คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  859 
ร. เรื่อง การก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงสายบ้านดาหลำ-บ่อหิน ตำบลเขาขาว อำเภอละงู  จังหวัดสตูล 
และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป   โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า   (1)   ถนนสายบ้านดา
หลำ-บ่อหิน เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท แต่เนื่องจากการปรับปรุงกระทรวง
ทบวง  กรม   โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงานที่เกิดจากการรวมหน่วยงานด้านถนนของกรมโยธาธิ
การ และกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท จึงจำเป็นจะต้องจัดระบบการบริหารงานให้สอดคล้องกับภารกิจตาม
ที่กฎกระทรวงกำหนด  และกำลังจะดำเนินการศึกษาถนนทั้งหมดที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบว่าสอดคล้อง
กับภารกิจหลักหรือไม่  หากสายทางดังกล่าวมีความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ  แล้ว  กรมทางหลวงชนบทจะ
พิจารณาจัดลำดับความสำคัญและจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อสนับสนุนต่อไป  (2) การปรับปรุง
ถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง     ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอันที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านคมนาคม   แต่เนื่องจากงบประมาณที่จำกัดและภาระที่จะต้องพัฒนาประเทศอีกหลายด้าน ซึ่งทุกด้าน
ก็จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาทั้งสิ้น  หากถนนดังกล่าวมีความเหมาะสมในด้านต่าง  ๆ   แล้ว 
กรมทางหลวง ฯ จะพิจารณาจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  860  ร. 
เรื่อง การก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงสายบ้านห้วยไทร-บ้านผัง 41-บ้านผัง 36 ของนายสนั่น สุธากุล สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสตูล  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้
ว่า  (1)  ถนนสายบ้านห้วยไทร- อำเภอละงู-บ้านผัง  41-บ้านผัง  36  เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ
กรมทางหลวงชนบท  แต่เนื่องจากการปรับปรุงกระทรวง  ทบวง  กรม  โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงาน
ที่เกิดจากการรวมหน่วยงานด้านถนนของกรมโยธาธิการ และกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท  จึงจำเป็นจะต้องจัด
ระบบการบริหารงานให้สอดคล้องกับภารกิจตามที่กฎกระทรวงกำหนด  และกำลังจะดำเนินการศึกษาถนนทั้ง
หมดที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบว่าสอดคล้องกับภารกิจหลักหรือไม่   หากสายทางดังกล่าวมีความเหมาะสมใน
ด้านต่าง ๆ แล้ว กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อ
สนับสนุนต่อไป  (2) การปรับปรุงถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอันที่
จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แต่เนื่องจากงบประมาณที่จำกัด และภาระที่จะต้องพัฒนาประเทศอีก
หลายด้าน  ซึ่งทุกด้านก็จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาทั้งสิ้น  หากถนนดังกล่าวมีความเหมาะสมใน
ด้านต่าง ๆ แล้ว กรมทางหลวง ฯ จะพิจารณาจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญของกระทรวง
กลาโหม ประจำเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคม 2545  ในส่วนของการทูตทางทหาร  การจัดระเบียบชาย
แดน การเตรียมความพร้อมรบ การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ และการปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอการปรับปรุงองค์
ประกอบของคณะกรรมการแผ่นดินไหวแห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม ดังนี้ (1) ประธานคณะกรรมการแผ่น
ดินไหวแห่งชาติ จากเดิมรัฐมนตรีว่าการหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม  เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  (2)  กรรมการ  จากเดิมอธิบดีกรมโยธาธิการหรือผู้แทน  เป็นอธิบดีกรม
โยธาธิการและผังเมืองหรือผู้แทน  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติหรือผู้แทน เป็น
อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้แทน และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมหรือ
ผู้แทน เป็นเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน (3) ฝ่ายเลขานุ
การ  จากเดิมผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ  กรมอุตุนิยมวิทยา  กรรมการและเลขานุการ  เป็นผู้อำนวยการ
สำนักเฝ้าระวังและเตือน สภาวะอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการและเลขานุการ  หัวหน้าฝ่ายภูมิฟิสิกส์  กรม
อุตุนิยมวิทยา กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เป็นหัวหน้ากลุ่มแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการและผู้ช่วย
เลขานุการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การปรับปรุงพื้นที่บริเวณสวนจตุจักร โดย
การรวมพื้นที่บริเวณทิศเหนือของกรุงเทพมหานครในเขตจตุจักรเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ 3 แห่ง ซึ่งเดิมเป็น
พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเข้าด้วยกัน ได้แก่  สวนจตุจักร พื้นที่ 190 ไร่  สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 
พื้นที่ 140 ไร่ และสวนวชิรเบญจทัศ พื้นที่ 375 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 705 ไร่ และปรับปรุงพัฒนาเป็น
อุทยานจตุจักรเพื่อน้อมเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะสมพระเกียรติ  จึงให้กระทรวงคมนาคม
รับไปพิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 586 ร. เรื่อง
ปัญหาการจราจรติดขัดในด้านฝั่งธนบุรี ของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร
และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) รัฐบาลได้มีการศึกษาสภาพ
ปัญหาการจราจรติดขัดในด้านฝั่งธนบุรี  เนื่องจากได้มีการพัฒนาโครงข่ายถนนสายหลักต่าง  ๆ   ทำให้ถนนสาย
รองที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับการจราจรจากซอยแยกต่าง ๆ ได้  ประกอบกับการพัฒนาเมืองได้เกิดขึ้นตามลักษณะ
เกาะติดแนวถนนสายหลักและสายรองไม่กี่สาย เป็นผลให้สภาพการจราจรเกินขีดความสามารถของถนนสายหลัก
และสายรองที่มีอยู่  (2)  รัฐบาลได้มีมาตรการและแผนงานป้องกันแก้ไขปัญหาการจราจร โดยเฉพาะในพื้นที่กรุง
เทพมหานครด้านฝั่งธนบุรี ได้แก่ โครงการก่อสร้างระบบคมนาคมขนส่งตามผังเมืองรวม  โครงการปรับปรุงระบบ
ขนส่งมวลชน โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมต่อถนนสายหลัก  และโครงการก่อสร้างระบบทางด่วน  (3) รัฐบาลมี
นโยบายในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร   โดยได้กำหนดแนวทางไว้ในแผนพัฒนา
กรุงเทพมหานคร  ฉบับที่ 6  (พ.ศ. 2545-2549)  ได้แก่  โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร
(สายสีเขียว BTS) โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน-รฟม.) และโครงการศูนย์คมนาคม
ด้านใต้  (ศูนย์ตากสิน)  นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติมจำนวน  6  สะพาน  
เพื่อถ่ายเทปริมาณการจราจรจากสะพานที่มีสภาพการจราจรแออัด ได้แก่ สะพานพระราม 8 (ก่อสร้างเสร็จแล้ว) 
สะพานปากเกร็ด   สะพานพระราม 5   สะพานเกียกกาย   สะพานพระประแดงบน   และสะพานพระประแดงล่าง
รวมทั้งมีโครงการก่อสร้างท่าเรือโดยสารที่บริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง เพื่อให้การ
สัญจรทางน้ำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับกรุงเทพมหานคร

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่
ของคณะกรรมการจำนวน  5  คณะ ได้แก่ (1) คณะกรรมการพิจารณาการให้สถานะบุคคลต่างด้าวแก่ชาวเขาที่
อพยพเข้ามาในประเทศ (2) คณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทย  (3) คณะกรรมการพิจารณาให้สถานะคน
ต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย  (4) คณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่ผู้พลัดถิ่น
สัญชาติพม่าเชื้อสายไทย   และ  (5)  คณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัด
เกาะกง กัมพูชา เป็นคณะกรรมการชุดเดียวกัน  เรียกว่า  "คณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทยและให้สถานะ
คนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย"

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการปรับปรุงการโอนงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง  กรม  พ.ศ. 2545  ที่ส่วนราช
การต่าง ๆ ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว ดังนี้  (1)  สำนักนายกรัฐมนตรีโอนงบประมาณจากสำนักเลขาธิการนายก
รัฐมนตรี จำนวน 4,298,300 บาท  ไปให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  (2)  กระทรวงมหาดไทยโอน
งบประมาณจากกรมการปกครอง จำนวน 473,969,900 บาท ไปให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอโครงการทุนพัฒนาศักยภาพในการ
วิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่  แผนระยะยาว 10 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2556) โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี
(ศาสตราจารย์ปุระชัย  เปี่ยมสมบูรณ์) รับไปพิจารณาในรายละเอียดของโครงการและความชัดเจนในการดำเนิน
งานร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  โดยให้นำมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3  และ
ความเห็นของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการวิจัยซึ่งจำเป็นจะต้องวางระบบงานวิจัยให้มีประสิทธิภาพ  โดยครอบคลุม
ถึงประเด็นต่าง ๆ  เช่น  การกำหนดองค์ความรู้  เนื้อหา  และทิศทางการวิจัยที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วนต่อความ
ต้องการในการพัฒนาประเทศ   และสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริง   องค์กรที่จะเป็นเจ้าภาพรับผิด
ชอบสนับสนุนการวิจัยหรือเป็นศูนย์กลางดูแลการบริหารจัดการงานด้านการวิจัย ความร่วมมือและการประสาน
งานด้านวิจัยระหว่างภาครัฐและเอกชน   การกำหนดสิทธิประโยชน์และความเป็นเจ้าของผลงานวิจัย    ตลอดจน
ความก้าวหน้าในฐานะอาชีพ (Career Path) ของนักวิจัย  เป็นต้น  ไปประกอบการพิจารณาด้วย   และให้ดำเนิน
การต่อไปได้ โดยให้เบิกจ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นเป็นปี ๆ  ไป  ทั้งนี้  เมื่อการพิจารณาปรับรื้อระบบการวิจัย
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546  เรื่อง  การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนาของประเทศแล้วเสร็จ
ให้ทบวงมหาวิทยาลัยพิจารณาทบทวนโครงการให้เหมาะสมสอดคล้องกันด้วย นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายสุวิทย์  คุณกิตติ)  เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546   ซึ่งมอบหมาย
ให้ไปประชุมร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม ทบวงมหาวิทยาลัย  สำนักงาน
คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย  และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  เพื่อพิจารณา
ปรับรื้อระบบการวิจัยในภาพรวมของภาครัฐให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น      โดยให้นำความเห็นของคณะรัฐมนตรีไป
ประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานการแก้ไขปัญหากรณีรถโดยสารต่างประเทศ
เดินทางเข้ามาในประเทศไทย  และรถบรรทุกที่มีป้ายทะเบียนสองประเทศ  ของคณะทำงานส่งเสริมการขนส่งทาง
บกระหว่างประเทศใน  5  จังหวัดชายแดนภาคใต้  สรุปได้ดังนี้  (1) กรณีรถโดยสารต่างประเทศเดินทางเข้ามาใน
ประเทศไทย ที่ประชุมมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว  โดยเห็นควรให้รถโดยสารต่างประเทศเดินทางเข้ามาใน
ประเทศไทยตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมการขนส่งทางบก ฉบับที่ 7/2528 โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเขตพื้นที่
5 จังหวัด  สำหรับการเดินทางไปในท้องที่อื่น ๆ นอกเขตพื้นที่ 5 จังหวัด จะต้องใช้รถโดยสารไทย เพื่อความปลอด
ภัยเพราะคนขับรถไม่ใช่คนไทยที่ชำนาญเส้นทาง   รวมทั้งอาจมีปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศ  จึงต้องมีมาตร
การสนับสนุนป้องกันความปลอดภัยในการขนส่ง    ยกเว้นในกรณีที่มีความจำเป็นที่ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น
จึงจะอนุญาตให้เดินทางออกนอกเขต 5 จังหวัดได้ ส่วนการขออนุญาตนำรถโดยสารต่างประเทศเดินทางออกนอก
เขตพื้นที่  5  จังหวัด  ในกรณีทั่วไป   ให้มีการขออนุญาตประกอบการขนส่งระหว่างประเทศตามกฎหมายของไทย
ซึ่งจะมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับแนวนโยบายที่กำหนด  (2)  กรณีรถบรรทุกที่มีป้ายทะเบียนสองประเทศ  ที่
ประชุมเห็นควรให้มีนโยบายส่งเสริมการขนส่งข้ามแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย    โดยให้รถบรรทุกของแต่ละฝ่าย
สามารถขนส่งข้ามพรมแดนไปมาระหว่างกันได้ และหากจำเป็นต้องให้รถของฝ่ายหนึ่งไปจดทะเบียนในอีกประเทศ
หนึ่งให้สามารถดำเนินการได้  เพื่อให้เป็นรถสองทะเบียนอย่างถูกต้อง    อย่างไรก็ตาม  ในส่วนของไทย  การที่ผู้
ประกอบการขนส่งไทยจะนำรถบรรทุกไปจดทะเบียนที่มาเลเซียเป็นไปได้ยาก จึงควรนำเรื่องเสนอผ่านองค์กรของ
รัฐเพื่อเจรจากับฝ่ายมาเลเซียในเรื่องนี้ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและ
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง รวม 3 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณาปัญหาเขตแดน
ของประเทศไทย   คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากล    และคณะกรรมการ
ประสานการปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และข้อความใน
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยทางด้านเคมีวัตถุ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความ
ปลอดภัยทางด้านเคมีวัตถุ ครั้งที่ 1/2545 เมื่อวันที่  22  สิงหาคม  2545  ดังนี้ (1) ปรับปรุงชื่อ จาก "คณะกรรม
การว่าด้วยความปลอดภัยทางด้านเคมีวัตถุ"  เป็น  "คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยของสารเคมี" (2)
ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ  ฯ  โดยเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการ ฯ อีก  3  คน คือ อธิบดีกรมการ
ปกครองหรือผู้แทน  เลขาธิการสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ   และผู้อำนวยการกองวิชาการสำนักงานคณะ
กรรมการอาหารและยา (3) ปรับปรุงข้อความในอำนาจหน้าที่ ข้อ  2.1  และ  2.3  ให้เปลี่ยนจากคำว่า "เคมีวัตถุ"
เป็น "สารเคมี"

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 ซึ่งพิจารณา
เกี่ยวกับการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง  มาตรการปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ : ลูกจ้างประจำ  ดังนี้  (1)  ให้
คงมาตรการปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ : ลูกจ้างประจำ  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2541 และ
วันที่  3  สิงหาคม  2542  ต่อไป   หากส่วนราชการใดมีเหตุผลความจำเป็นที่จะให้คงอัตราตำแหน่งลูกจ้างประจำ
หมวดแรงงานให้เสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณา
เป็นกรณี ๆ ไป (2) ให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการจ้างงานภาครัฐรูปแบบ
ใหม่ โดยนำระบบสัญญาจ้างมาใช้   เพื่อทดแทนการบรรจุลูกจ้างประจำตามยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบราชการ
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป  และ (3) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอการมอบหมายการพิจารณาทบทวน/ยกเว้นการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ของส่วนราชการต่าง  ๆ
ให้ คปร. เป็นผู้พิจารณา

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความใน
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  พ.ศ. 2545  รวม 4 ฉบับ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ (1) ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และ
ปริมาณของยาเสพติด  พ.ศ. ....  ออกตามความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  พ.ศ. 2545
(2)  ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติด
ยาเสพติด พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  (3)  ร่างกฎ
กระทรวง (ฉบับที่ ..)  ว่าด้วยค่าตอบแทนของคณะอนุกรรมการที่ไม่ได้เป็นข้าราชการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถ
ภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 และ 
(4)  ร่างกฎกระทรวง  (ฉบับที่ ..)  ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นอุทธรณ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  ทั้งนี้  ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่
เกี่ยวข้อง ซึ่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท  และปริมาณ
ของยาเติด พ.ศ. ....  ในส่วนของการกำหนดปริมาณ เมทิลลีนไดออกซิเมทแอมเฟตามีน (เอ็มดีเอ็มเอ) ให้มีน้ำ
หนักสุทธิไม่เกิน 1 กรัม  (หนึ่งพันมิลลิกรัม)  และเพิ่มรายการยาเสพติดให้โทษในประเภทที่  1  อีก  2  ราย
การ คือ เมทิลลีนไดออกซีแอมเฟตามีน (เอ็มดีเอ) กับ เอ็น เอ ทิล เอ็มดีเอ หรือ  เอ็มดีอี  รวมทั้งแก้ไขการให้
ค่าตอบแทนเบี้ยประชุมของร่างกฎกระทรวง    (ฉบับที่  ..)    ว่าด้วยค่าตอบแทนของอนุกรรมการที่ไม่ได้เป็น
ข้าราชการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. .... ของประธานอนุกรรมการ ฯ และอนุกรรมการ ฯ  
เพื่อให้สอดคล้องกับการจ่ายเงินสมนาคุณในอัตราสูงสุดที่รัฐจ่ายให้กับคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นในปัจจุบัน 
ไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 
29  ธันวาคม  2535  เรื่อง  การอำนวยความสะดวกให้แก่ราษฎรเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร   จาก " ให้หน่วย
ราชการทุกแห่งยอมรับสำเนาทะเบียนบ้านที่นายทะเบียนจัดทำ  มอบให้เจ้าของบ้านยึดถือไว้เป็นเอกสารสำคัญ
ของทางราชการ  เพื่อราษฎรจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปขอคัดสำเนาจากสำนักทะเบียนอีก" เป็น "ให้หน่วยงานของ
รัฐทุกแห่งยอมรับสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่นายทะเบียนจัดทำมอบให้เจ้าบ้านยึดถือไว้เป็นเอกสารของ
ทางราชการ  สำหรับกรณีที่มีความจำเป็นต้องได้หลักฐานสำนาทะบียนบ้านก็ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นจัด
ทำสำเนาขึ้นเอง  เพื่อราษฎรไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการขอคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสารทะเบียนอีก"

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 เมษายน
2525 เรื่อง  ขอให้หน่วยราชการช่วยเหลือหรือสั่งจ้างทำหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในหมู่บ้าน-
ตำบล    และมติคณะรัฐมนตรีวันที่  26  เมษายน  2537  เรื่อง  ขอความเห็นชอบเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐบาล
สนับสนุนสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าจากกลุ่มสตรีตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีชนบท และเห็นชอบหลักเกณฑ์
การให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มสตรีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ  ในหมู่บ้าน-ตำบล ในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ 
ไว้ใช้ในราชการ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาดำเนินการ
ด้วย    ดังนี้  (1)  ควรจัดให้มีหน่วยงาน  เพื่อส่งเสริมการประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อกับกลุ่มอาชีพ
ต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ขาย  (2)  ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์  พร้อมขอความร่วมมือการสนับสนุนการ
จัดซื้อหรือสั่งจ้างทำผลิตภัณฑ์จากกลุ่มอาชีพต่าง  ๆ  ในหมู่บ้าน-ตำบล    และ   (3)   ควรกำหนดระเบียบใน
การควบคุมหรือพิจารณาติดตาม เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานหรือทบทวนการให้สิทธิพิเศษให้ชัดเจนในทาง
ปฏิบัติ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดรายได้แก่ กลุ่มอาชีพในหมู่บ้าน-ตำบล อย่างแท้จริงและทั่วถึง

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ประธานคณะ  
กรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 เสนอให้มีการจัดหายานพาหนะ จำนวน  821  คัน เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับ
ไปดำเนินการจัดซื้อ โดยประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการนี้ที่ถูก
ต้องเหมาะสม และใช้เป็นเงื่อนไขประกอบการเปิดประมูลหรือการสอบราคา แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยควรเปิด
ให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าร่วมการประมูล หรือเสนอราคาอย่างกว้างขวางหลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดี
และเป็นประโยชน์แก่ทางราชการมากที่สุด และอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่ง
ชาติได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 เรื่อง การปรับปรุง  แก้ไขมติ
คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง สำหรับค่าน้ำมัน
เชื้อเพลิง   ซึ่งไม่ได้ตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  ไว้   ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเจียดจ่ายจากงบ
ประมาณปกติไปก่อน และให้เสนอขอจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้พัฒนาระบบราชการ
(ปฎิรูประบบราชการ)  โดยในระยะแรกได้มุ่งเน้นการปรับปรุงในส่วนโครงสร้าง ระยะต่อไปมุ่งเน้นการ
พัฒนาในด้านบุคลากรมีระบบตรวจสอบและประเมินประสิทธิภาพการปฎิบัติงานของข้าราชการ  หาก
พบว่าผู้ใดเฉื่อยชา ขาดความกระตือรือร้น  บกพร่อง  หรือหย่อนความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ราช
การ   ผู้บังคับบัญชาจะดำเนินการให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการก่อนเกษียณอายุได้  โดยให้ได้รับ
บำเหน็จบำนาญ จึงให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายวิษณุ เครืองาม)  รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียด
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ  แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  ทั้งนี้  ระบบตรวจสอบ
และประเมินประสิทธิภาพดังกล่าว ต้องมีความชัดเจนโปร่งใส และเป็นธรรม

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนาของประเทศ
โดยในส่วนของระบบการวิจัยและพัฒนาของภาครัฐควรปรับรื้อให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นทั้งในแง่องค์กรการวิจัย และ
องค์ความรู้ที่จะดำเนินการวิจัย ซึ่งหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานหลักในเรื่องนี้  ได้แก่  สำนัก
งานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จะต้องประสานและร่วมมือกันอย่างใกล้
ชิดและมีเอกภาพ เพื่อให้การดำเนินงาน ส่งเสริม  และเผยแพร่งานวิจัยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  และไม่เกิดความ
ซ้ำซ้อน   สำหรับองค์ความรู้ที่จะดำเนินการวิจัยและพัฒนาควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีให้มากขึ้น   ในขณะเดียวกันก็ลดการวิจัยในด้านสังคมศาสตร์ลง  เพื่อให้สามารถนำผลการวิจัยที่ได้ไป
ประยุกต์ใช้ได้จริงในการประกอบธุรกิจและประกอบการด้านต่าง  ๆ   เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่    สร้างมูลค่าเพิ่ม
รวมทั้งทดแทนและลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้า วัตถุดิบ ตลอดจนเทคโนโลยีจากต่างประเทศ จึงขอมอบให้รอง
นายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับเรื่องนี้ไปประชุมร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวง
อุตสาหกรรม ทบวงมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัยดังกล่าวทั้งสองแห่ง  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณา
กำหนดแนวทางและบทบาทการดำเนินการในรายละเอียด

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่มี
มติดังนี้ (1) อนุมัติในหลักการตามที่คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศเสนอหลักเกณฑ์การ
ตรวจสอบความจำเป็นและแบบคำชี้แจงความจำเป็นในการตรากฎหมาย และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รับประเด็นอภิปรายของ คกก.6  เกี่ยวกับการตรวจพิจารณากฎหมายมิให้มีการตรากฎหมายโดยไม่มีความจำเป็น
ไปพิจารณาดำเนินการ  แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง  เพื่อจะได้แจ้งเวียนให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ
ต่อไป  ทั้งนี้  เห็นควรกำหนดให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2546  เป็นต้นไป  (2)  เมื่อได้ใช้
หลักเกณฑ์ ฯ ไประยะหนึ่งแล้ว  ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
ระบบราชการ  ว่าจะสมควรนำหลักเกณฑ์ ฯ ไปบรรจุในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเสนอเรื่องต่อคณะ
รัฐมนตรี ฯ  หรือจะสมควรตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
แผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และ (3) ให้ใช้หลักเกณฑ์ ฯ  เฉพาะในส่วนของฝ่ายบริหารซึ่งได้แก่หน่วยงานของ
รัฐที่เสนอให้มีกฎหมาย ยกร่างกฎหมาย และพิจารณากฎหมาย โดยในชั้นนี้ยังไม่จำเป็นต้องเสนอให้รัฐสภาทราบ