ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 213 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 4241 - 4260 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4241 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การบินถ่ายรูปในประเทศไทย | นร | 10/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ (1) อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 29 เมษายน 2518 (หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ สร. 0202/ว. 61 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2518) และหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0202/ว 111 ลงวันที่ 11 กันยายน 2529 เรื่อง การบินถ่าย รูปในประเทศไทย รวม 2 ฉบับ และ (2) เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การบินถ่ายรูปในประเทศไทย ตามความเห็น ของกระทรวงกลาโหม (2.1) ส่วนราชการใดที่มีโครงการซึ่งมีการสำรวจทางอากาศภายในประเทศให้เสนอกระทรวง กลาโหมพิจารณาความเหมาะสมเสียก่อน แล้วจึงดำเนินการเพื่อขออนุมัติโครงการนั้น ๆ จากคณะรัฐมนตรีต่อไป (2.2) ในขั้นการดำเนินการตามโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ในกรณีจ้างเอกชน ให้ส่วนราชการนั้นปฏิบัติตามระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยในการจ้างเอกชนทำการสำรวจและทำแผนที่ พ.ศ. 2544 ข้อ 9 (กรณีการจ้างเอกชน) และข้อ 26 (กรณีที่รัฐบาลได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือองค์กรต่างประเทศ) และ ให้กรมแผนที่ทหารปฏิบัติตามระเบียบ ฯ ข้อ 11 (2) ที่ให้กรมแผนที่ทหารจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควบ คุมอยู่ด้วยอย่างน้อยหนึ่งนาย เพื่อให้เอกชนผู้รับจ้างทำการสำรวจภายในขอบเขตของงานและพื้นที่ที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4242 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและการเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2546 | รง | 10/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและ
การเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี พ.ศ. 2546 สรุปได้ว่า กระทรวงแรงงาน โดยศูนย์ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยธรรมชาติ กระทรวงแรงงาน ได้ดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งทั่วประเทศในส่วนของการจัดกิจ กรรมนัดพบแรงงานและจัดหางานเคลื่อนที่ การฝึกอาชีพและให้บริการซ่อมแซมยานพาหนะ อุปกรณ์ไฟฟ้า การ ให้ความคุ้มครองแรงงานโดยขอความร่วมมือจากสถานประกอบการเพื่อผ่อนปรนระเบียบการทำงานกรณีลูกจ้าง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง และการจัดกิจกรรมโครงการประกันสังคมเคลื่อนที่ สำหรับสถานการณ์ ภัยแล้ง ขณะนี้ได้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น กระทรวงแรงงานจึงได้ยุติการให้ความช่วยเหลือ และได้เตรียมให้ความ ช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาอุทกภัยตามมา โดยจัดทำแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบอุทก ภัยตามกรอบภารกิจของหน่วยงานในความรับผิดชอบ ได้แก่ (1) การช่วยเหลือราษฎรระหว่างประสบอุทกภัย โดยการแนะนำการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สำหรับการเกษตรให้มีความปลอดภัย และช่วยเหลือซ่อมแซม ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องยนต์การเกษตร (2) การระดมเจ้าหน้าที่และยานพาหนะไปช่วยเหลือผู้ ประสบอุทกภัยตามที่ได้รับการร้องขอจากส่วนราชการอื่น (3) การฝึกอาชีพแรงงานในชนบท (หลังน้ำลด) (4) การคุ้มครองแรงงานเกี่ยวกับเวลาเข้าทำงาน (5) การให้บริการจัดหางานและการแนะแนวอาชีพ (6) การขยาย เวลาการนำส่งเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคม (7) การจัดบริการประกันสังคมและหน่วย แพทย์เคลื่อนที่ และ (8) การให้สินเชื่อผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับการปรับปรุงสถานประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4243 | แผนบูรณาการงบประมาณการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา | ทส | 10/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนบูรณาการงบ
ประมาณการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา และกรอบวงเงินสำหรับโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนบูรณาการ ฯ ซึ่ง ส่วนราชการจะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวนรวม 370.8 ล้านบาท และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยในส่วนของวงเงินจำนวน 83.9 ล้านบาท ที่ขอเพิ่มเติมจากที่ได้จัดสรร ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อคณะกรรมาธิ การวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 หากไม่ได้รับการ สนับสนุนงบประมาณดังกล่าวเพิ่มเติม ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป สำหรับ การก่อสร้างถนนสาย พท 3037 (บ้านไสกลิ้ง - บ้านหัวป่า) ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไว้แล้วจำนวน 140 ล้านบาท ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ประสานกับกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) เพื่อเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างเฉพาะส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 นี้ ก่อน โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบกลาง รายการ ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ในวงเงิน 50 ล้านบาท โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับ สำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4244 | รายงานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วย ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และวิชาการไทย-จีน (ฝ่ายไทย) | กต | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ (1) เห็นชอบการปรับ
ปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และวิชาการไทย-จีน (ฝ่ายไทย) โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม (2) รับทราบกรอบสาขาที่จะร่วมมือกับประเทศจีนใน 5 หัวข้อ และหน่วย งานที่จะเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ และ (3) รับทราบการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรี ฯ ครั้งที่ 17 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ ประเทศจีน โดยฝ่ายจีนจะเป็นเจ้าภาพ มีกำหนดการประชุมประมาณเดือนเมษายนหรือ พฤษภาคม 2546 สำหรับกรอบสาขาที่จะร่วมมือกับประเทศจีนใน 5 หัวข้อ ได้แก่ การเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ โดยเน้นทางด้านธุรกิจและธุรกิจการค้า ให้สำนักงานคณะกรรมการพื้นที่เฉพาะและ พัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหน่วยงานหลัก ด้านเทคโนโลยีในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยเน้นด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงาน หลัก การแพทย์ทางเลือก เช่น การเชื่อมโยงความรู้ทางด้านสมุนไพร การผ่าตัดต่อแขน-ขา การฝังเข็ม และการ รักษาแผลไฟไหม้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลัก ด้านการเกษตร โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางการ เกษตร การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ การเกษตรด้าน Applied Technology ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็น หน่วยงานหลัก และการศึกษาฝึกอบรมวิชาการด้านต่าง ๆ ด้วยภาษาจีน และการเชื่อมโยงสถาบันการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมในภูมิภาคนี้ ให้กระทรวง ศึกษาธิการและทบวงมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานหลัก |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4245 | การพิจารณาหาแหล่งเงินกู้เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ยแก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) | คค | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อชำระหนี้ค่า
น้ำมันพร้อมดอกเบี้ย ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 ให้แก่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เป็นเงินจำนวน 1,891.133 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ ให้กระทรวงคมนาคม (ขสมก.) รับไปประสานกับกระทรวงพลังงาน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเจรจาต่อรองให้ ปตท. ปรับลดหนี้ลงจากที่ได้ปรับลดค่าดอกเบี้ยไปให้ ขสมก. แล้วบาง ส่วน โดยในหลักการ ปตท. ควรผ่อนปรนมากขึ้นโดยไม่ควรคิดดอกเบี้ยปรับแต่ประการใด หากได้ข้อยุติตามแนว ทางดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการกู้เงินต่อไปได้ โดยให้ ขสมก. เป็นผู้รับชำระต้นเงิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการ กู้เงิน และกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินได้ตาม ความหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (ขสมก.) เร่งรัดจัดทำแผนการปรับปรุง ประสิทธิภาพในการบริหารและจัดการ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4246 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในเชิงรุก | นร | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.)
เกี่ยวกับการขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2540 เรื่อง แผนการดำเนินการแก้ไขปัญหา การบุกรุกที่ดินของรัฐในเชิงรุก จาก "เห็นชอบตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) เสนอ โดยในส่วนของงบประมาณ ให้ กบร. จัดทำรายละเอียดของแผนให้ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องหน่วยงานที่ รับผิดชอบ เป้าหมายของแผน/กิจกรรม ปริมาณงานและระยะเวลาที่จะดำเนินการ แล้วเสนอขอตั้งงบประมาณ รายจ่ายตามกระบวนการงบประมาณต่อไป" เป็น "เห็นชอบตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ของรัฐ (กบร.) เสนอ โดยในส่วนของงบประมาณให้หน่วยงานในพื้นที่ที่รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดของแผนให้ ชัดเจน รวมทั้งเป้าหมายของแผน/กิจกรรม ปริมาณงานและระยะเวลาที่จะดำเนินการ แล้วนำเสนอ กบร. เพื่อ ประสานงาน ในการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามกระบวนการงบประมาณให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป" โดยให้ กบร. รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลการดำเนินการ โดยให้ กบร. กำหนดรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4247 | การปรับปรุงอัตราเงินเดือนค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการปรับปรุงอัตราเงินเดือนค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับ
ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ โดยมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างว่าด้วยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เป็น เงินวันละ 169 บาท ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 ตามมติคณะกรรมการแรง งานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเห็นว่า รัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่มีอยู่ในปัจจุบันยังขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการบริการประชาชน ตลอดจนกรอบแนวทางยุทธศาสตร์การพัฒนาของรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศก็ มีแนวทางที่จะปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนในกิจการของรัฐ ดังนั้น การปรับปรุงเงินเดือนค่า จ้างดังกล่าว ควรพิจารณาผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งประกอบด้วย เพื่อเป็นแรงจูงใจ เร่งให้รัฐวิสาหกิจมีความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และประชาชนมีความสนใจเข้าร่วมลงทุนใน กิจการของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งมีแนวทางให้รัฐวิสาหกิจมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปรับปรุงผลิตภาพพนัก งานและลูกจ้างให้สูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4248 | กระทู้ถามที่ 610 ร. เรื่อง การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่ประสบปัญหาขาดทุน | สผ | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 610 ร. เรื่อง การดำเนิน
งานของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่ประสบปัญหาขาดทุน ของนายนิยมชัย วรปัญญา สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนและนโยบายแก้ไขปัญหาการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจในสังกัด โดยเฉพาะกรณีการ ขาดทุนของการประปาส่วนภูมิภาค โดยได้กำหนดแผนและนโยบายการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานไว้ในแผนการ เงินและแผนการลงทุน 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545-2549) ได้กำหนดวัตถุประสงค์ กลยุทธ์ และแนวทาง การดำเนินการไว้ด้วย สำหรับมาตรการและแนวทางป้องกันมิให้ประชาชนเดือดร้อนจากการบริโภคสินค้าราคา แพง ในการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ได้วางแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดมาเพื่อ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพ และอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม (2) การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ผู้จัดการ ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดผลขาดทุน นั้น มิได้เกิดขึ้นกับ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยแต่อย่างใด (3) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวง มหาดไทยจะเกิดผลดี คือ ลดภาระงบประมาณภาครัฐ ลดภาระการก่อหนี้กับต่างประเทศ เพิ่มงบประมาณรายรับ พัฒนาตลาดทุน ประชาชนได้รับบริการที่ดีขึ้น ลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และประชาชนสามารถตรวจสอบ การลงทุนได้ สำหรับผลเสีย คือ ราคาค่าบริการอาจสูงกว่าเดิม (4) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีผล การดำเนินการขาดทุนในระหว่างปี พ.ศ. 2540-2544 คือ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการ ประปาส่วนภูมิภาค และ (5) ในปี พ.ศ. 2545 การไฟฟ้านครหลวงคาดว่าจะมีกำไร 4,500.00 ล้านบาท การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคคาดว่าจะมีกำไร 3,077.68 ล้านบาท การประปานครหลวงคาดว่าจะมีกำไร 2,767.00 ล้านบาท การ ประปาส่วนภูมิภาคคาดว่าจะขาดทุน 120.00 ล้านบาท และองค์การตลาดคาดว่าจะมีกำไร 7.603 ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4249 | โครงการจัดทำทะเบียนและทำบัตรประจำตัวเกษตรกร | กษ | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครงการจัดทำ
ทะเบียนและทำบัตรประจำตัวเกษตรกร โดยให้ยกเลิกเฉพาะส่วนการออกบัตรประจำตัวเกษตรกรโดยการ นำไปรวมกับการออกบัตรเอนกประสงค์ตามโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และนำข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ที่สำคัญบันทึกไว้บนบัตรเอนกประสงค์ด้วย และให้กระทรวงเกษตร ฯ ทำการจดทะเบียนเกษตรกร เพื่อจัดทำ ฐานข้อมูลครัวเรือนเกษตรกร ดูแล บริหารและจัดการฐานข้อมูลตามแผนเดิมต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็น ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการด้วย ดังนี้ (1) การจัดทำและบริหารจัดการฐานข้อมูลครัวเรือน เกษตรกรของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ควรเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์กับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ของกรมการปกครอง ซึ่งมีข้อมูลราษฎรทุกประเภทสมบูรณ์และครบถ้วนอยู่แล้ว เพื่อให้มีการร่วมใช้ประโยชน์ จากฐานข้อมูลให้เกิดประโยชน์มากที่สุดและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย (2) การเก็บข้อมูลที่สำคัญทางการเกษตร ของครัวเรือนเกษตรกร ควรมีการเก็บข้อมูลที่ต่อเนื่องและครอบคลุมความต้องการใช้ข้อมูลของหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง เพื่อประหยัดงบประมาณของภาครัฐ (3) ควรจัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของเกษตรกรในการวางแผนและตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการเกษตรให้ครบถ้วน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง นอกเหนือจากการเชื่อมโยงไปยังกรมการปก ครอง และ (4) การปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรแบบใหม่ ควรพิจารณา ถึงการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลในบัตรเอนกประสงค์มีความถูกต้อง แม่นยำ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4250 | ขอปรับปรุงคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการรับรองระบบงาน | อก | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการรับรองระบบงาน โดยเพิ่มปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ นายกสมาคมพิทักษ์ประโยชน์ผู้บริโภค และนายกสมาคมมาตรฐานและ คุณภาพแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4251 | การปรับปรุงเส้นทางตราด-เกาะกง-สะแรอัมเบิล | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอการปรับปรุงเส้นทางตราด - เกาะ กง - สะแรอัมเบิล ดังนี้ (1) การให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่า ในส่วนของการก่อสร้างสะพานคอนกรีตข้ามแม่น้ำ 4 แห่ง ตามแนวเส้นทางตราด - เกาะกง - สะแรอัมเบิล รวมทั้งการศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจและผลกระทบสิ่ง แวดล้อมตามแนวเส้นทางดังกล่าว และ (2) การให้ความช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในการปรับปรุงเส้นทางตราด - เกาะกง - สะแรอัมเบิล และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้รับผิดชอบก่อสร้างสะพานคอนกรีตข้ามแม่ น้ำทั้ง 4 แห่ง โดยที่การมอบให้กระทรวงกลาโหมเป็นผู้ดำเนินการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเบี้ยเลี้ยงในต่างประเทศ ให้แก่ทหารที่ปฏิบัติงานด้วย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงของการก่อสร้างโดยรวมสูงมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น เพื่อ ให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงเห็นชอบในหลักการให้ภาคเอกชนไทยเข้าร่วมดำเนินการก่อสร้าง โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4252 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงไทย - กัมพูชา [ถนนหมายเลข 48 (เกาะกง - สะแรอัมเบิล) และถนนหมายเลข 67 (สะงำ - อันลองเวง - เสียมราฐ)] | กต | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ (1) เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการต่างประเทศลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราช อาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือในโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยง - กัมพูชา [ถนนหมายเลข 48 (เกาะ กง - สะแรอัมเบิล) และถนนหมายเลข 67 (สะงำ - อันลองเวง - เสียมราฐ)] ในระหว่างการประชุมร่วมคณะ รัฐมนตรีไทย - กัมพูชา ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2546 และ (2) เห็นชอบกับการปรับปรุงถ้อยคำใด ๆ ในร่าง บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ หากไม่กระทบถึงสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4253 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และมอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ สรุปได้ว่า พระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และสอดคล้องกับกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฉบับอื่น ๆ รวมทั้ง เพื่อให้การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบทบัญญัติที่ควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เช่น เกณฑ์การยุบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล และที่มาของ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น ที่จะได้มีการทำการศึกษาวิเคราะห์ต่อไป นอกจากนี้ กฎหมายเกี่ยว กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอยู่หลายฉบับ โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารท้อง ถิ่นได้กำหนดไว้แตกต่างกันออกไป จึงควรให้มีการศึกษาในรายละเอียด และข้อบกพร่องต่าง ๆ ของกฎหมายที่ เกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด ซึ่งอาจจะศึกษาในลักษณะของรูปแบบประมวลกฎหมายองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และสรุปหาข้อยุติรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เหมาะสม โดยให้ประสานงานกันใน ระหว่างผู้แทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4254 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผนปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาดประจำปี พ.ศ. 2545 | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผน
ปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2545 สรุปได้ว่า ตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ส่วนราช การจัดส่งรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่งรายงานผล การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 123 แห่ง ประกอบด้วย กระทรวง ทบวง กรม 105 แห่ง ในจำนวนนี้ มี 15 แห่งที่ปรับปรุงแผนกลยุทธ์หน่วยงานใสสะอาดของตนใหม่ รัฐวิสาหกิจ 8 แห่ง มหาวิทยาลัย 9 แห่ง และองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1 แห่ง โดยรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ครอบ คลุมเนื้อหา 3 ด้าน คือ การส่งเสริมจิตสำนึกราชการใสสะอาด การป้องกันเหตุการณ์และพฤติกรรมที่อาจเป็นภัย ต่อการก้าวไปสู่ประเทศไทยใสสะอาด ในประเด็นการปรับกระบวนการให้บริการ การปรับกระบวนการบริหารงาน ภายใน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และการจัดให้มีกลไกพร้อมรับการตรวจสอบ และการจัดการกรณี ทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น สำหรับแนวการดำเนินการต่อไป สำนักงาน ก.พ. จะเผยแพร่ผลการ พิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีแก่สาธารณะ ส่วนราชการ และ หน่วยงานของรัฐ และให้ถือว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน โครงการ กิจกรรมประจำของส่วน ราชการและหน่วยงานของรัฐ โดยจะผนวกการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของมิติการประเมินผลงานเพื่อขอรับ เงินรางวัลประจำปี รวมทั้งให้เป็นเงื่อนไขประการหนึ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่ส่วนราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4255 | การรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ 2546 (ตุลาคม 2545 - กุมภาพันธ์ 2546) | ยธ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่งด่วน
ของรัฐบาล ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (ตุลาคม 2545 - กุมภาพันธ์ 2546) ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การปลุกพลังแผ่นดินและการป้องกัน ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและสารเคมี ยุทธศาสตร์การปราบปราม ยุทธศาสตร์การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ ยุทธศาสตร์การข่าว ยุทธศาสตร์ การอำนวยการและการประสานงาน ยุทธศาสตร์การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ยุทธศาสตร์ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์การวิจัย พัฒนา และติดตามประเมินผล |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4256 | ขออนุมัติใช้งบกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย จังหวัดชุมพร | กษ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมชลประทานดำเนินโครงการป้อง
กันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร ตามพระราชดำริ เพื่อปรับปรุงคันกั้นน้ำ 2 รายการ ได้แก่ (1) ปรับปรุงคันกั้น น้ำคลองบางโหลง พร้อมอาคารประกอบ วงเงิน 11,984,900 บาท และ (2) ปรับปรุงคันกั้นน้ำคลองสามแก้วฝั่ง ซ้าย พร้อมพนังกั้นฝั่งขวา และอาคารประกอบ วงเงิน 30,673,400 บาท ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ ซึ่งเห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ปรับแผนการปฏิบัติงาน และ แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ของกรมชลประทานในส่วนที่หมดความจำเป็น หรือ เหลือจ่ายและไม่กระทบเป้าหมาย ผลผลิต มาดำเนินการปรับปรุงคันกั้นน้ำ 2 รายการดังกล่าวเป็นลำดับแรกก่อน |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4257 | การขอจัดตั้ง "ศูนย์บริการการไปทำงานต่างประเทศ" | รง | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) ที่มีมติ
อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการจัดตั้ง "ศูนย์บริการการไปทำงานต่างประเทศ" (One Stop Service for Overseas Employment) และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการของศูนย์ ดังกล่าวที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มอบให้กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) รับไปดำเนินการออก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยศูนย์บริการการไปทำงานต่างประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบ ประมาณ และความเห็นของ คกก.5 ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยสำนักงบประมาณมีความเห็นเกี่ยวกับการ ดำเนินการยังไม่สามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จภายในศูนย์ ฯ และการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพิ่มเติมเพื่อปฏิบัติงานใน ศูนย์ ฯ ซึ่งขัดต่อนโยบายรัฐบาลที่มิให้เพิ่มค่าใช้จ่ายประจำ ส่วน คกก.5 มีความเห็น ดังนี้ (1) กระทรวงแรงงานควร ดำเนินการศูนย์ ฯ ให้สามารถบริการแบบเบ็ดเสร็จได้ภายในศูนย์เดียวตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง โดยไม่เป็นเพียง หน่วยงานในการประสานงานที่อำนวยความสะดวกให้กับคนหางานในการไปทำงานต่างประเทศ (2) งบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (1 พฤษภาคม 2546 - 30 กันยายน 2546) จำนวน 66,804,000 บาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอขอใช้งบกลางสำรองจ่ายเพื่อการฉุกเฉิน นั้น ควรเปลี่ยนมาใช้งบ กลางประเภทค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการจัดสรร งบประมาณ และ (3) งบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ให้กระทรวงแรงงานพิจารณาดำเนินการขอ จัดสรรงบประมาณในขั้นตอนการแปรญัตติต่อรัฐสภา หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้หารือกับสำนักงบประมาณ อีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4258 | การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเกี่ยวกับการปรับปรุง
โครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งรวมถึงระบบการจัดการเกี่ยว กับน้ำและระบบการจราจรและขนส่ง ซึ่งได้มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) และกระทรวงคมนาคม รับไปพิจารณาแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปตามลำดับนั้น ขอมอบหมายเพิ่มเติมดังนี้ (1) ระบบการจัดการเกี่ยว กับน้ำ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับไปพิจารณาว่า การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และการขาด แคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยนำระบบชลประทานทางท่อมาใช้ให้ครบถ้วนครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ โดย จัดทำแหล่งกักเก็บน้ำเช่นเดียวกับการสร้างอ่างเก็บน้ำและเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้า แล้วส่งน้ำผ่านท่อไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ให้เกิดความชุ่มชื้น และมีปริมาณน้ำที่พอเพียงอยู่เสมอ และปัจจุบันระบบชลประทานทางท่อได้ดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนหนึ่ง จึงอาจมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปดำเนินการจัดจ้าง สถาบันการศึกษา/ผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ประกอบการพิจารณาด้วย โดยการดำเนินการ ควรเน้นให้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ในประเทศ (local content) ด้วย ส่วนในจังหวัดเพชรบุรีซึ่งมีการใช้น้ำเพื่อ การอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงขึ้น และอาจมีปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ ให้พิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการ น้ำของจังหวัดเพชรบุรีให้มีความเป็นระบบและมีความยั่งยืน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป (2) ระบบการจราจร และขนส่ง มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปจัดทำแผนการจราจรและขนส่งในระยะยาวให้ เป็นระบบครอบคลุมทั้งการขนส่งทางถนนและระบบราง ทางสายหลัก สายรอง ระบบขนคนและขนรถ ให้มีความ เชื่อมโยงกัน โดยแนวทางหนึ่งที่อาจทำได้เพื่อแก้ปัญหาการจราจรทางรถยนต์ซึ่งเริ่มเกิดความแออัดและเป็นคอ ขวดในเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพ ฯ ทั้งด้านเหนือและใต้ คือ การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (mass rapid transit) เชื่อม ต่อระหว่างกรุงเทพ ฯ และจังหวัดสำคัญในแต่ละด้าน ส่วนการขนส่งทางทะเล ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความ เหมาะสมคุ้มค่าในการฟื้นฟูการก่อสร้างท่าเรือบริเวณหาดเจ้าสำราญ เพื่อใช้เป็นท่าเรือในการขนส่งสินค้าและผู้ โดยสารไปมาระหว่างจังหวัดเพชรบุรีและท่าเรือต่าง ๆ ในบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป สำหรับธุรกิจการบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับผลกระทบอย่างสูงจากโรค SARS ควรพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดเที่ยวบินราคาถูก (low cost flight) ซึ่งการจัดเที่ยวบิน ราคาถูกกำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ และประเทศไทยก็มีเอกชนหลายรายแสดงความประสงค์จะเข้ามาดำเนิน การด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4259 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการโครงการหมู่บ้านสหกรณ์อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ | พม | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 ที่มีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะ กรรมการโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย พล.อ.ต. กำธน สินธวานนท์องคมนตรี เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก 17 คน โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นกรรมการ และเลขานุการ และให้เพิ่มอำนาจหน้าที่ในข้อ 5 ให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อเป็นการ ประสานการปฏิบัติงานในพื้นที่ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินงานต่าง ๆ ตามโครงการ ฯ เป็น ไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการ ฯ อาจพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไกเสริมการปฏิบัติและติดตามงานของคณะกรรมการ ฯ อีกชั้นหนึ่งได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4260 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ค่าขึ้นศาล ค่าสืบพยานหลักฐานนอกศาล ค่าป่วยการพยาน ค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ) | ศย | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)(ฝ่ายกฏหมาย) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยสาระสำคัญของร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าขึ้นศาล ค่าสืบพยานหลักฐานนอกศาล ค่าป่วยการพยาน ค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งนี้ คกก.7 เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของการ คำนวณค่าขึ้นศาลโดยคิดตามระบบเดิม คือ คงอัตราค่าฤชาธรรมเนียมขั้นสูงในแต่ละประเภทไว้ โดยปรับแก้ไขอัตรา ค่าฤชาธรรมเนียมแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ส่วนการกำหนดให้ศาลจัดหาทนายความให้กับ คู่ความและจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายความ ปัจจุบันรัฐได้ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ อยู่แล้ว รวมทั้งได้สนับสนุนงบประมาณบางส่วนแก่สภาทนายความดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงไม่ควรกำหนด เรื่องนี้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอีก และให้ตัดร่างมาตรา 156/1 วรรคสี่ และร่างมาตรา 158 วรรคสอง ที่กำหนดให้ศาลจัดหาทนายความให้กับคู่ความและจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายความ ออก นอกจากนี้ ให้ พิจารณาแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการยื่นเอกสารต่าง ๆ ต่อศาล เพื่อให้คู่ความสามารถยื่นเอกสารต่อศาลที่คู่ความ มีภูมิลำเนา หรือศาลอื่นได้ และให้รับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ให้แก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา 20/1 วรรคท้าย และมาตรา 156 วรรคสาม จากคำว่า "ข้อกำหนด" เป็น "ข้อบังคับ" ไปพิจารณาด้วยแล้วให้ส่งคณะกรรม การประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของ คกก.7 ที่เห็นควรให้มีการปรับปรุงกฎหมายไทยให้มีลักษณะเป็นการปฏิบัติใน ลักษณะต่างตอบแทน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถฟ้องต่างประเทศได้หากกฎหมายของประเทศนั้นบัญญัติให้ฟ้อง ประเทศไทยได้ และการที่รัฐจะให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในทางแพ่ง รวมไปถึงนิติบุคคลที่มีวัตถุ ประสงค์เพื่อสาธารณประโยชน์ จะต้องมีการศึกษาพิจารณาในภาพรวมทั้งระบบต่อไป ไปพิจารณา แล้วนำเสนอ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณา |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
