คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการดำเนินงานตามแนวนโยบายเบญจวิถี
รองรับนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐของรัฐบาล ประจำเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ได้แก่ (1) การทูต
ทางทหาร (2) การจัดระเบียบชายแดน (3) การเตรียมความพร้อมรบ (4) การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ   และ
(5) การปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอกรณีที่ประเทศไทยได้รับการร้องขอให้ดำเนินการเกี่ยว
กับปัญหาการก่อการร้ายจากประเทศต่าง ๆ ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการหรือตอบสนองต่อคำร้องขอ
ของประเทศอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร  เนื่องจากมีปัญหาข้อขัดข้องในทางกฎหมาย  ทั้งในกรณีที่ยังไม่มี
กฎหมายรองรับโดยตรง   และกรณีที่มีกฎหมายอยู่   กฎหมายดังกล่าวมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมสอดคล้องกับสถาน
การณ์ แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาปรับปรุงอยู่ แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ  จึงให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายวิษณุ
เครืองาม)  รับเรื่องนี้ไปเร่งรัดการพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ต่างประเทศ   สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา   และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง   แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
ต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ  ซึ่งเกิดขึ้นใหม่และได้รับทราบจากการพบปะเจรจากับผู้แทนของ
ประเทศต่าง ๆ ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  656  ร. เรื่อง
การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้านศิลา-นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น  ของนายเปรม
ศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญ
ของคำตอบสรุปได้ว่า (1)  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน มีแผนงานที่จะดำเนินการขุดลอกอ่าง
เก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง  เพื่อแก้ไขปัญหาตื้นเขินของอ่างเก็บน้ำ  สำหรับกรณีอ่างเก็บน้ำห้วยทราย  บ้าน
ศิลา-นาโพธิ์ ตำบลในเมือง  อำเภอบ้านไผ่  จังหวัดขอนแก่น  จะได้พิจารณาดำเนินการขุดลอกตามความเหมาะสม
ของงบประมาณที่ได้ต่อไป  (2)  อ่างเก็บน้ำห้วยทราย  มีถนนลาดยางบนหลังคันทำนบดิน  ยาวรวม  1.120  กิโล
เมตร  และถนนลูกรังทางระบายน้ำฉุกเฉิน (Emergency Spilway) ความยาว 0.215 กิโลเมตร ซึ่งได้รับงบประมาณ
เพื่อบำรุงรักษาตามสภาพการใช้งานเป็นประจำทุกปี ส่วนถนนบนคันคลองส่งน้ำเป็นถนนขนาดเล็กกว้างประมาณ
2.00 เมตร  ผิวจราจรเป็นลูกรัง  ปริมาณจราจรน้อย  จึงไม่มีนโยบายลาดยางถนนบนคันคลองดังกล่าว  และ  (3)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน  มีแผนการถ่ายโอนภารกิจตามการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลบำรุงรักษาและปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดเล็ก รวมทั้งการดูแลทางน้ำประเภทที่
2 ที่มีการคมนาคมร่วมด้วย  ในส่วนของอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง มีระบบส่งน้ำที่
ทางการเกษตรด้านท้ายอ่าง จำนวน 1,100 ไร่  และมีอาคารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตัวเขื่อน จำเป็นที่จะ
ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลและควบคุมอย่างเหมาะสม ซึ่งในอนาคตเมื่อกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีความพร้อม ก็จะมีการพิจารณาถ่ายโอนภารกิจให้ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  973  ร. เรื่อง 
กรณีความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้างโครงการเส้นทางสายพัทยา-มาบตาพุด  ของนายชาญศักดิ์  ชวลิตนิติ
ธรรม  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี   และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป   โดยสาระสำคัญของคำ
ตอบสรุปได้ว่า  กรมทางหลวงได้ออกแบบโครงการก่อสร้างเส้นทางสายพัทยา-มาบตาพุด   เสร็จแล้ว   แต่ยังไม่ได้
ดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากปัญหาข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ ประกอบกับขณะนี้กรมทางหลวงอยู่ระหว่างการ
จ้างบริษัทที่ปรึกษา  เพื่อทำการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ  และวิศวกรรมโครงการก่อสร้างทางหลวง
พิเศษระหว่างเมือง สายชลบุรี-พัทยา ดังนั้น การปรับปรุงทางสายพัทยา-มาบตาพุด  จำเป็นต้องรอให้การดำเนิน
การก่อสร้างทางหลวงพิเศษสายดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน    จึงจะดำเนินการปรับปรุงทางช่วงที่ร้องขอต่อไป
สำหรับการดำเนินการก่อสร้างทางจากแยกโรงเรียนนานาชาติ  (ISR)  เข้าสู่พัทยากลาง    และการดำเนินการก่อ
สร้างถนนบางส่วนเข้าเมืองพัทยาเป็นการเร่งด่วน    ขณะนี้กรมทางหลวงยังไม่มีโครงการที่จะก่อสร้างทางเข้าเมือง
พัทยาเป็นการเร่งด่วน  เนื่องจากปัญหาข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ   ดังนั้น   จึงคงต้องรอดำเนินการไปในคราว
เดียวกับโครงการก่อสร้างทางช่วง พัทยา-มาบตาพุด

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะ
กรรมการบริหารโครงการเงินสนับสนุนจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล  เพื่อการพัฒนากีฬาของชาติ  โดยปรับ
เปลี่ยนชื่อตำแหน่งของกรรมการจำนวน  2  ราย ดังนี้ (1) จากเดิม อธิบดีกรมพลศึกษา เป็น ผู้อำนวยการสำนัก
งานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ และ (2) จากเดิม ประธานคณะกรรมการกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
เป็น ประธานกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย  ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่
คงเดิม

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2541 เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร โดยเห็นชอบ
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ซึ่งขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่ให้นำของกลางมาจำหน่ายและเพื่อไม่
ให้สินค้าเวียนกลับเข้ามาจำหน่ายในท้องตลาดได้อีก    ควรให้กรมศุลกากรนำมาจำหน่ายให้องค์การคลังสินค้า
เพื่อจัดจำหน่ายให้กับส่วนราชการ และองค์การสาธารณประโยชน์ต่าง  ๆ  หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสม  ทั้งนี้ ให้
สามารถจำหน่ายของกลางได้ทันที  เพื่อไม่ให้เป็นภาระในการเก็บรักษาและเกิดการสูญเสียน้ำหนักในระหว่างที่
คดียังไม่สิ้นสุด    และให้ดำเนินการตามมติการประชุมคณะอนุกรรมการการจัดการผลิตและการตลาดกระเทียม
หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ครั้งที่ 3/2541 วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2541 ซึ่งมีมติให้กรมศุลกากรดำเนินการ
จำหน่ายของกลางที่จับกุมได้ทันที  ทั้งนี้  กระทรวงการคลัง  (กรมศุลกากร)  จะต้องมีมาตรการป้องกันมิให้ของ
กลางที่จำหน่ายกลับเข้ามาหมุนเวียนในท้องตลาดได้อีกเพื่อมิให้ส่งผลกระทบถึงเกษตรกรผู้ผลิตภายในประเทศ

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยา
เสพติด (เดือนมีนาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การดำเนินงานด้านนโยบายและแนวทางการกำกับ  ติดตาม  ได้
จัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกันและแก้ปัญหาสารเสพติดในสถานศึกษา ประจำจังหวัดทุกจังหวัด ที่สำนักงาน
ศึกษาธิการจังหวัด  เพื่อกำกับติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ
ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด   โดยจัดทีมสารวัตรนักเรียนมาปฏิบัติงานในการรับแจ้งข้อมูลที่มีนักเรียน   นักศึกษา 
และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และข้อมูลผู้เสพ ผู้ค้า  โดยประสานการดำเนินงานกับสำนักงานตำรวจแห่ง
ชาติในการลงพื้นที่ติดตามทุกรายที่ได้รับข้อมูล   พร้อมทั้งจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำรูปแบบการ
ดำเนินงานและแนวทางในการปฏิบัติงาน   โดยได้จัดทำแผนงานโครงการ และกิจกรรมให้แก่สถานศึกษาในปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547  เพื่อให้สถานศึกษาปลอดยาเสพติดภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2546  (2)  การ
ดำเนินงานด้านการสำรวจสภาพการใช้สารเสพติดในสถานศึกษา ได้มีการปรับปรุงแบบสรุปรายงานสภาพการ
ใช้สารเสพติดในสถานศึกษา โดยสรุปแยกนักเรียน นักศึกษา ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่ม
ผู้เสี่ยง กลุ่มผู้เสพ กลุ่มผู้ติด และกลุ่มผู้สงสัยว่าค้ายา  โดยกำหนดการรายงานผลการสำรวจออกเป็น 2 ช่วง  คือ
1  มีนาคม  และ  30  กันยายน  นอกจากนี้  กระทรวงศึกษาธิการ  ได้สั่งการให้กรมและสถานศึกษาดำเนินการ
กรณีพบข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดเกี่ยวข้องกับการผลิต   การค้ายาเสพติด    และให้ผู้บริหารแต่ละระดับ
ตรวจสอบ   กำกับ   ติดตาม   กรณีที่พบว่ามีครูอาจารย์  และบุคลากรในหน่วยงานและสถานศึกษาเกี่ยวข้องกับ
ยาเสพติด อย่างใกล้ชิด  และจริงจังเพื่อให้มีข้อมูลเป็นปัจจุบัน  รวมทั้งการดำเนินงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยว
ข้องกับยาเสพติด และการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันและการเฝ้าระวัง

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7  (คกก.7)  ที่มี
มติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย  (พ.ศ. 2546-2550)  และ
ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์ที่ 4 มาตรการ
ที่ 6 การปรับปรุงสมรรถนะของศูนย์พัฒนาและโอนถ่ายบุคลากรภาครัฐ รวมทั้งจัดให้มีตำแหน่งทดแทนหรือสำรอง
ราชการเพื่อประโยชน์ในการหมุนเวียน   โอนย้าย    และพัฒนาข้าราชการ    ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ข้าราชการที่
ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โอนย้ายมาอยู่ที่ศูนย์  ฯ  และส่งไปพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ
ทัศนคติ  คุณธรรม  และจริยธรรม  ที่ศูนย์พัฒนาข้าราชการของสำนักงาน ก.พ. แล้วจึงส่งกลับมาปฏิบัติราชการตาม
เดิม  และหากข้าราชการผู้ใดไม่สามารถปรับปรุงพัฒนาตนเองให้สามารถปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพได้ อาจพิจารณา
สั่งให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ หรือให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนได้ตามแนวทางของมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 เรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (การสำรองราชการข้าราชการ
ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด) และ (2)  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  6  พฤษภาคม  2546  ที่เห็นชอบให้ผู้ว่าราชการ
จังหวัดและเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศทั้งหมดเป็นผู้บริหารสูงสุด  (Chief  Executive  Officer-CEO)  และใช้
การบริหารแบบบูรณาการ ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2546  เป็นต้นไป นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและเอกอัครราชทูตจะ
ต้องทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุด และเป็นเจ้าภาพดูแลรับผิดชอบดำเนินการ ประสาน  หรือติดตามการดำเนินงาน
ด้านต่าง ๆ โดยมีการประชุมหารือกับฝ่ายต่าง ๆ  ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการและการ
ป้องกันแก้ไขปัญหาต่าง  ๆ   บรรลุผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง   และหากการดำเนินการเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน
และเกินขีดความสามารถ  หรือกรอบอำนาจที่จะดำเนินการได้  ก็ให้รีบแจ้งให้หน่วยงานส่วนกลางทราบเพื่อดำเนิน
การต่อไป  ทั้งนี้ ในส่วนของผู้แทนทางการค้าของไทย  (Thailand  Trade  Representative-TTR)  ซึ่งจะต้องทำงาน
เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างประเทศด้วย นั้น ให้ถือว่า  TTR  เป็นเสมือนผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรีในการประสานงานที่
เกี่ยวข้องกับเอกอัครราชทูตและรัฐมนตรีทุกท่าน  เพื่อแสวง   รักษา   และปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจการค้าของ
ประเทศ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอมติ ก.พ.ร. ครั้งที่ 
4/2546  เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2546  เรื่อง  การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน
และให้ดำเนินการต่อไปได้  ดังนี้  (1)  ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาและดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการ
ปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนลง  30 - 50 %  จากที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน    และให้มีผลในทางปฏิบัติก่อนเดือน
ตุลาคม  2546  (2)  ให้ส่วนราชการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร.  เลือกกระบวนงานหลัก 3 - 5 กระบวนงาน  ซึ่ง
เป็นงานที่ประชาชนใช้บริการมาก  มีผลกระทบกับประชาชนและเป็นงานที่ประชาชนร้องเรียนมาก  เพื่อให้ส่วน
ราชการดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ (3) ส่วนราชการที่มีงานบริการประชาชนแต่
ยังไม่มีการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการมาก่อน ให้กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติ
ราชการ    รวมทั้งต้องดำเนินการตามมาตรการนี้ด้วย  (4)  กรณีการให้บริการประชาชนที่มีความเชื่อมโยงกัน
หลายส่วนราชการ  ให้สำนักงาน  ก.พ.ร.  ประสานงานกับส่วนราชการดังกล่าว เพื่อร่วมกันปรับปรุงการลดขั้น
ตอน และระยะเวลาการปฏิบัติราชการ  ฯ   รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนในรูปของ
ศูนย์บริการร่วมด้วย  (5)  ส่วนราชการใดที่เห็นว่าได้ปรับปรุงขั้นตอน และระยะเวลาไว้ดีแล้ว หรือไม่อาจลดขั้น
ตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการตามมาตรการนี้ได้ ให้ชี้แจงเหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าขั้นตอน
และระยะเวลาปฏิบัติราชการที่กำหนดไว้เดิมเหมาะสมแล้ว   ทั้งนี้   ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ
ด้วย (6) ให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับกับกระทรวง ทบวง  กรม  รัฐวิสาหกิจ  องค์การมหาชน  และหน่วย
งานอื่นของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของรัฐบาล รวมทั้งให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามมาตรการนี้
ด้วย (7) ให้แต่ละส่วนราชการพยายามยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการปรับปรุงการ
อำนวยความสะดวก  และฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการให้มุ่งเน้นในการให้บริการประชาชน    และ  (8)  ให้
สำนักงาน  ก.พ.ร.  นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีมีมติสั่งการให้ส่วนราชการจัดทำข้อเสนอและแนวทางการลด
ขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ ตามมาตรการดังกล่าว เสนอต่อ ก.พ.ร. ภายใน 30 วันทำการ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่สำนักงบประมาณเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุง
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ของส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงาน  กรณีส่วนราช
การ รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงาน  ขอปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายภายในกรอบวงเงินกระทรวง/ทบวง
รวมทั้งกรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงาน ของบประมาณเพิ่มเติมนอกกรอบวงเงินที่ได้รับ ทั้งนี้ ให้สำนัก
งบประมาณรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วย ดังนี้  (1)  งบประมาณ ฯ ของกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ในส่วนของโครงการปลูกป่าเศรษฐกิจ   ควรปรับชื่อเป็น  โครงการปลูกยางเพื่อยกระดับรายได้
และความมั่นคงให้กับเกษตรกรในแหล่งปลูกยางใหม่ระยะที่ 1 เนื่องจากเป็นโครงการเดียวกัน  (2) งบประมาณ ฯ
ของกระทรวงสาธารณสุขในส่วนของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า  30  บาท  รักษาทุกโรค      ซึ่งสำนัก
งบประมาณได้จัดสรรวงเงินงบประมาณตามค่าใช้จ่ายต่อหัวของผู้ป่วยให้ในลักษณะประมาณการ  เพราะไม่ต้องให้
นำเงินงบประมาณมาตั้งรอจ่ายโดยไม่จำเป็น    ประกอบกับวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายจริงยังขึ้นอยู่กับจำนวน
ประชากรที่เข้าร่วมโครงการ จึงขอให้สำนักงบประมาณตรวจสอบและพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  373  เรื่อง โรงเรียน
หนองบัวพิทยาคม ตำบลหนองบัว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ไม่มีอาคารเรียน ของนายสมชัย  ฉัตรพัฒนศิริ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา และกระทู้ถามที่ 375 เรื่อง การพัฒนาค่ายลูกเสือ เนตรนารี และ
ยุวกาชาด ของนายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ  และมอบให้รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร  โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่  373  สรุปได้
ว่า โรงเรียนหนองบัวพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา ได้ประกาศจัดตั้งเมื่อปี 2542 โดยยกฐานะจากสาขาของโรง
เรียนปรางค์ทองวิทยา ปัจจุบันมีนักเรียน 313 คน กรมสามัญศึกษาได้เสนอขอตั้งงบประมาณในปี  พ.ศ. 2547
เป็นค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 216 ล. ปรับปรุง 46  จำนวน 1 หลัง  (16 ห้องเรียน)  วงเงิน 11,500,000  
บาท  สำหรับอาคารหอประชุม - โรงอาหารและอาคารฝึกงานจะเสนอตั้งงบประะมาณในปี  พ.ศ. 2548   และ
กระทู้ถามที่  375  สรุปได้ว่า  รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาการเข้าค่ายของลูกเสือ  เนตรนารี  ยุวกาชาด  ด้วยการ
ใช้กิจกรรมเป็นยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนาเยาวชน  และการใช้กิจกรรมค่ายพักแรมเป็นกิจกรรมหลักของลูก
เสือ  ฯ   และการปรับปรุงกิจกรรมค่ายพักแรมให้ทันสมัยสอดคล้องกับความสนใจของเยาวชนรุ่นใหม่   รวมทั้ง
ให้มีการบริหารจัดการค่ายลูกเสือให้เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม  โดยเน้นให้มีการบริหารจัดการค่าย
ตามสภาพและลักษณะของค่าย สำหรับมาตรการดูแลป้องกันอุบัติเหตุและรักษาความปลอดภัยในระหว่างการ
ดำเนินกิจกรรมค่ายพักแรม มีดังนี้  (1)  แจ้งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ  ว่าด้วยการพานักเรียน  นิสิต  และ
นักศึกษาไปนอกสถานที่  พ.ศ. 2504    ซักซ้อมความเข้าใจและแนวปฏิบัติให้สถานศึกษาทุกแห่งถือปฏิบัติโดย
เคร่งครัด  (2)  ต้องได้รับการอนุญาตให้นำลูกเสือ ฯ ไปเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรมจากผู้มีอำนาจอนุญาต
แล้วแต่กรณีเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า  15  วัน   และ  (3)  สมาชิกยุวกาชาดที่ไปอยู่ค่ายพักแรมจะต้องได้รับ
ความยินยอมจากผู้ปกครองและได้รับอนุญาตจากต้นสังกัดก่อน รวมทั้งผู้บังคับบัญชาต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อ
ป้องกันมิให้เกิดอันตรายและควรให้มีการประกันชีวิตด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีวันที่
21 กุมภาพันธ์ 2538 เรื่อง  การปรับปรุงแนวทางการดำเนินคดีของกรมศุลกากร  กรณีการลักลอบนำเข้าน้ำมัน
เชื้อเพลิง  ซึ่งเป็นการปรับปรุงให้ระงับคดีตามกฎหมายศุลกากรได้  โดยไม่ต้องฟ้องดำเนินคดีทุกรายไป  โดยวาง
กฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติในการขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร เพื่อให้สัมพันธ์กับโทษที่จะได้รับ  เช่น  มี
ไว้ในครอบครองเพื่อนำไปใช้ (โดยระบุปริมาณ) มีไว้ในครอบครองเพื่อนำไปจำหน่าย เป็นต้น

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่  735  ร. เรื่อง  
โครงการปรับปรุงถนนคันกั้นน้ำเค็มช่วงบางแก้ว-บางขุนไทร  อำเภอบ้านแหลม  จังหวัดเพชรบุรี  ของนายอลง
กรณ์  พลบุตร  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป   โดยสาระ
สำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการปรับปรุงถนนบนคัน
กั้นน้ำเค็มช่วง  บางแก้ว-บางขุนไทร  อำเภอบ้านแหลม  จังหวัดเพชรบุรี   แล้วเมื่อปี  พ.ศ. 2543   งบประมาณ 
24.08  ล้านบาท ปี พ.ศ. 2544  งบประมาณ  21.90  ล้านบาท   ส่วนปี พ.ศ. 2545  และปี พ.ศ. 2546  ไม่ได้
รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนสายดังกล่าว  ปัจจุบันคงเหลือระยะทางที่ยังไม่ได้ปรับปรุง  9+965
กิโลเมตร กรมชลประทานได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้จัดเข้าแผนงานปรับปรุงระบบ
ชลประทานเพื่อขอรับงบประมาณดำเนินการก่อสร้างต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่
คณะกรรมการควบคุมราคากลาง และหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคา
กลางงานก่อสร้าง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอีก 19 คน โดย
มีผู้อำนวยการสำนักพัฒนามาตรฐานระบบพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการ และเพิ่ม
เติมอำนาจหน้าที่ ดังนี้ (1) กำหนดรายละเอียดประกอบหลักเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง และ
จัดทำคู่มือการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง สำหรับให้หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ถือปฏิบัติ และ (2) ปรับปรุง
หลักเกณฑ์และรายละเอียดประกอบในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างให้มีความเหมาะสม เป็นไปตามหลัก
การทางวิชาการ และสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับรายละเอียดหรืออำนาจหน้าที่ใด ๆ ที่
กำหนดในรายละเอียดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม
2544 ซึ่งกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) ให้เปลี่ยน
แปลงเป็น ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง
ประเทศเป็นผู้ลงนามในความตกลงว่าด้วยการก่อสร้าง กรรมสิทธิ์   การบริหาร   การบำรุงรักษา   และการใช้
สะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 2  และให้มีการปรับปรุงถ้อยคำใด ๆ  ในร่างความตกลงฉบับนี้ได้หากไม่
กระทบถึงสาระสำคัญของร่างความตกลงดังกล่าว

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ
จัดทำข้อมูลกำลังแรงงาน การมีงานทำและการว่างงาน โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม   ดังนี้  (1)  ปลัดกระทรวง
แรงงานและสวัสดิการสังคม หรือผู้แทน ประธานกรรมการ เปลี่ยนเป็น รองปลัดกระทรวงแรงงาน ที่รับผิดชอบ
กรมการจัดหางาน ประธานกรรมการ (2) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพัฒนาการพาณิชย์ สำนักงาน
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทน  กรรมการ  เปลี่ยนเป็น  ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจการพาณิชย์
สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทน กรรมการ (3)  ผู้อำนวยการสำนักวิชาการแรงงานและสวัสดิการ
สังคม  สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม หรือผู้แทน  กรรมการ  เปลี่ยนเป็น  ผู้อำนวยการ
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน หรือผู้แทน  กรรมการ  (4) ผู้อำนวยการกอง
บริหารตลาดแรงงาน  กรมการจัดหางาน  กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ   เปลี่ยนเป็น  ผู้อำนวยการกองวิจัย
ตลาดแรงงาน กรมการจัดหางาน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (5) หัวหน้ากลุ่มงานประเมินกำลังคน  กอง
วางแผนทรัพยากรมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วย
เลขานุการ เปลี่ยนเป็น ผู้อำนวยการส่วนนโยบายประชากรและกำลังแรงงาน  สำนักพัฒนาสังคมและคุณภาพ
ชีวิต สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ  และ (6) 
ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ  ธนาคารแห่งประเทศไทย  หรือผู้แทน  กรรมการ  เปลี่ยนเป็น ผู้อำนวยการอาวุโส
ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน กรรมการ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ  พ.ศ. 2547  เนื่องจากขณะนี้การจัดทำงบประมาณ ฯ  พ.ศ. 2547  ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว   จึงจำเป็นต้องตั้ง
งบประมาณสำหรับแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น   จำนวน  30,000  ล้านบาท   ไว้ที่กระทรวงมหาดไทย   ตามที่สำนักงบ
ประมาณได้ดำเนินการไว้แล้วแต่ขอให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) 
ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 
พ.ศ. 2542 เป็นผู้พิจารณาทางด้านนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการกระจายอำนาจ ฯ เช่น การปรับปรุงสัด
ส่วนภาษีอากร  รายได้ระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกัน
เอง เป็นต้น สำหรับในปีต่อ ๆ ไป กกถ. จะรับไปพิจารณาวางระบบเพื่อกำหนดหน้าที่ระหว่าง กกถ. และกระทรวง
มหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ให้ชัดเจน  เพื่อให้มีการตั้งงบประมาณที่สอดคล้องกับภาระหน้าที่
ต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการปรับปรุงการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545  ดังนี้  (1)  สำนักนายก
รัฐมนตรี โอนงบประมาณจาก สำนักงาน ก.พ. จำนวน 58,517,700 บาท ไปให้  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
ระบบราชการ  และ (2) กระทรวงสาธารณสุข  โอนงบประมาณจาก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน
19,496,200  บาท  และกรมการแพทย์ จำนวน 1,762,100 บาท  ไปให้ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการ
แพทย์ทางเลือก      โดยให้ส่วนราชการบริหารงบประมาณภายในวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2546  ที่ได้รับ  พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
งบประมาณต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (พลเอก ชวลิต  ยงใจยุทธ)  ประธานคณะกรรมการ
พัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเสนอการปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาลุ่ม
น้ำทะเลสาบสงขลา  ได้แก่  (1)  องค์ประกอบ เพิ่ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย  (นายวีระ  มุสิกพงศ์)
เป็นกรรมการ  และ  (2)  อำนาจหน้าที่ เปลี่ยนแปลงจากเดิม "1. เสนอแนวนโยบายและทิศทางการอนุรักษ์  ฟื้นฟู
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา" เป็น "1. เสนอแนวนโยบาย
และทิศทางการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
โดยให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน"

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินเอา
ประกันภัย ตามชนิด ประเภท และขนาดของรถ พ.ศ. ....  และร่างกฎกระทรวงกำหนดความเสียหายที่จะได้รับค่า
เสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น การร้องขอรับและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น พ.ศ. ....  รวม  2
ฉบับ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้   โดยสาระสำคัญ
ของร่างกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว  เป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2540) ออกตามความ
ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535  กรณีการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ตามชนิด
ประเภท และขนาดของรถ เพื่อปรับเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ
อย่างถาวร จากจำนวน 80,000 บาทต่อคน  เป็นจำนวน  100,000  บาทต่อคน  รวมทั้งปรับปรุงกฎกระทรวง
ฉบับที่ 12  (พ.ศ. 2540)  ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ  พ.ศ. 2535  กรณีการ
กำหนดความเสียหายที่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น  จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น  การร้องขอรับและการจ่าย
ค่าเสียหายเบื้องต้น   โดยปรับเพิ่มจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้นในกรณีเสียชีวิต จากจำนวน 15,000 บาทต่อ
คน เป็นจำนวน 35,000 บาทต่อคน