ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 212 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 4221 - 4240 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4221 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 872 ร. เรื่อง ขอให้สร้างสะพานข้ามถนนพระราม 2 และขยายถนนบางขุนเทียน - ชายทะเล | สผ | 01/07/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 872 ร. เรื่อง
ขอให้สร้างสะพานข้ามถนนพระราม 2 และขยายถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ของนายสากล ม่วงศิริ สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 สำนักการโยธากรุงเทพมหานครได้เสนอโครงการก่อสร้างสะพานข้ามถนนพระราม ที่ 2 (ช่วง กม.7) ในวงเงินงบประมาณ 220 ล้านบาท โดยเสนอของบประมาณเงินอุดหนุนจากรัฐบาลร้อยละ 40 และจากงบประมาณของกรุงเทพ ฯ ร้อยละ 60 หากได้รับอนุมัติงบประมาณ ก็สามารถก่อสร้างได้ทันที ทั้งนี้ กรุงเทพ ฯ ได้มอบหมายให้สำนักการโยธา ทำการปรับปรุงซ่อมแซมถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ช่วงที่ 2 เพื่อ ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา และได้ปรับปรุงเป็นการถาวรโดยยกระดับคันทางให้สูงพ้นระดับน้ำ และ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 สำนักการโยธา กรุงเทพ ฯ ได้นำเสนอโครงการปรับปรุงถนนบางขุนเทียน-ชาย ทะเล จากถนนพระรามที่ 2 ถึงคลองตาแพ (ช่วงที่ 2) ในวงเงินงบประมาณ 354 ล้านบาท หากได้รับอนุมัติงบ ประมาณก็สามารถก่อสร้างให้เสร็จได้ภายใน 24 เดือน |
||||||||||||||||||
| 4222 | กระทู้ถามที่ 1090 ร. เรื่อง การก่อสร้างลาดยางถนนสายบ้านน้ำผุด - บ้านไสเดือย อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง | สผ | 01/07/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1090 ร. เรื่อง การก่อสร้าง
ลาดยางถนนสายบ้านน้ำผุด-บ้านไสเดือย อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ของนายสุวรรณ กู้สุจริต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า ถนนสายบ้านน้ำผุด-บ้านไสเดือย อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ระยะทางตลอดสาย 20.006 กิโลเมตร ปัจจุบันได้ก่อสร้างเป็นถนนลาดยาง ผิวจราจรกว้าง 6.00 เมตร ระยะทาง 4.500 กิโลเมตร (ช่วง กม. 0+000-4+500) แล้ว และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 กระทรวงคมนาคมได้รับงบก่อสร้างเป็นถนนลาดยาง เพิ่มเติมอีก 400 เมตร โดยจะก่อสร้างในช่วง กม.19+606-กม.20+006 ก่อน และหากได้รับกรอบงบประมาณใน ปี พ.ศ. 2547 ที่มากเพียงพอ จะสามารถดำเนินการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวให้มีสภาพการใช้งานได้ดีต่อไป |
||||||||||||||||||
| 4223 | กระทู้ถามที่ 1095 ร. เรื่อง การปลูกฝังศีลธรรมและจริยธรรมที่ดีงามให้เยาวชน | สผ | 01/07/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1095 ร. เรื่อง การปลูก
ฝังศีลธรรมและจริยธรรมที่ดีงามให้เยาวชน ของนายศิริ หวังบุญเกิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงศึกษาธิการได้ มอบให้กรมวิชาการดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ และให้โรงเรียนร่วมพัฒนาการใช้หลักสูตร ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยมุ่งเน้นการปลูกฝังศีลธรรมและจริยธรรมที่ดีงามต่อเยาวชนไว้ในหลัก สูตรและกำหนดเป็นเนื้อหาสาระ ตลอดจนแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งศาสนาพุทธและศาสนา ที่ตนนับถือ ซึ่งต่อมาได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 แต่เนื่องจากมีปัญหาในทาง ปฏิบัติ คือ ครูผู้สอนส่วนใหญ่มักจะละเลยกิจกรรมภาคปฏิบัติ ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจะได้เน้นกิจกรรมการ เรียนการสอนโดยฝึกปฏิบัติการใช้สื่อรอบตัวเด็กเป็นบทเรียนเพื่อให้เด็กเรียนรู้ถึงหลักธรรมได้ในที่สุด (2) หลัก สูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 สถานศึกษาต้องจัดการเรียนรู้ตามสภาพของชุมชนท้องถิ่นของตน และจะต้องประสานสัมพันธ์ และร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชน ให้การพัฒนาคุณภาพการ ศึกษาให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนส่งเสริมด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทั้งในสถานศึกษาและนอกสถาน ศึกษาด้วย และ (3) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 จะเป็นแกนกลางของการจัดการศึกษา ของประเทศ มีจุดประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดีมีปัญญา มีชีวิตคุณภาพที่ดี มีขีดความ สามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความ สุขได้บนพื้นฐานของความเป็นไทยและความเป็นสากล โดยได้กำหนดสาระการเรียนรู้หลักสูตร ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ คุณลักษณะและค่านิยมคุณธรรมและจริยธรรมของผู้เรียน เป็น 8 กลุ่ม |
||||||||||||||||||
| 4224 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินในคดีมโนสาเร่ พ.ศ. .... | ศย | 01/07/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
จำนวนเงินในคดีมโนสาเร่ พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นการปรับปรุงจำนวนเงินหรือจำนวนทุนทรัพย์ ในคดีมโนสาเร่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 189 ให้สอดคล้องกับจำนวนทุนทรัพย์ที่ กำหนดให้อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 ดังนี้ (1) คดีที่มี คำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่เกินสามแสนบาท และ (2) คดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสามหมื่นบาท |
||||||||||||||||||
| 4225 | ร่างนโยบายและแผนระดับชาติ เรื่อง การป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ | พม | 01/07/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างนโยบายและแผนระดับชาติ เรื่อง การป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ โดยให้รับข้อสังเกตของที่ ประชุม คกก.6 ไปพิจารณาปรับปรุง ดังนี้ (1) (ร่าง) นโยบายและแผน ฯ ดังกล่าว ในส่วนของการจัดกลุ่มหน่วย งานที่รับผิดชอบการดำเนินงาน ควรปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมายปฏิรูประบบราชการ และการแปลงแผนใน แต่ละแผน ควรกำหนดภารกิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบในแผนปฏิบัติการให้ชัดเจน (2) ควรมีการกำหนดกลไก การประสานงาน การติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ และมีการทบทวนแผนเป็นประจำทุก 1 ปี เพื่อให้ การแก้ไขปัญหาได้ทันการณ์ (3) ในแผนประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ กิจกรรมที่กำหนดเป็นแผนระยะ ยาวควรปรับเป็นแผนระยะสั้น และการกำหนดระยะเวลาของแผนควรกำหนดให้เป็นหลักสากลว่า เป็นแผนระยะ กี่ปีไม่ควรกำหนดเป็นระยะสั้น/ระยะยาว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ นำ (ร่าง) นโยบายและแผน ฯ ดังกล่าวไปปรับปรุงให้ถูกต้องก่อนเพราะในบางแผนมีหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยในส่วนของหน่วยงาน ที่รับผิดชอบที่จะต้องทำการปรับปรุงในแต่ละภารกิจให้เป็นปัจจุบันและถูกต้อง ให้เพิ่ม "การดำเนินการยึดทรัพย์" ไว้ในแผนด้วย |
||||||||||||||||||
| 4226 | กระทู้ถามที่ 1053 ร. เรื่อง ประโยชน์และผลกระทบจากโครงการขุดคอคอดกระ ในด้านเศรษฐกิจการคลัง | สผ | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1053 ร. เรื่อง ประโยชน์และ
ผลกระทบจากโครงการขุดคอคอดกระในด้านเศรษฐกิจการคลัง ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงการ คลังมีนโยบายสนับสนุนการจัดทำโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระขั้นสมบูรณ์ หากผลการศึกษา ความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระออกมาในเชิงบวก (2) กระทรวงการคลังได้ร่วมเป็นคณะกรรมการแห่งชาติศึกษา ความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ คณะอนุกรรมการแห่งชาติบริหารโครงการศึกษา ฯ คณะอนุกรรมการด้าน การเงินและการลงทุน และคณะอนุกรรมการด้านการระดมทุนและบริหารการเงิน ในการกำหนดขอบเขตโครงการ ศึกษา ฯ การยกร่าง Terms of Reference (TOR) เพื่อทำการศึกษาขั้นสมบูรณ์ (Full Feasibility Study : FS) และ การพิจารณาแนวทางระดมทุนเพื่อการดำเนินโครงการศึกษา ฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาเป็นเขต เศรษฐกิจพิเศษ โดยภาครัฐจะรับผิดชอบดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการบริหารจัดการจะเป็นหน้าที่ของภาค เอกชน และจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในรายละเอียดหลังจากผลการศึกษาแล้วเสร็จ และ (3) โดยที่โครงการนี้จะนำ ไปสู่การพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้การจัดเก็บภาษีอาจมีความแตกต่างจากการประกอบธุรกิจโดยทั่วไป ในระดับหนึ่ง กระทรวงการคลังจึงจะนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในกระบวนการจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น รวมทั้งจะดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้สอดรับกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น หากมีการดำเนินโครง การขุดคอคอดกระจะไม่มีปัญหาใด ๆ ในการเตรียมการรองรับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น |
||||||||||||||||||
| 4227 | การปรับปรุงแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2544 | นร | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสมาชิกสภาที่ปรึก ษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2544 และให้แจ้งสำนักงานสภาที่ปรึกษา ฯ ทราบต่อไป ดังนี้ (1) ค่าเบี้ย ประชุม ให้คงค่าเบี้ยประชุมเหมาจ่ายรายเดือนให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุม ฯ (2) ค่าที่พักและค่า ใช้จ่ายในการเดินทาง ให้เทียบตำแหน่งตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุม ฯ เช่นเดิม และ (3) ค่าตอบแทนของ คณะทำงานที่สภาที่ปรึกษา ฯ แต่งตั้ง ให้คณะทำงานซึ่งมิใช่ข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานสภาที่ปรึกษา ฯ ได้รับค่าตอบแทนในอัตราคนละไม่เกิน 1,000 บาท ต่อครั้งที่มาประชุม ทั้งนี้ ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท ตาม ความเห็นของกระทรวงการคลัง เนื่องจากคณะทำงานต้องปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเป็นภาระและใช้เวลาเป็นอย่างมาก ใน การประสานงานและระดมความคิดเห็นจากองค์กรเครือข่าย เพื่อให้ได้รับความเห็นและข้อเสนอแนะที่สะท้อนมา จากภาคประชาชนอย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||
| 4228 | การประกาศใช้มาตรฐานแรงงานไทย ความรับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจไทย | รง | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการประกาศใช้มาตรฐานแรงงานไทย ความ
รับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจไทย ที่คณะกรรมการบริหารมาตรฐานแรงงาน ซึ่งเป็นคณะกรรมการไตรภาคีดำเนิน การสร้างมาตรฐานแรงงานไทยเสร็จแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สถานประกอบกิจการนำไปพัฒนาในสถาน ประกอบกิจการของตนโดยสมัครใจเพื่อลดข้อกีดกันทางการค้า มีสถานประกอบกิจการส่งออกเป็นกลุ่มเป้าหมาย รวม 12,128 แห่ง ซึ่งสถานประกอบกิจการทุกประเภทและทุกขนาดสามารถนำมาตรฐานแรงงานไทยดังกล่าวไป พัฒนาให้เกิดประโยชน์ในสถานประกอบกิจการของตนได้ ทั้งนี้ มาตรฐานแรงงานไทยแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ (1) ระบบการจัดการแรงงาน เป็นระบบการจัดการคุณภาพ เพื่อประกันว่าการปฏิบัติต่อแรงงานจะสอดคล้องกับ ข้อกำหนดอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และ (2) สิทธิแรงงานและการคุ้มครอง ซึ่งมีเนื้อ หาอ้างอิงมาจากอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) โดยอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายแรงงานที่ บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งข้อกำหนดเพิ่มเติมอื่นที่รวมอยู่ในเงื่อนไขทางการค้าด้วย |
||||||||||||||||||
| 4229 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2545 | ทส | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2545 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2545 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรอง แล้ว ประกอบด้วย เรื่องเพื่อทราบ 1 เรื่อง ได้แก่ การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการนโยบายแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้งที่เกิดจากการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง ได้แก่ การพิจารณาให้สัตยา บันต่อพิธีสารเกียวโต เรื่องเพื่อพิจารณา 3 เรื่อง ได้แก่ การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาผลกระทบ สิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัย การปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่ ชุ่มน้ำ การกำหนดค่ามาตรฐานการระบายสารปรอทจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทเตาเผามูลฝอย และเรื่อง อื่น ๆ 1 เรื่อง ได้แก่ การมอบหมายให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ในฐานะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการแทนคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เกี่ยว กับคดีหมายเลขดำ ที่ 304/2544 |
||||||||||||||||||
| 4230 | รายงานผลการทบทวนโครงการปรับปรุงและพัฒนาทางหลวงตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 | กค | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการทบทวนโครงการปรับปรุงและพัฒนาทางหลวงตามมติคณะกรรมการ กลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ดังนี้ (1) พิจารณาผลการทบทวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบ ด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ถึงความจำเป็นในการกู้เงินจากธนาคารโลก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ได้ร่วมพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายของโครงการ โดยมีการปรับลดวงเงินงบประมาณลงจากเดิมจำนวน 72.20 ล้าน เหรียญสหรัฐ คงเหลือ 61.26 ล้านเหรียญสหรัฐ และปรับลดวงเงินกู้ลงจากเดิมจำนวน 100.00 ล้านเหรียญสหรัฐ คงเหลือ 84.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (2) เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว ให้ใช้วงเงินของโครงการดังกล่าวที่ยังกู้ไม่เต็ม วงเงินตามที่บรรจุไว้ในแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 และ (3) ให้ความเห็น ชอบในเงื่อนไขของสัญญากู้เงินระหว่างรัฐบาลไทยและธนาคารโลก ตามนัยหนังสือรายงานผลการเจรจากู้เงินของ กระทรวงการคลัง ด่วนมาก ที่ กค 0903/19971 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2545 โดยมีวงเงินกู้จากธนาคารโลกไม่ เกิน 84.29 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมาย เป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องในนามราชอาณาจักรไทย |
||||||||||||||||||
| 4231 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรการป้องกันการพังทลายของดินในการขุดดินหรือถมดินตามกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน พ.ศ. .... | มท | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ที่มีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรการป้องกันการพังทลาย ของดินในการขุดดินหรือถมดินตามกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของ คกก.3 เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง ฯ ยังมีความ ไม่ชัดเจนในแง่ของมาตรการป้องกันอันตรายอันอาจจะเกิดจากการขุดดินหรือถมดิน ในส่วนของการทำราวกั้น หรือล้อมรั้วบริเวณปากบ่อดิน ควรกำหนดประเภทและขนาดของวัสดุที่จะนำมาใช้ ส่วนการติดตั้งสัญญาณไฟ เตือนอันตรายควรกำหนดค่าของความสว่างให้ชัดเจนเป็นมาตรฐานสากล และเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน และให้เกิดความปลอดภัยในการขุดดิน รวมทั้งเป็นการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้เป็นระเบียบ เรียบร้อย สวย งาม ควรกำหนดให้มีการขุดในลักษณะลาดเท ปรับขอบบ่อให้เรียบ และปลูกหญ้าคลุมดินให้เป็นระเบียบเรียบ ร้อยสวยงาม นอกจากนี้ ควรกำหนดบริเวณหรือพื้นที่ที่ห้ามขุดดินหรือถมดิน โดยให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณากำหนดบริเวณพื้นที่ โดยออกเป็นกฎกระทรวงเฉพาะเรื่อง และให้สำนักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ไปพิจารณา ปรับปรุงร่างกฎกระทรวงให้เหมาะสมด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
| 4232 | รายงานผลการดำเนินโครงการสนับสนุนวิจัย พัฒนาและวิศวกรรมภาคเอกชน | วท | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีแห่งชาติ รายงานผลการดำเนินโครงการสนับสนุนวิจัย พัฒนาและวิศวกรรมภาคเอกชน สรุปได้ดังนี้ (1) การบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ประกอบการมากกว่าร้อยละ 94 สามารถดำเนินงานได้บรรลุผลสำเร็จตามโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี พบว่า ผู้ประกอบการมีการจ้างบุคลากรวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 5 คนต่อกิจการ เป็น 8 คนต่อกิจการ ผู้ประกอบการมีการใช้จ่ายงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 2.7 ล้านบาทต่อ กิจการ เป็น 5.4 ล้านบาทต่อกิจการ ซึ่งนับว่าเพิ่มสูงขึ้น (2) ก่อให้เกิดผลได้ทางด้านเศรษฐกิจแก่ผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ลดลง คุณภาพของสินค้าดี ขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากการทำวิจัย (3) ผลกระทบที่ผู้ประกอบการได้รับทางด้านวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยี การดำเนินโครงการ ฯ ได้ส่งผลที่สำคัญในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยประโยชน์ที่ผู้ประกอบการ ได้รับคือ การมีผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นใหม่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นใหม่ กระบวนการ ผลิตใหม่หรือที่ได้ปรับปรุง ระดับความรู้หรือ know-how ที่ได้รับจากการวิจัย และผลต่อเนื่องอื่นที่เกิดจากการทำ วิจัย และ (4) ผลตอบแทนของโครงการที่มีต่อภาคเอกชนและสังคม พบว่า มีความคุ้มค่ากับการลงทุนมากทั้งใน แง่ของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการและในแง่ของสังคมโดยรวม โดยเฉพาะในแง่ของสังคมโดยรวมได้ให้ผลตอบแทนใน รูปมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่มีมูลค่าสูงมาก ซึ่งมาจากผลประโยชน์ต่อสังคมในด้านการจ้างงานและการลงทุน ที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโครงการที่นับว่าได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ที่ดีมากต่อประเทศโดยรวม |
||||||||||||||||||
| 4233 | ขออนุมัติโครงการกรุงเทพมหานครเมืองสีเขียว - สะอาดสดใส | นร | 24/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการกรุงเทพมหานครเมืองสีเขียว-สะอาดสดใส ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(ศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เสนอ โดยอนุมัติในหลักการโครงการกรุงเทพมหานครเมืองสีเขียว-สะอาด สดใส สำหรับวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ สำนักงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นควรสนับสนุนการ ดำเนินการโครงการ ฯ ในวงเงินค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นเป็นเงิน 544,677,200 บาท โดยเห็นสมควรให้กรุงเทพ ฯ มีส่วน ร่วมในวงเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยมีสัดส่วนระหว่างเงินรายได้ของกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 60 และงบประมาณ ของรัฐบาลร้อยละ 40 นั้น มอบให้สำนักงบประมาณประสานและเจรจากับกรุงเทพ ฯ โดยด่วน และให้นำเสนอ รองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) พิจารณาถึงสัดส่วนระหว่างเงินรายได้ของกรุงเทพ ฯ และงบประมาณของรัฐบาลสำหรับใช้ในโครงการ ฯ ให้ได้ข้อยุติ แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยในส่วนของงบ ประมาณของรัฐบาลให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบกลาง รายการค่า ใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม (งบกลาง สศส./46) และโดยที่เป็นโครงการเร่งด่วน ของรัฐบาลจึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เป็นผู้พิจารณาปรับปรุงเปลี่ยน แปลงรายละเอียดค่าใช้จ่าย และงานต่าง ๆ ตามโครงการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่ ใช้ในการดำเนินโครงการอาจให้กรุงเทพ ฯ ประสานขอความร่วมมือจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมโดยตรงต่อไป |
||||||||||||||||||
| 4234 | ความปลอดภัยด้านอาหาร (และการปรับปรุงตลาด) | นร | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้
กำหนดให้ปี พ.ศ. 2547 เป็นปีแห่งสุขภาพอนามัย ซึ่งจะรณรงค์และเผยแพร่คุณภาพและมาตรฐานอาหารของ ไทยให้เป็นที่แพร่หลายและกว้างขวางออกไปทั้งในและต่างประเทศ และเพื่อให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ถูกสุข อนามัย ซึ่งในขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ความปลอดภัยด้านอาหาร (food safety) แล้ว รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างประเทศได้เห็นถึงความสะอาด เป็น ระเบียบเรียบร้อยและถูกสุขอนามัยของอาหารและแหล่งจำหน่ายอาหาร จึงขอมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยว ข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและดำเนินการปรับปรุงสภาพของตลาดต่าง ๆ ของรัฐ ตลอดจนแนวทางการควบคุม ดูแลและให้การสนับสนุนตลาดของเอกชนให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และถูกสุขลักษณะ โดยในชั้น ต้นอาจพิจารณาปรับปรุงตลาดของรัฐบางแห่งเป็นกรณีตัวอย่าง และหากมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อการนี้ประการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 4235 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2546 | ทส | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2546 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2546 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว ประกอบ ด้วย (1) เรื่องเพื่อพิจารณา 8 เรื่อง ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการผลิตและจำหน่าย ไฟฟ้าและน้ำเย็นสำหรับท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งที่ 2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) การให้สัตยาบันตาม ข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Agreement on transboundary haze pollution) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดระดับเสียงของรถยนต์และรถจักรยาน ยนต์การปรับปรุงหน่วยค่ามาตรฐานการระบายไดออกซินจากเตาเผามูลฝอย รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทะเลสาบสงขลา การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่า ด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545 และคณะกรรมการที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรีเสนอให้แต่งตั้งผู้แทนสภาทนายความเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (2) เรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง ได้แก่ ผลการดำเนินการกรณีการขนย้ายของเสียอย่างผิดกฎหมายเพื่อนำเข้ามา กำจัดทำลายในประเทศไทย สรุปผลการประชุมใหญ่ภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ 6 การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และการแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อม และ (3) เรื่องอื่น ๆ 3 เรื่อง ได้แก่ มลพิษทางอากาศจากการจราจรในกรุงเทพมหานครและการบังคับใช้ กฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายและการระงับอุบัติภัยและเหตุฉุกเฉินจากมลพิษ และอนุสัญญา MAPLO
|
||||||||||||||||||
| 4236 | รายงานการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับผลการประชุมประจำปี 2545 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
รายงานการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามผลการประชุมประจำปี 2545 ของ สศช. เรื่อง ความอยู่ดีมี สุขของคนไทย : 5 ปีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2545 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและมอบ หมายให้ สศช. เป็นหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงานกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยผลการ ดำเนินงานตามผลการประชุม ฯ มีดังนี้ (1) การแก้ไขปัญหาความยากจน ได้แก่ การปรับปรุงแนวทางการดำเนิน งานของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน การส่งเสริมบทบาทชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีการ พัฒนาในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับครัวเรือน และจัดทำแผนชุมชนในพื้นที่ที่มีความยากจนหนาแน่นให้ ครบทุกตำบล รวมทั้งปรับปรุงและสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจน (2) การพัฒนาศักยภาพคนไทย และระบบการคุ้มครองทางสังคม ได้แก่ การจัดทำมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ การแปล หนังสือ ตำรา การเร่งรัดการดำเนินโครงการออมเพื่อเกษียณอายุแบบบังคับและแบบสมัครใจ (3) การพัฒนา ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การกำหนดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามศักยภาพของ ประเทศ การเร่งรัดจัดตั้งระบบประกันเงินฝาก เพื่อหลีกเลี่ยงภาระที่จะเกิดขึ้นกับภาครัฐในกรณีที่เกิดวิกฤตด้าน การเงิน การพัฒนาการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับ วิสาหกิจและระดับสาขาการปรับปรุงกระบวนการจัดเตรียมโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และการปฏิรูปภาครัฐที่ทำ หน้าที่จัดหาบริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และ (4) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ได้แก่ การเร่งรัดจัดทำร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อลดปัญหาขัดแย้งในการใช้น้ำ และการ เร่งรัดการจัดทำร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำแห่งชาติ |
||||||||||||||||||
| 4237 | การขุดลอกคลองชลประทานแพรกเมือง [การขุดลอกครองธรรมชาติต่อจากคลองเอียด (คลองพังการท่อม)] | กษ | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รายงานผลการ
ตรวจสอบการขุดลอกคลองชลประทานแพรกเมือง สรุปได้ว่า การขุดคลองชลประทานแพรกเมือง ระยะทาง ประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการขุดลอกคลองธรรมชาติต่อจากคลองเอียด (คลองพังการท่อม) เพื่อเชื่อม โยงไปยังอำเภอระโนดจังหวัดสงขลา สามารถช่วยเหลือเกษตรกรและราษฎรได้อย่างดีและมีความเหมาะสมใน ด้านงบประมาณ ซึ่งกรมชลประทานสามารถดำเนินการได้ และพิจารณาจัดเข้าแผนงานส่งเสริมการผลิตการ เกษตร งานจัดการน้ำปี พ.ศ. 2546 ในวงเงิน 1,830,000 บาท เพื่อดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ดังกล่าวเป็น การเร่งด่วน ส่วนอาคารประกอบถาวรสำนักชลประทานที่ 15 จะได้พิจารณาดำเนินการและออกแบบเพื่อ ดำเนินการปรับปรุงอาคารประกอบถาวรในโอกาสต่อไป และโดยที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอัน เนื่องมาจากพระราชดำริเป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ปัจจุบันการ ดำเนินงานหลายส่วนมีความล่าช้าและไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากผู้รับเหมาเอกชนทิ้งงาน จึงขอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับไปเร่งรัดติดตามการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ภายใต้ โครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ถึงแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมกับผู้รับเหมาเอก ชนที่รับผิดชอบดำเนินงานภายใต้โครงการนี้ แต่ทิ้งงาน หรือมีผลการดำเนินงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามกำหนด เช่น การขึ้นบัญชีดำบริษัทผู้ประกอบการ โดยให้ครอบคลุมไปถึงผู้บริหารของบริษัท และการคิดค่าปรับตาม งวดงาน เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 4238 | ผลการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา | นร | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐ
อเมริกา ระหว่างวันที่ 5-7 และ 9-13 มิถุนายน 2546 ตามลำดับ ซึ่งผลการเดินทางเยือนประเทศทั้งสอง นับ ว่าประสบความสำเร็จมาก โดยได้มีโอกาสเข้าพบปะเจรจากับผู้นำของประเทศทั้งสอง รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจ กับภาคเอกชนในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดจนการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Area-FTA) ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันให้คืบหน้าและมีแนวโน้มที่จะลงนามระหว่างกันได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2547 อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ ประเทศไทยจะต้องเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ให้มีความพร้อมและรองรับการ ลงนามข้อตกลงกับประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะประเทศสหรัฐ ฯ ซึ่งเรื่องสำคัญประการหนึ่งที่จะต้องรีบดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Framework Agreement -TIFA)กับประเทศสหรัฐ ฯ ได้แก่ การปรับปรุงเพื่อยกระดับระบบการศุลกากรของประเทศให้เป็นที่ยอมรับ และ เป็นมาตรฐานสากลโดยเฉพาะการประเมินราคาศุลกากร (custom valuation) ต้องเร่งทำให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนอกจากนี้ ยังต้องดำเนินการโครงการนำร่องการตรวจติดตามตู้สินค้า (container tracking) ที่ส่งออกและ นำเข้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับเมือง Seattle ด้วย จึงมอบให้กระทรวงการคลังรับไปหารือกับกระทรวงการ ต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดการดำเนินการใน ส่วนใดจำเป็นต้องใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ให้รีบนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
| 4239 | Thailand Economic Monitor (May 2003) | นร | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเอกสารเกี่ยวกับเรื่อง Thailand
Economic Monitor-May 2003 โดยสาระสำคัญของเอกสารชุดนี้เป็นการสรุปภาพรวมอัตราการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2545 ที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.2 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โดยปัจจัยสำคัญของการเติบโตมาจากอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคของ ภาคเอกชนและการส่งออก นโยบายกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน นโยบายการคลังและ การเงิน ตลอดจนความก้าวหน้าในการปรับโครงสร้างสถาบันการเงินและบริษัทธุรกิจ และจากความสำเร็จ ของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฐานะทางการเงินของประเทศไทยมีดุลบัญชี เดินสะพัดที่เกินดุลมากกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ เท่ากับ 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ. 2545 ขณะเดียวกันหนี้ต่างประเทศลดลงเหลือร้อยละ 47 ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทำให้ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและมีความพร้อมที่จะรับมือ กับวิกฤตจากภายนอกมากขึ้น ส่วนการคาดการณ์ของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2546 ยัง มีความไม่แน่นอนเนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโรค SARS และสงครามในประเทศอิรัก ที่ส่งผลต่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเห็นได้จากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว ในส่วนของภาคการส่งออก ในปี พ.ศ. 2546 โดยรวมเพิ่มขึ้น โดยมีสินค้าส่งออกในภาคอุตสาหกรรมอย่างน้อย 12 รายการที่ขยายตัว ในอัตราสูง รวมทั้งยังประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดที่กำลังขยายตัวของประเทศจีน นอกจากนี้ เอก สารดังกล่าวยังได้กล่าวถึงการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเจริญเติบโตของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศตามมูลค่าที่แท้จริงในปี พ.ศ. 2545 การปรับโครงสร้างและการปฏิรูปของภาค การเงินและบริษัทธุรกิจ เสถียรภาพทางการคลัง และการปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขัน |
||||||||||||||||||
| 4240 | ขออนุมัติดำเนินโครงการจักรยานเอื้ออาทร (โครงการจักรยานยืมเรียน) | ศธ | 17/06/2546 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการจักรยานเอื้ออาทร และให้
ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ใช้ชื่อโครงการนี้อย่างเป็นทางการว่า "โครงการจักรยานยืมเรียน" และให้กระทรวงศึกษา ธิการประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเร่งรัดผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องให้ผลิตจักรยาน จำนวน 375,900 คัน ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดยให้มีคุณภาพและคุณลักษณะตามมาตรฐานการส่งออก และให้มี อุปกรณ์ที่จำเป็นและสำคัญเพื่อความปลอดภัยครบถ้วนด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการ ฯ อนุมัติให้ใช้ จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้าง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อเป็นค่าจักรยาน (พร้อมอุปกรณ์) จำนวน 375,900 คัน ราคาประมาณคันละ 1,072.55 บาท (รวมค่าจัดส่ง และภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้กระทรวงศึกษาธิการประสานและขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับรายการอื่น ๆ เช่น ค่าประกันภัยนักเรียน ค่าตรวจสอบมาตรฐาน ค่าฝึกอบรมและวัสดุการฝึกอบรม เป็นต้น ให้ระงับ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรณรงค์และนำเอาหลักการดูแล และพึ่งพาตนเองของนักเรียน/นักศึกษา ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาในสังกัดมาใช้ในการดูแลรักษาและซ่อม บำรุงจักรยานในโครงการ ฯ ให้มีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
|
||||||||||||||||||
.....
