คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศที่ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2546 ที่กำหนดให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ระงับการเดิน
ทางไปต่างประเทศ นั้น ได้มีการปรับปรุงโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  1  เมษายน  2546 เรื่อง ทบทวนมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2546 แล้ว จึงให้กระทรวงการต่างประเทศถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2546

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการดำเนินการตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มกราคม  และ 11 มีนาคม 2546  เรื่อง  ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อย
และน้ำตาลทราย ที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเชิญผู้แทนจากประเทศผู้
ผลิตและส่งออกน้ำตาลทรายที่สำคัญรายอื่นของโลก เช่น  ประเทศบราซิล   ออสเตรเลีย   และแอฟริกาใต้   มาร่วม
ปรึกษาหารือและพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำตาลทรายตกต่ำ
ก่อน หลังจากนั้นจึงจะพิจารณาเรื่องการปรับปรุงราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในประเทศต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กร.)  เสนอแผนแม่บทการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราช
ดำริ  ฉบับที่ 3  (พ.ศ. 2545-พ.ศ. 2549)  และกำหนดเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินงานสนองพระ
ราชดำริ และกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บท ฯ ไปใช้เป็นกรอบดำเนินการกำหนดแผนปฏิบัติ
การเกี่ยวกับหญ้าแฝกของแต่ละหน่วยงาน  และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการ
ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปพิจารณาด้วย  ดังนี้
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ  เห็นว่า ควรให้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำหญ้าแฝกไปใช้ในการดูดซับ
โลหะหนักที่ปนเปื้อนในดินและน้ำ   ส่วน  สศช.  เห็นควรให้มีการปรับปรุงประเด็นรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ การ
ปรับลดระยะเวลาของแผนแม่บท ฯ จาก พ.ศ. 2545-2549 เป็น พ.ศ. 2547-2549 ให้สอดคล้องกับแนวทางการ
จัดทำงบประมาณแนวใหม่ที่มุ่งเน้นผลสำเร็จของงานเป็นตัวตั้ง โดยจัดทำตัวชี้วัดความสำเร็จในการปฏิบัติงานให้มี
ความสอดคล้องกับเป้าหมายในเชิงพื้นที่และแนวทางการดำเนินงาน สำหรับเป้าหมายในการดำเนินงานตามแผน
แม่บท ฯ ที่กำหนดไว้อย่างน้อยร้อยละ 60 ของพื้นที่ ฯ  มีปัญหาการชะล้างพังทลายสูง  ให้รวมเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่ง
ของแนวทางและมาตรการในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวทางการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ     ตลอดจนมี
การเตรียมความพร้อมของบุคลากร   หน่วยงาน   และพื้นที่เป้าหมายให้สามารถรองรับภารกิจและนำไปเป็นแนว
ทางในการปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงหน่วยงานด้านการข่าวและความ
มั่นคงของประเทศ เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร และสถานการณ์ต่าง ๆ  ซึ่งมีความ
เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ได้ทั้งในทางลึกและกว้าง รวมทั้งให้สามารถเข้าถึงแหล่งข่าว  ตลอดจน
ประสานเชื่อมโยงกับผู้บริหารระดับสูงในด้านการข่าวของประเทศต่าง  ๆ  อย่างใกล้ชิด   เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับ
สนุนให้รัฐบาลสามารถตัดสินใจในการดำเนินการแก้ไขปัญหา กำหนดยุทธศาสตร์/นโยบายในด้านต่าง ๆ ได้
อย่างรวดเร็วและเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริง  เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ และ
ความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสงครามระหว่างอิรักกับสหรัฐ ฯ  และพันธมิตรยุติ  ซึ่งเป็น
ที่คาดได้ว่า  เหตุการณ์การก่อการร้ายจะทวีความรุนแรงและลุกลามไปทั่วโลก  ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศ
ไทยในด้านต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (พลเอก ชวลิต  ยงใจยุทธ)  รับเรื่องนี้ไป
พิจารณากำหนดแนวทางในการปรับปรุงโครงสร้างและการปฏิบัติงานของหน่วยงานด้านข่าวกรอง และหน่วย
งานด้านความมั่นคงให้เหมาะสม ทันสมัย  มีประสิทธิภาพ  และความเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น  โดยอาจพิจารณา
ยุบรวมหน่วยงานดังกล่าวเพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจที่มีความสำคัญเหล่านี้ได้อย่างมีเอกภาพ ทั้งนี้ ให้หารือ
กับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กร.)  เสนอแผนแม่บทการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราช
ดำริ  ฉบับที่ 3  (พ.ศ. 2545-พ.ศ. 2549)  และกำหนดเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินงานสนองพระ
ราชดำริ และกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บท ฯ ไปใช้เป็นกรอบดำเนินการกำหนดแผนปฏิบัติ
การเกี่ยวกับหญ้าแฝกของแต่ละหน่วยงาน  และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการ
ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปพิจารณาด้วย  ดังนี้
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ  เห็นว่า ควรให้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำหญ้าแฝกไปใช้ในการดูดซับ
โลหะหนักที่ปนเปื้อนในดินและน้ำ   ส่วน  สศช.  เห็นควรให้มีการปรับปรุงประเด็นรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ การ
ปรับลดระยะเวลาของแผนแม่บท ฯ จาก พ.ศ. 2545-2549 เป็น พ.ศ. 2547-2549 ให้สอดคล้องกับแนวทางการ
จัดทำงบประมาณแนวใหม่ที่มุ่งเน้นผลสำเร็จของงานเป็นตัวตั้ง โดยจัดทำตัวชี้วัดความสำเร็จในการปฏิบัติงานให้มี
ความสอดคล้องกับเป้าหมายในเชิงพื้นที่และแนวทางการดำเนินงาน สำหรับเป้าหมายในการดำเนินงานตามแผน
แม่บท ฯ ที่กำหนดไว้อย่างน้อยร้อยละ 60 ของพื้นที่ ฯ  มีปัญหาการชะล้างพังทลายสูง  ให้รวมเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่ง
ของแนวทางและมาตรการในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวทางการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ     ตลอดจนมี
การเตรียมความพร้อมของบุคลากร   หน่วยงาน   และพื้นที่เป้าหมายให้สามารถรองรับภารกิจและนำไปเป็นแนว
ทางในการปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไป
พิจารณาร่วมกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า  ในการพัฒนา  การบริหารจัด
การรัฐวิสาหกิจ   สมควรมีพระราชบัญญัติแม่บทให้อำนาจฝ่ายบริหารในการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหรือปรับ
ปรุงการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจทุกรัฐวิสาหกิจแทนการมีพระราชบัญญัติจัดตั้งรัฐวิสาหกิจ   จะมีความเป็นไปได้
หรือไม่เพียงใด     เนื่องจากการปรับปรุงรัฐวิสาหกิจให้สามารถดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในบางเรื่องไม่
สามารถทำได้ทันการณ์  เพราะต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ   ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานาน
หากสามารถดำเนินการโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้  ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหารัฐ
วิสาหกิจอย่างมาก

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 937 ร. เรื่อง โครงการก่อ
สร้างสะพานต่างระดับบริเวณสี่แยกบ้านหนองหว้าถนนสาย 41 อำเภอทุ่งสง  จังหวัดนครศรีธรรมราช  ของนาย
ประกอบ รัตนพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช  และกระทู้ถามที่  948  ร. เรื่อง  โครงการ
ปรับปรุงถนนชยางกูรช่วงผ่านย่านชุมชน เป็น 4 ช่องจราจร ของนายไพศาล จันทวารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดอำนาจเจริญ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่  937  ร. 
สรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง มีแผนที่จะแก้ไขปัญหาการจราจรตรงบริเวณทางแยกเข้าตัวเมือง
อำเภอทุ่งสง คือ สี่แยกบ้านหนองหว้า โดยได้บรรจุโครงการก่อสร้างสะพานลอยที่ทุ่งสง  (สี่แยกทางหลวงหมาย
เลข 41 ตัดกับทางหลวงหมายเลข  4110)  ไว้ในแผนพัฒนาทางหลวง ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) วงเงินค่าก่อสร้าง  250  ล้านบาท  เนื่องจากงบประมาณที่กรมทางหลวงได้
รับในปี พ.ศ. 2546 ลดลงมาก โครงการดังกล่าวจึงไม่สามารถดำเนินการตามแผนดังกล่าวได้  หากในอนาคตงบ
ประมาณเอื้ออำนวย จะได้พิจารณาเสนอของบประมาณมาดำเนินการต่อไป  และกระทู้ถามที่ 948 ร.  สรุปได้ว่า
กรมทางหลวงมีแผนที่ปรับปรุงทางหลวงผ่านชุมชนต่าง  ๆ  ทั่วประเทศ     สำหรับถนนช่วงที่ผ่านเทศบาลตำบล
อำนาจ คือ ทางหลวงหมายเลข 212 สาย อำเภอม่วงสามสิบ-อำนาจเจริญ ระหว่างกิโลเมตรที่ 55 ถึง กิโลเมตร
ที่ 57 ในปี พ.ศ. 2543 ได้ดำเนินการปรับปรุงช่วง ระหว่างกิโลเมตร  55+000-55+400  โดยขยายเป็น 4 ช่อง
จราจร มีทางเท้าและเกาะกลางถนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนช่วงที่เหลือจะได้พิจารณาตามกำลังงบประมาณในปี
ต่อ ๆ ไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการปรับปรุงรายชื่อคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์
ความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องและเป็นปัจจุบัน โดยยังคงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ฯ ดังเดิม
โดยรายชื่อคณะกรรมการ ฯ ที่ปรับปรุงใหม่ ประกอบด้วย  รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานกรรมการ  รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงแรงงาน เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ รวม 41 คน

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการปรับปรุงอัตราเบี้ยเลี้ยงในการเดินทางไป
ปฏิบัติงานภายในประเทศของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามบทบัญญัติในมาตรา 13 วรรคสาม  แห่ง
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 โดยปรับปรุงอัตราเบี้ยเลี้ยงในการเดินทางไปปฏิบัติงาน
ภายในประเทศ  ประเภทเหมาจ่าย  ของผู้ปฏิบัติงาน  ดังนี้  (1)  ผู้ปฏิบัติงานระดับ 1-6 เป็นวันละ  250  บาท
(จากเดิมระดับ 1-3 วันละ 200 บาท  และระดับ 4-6 วันละ 220 บาท) (2) ระดับ 7-11 เป็นวันละ 300 บาท
(จากเดิมระดับ 7-9 วันละ 240 บาท และระดับ 10-11 วันละ  270 บาท) และ (3) ระดับ 12 เป็นวันละ  350  
บาท (จากเดิมวันละ 300 บาท)

                        อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการ มี อ.ก.พ. 5 องค์กร
ทำหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวงได้   โดยไม่ต้องแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน  พ.ศ. 2535   และให้ 
กระทรวงศึกษาธิการ  และสำนักงาน ก.พ.  รับไปดำเนินการต่อไป   ทั้งนี้    ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็น
ของ คกก.4 เกี่ยวกับกรณีที่มีการเสนอให้มี อ.ก.พ. กระทรวงเพียงองค์กรเดียวในกระทรวงหรือการให้มี อ.ก.พ. ทำ
หน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวงมากกว่าหนึ่งองค์กร มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งสองกรณี ซึ่งการมี อ.ก.พ. กระทรวงเพียงองค์
กรเดียวจะทำให้การวางนโยบาย การบริหารงานบุคคลในภาพรวม และการบริหารงบประมาณ  เป็นต้น  เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การเสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  เพื่อให้มี
อ.ก.พ.  ทำหน้าที่  อ.ก.พ.  กระทรวงมากกว่าหนึ่งองค์กร  เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างส่วนราชการ
กระทรวงศึกษาธิการใหม่ โดยกำหนดให้มีองค์กรบริหารหลัก 5 องค์กร  ดังนั้น  ในระยะแรกจึงควรให้มี อ.ก.พ. 5
องค์กร ทำหน้าที่ อ.ก.พ.  กระทรวงไปก่อน  ซึ่งจะสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวง
ศึกษาธิการด้วย  และเมื่อได้บริหารงานไประยะหนึ่งแล้ว  ให้กระทรวงศึกษาธิการประเมินผลในเชิงประสิทธิภาพ
และเอกภาพในการบริหารงานบุคคลเป็นระยะ ๆ และหากมีเหตุผลสมควรก็อาจขอให้มีการปรับปรุงรูปแบบองค์
กร อ.ก.พ. ดังกล่าวในอนาคตได้ ไปดำเนินการด้วย   และโดยที่ คกก.4 เห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการ
บริหารงานบุคคลภาครัฐภายใต้การปฏิรูประบบราชการ   จึงเห็นควรหารือในเชิงนโยบายและทิศทางที่ควรเป็น
ให้เกิดความรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบรายงานผลการ
เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2546 และ (2)  เห็นชอบแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่
สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 2  ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546   รวมทั้งรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่า
การกระทรวงการคลัง  (นายวราเทพ รัตนากร)  เสนอเพิ่มเติมว่า การเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการต่าง ๆ  ในภาพ
รวมจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ  จนถึงวันที่  21 มีนาคม  2546   มีการเบิกจ่ายต่ำกว่าเมื่อ
เปรียบเทียบกับการเบิกจ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว    และให้รัฐมนตรีเร่งรัดและติดตามการเบิก
จ่ายงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดให้เกิดความรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนซึ่งส่วนราชการ
บางแห่งยังมิได้ขอเบิกจ่าย    สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกุมภาพันธ์  2546  ประกอบด้วย
การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 345,711 ล้านบาท  การเบิกจ่ายเงินนอกงบ
ประมาณ  จำนวน  25,186  ล้านบาท  การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ  จำนวน  11,287  ล้านบาท   และการเบิก
จ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจ  จำนวน 547,495 ล้านบาท  ทั้งนี้   ผลการเบิกจ่ายเงินของภาครัฐตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ
จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2546  เมื่อหักรายการซ้ำซ้อน จำนวน 60,227 ล้านบาทแล้ว   ทำให้การเบิกจ่ายเงินมี
จำนวนรวมทั้งสิ้น 869,452 ล้านบาท  ส่วนแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภาย
ในไตรมาสที่  2   เฉพาะรายการค่าครุภัณฑ์  ที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่จะต้องก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในไตรมาสที่  2
คณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐได้พิจารณาแนวทางการผ่อนผันไว้ดังนี้ (1) รายการที่เห็นควรผ่อน
ผันถึงสิ้นไตรมาสที่  3  (มิถุนายน  2546)  ประกอบด้วย รายการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนไตร
มาสที่ 2  รายการที่เป็นงบดำเนินการเอง  และรายการที่มีปัญหาอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือรายการ
ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอื่น  (2) รายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2546   ซึ่งถือ
เสมือนเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ ประกอบด้วย  งบอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน
ลักษณะงบลงทุน  งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม   และรายการค่า
ครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของหน่วยงานที่มีผลกระทบเนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้กรมทางหลวงนำผลประกวดราคาล่วงหน้า
โดยมีเงื่อนไขของกรมทางหลวงของปีที่ผ่านมามาใช้ในปีปัจจุบัน (ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546) ซึ่งยังมีผลผูกพันกับ
กรมทางหลวงอยู่มาดำเนินการทำสัญญาในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546   ทั้งนี้   ให้กรมทางหลวงรับข้อสังเกตและ
ความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วย   โดยในส่วนของข้อสังเกต สรุปได้ดังนี้  (1)  กรมทาง
หลวงควรจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินการซ่อมบำรุงสายทางต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการ
เดินทางและบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์    หากดำเนินการแล้วเสร็จไม่ทันหรือ
ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าว  ให้กรมทางหลวงชะลอไว้ดำเนินการหลังจากพ้นช่วง
เทศกาลสงกรานต์แล้ว  และ (2) กรมทางหลวงควรตรวจสอบและพิจารณาความจำเป็นในการซ่อมบำรุงสายทาง
ต่าง ๆ ให้เหมาะสม ถูกต้อง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับสายทางที่ได้ดำเนินการซ่อมบำรุงไปแล้ว
ตามมติคณะรัฐมนตรี (29 ตุลาคม 2545) และควรตรวจสอบคุณสมบัติของเอกชนที่จะเข้ามาทำสัญญาซ่อมบำรุง
ทางกับกรมทางหลวงด้วยว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้อง  และไม่อยู่ในบัญชีผู้ละทิ้งงานของทางราช
การ สำหรับความเห็นคณะรัฐมนตรีเห็นว่า ปัญหาสำคัญที่ทำให้สายทางต่าง ๆ ชำรุดเสียหาย คือ การที่รถบรร
ทุกบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด   รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายยังขาดความจริงจังและต่อเนื่อง   จึง
ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ  ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และ
หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องต่อไป  นอกจากนี้ ให้
กระทรวงคมนาคมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับรถและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วน
ที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการกวดขันอย่างเคร่งครัดและจริงจัง    หากพบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลยให้มี
การฝ่าฝืนกฎหมายอีก  ให้ถือเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ซึ่งจะต้องถูกพิจารณาและดำเนินการลงโทษต่อไปด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี  ที่ 
76/2546  เรื่อง  แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงระบบการบริหารงานการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
โดยมีนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานกรรมการ  รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)  และรองนายก
รัฐมนตรี (นายวิษณุ  เครืองาม) เป็นรองประธานกรรมการ  และมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและ
เลขานุการ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการ ฯ รวมทั้งสิ้น 19 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2546 
เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ
เรื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546  และให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดและติดตามการดำเนินการเบิก
จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ  และหน่วยงานในสังกัดให้เกิดความรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบกลางรายการ
ค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเบิกจ่ายในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  และงบกลางรายการค่าใช้จ่ายใน
การปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งในภาพรวมยังมีการเบิกจ่ายน้อย   สำหรับข้อมูลการเบิกจ่าย
งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546 ของส่วนราชการต่างๆ ในภาพรวม ที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นาย
วราเทพ  รัตนากร)  เสนอ   สรุปได้ว่า   ส่วนราชการมีการเบิกจ่ายไปแล้วเพียง  356,212,524,782  บาท หรือ
คิดเป็นร้อยละ 35.62  ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด   (999,900,000,000  บาท)  ซึ่งต่ำกว่าการเบิกจ่ายในปี
งบประมาณที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน   สาเหตุของการเบิกจ่ายล่าช้าและยังมีจำนวนน้อย  อาจเป็นผลมาจากการ
พัฒนาระบบราชการ ซึ่งทำให้มีการยุบ ย้ายและตั้งกระทรวงใหม่ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและรัฐมนตรี
ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้รองนายกรัฐมนตรี  (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยม
สมบูรณ์)  รับเรื่อง  การปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหานครเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำ
เศรษฐกิจเอเปค  ครั้งที่ 11 ในระหว่างวันที่  20 - 21  ตุลาคม  2546  ไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประชา มาลีนนท์)
เพื่อกำหนดแนวทางและแผนการดำเนินการที่เหมาะสมในการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์และเส้นทางจราจรต่าง ๆ  ใน
เขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะเส้นทางที่ผู้เข้าร่วมประชุมจะใช้เดินทางผ่านเป็นประจำให้มีสภาพเขียวชะอุ่ม สะอาด
เรียบร้อย และสวยงาม โดยให้เชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้าร่วมพิจารณาด้วย  และหากมีความจำเป็นต้องใช้
งบประมาณในการดำเนินงาน ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน  ทั้งนี้  ให้คำนึงถึงความปลอดภัยในการ
จราจรด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 370 เรื่อง ขอให้ลาดยาง
ถนนภายในหมู่บ้าน  ของนายสมชัย   ฉัตรพัฒนศิริ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา  และมอบให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป   โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้
ว่า  (1)  ถนนสาย นม 2010 บ้านหญ้าคา-บ้านหนองหัวฟาน  ตำบลเมืองนาท  อำเภอขามสะแกแสง  จังหวัด
นครราชสีมา ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว เหลือระยะทางที่เป็นถนนลูกรัง 8.225 กิโลเมตร
เป็นถนนโครงข่ายสายรอง  ประชาชนสามารถใช้สัญจรไปมาเชื่อมโยงกับเส้นทางอื่น ๆ ได้จัดลำดับความสำคัญ
เพื่อจัดเข้าแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขีดความสามารถของงบประมาณของประเทศต่อไป (2)
ถนนสาย นม 3197 บ้านโนนเต็ง-บ้านหนองม่วง ตำบลหนองมะนาว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา  ได้รับงบ
ประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว เหลือระยะทางที่เป็นถนนดิน 8.70 กิโลเมตร เป็นประเภทถนนในท้อง
ถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องพิจารณาถึงความจำเป็นในการก่อสร้างของท้องถิ่นตนเอง ทั้งนี้ ท้องถิ่น
ที่ขาดแคลนงบประมาณและบุคลากร สามารถร้องขอให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาบรรจุโครงการถนนที่ได้
จัดลำดับความสำคัญแล้วในท้องถิ่นของตนเอง (3) ถนนสาย นม 2297 บ้านโนนเต็ง-บ้านโนนปอแดง ตำบล
หนองบัว  อำเภอคง  จังหวัดนครราชสีมา   ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว   เหลือระยะทางที่
เป็นถนนดิน  15.23  กิโลเมตร  เป็นถนนโครงข่ายสายรอง  สามารถเชื่อมออกไปสู่ถนนทางหลวงแผ่นดิน ได้
จัดลำดับความสำคัญเพื่อจัดเข้าแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขีดความสามารถของงบประมาณ
ของประเทศต่อไป  (4)  ถนนสาย  นม  3262  บ้านกุดไผ่-บ้านห้วยสามขา  ตำบลทัพรั้ง  กิ่งอำเภอพระทอง
คำ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว เหลือระยะทางที่เป็นถนนดิน 9.340
กิโลเมตร เป็นประเภทถนนในท้องถิ่น จะพิจารณาดำเนินการในลักษณะเดียวกับ สาย นม 3197  ทั้งนี้  ถนน
สายทางทั้ง 4 สาย  อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลและจัดลำดับความสำคัญให้เหมาะสมกับกรอบงบประมาณ
ปี  พ.ศ. 2547  จึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าถนนดังกล่าวจะได้รับจัดสรรงบประมาณในปี  พ.ศ. 2547  หรือ
ปีต่อไป หากประชาชนมีความเดือดร้อนหรือไม่สะดวกในด้านการใช้ถนนสามารถร้องขอผ่านองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นไปยังสำนักงานสาขาของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทในจังหวัดนั้น ๆ เพื่อขอความร่วม
มือในการปรับปรุงถนนดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ. ....  แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ
อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
รวมทั้งแก้ไขชื่อหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวง  รวม  2  ฉบับ  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณาแล้ว ได้แก่ (1)  ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....
(กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน)  และ   (2)   ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการ
แบ่งระดับและการเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย   พ.ศ. ....  (กำหนดหลักเกณฑ์การ
แบ่งระดับและการเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย)  ยกเว้นความในข้อ  2,  3,  4  ให้
ยุบรวมกันเป็นข้อ 2  มีความว่า  "ข้อ  2  การศึกษานอกระบบที่จัดเป็นหลักสูตรเฉพาะหรือหลักสูตรฝึกอบรมตาม
ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และการศึกษาตามอัธยาศัย ผู้เรียนอาจนำผลการเรียน ความรู้และประสบการณ์
มาเทียบระดับการศึกษากับการศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบตามข้อ  1   ได้"  และให้กระทรวงศึกษาธิ 
การดำเนินการต่อไปได้  โดยให้รับความเห็นของ คกก.4 ไปดำเนินการ  ดังนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าของ
เรื่องร่วมกับทบวงมหาวิทยาลัยศึกษารวบรวมความรู้ความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการและแนวทางการแบ่งระดับการ
ศึกษาตามอัธยาศัยร่วมกับผู้รู้และผู้ที่มีส่วนยกร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  เพื่อใช้ประกอบ
การปรับปรุงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยให้เกิดผลดีและตอบสนองต่อแนวคิดเรื่องการศึกษาตามอัธยาศัยเป็น
การเรียนรู้ตลอดชีวิตต่อไป  รวมทั้งให้รับความเห็นของคณะอนุกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาไปพิจารณา
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแนวทางการดำเนินการแก้ไข
ปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงหรือสารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ในสุกร ในระดับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ และสถานที่
จำหน่ายเนื้อสัตว์ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการดังนี้   (1)   กรณีตรวจพบว่ามีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในสุกร
และมีการชำแหละสุกรโดยโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาต กระทรวงเกษตร ฯ ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจง
ทำความเข้าใจรณรงค์และจูงใจให้ผู้ประกอบการโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาตทั้งหมด    เข้ามาขออนุญาตเป็นโรงฆ่า
สัตว์ที่ถูกต้องตามกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และให้เวลาผู้ประกอบการดังกล่าวดำเนินการปรับปรุงสภาพ
ของโรงฆ่าสัตว์ให้มีมาตรฐานและถูกต้องตามหลักสุขอนามัยตามที่ทางราชการกำหนดอีกเป็นเวลา   180  วัน  โดย
ประสานขอความร่วมมือให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม และสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้ความ
สนับสนุนในด้านเงินแก่ผู้ประกอบการเพื่อการปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ให้ถูกสุขอนามัย    หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้
ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป (2) การดำเนินงานของกระทรวงเกษตร ฯ ควรให้ครอบคลุมปัญหาต่าง
ๆ นอกเหนือจากการใช้สารเร่งเนื้อแดงหรือสารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ซึ่งพบว่ามีสารไนโตรฟูแรนด์ปนเปื้อนในเนื้อสุกร 
และระมัดระวังโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในสุกรด้วย โดยให้ประสานและร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงาน
อื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป   รวมทั้งอนุมัติในหลักการให้ใช้เงินงบกลาง   รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจและสังคม  ในวงเงิน  241,594,626  บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ 
(กรมปศุสัตว์) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้ยึดหลักประสิทธิภาพและความจำเป็น เป็น
สำคัญ การดำเนินการในเรื่องใด/กิจกรรมใดสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันกับส่วนราชการอื่น โดยมิต้องจัดซื้อจัดจ้าง
ใหม่ก็ให้ดำเนินการก่อน    และให้ต่อรองราคาในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จะต้องจัดซื้อเป็นจำนวนมากให้ได้ราคาที่
เหมาะสมด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 853 ร. เรื่อง 
การก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงชนบท รพช.  สายบ้านปากบาง-บ้านควนสำราญ-บ้านท่าชะมวง  อำเภอละงู 
จังหวัดสตูล  ของนายสนั่น  สุธากุล   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล   และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) ถนนสายบ้านปากบาง-บ้านควนสำราญ-บ้านท่าชะมวง อำเภอ
ละงู  จังหวัดสตูล  เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท   แต่เนื่องจากการปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงานที่เกิดจากการรวมหน่วยงานด้านถนนของกรมโยธาธิการ และ
กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท  จึงจำเป็นจะต้องจัดระบบการบริหารงานให้สอดคล้องกับภารกิจตามที่กฎกระทรวง
กำหนด    และกำลังจะดำเนินการศึกษาถนนทั้งหมดที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบว่าสอดคล้องกับภารกิจหลักหรือ
ไม่ หากสายทางดังกล่าวมีความเหมาะสมในด้านต่างๆ แล้ว กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ
และจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อสนับสนุนต่อไป   (2)  การปรับปรุงถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง  ซึ่ง
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอันที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม     แต่เนื่องจากงบประมาณที่
จำกัด  และภาระที่จะต้องพัฒนาประเทศอีกหลายด้าน  ซึ่งทุกด้านก็จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาทั้ง
สิ้น หากถนนดังกล่าวมีความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ แล้ว  กรมทางหลวง ฯ จะพิจารณาจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการ
สนับสนุนงบประมาณต่อไป