โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่  2  (กระทรวง
คมนาคม) วงเงิน 38.00 ล้านบาท   และ  (4)  งบประมาณบริหารของสำนักงานคณะกรรมการบริหารการ
พัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) วง
เงิน 4.81 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เสนอมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ครั้งที่ 1/2546  เมื่อ
วันที่  7  กุมภาพันธ์  2546 รวม  3  เรื่อง  ได้แก่ (1) การปรับปรุงระบบการวางแผนพัฒนาจังหวัด  และ
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น
พ.ศ. 2539  (2)  แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและ
ท้องถิ่น และกรอบการใช้งบประมาณกองทุน  กจภ. และ (3) กลยุทธ์การจัดการปัญหาความยากจนในปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546-2547

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบ
คณะกรรมการร่างและพิจารณาโครงการกู้เงินเพื่อพัฒนาการศึกษา โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม ดังนี้  (1)  ให้คง
คณะกรรมการร่างและพิจารณาโครงการกู้เงินเพื่อพัฒนาการศึกษาซึ่งเป็นคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  (2)  ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการร่างและพิจารณาโครงการกู้เงินเพื่อพัฒนา
การศึกษา จำนวน  1  คน โดยให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทน
นายกรัฐมนตรี   สำหรับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ แทนรองประธาน
กรรมการการศึกษาแห่งชาติ (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ซึ่งยุบเลิกไปเนื่องจากมีการปรับปรุงโครง
สร้างและอำนาจหน้าที่ของกระทรวงใหม่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้า
ที่ของคณะกรรมการบริหารโครงการมิตรภาพเยาวชนอาเซียน - ญี่ปุ่น  โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการ  ฯ 
ชุดใหม่ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวย
การสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ  และรองผู้อำนวย
การสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพ ฯ ที่ได้รับมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ  และมีกรรมการอื่นอีก 5 คน 
มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ ของคณะกรรมการได้ตามความจำเป็น

            คณะรัฐมนตรีมีมติ (1) อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้นำเงินบำเหน็จตกทอดมาจ่าย
ให้ผู้รับบำนาญก่อนจำนวน  15  เท่าของบำนาญรายเดือน  โดยให้จ่ายเป็นเงินบำเหน็จดำรงชีพ  โดยจำนวนเงิน
ขั้นสูงที่จะจ่ายไม่ควรกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติ เพราะสามารถกำหนดในกฎกระทรวงได้อยู่แล้ว (2) อนุมัติ
ในหลักการร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  และร่างพระราชบัญญัติกองทุน
บำเหน็จบำนาญข้าราชการ  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็น
เรื่องด่วน โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการ
จ่ายบำเหน็จตกทอด ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและความเห็นของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเห็นว่า โดยที่
ร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ มีหลักการทำนองเดียวกัน  จึงควรพิจารณาว่าร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  มีความจำเป็นต้องมีบทบัญญัติเช่นเดียวกับร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้งหมดหรือไม่  หากไม่จำเป็น  สมควรยกร่างโดยใช้การอ้างอิงหรือเชื่อม
โยงกัน ก็จะทำให้ร่างกฎหมายสั้นและชัดเจนยิ่งขึ้น ไปพิจารณา  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน
ราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ภายในสมัยประชุมนี้  (3)  ให้กระทรวงการคลังตกลง
กับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป และ (4) เห็นชอบตาม
ที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เช่นเดียวกับผู้มีสิทธิได้
รับบำเหน็จตกทอด

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 369 เรื่อง
การซ่อมแซมปรับปรุงสนามกีฬา ศูนย์กีฬาที่เสียหายจากการเกิดอุทกภัย ปี 2545 ของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียน
กุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง  และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ฯ ตอบในที่ประชุม
สภาผู้แทนราษฎร  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงการท่องเที่ยว ฯ ได้สำรวจความเสียหายของ
สนามกีฬา ศูนย์กีฬาที่ประชาชนใช้สำหรับการออกกำลังกาย  ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัย ปี 2545
ตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ  ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการกีฬาแห่งประเทศไทย มีจำนวน 12 จังหวัด  รวม
งบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมเป็นเงินทั้งสิ้น  34,892,074.50  บาท  ซึ่งคาดว่าจะปรับปรุงซ่อมแซมได้
แล้วเสร็จภายใน 3-8 เดือน  หลังจากได้รับอนุมัติงบประมาณ   นอกจากนี้  ยังมีสนามกีฬาที่อยู่ในความรับผิด
ชอบของหน่วยงานอื่น ๆ ที่มิใช่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ปี 2545  และ
ต้องใช้งบประมาณซ่อมแซม จำนวนทั้งสิ้น 16,656,124.45 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  754  ร.
เรื่อง การย้ายอธิบดีกรมป่าไม้  ของนายเสกสรรค์  แสนภูมิ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์  และให้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
19 มีนาคม 2545 อนุมัติแต่งตั้งนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้  ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ และอยู่ระหว่างรอการโปรดเกล้า ฯ  แต่งตั้งต่อไป  ซึ่งการดำเนินการนำความกราบบังคม
ทูลพระกรุณาขอพระราชทานโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง   มีขั้นตอนและใช้เวลาการดำเนินการระยะหนึ่ง   ประกอบ
กับการดำเนินการแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวในขณะนั้น ก็เป็นช่วงเวลาใกล้กับระยะเวลาการแต่งตั้ง
โยกย้ายข้าราชการประจำปีซึ่งจะมีการสับเปลี่ยนโยกย้ายตัวบุคคล จึงเห็นควรชะลอการนำความกราบบังคม
ทูลพระกรุณาขอพระราชทานโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งไว้ก่อนเพื่อรอดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายพร้อมกันทั้งระบบ
ในคราวเดียวกัน  ดังนั้น ระหว่างที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายปลอดประสพ สุรัสวดี
ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ยังคงดำรงตำแหน่งอธิบดี
กรมป่าไม้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง  กรม  พ.ศ. 2545  มีผลใช้
บังคับตั้งแต่วันที่  3  ตุลาคม  2545  อันมีผลให้มีการปรับปรุงกระทรวงใหม่  เป็น 20  กระทรวง   และคณะ
รัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่  8  ตุลาคม  2545  อนุมัติแต่งตั้งนายปลอดประสพ สุรัสวดี  ไปดำรงตำแหน่งปลัด
กระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ตั้งแต่วัน
ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ซึ่งก็ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการจัดงานฉลองการครบรอบ  400  ปี  สัมพันธไมตรีไทย - เนเธอร์แลนด์  โดยให้คงคณะ
กรรมการชุดเดิมไว้ทั้งหมด และเพิ่มกรรมการซึ่งมีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมและโครงการฉลอง ฯ  เพื่อ
ให้ร่วมพิจารณาจัดงานให้มีเอกภาพ ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย  และตอบสนองต่อผลประโยชน์ของไทย  ประกอบ
ด้วย ราชเลขาธิการ หรือผู้แทน ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้แทน ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ หรือผู้แทน  อธิบดีกรมพิธีการทูต หรือผู้แทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หรือผู้แทน  โดยให้คณะกรรมการ ฯ มีอำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ  คณะทำงาน  และที่ปรึกษา
ได้ตามความเหมาะสมเพื่อเป็นกลไก  การประสานงาน  และพิจารณากิจกรรมและโครงการการฉลอง ฯ  ในด้าน
ต่าง  ๆ  เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้  ส่วนงบประมาณดำเนินการ  ให้จัดตั้งงบประมาณสำหรับกิจกรรมและ
โครงการไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศ  โดยโอนเงินงบประมาณให้หน่วยงานผู้ดำเนินกิจกรรมและโครงการเบิก
เงินงบประมาณแทนกระทรวงการต่างประเทศต่อไป  หากงบประมาณของกิจกรรมและโครงการนั้นได้รับอนุมัติ
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณดำเนินการ  ควรตั้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 
รวมไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศ   และให้ส่วนราชการต่าง  ๆ  ที่มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับประเทศเนเธอร์
แลนด์  ควรตระหนักถึงความสำคัญของวาระดังกล่าว  โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานในปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2547 ให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะกรรมการ ฯ  และมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณา
ดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ
คณะกรรมการประสานงานกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้คณะกรรมการดังกล่าวเป็นศูนย์กลางการประสานงานของ
หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการยุติธรรมแห่งชาติขึ้น  ดังนี้ (1) องค์
ประกอบของคณะกรรมการ ฯ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ  และมีกรรม
การอื่นอีก  22  คน    และ  (2)  อำนาจหน้าที่  ประกอบด้วย  (2.1)  เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรี
ในการบริหารงานยุติธรรม (2.2) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการดำเนินการพัฒนากฎหมายเพื่อให้สอดคล้อง
กับแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ  (2.3)  ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนแม่บท  ฯ   และ
รายงานการดำเนินการตามแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี  (2.4)  ให้คำแนะนำและประสานงานในการปฏิบัติราช
การของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้มีความร่วมมือระหว่างกันในการบริหารงานยุติธรรม
หรือดำเนินการตามแผนแม่บท ฯ  (2.5)  เสนอแนะปรับปรุงแก้ไขอุปสรรค  และข้อขัดข้องเพื่อให้กลไกการบริหาร
งานในกระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  (2.6)  วางระเบียบข้อบัง
คับเพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย   และ  (2.7)  แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อ
ดำเนินการใด ๆ ได้ตามความจำเป็น

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงคณะกรรมการนโยบายศูนย์ให้คำ
ปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง  ขนาดย่อม  และประชาชน  และคณะกรรมการบริหารศูนย์ให้คำ
ปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง  ขนาดย่อม  และประชาชน  ดังนี้  (1)  คณะกรรมการนโยบาย ฯ 
ให้แต่งตั้ง นายพัฒเดช ธรรมจรีย์  กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ  นาย
เชษฐ  เชาว์วิศิษฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  (นายวราเทพ  รัตนากร)  เป็นกรรมการผู้ทรง
คุณวุฒิ นายเชิดชัย  ขันธ์นะภา รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการ
คลัง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพิ่มเติม (2) คณะกรรมการบริหาร ฯ ให้แต่งตั้ง นายรุ่งเรือง  พิทยศิริ  ที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เป็นประธานกรรมการ  นายเชษฐ   เชาว์วิศิษฐ   ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และนายเชิดชัย  ขันธ์นะภา  รองผู้อำนวย
การสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพิ่มเติม

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ
กรุงเทพ ฯ เมืองสีเขียว-สะอาดสดใส (Bangkok : Green & Clean City) เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ตลอดจน
เร่งรัดการดำเนินการต่าง ๆ  ในการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหานคร  เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพ
จัดการประชุม APEC โดยมีรองนายกรัฐมนตรี  (ศาสตราจารย์ปุระชัย  เปี่ยมสมบูรณ์)  เป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข    และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
มหาดไทย (นายประชา มาลีนนท์) เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการอื่นอีก 12 คน  มีอำนาจหน้าที่
กำหนดนโยบาย  แนวทางการดำเนินงาน  เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียว-สะอาดสดใส  มีความเป็น
ระเบียบเรียบร้อยสวยงาม พิจารณาแผนงาน โครงการ  และกิจกรรมที่จะดำเนินการให้กรุงเทพ ฯ  เป็นเมืองสี
เขียว-สะอาดสดใส มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม กำกับดูแล  เร่งรัด  ตรวจและติดตามประเมินผล
การดำเนินงานกรุงเทพ ฯ  เมืองสีเขียว-สะอาดสดใส  รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ  หรือคณะทำงาน  เพื่อ
ช่วยปฏิบัติงานของคณะกรรมการอำนวยการ   และพิจารณาดำเนินการอื่น  ๆ  เพื่อให้เกิดความสำเร็จ  ตามที่
นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมของคณะกรรมการดังกล่าวให้เป็น
ไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เบิกจ่ายจากกรุงเทพมหานคร