ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 211 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 4201 - 4220 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4201 | ความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุน ASEAN+3 Finance Cooperation Fund | กค | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบการปรับปรุงแก้ไข
ร่างความตกลงและ TOR ของการจัดตั้งกองทุน ASEAN+3 Finance Cooperation Fund โดยการปรับปรุงแก้ไขร่าง ความตกลง ฯ เป็นการแก้ไขในรายละเอียดปลีกย่อยที่มิทำให้ประเด็นหลักและวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน ฯ เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การตัดข้อความบ่งชี้ถึงสถานที่ในการจัดตั้งกองทุน ฯ การเปลี่ยนข้อความโดยให้เลขาธิการ อาเซียนเป็นผู้เก็บรักษาร่างความตกลง ฯ แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน และการเปลี่ยนข้อความเพื่อบ่งชี้ถึงผล การบังคับใช้ของร่างความตกลงที่ได้ดำเนินการผ่านมาแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบหรือเปลี่ยนแปลงย้อนหลัง หาก มีการยกเลิกร่างความตกลงในอนาคต เป็นต้น และ (2) เห็นชอบและมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังลงนามในร่างความตกลงฉบับแก้ไขใหม่ และหากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงและ TOR ที่มิได้เป็นสาระ สำคัญในอนาคต ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถลงนามในร่างความตกลงได้ โดยมิต้องเสนอให้คณะ รัฐมนตรีทราบอีกครั้ง |
|||||||||||||||
| 4202 | ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-2549 | พม | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
แผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการ หน่วย งานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และที่เป็นเจ้าของที่ดิน ให้การสนับสนุนโครงการบ้านเอื้ออาทร และให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ เห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับ ควบคู่ไปกับการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ คงคุณภาพ มาตรฐาน ในการก่อสร้างไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาระของรัฐในการให้ความสนับสนุนค่าใช้จ่าย จากเดิมในอัตราไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหน่วยลงได้ ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราต่ำ ภายในระยะ เวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. กระจายการดำเนินการโครงการ โดย ให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ในการก่อสร้างทั้งหมด กคช. ควรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการดังกล่าว ในส่วนของรูปแบบของบ้าน เอื้ออาทร ควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ล้าสมัยแล้ว ก็ไม่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้าง นอกจากนี้ พื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการภายในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่างจังหวัดควรพิจารณาเลือกทำเลให้เหมาะสม โดยประสานขอความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน และติดต่อเจรจากับธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มี อสังหาริมทรัพย์ในครอบครองให้ได้เงื่อนไขที่ดีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ในการดำเนิน โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. ดำเนินโครงการโดยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2536 แต่จะต้องประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเร็วต่อ ไป กับให้ กคช. เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนต่าง ๆ จำนวน 270 แห่ง ซึ่งได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เช่น โครงการปรับปรุงอาคารที่พักแฟลตดินแดง เป็นต้น ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว |
|||||||||||||||
| 4203 | ข้อเสนอของกระทรวงพลังงานให้นำเงินที่หน่วยงานของรัฐประหยัดค่าไฟฟ้าและน้ำมันได้เกินกว่าร้อยละ 5 ไปเป็นรางวัลประจำปี | พน | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้นำเงินเหลือจ่าย ณ วันสิ้นปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546 ประเภทค่าสาธารณูปโภคที่เกิดจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจประหยัดค่าไฟฟ้าและ น้ำมันได้เฉพาะส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 5 ไปเป็นรางวัลประจำปีได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ปรับปรุง แก้ไขให้สอดคล้องกับวิธีการงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2534 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระรัฐวิสาห กิจในส่วนที่กำหนดห้ามนำงบประมาณค่าสาธารณูปโภคที่ได้รับไปใช้เพื่อการอื่น ทั้งนี้ ในการประหยัดค่าไฟฟ้า และน้ำมันของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ นั้น ต้องไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ตามข้อสังเกต ของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||
| 4204 | ขออนุมัติเงินงบกลางเพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ยธ | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอขออนุมัติเงินงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม วง เงินรวม 521,131,140 บาท ให้แก่ กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กระทรวงศึกษาธิ การ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเบิกจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และ ให้ปรับลดเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของกรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 26,740,700 บาท ไปให้กระทรวงสาธารณ สุข รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546 ของกรมคุมประพฤติในลักษณะของ การเบิกจ่ายงบประมาณแทนกันเป็น จำนวน 37,429,360 บาท รวมเป็นวงเงินของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ทั้งสิ้น 279,241,700 บาท ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และเร่งรัด การเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||
| 4205 | การขอความเห็นชอบการปรับปรุงอัตราเงินเดือนขั้นสูงของผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน | รส | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอปรับปรุงอัตราเงินเดือนขั้นสูงของผู้ว่าการ
สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปดำเนินการ |
|||||||||||||||
| 4206 | ขอความเห็นชอบโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย "โครงการบ้านเอื้ออาทร" ระยะ 3 และเรื่อง ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546 - 2549 | พม | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
แผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการ หน่วย งานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และที่เป็นเจ้าของที่ดิน ให้การสนับสนุนโครงการบ้านเอื้ออาทร และให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ เห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับ ควบคู่ไปกับการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ คงคุณภาพ มาตรฐาน ในการก่อสร้างไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาระของรัฐในการให้ความสนับสนุนค่าใช้จ่าย จากเดิมในอัตราไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหน่วยลงได้ ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราต่ำ ภายในระยะ เวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. กระจายการดำเนินการโครงการ โดย ให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ในการก่อสร้างทั้งหมด กคช. ควรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการดังกล่าว ในส่วนของรูปแบบของบ้าน เอื้ออาทร ควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ล้าสมัยแล้ว ก็ไม่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้าง นอกจากนี้ พื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการภายในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่างจังหวัดควรพิจารณาเลือกทำเลให้เหมาะสม โดยประสานขอความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน และติดต่อเจรจากับธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มี อสังหาริมทรัพย์ในครอบครองให้ได้เงื่อนไขที่ดีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ในการดำเนิน โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. ดำเนินโครงการโดยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2536 แต่จะต้องประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเร็วต่อ ไป กับให้ กคช. เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนต่าง ๆ จำนวน 270 แห่ง ซึ่งได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เช่น โครงการปรับปรุงอาคารที่พักแฟลตดินแดง เป็นต้น ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว |
|||||||||||||||
| 4207 | ผลการประเมินการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าสถานีเป็นผู้กำกับการ | ตช | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานของ
สถานีตำรวจที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าสถานีเป็นผู้กำกับการ โดยได้ดำเนินการติดตามประเมินผลและ สำรวจความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้านการควบคุมและจัด การจราจร ด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านการติดต่องานบนสถานีตำรวจ ด้านการปรับปรุงสถานที่ทำการและ สภาพแวดล้อม และการบริหารและปกครองบังคับบัญชา รวมทั้งการสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ ปฏิบัติหน้าที่บนสถานีตำรวจ และความคิดเห็นของหัวหน้าสถานีตำรวจที่มีการกำหนดตำแหน่งเป็นผู้กำกับการ แล้ว ซึ่งมีความเห็นว่า การบริหารงานบนสถานีตำรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น การควบคุมดูแลการปฏิบัติงานทำ ให้การพิจารณากลั่นกรองงานได้ละเอียด รอบคอบ ตัดสินใจและสั่งการได้รวดเร็ว มีการแบ่งสายงานของสถานี ตำรวจที่มีผู้กำกับเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ การประสานงานมีความคล่องตัว และได้รับการยอมรับและศรัทธา เชื่อถือมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยในส่วนการบริการประชาชน ได้รับความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้กำกับการซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจมีอำนาจในการบริหารงาน มากขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างได้มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ (1) การกำหนดตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจทั้งนครบาลและ ภูธร 1 - 9 โดยเฉพาะสถานีตำรวจภูธรอำเภอ และสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอ เป็นผู้กำกับการทุกสถานีตำรวจ เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการ และมี ความเสมอภาค (2) วิเคราะห์และกำหนดตำแหน่งระดับชั้นสัญญาบัตร และชั้นประทวน ให้เพียงพอกับปริมาณ งานในสถานีตำรวจที่ได้รับการยกระดับ (3) จัดสรรงบประมาณและครุภัณฑ์เพิ่มให้กับสถานีตำรวจที่ได้รับการ กำหนดตำแหน่งใหม่ให้เพียงพอ และ (4) ให้ทุกสถานีตำรวจสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ใต้บังคับ บัญชาด้วยการเอาใจใส่ให้คำปรึกษา แนะนำ และรับฟังปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่อย่างใกล้ชิด และสนับสนุนให้ ความชอบแก่ผู้ที่ปฏิบัติงานดี ตลอดจนสนใจติดตามเร่งรัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ควรได้รับโดย ชอบ |
|||||||||||||||
| 4208 | โครงการปรับปรุงระบบการบริหารงานการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Financial Management Information System-GFMIS) | นร | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอโครงการปรับปรุงระบบการบริหารงานการคลัง ภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Financial Management Information System - GFMIS) ซึ่งคณะ กรรมการปรับปรุงระบบการบริหารงานการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้เห็นชอบรูปแบบการบริหาร งานการคลัง ฯ ที่จะใช้ในการดำเนินการเพื่อปรับปรุงระบบการเบิกจ่าย ระบบบัญชี ระบบการจัดซื้อและว่าจ้าง มาตรฐาน ระบบบริหารหนี้ ตลอดจนระบบการตรวจสอบและประเมินผลให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ จะทำให้ สามารถรวบรวมข้อมูลด้านการเงินการคลัง พันธกิจ และการบริหารงบประมาณ รายรับรายจ่าย เงินนอกงบประ มาณ การกู้ยืม และการบริหารฐานะเงินคงคลังได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทันเวลา ซึ่งในเบื้องต้นระบบดังกล่าว จะเริ่มทดลองใช้กับสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานบริหารหนี้ สาธารณะก่อน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป และจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลไปยังหน่วยงานในระดับจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ส่วนหน่วยงานในระดับอำเภอจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดยธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้ความสนับสนุนในการจัดทำระบบดังกล่าว ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะ สอดรับกับการดำเนินการระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
|
|||||||||||||||
| 4209 | การปรับปรุงภาษีสุราเพื่อเศรษฐกิจชุมชน | อก | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2546 ซึ่งมอบให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมว่า การอนุญาตให้ชุมชนหรือผู้ผลิตรายย่อยผลิต สุราพื้นบ้านควรมีการกำหนดคุณภาพ มาตรฐานการผลิต และการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในรูปแบบการให้บริการในจุดเดียว (One Stop Service) และให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวแก่ชุมชนหรือผู้ ผลิตรายย่อยที่มาขออนุญาตควบคู่ไปด้วย นั้น ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมมี กองทุนสำหรับนักวิจัยและสถาบันการศึกษาที่ทำการวิจัยกู้ยืมเงินเพื่อทำการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย เพื่อ พัฒนาคุณภาพสุราและรักษาสิ่งแวดล้อม ในวงเงิน 300 ล้านบาท ชื่อว่า "กองทุนเพื่อลดผลกระทบจากนโยบาย สุราเสรีของรัฐ" ส่วนการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้กำหนด มาตรฐานดังกล่าว ซึ่งประกาศใช้แล้ว ได้แก่ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสุรากลั่น มอก. 2088-2544 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไวน์ มอก. 2089-2544 มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนไวน์ผลไม้ มผช. 2/2546 และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนสาโท มผช. 3/2546 รวมทั้งการให้ความรู้เรื่องการปรับปรุงคุณภาพสามารถให้ การสนับสนุนได้ตามข้อกำหนดในด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ สำหรับการให้การบริการในจุดเดียว (One Stop Service) ได้กำหนดให้กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานให้อนุญาตการผลิตและจำหน่ายสุราพื้นบ้าน ซึ่งขั้นตอน การอนุญาตจะพิจารณาควบคุมถึงสถานที่ผลิตสุรา การก่อสร้าง ระบบบำบัดน้ำเสีย ตามหลักเกณฑ์ของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||
| 4210 | คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2546 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2546 | ศร | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2546
ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2546 เรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรม นูญ มาตรา 198 กรณีพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 12 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดว่า พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 12 ที่บัญญัติว่า "หญิงมีสามี ให้ใช้ชื่อสกุลของสามี" ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ที่บัญญัติว่า "บุคคล ย่อมเสมอกันในกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การ เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษา อบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้ มาตรการที่รัฐกำหนด ขึ้น เพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่นย่อมไม่ถือเป็นการ เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม" และโดยที่คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่ง มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีหลักการปรับปรุง พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 ให้สอดคล้องกับหลักความเสมอภาคตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว แต่จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงจะประกาศใช้บังคับ เป็นกฎหมายได้ ฉะนั้น ในระหว่างนี้ หากมีปัญหาในทางปฏิบัติเกิดขึ้น กระทรวงมหาดไทยสมควรใช้มาตรการทาง บริหารแก้ไขปัญหาไปพลางก่อน |
|||||||||||||||
| 4211 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รายการก่อสร้างอาคารสนับสนุนบริการและจอดรถโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์) | สธ | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6)
ให้กระทรวงสาธารณสุขขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารสนับสนุนบริการและ จอดรถ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 1 หลัง จากเดิมผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2546 วงเงิน 165,049,200 เป็นงบประมาณปี พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2548 วงเงิน166,870,200 บาท (เพิ่มขึ้น 1,821,000 บาท) โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของ คกก.6 เกี่ยวกับการขออนุมัติงบประมาณ เพิ่มเติมดังกล่าว เนื่องจากการก่อสร้างในส่วนของงานวิศวกรรมโครงสร้างพบว่า บางส่วนของโครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน จึงต้องทำการปรับปรุงแบบโครงสร้างอาคารดังกล่าว ซึ่งในเรื่องของโครงสร้างและการออกแบบอาคาร เดิมหน่วย งานราชการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองออกแบบ โครงสร้างไม่เคยมีปัญหา แต่บริษัทเอกชนออกแบบทำให้โครง สร้างมีปัญหาและไม่รับผิดชอบ ส่วนการเตรียมการฟ้องและเรียกค่าเสียหาย กระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณาถึง ความเสียหายทั้งหมด ความล่าช้า และควรตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทผู้ออกแบบด้วยว่า สถานภาพของบริษัท ปัจจุบันเป็นอย่างไร ยังคงดำเนินกิจการอยู่หรือไม่ ตลอดจนควรตรวจสอบวิศวกรผู้ออกแบบเพื่อหาตัวผู้รับผิด และเตรียม รายละเอียดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีด้วย นอกจากนี้ ควรประกาศให้หน่วยราชการอื่นได้ทราบข้อมูลของบริษัทออกแบบ แห่งนี้เพื่อจะได้ไม่ใช้บริการของบริษัทดังกล่าว ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||
| 4212 | ร่างพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. .... | ยธ | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)(ฝ่ายกฏหมาย) ที่
มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. .... และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งผู้ ร้ายข้ามแดน พุทธศักราช 2472 ฉบับเดิมซึ่งใช้มาเป็นระยะเวลานาน และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คกก.7 ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยข้อสังเกตของ คกก.7 มีดังนี้ (1) การกำหนด ให้ใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับแก่บรรดาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อความตามหนังสือสัญญา เกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามร่างมาตรา 4 บางประเทศได้ถือปฏิบัติว่า กรณีสงสัยว่า การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ขัดแย้งกับสนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศหรือไม่ ศาลจะถามความเห็นไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเพราะมิใช่เป็นเรื่องกฎหมายภายในประเทศที่ศาลรู้เอง และศาลอาจมีความจำเป็นต้องรู้เหตุผลหรือเจตนา รมณ์ในการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการส่ง ผู้ร้ายข้ามแดนสอดคล้องกับหลักปฏิบัติดังกล่าว และมิให้เป็นภาระกับศาลในการสอบถาม จึงสมควรเพิ่มเติม ความเป็นวรรคสองของร่างมาตรา 4 ในทำนองเดียวกับการร้องสอด คือ ให้กระทรวงการต่างประเทศมีสิทธิ เสนอข้อเท็จจริงและความเห็นให้ผู้ประสานงานกลางเสนอศาลเพื่อประกอบการพิจารณา และให้ศาลมีอำนาจ เรียกกระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจงเพื่อประกอบการพิจารณาได้ โดยให้รวมถึงการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ ด้วย (2) กรณีการจับบุคคลผู้ถูกร้องขอให้ส่งข้ามแดนตามร่างมาตรา 15 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับไปพิจารณาด้วยว่า การจับบุคคลตามร่างมาตรา 15 จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยอาจพิจารณาเทียบ เคียงกับกฎหมายของประเทศต่าง ๆ (3) กรณีตามร่างมาตรา 18 วรรคสอง ที่บัญญัติ "ห้ามมิให้ศาลอนุญาต ให้บุคคลซึ่งถูกร้องขอให้ส่งข้ามแดนมีประกันหรือมีการปล่อยชั่วคราว เว้นแต่ศาลถามพนักงานอัยการแล้ว และ พนักงานอัยการไม่คัดค้าน ศาลจึงจะปล่อยชั่วคราวได้" นั้น ให้ตัดข้อความ "และพนักงานอัยการไม่คัดค้าน" ออก เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจได้ และ (4) การขอเพิ่มเติมให้ศาลทหารมีอำนาจในการพิจารณาการส่งผู้ร้ายข้าม แดนที่เป็นทหารตามความเห็นของกระทรวงกลาโหมนั้น ซึ่งในหลักปฏิบัติของประเทศต่าง ๆ ยังไม่มีการให้ อำนาจในเรื่องนี้ จึงให้คงไว้ตามร่างที่เสนอ |
|||||||||||||||
| 4213 | การใช้สิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 | พณ | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการประกันภัย รายงานประเด็นการใช้
สิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งในคราวประชุม คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 นายกรัฐมนตรีได้เสนอประเด็นเกี่ยวกับการใช้สิทธิของผู้ประสบภัย จากรถที่เข้ารับการรักษาพยาบาลได้รับความคุ้มครองตามโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษา ทุกโรค โดยอาจไม่ได้ใช้สิทธิเบิกจ่ายตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งน่าจะเป็นการซ้ำซ้อนและไม่เป็นประโยชน์ ต่อผู้เอาประกันเท่าที่ควร รวมทั้งเป็นภาระค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นนั้น กรมการประกันภัยชี้แจงว่า ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ไม่ว่าผู้ประสบภัยจากรถมีสิทธิเรียกร้องค่ารักษา พยาบาลจากบริษัทประกันภัย หรือจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ก็ตาม เมื่อผู้ประสบภัยจากรถเข้ารับการ รักษาในโรงพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 โรงพยา บาล นั้น ต้องแจ้งเรื่องการเข้ารับบริการดังกล่าวไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงาน ฯ จะเป็นผู้ใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลไปยังบริษัทประกันภัยหรือกองทุน ฯ แล้วแต่กรณี ดังนั้น การจัดให้มีการ ประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จึงไม่ได้ซ้ำซ้อนกับโครงการประกันสุขภาพ ถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้เข้ารับภาระในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทน ให้กับเจ้าของรถที่ไปก่อให้เกิดความเสียหาย โดยเจ้าของรถเป็นผู้เสียเบี้ยประกันภัย ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าของรถ ต้องรับผิดชอบเมื่อรถของตนไปก่อให้เกิดความเสียหายทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ สำหรับการปรับปรุงอัตรา เบี้ยประกันภัยรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ได้มีการพิจารณาปรับปรุงอัตรา เบี้ยประกันภัยให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมตามอัตราค่าสินไหมทดแทนตลอดมา ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ได้ปรับลดอัตราเบี้ยประกันภัยไปแล้ว 3 ครั้ง |
|||||||||||||||
| 4214 | ข้อเสนองบประมาณปี 2546 เพิ่มเติม สำหรับโครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า | สธ | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนองบประมาณ
ปี พ.ศ. 2546 เพิ่มเติม สำหรับโครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของกระทรวงสาธารณสุข โดยได้เสนอ เพิ่มเติมว่า ได้ประสานและตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียน เพื่อขอใช้สิทธิเบิกจ่ายตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี พ.ศ. 2546 แล้วพบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ 45,613,000 คน เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและงบประมาณเพื่อความมั่นคงแล้ว เห็น ควรปรับเปลี่ยนวงเงินที่จะอนุมัติให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อสมทบเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการ ฯ จากเดิมที่ สำนักงบประมาณได้เสนอไว้ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ในวงเงิน 4,274.45 ล้านบาท เป็นวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการค่า ใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม และให้กระทรวงสาธารณสุขขอตกลงในรายละเอียดกับ สำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ (1) กระทรวง สาธารณสุขควรศึกษาในเรื่องหลักประกันสุขภาพ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคอย่างจริงจัง ซึ่งผลจากการวิจัย ตัวเลขประชากรยังไม่ชัดเจน และยังมีบุคคลที่ไม่ได้รับบัตรอีกมาก พวกเร่ร่อน พวกในสถานสงเคราะห์ และผู้ด้อย โอกาส ควรเพิ่มตัวเลขเหล่านี้ด้วย (2) มาตรฐานในการรักษาพยาบาล ค่ารักษาและค่ายาในการรักษาโรคให้หาย รวมถึงความสะดวกสบายในการเข้ารับการรักษา ซึ่งค่าใช้จ่ายจะต่างกัน และ (3) กระทรวงสาธารณสุขควร ประสานสำนักงบประมาณอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับงบประมาณที่ได้รับ อัตราตัวเลข ซึ่งจะห่างจากข้อเท็จจริงมาก หากตัวเลขงบประมาณที่ได้รับใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายจริง จะสามารถเกลี่ยค่าใช้จ่ายได้ง่าย |
|||||||||||||||
| 4215 | งบปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 16,600 ล้านบาท | นร | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ประธานกรรมการคณะกรรมการกลั่นกรองแผนงาน/โครงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติเสนอโครงการของส่วนราชการต่าง ๆ รวม 8 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการที่ขอใช้จ่ายจากงบปรับ โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม รวม 6 โครงการ ได้แก่ โครงการแผนงานเร่งด่วนกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหลังวิกฤตสงครามและโรค SARS (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) โครง การพัฒนามาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอาหาร (กระทรวงอุตสาหกรรม) โครงการ นำร่องการใช้ระบบตรวจสอบแบบย้อนกลับได้ในอุตสาหกรรมอาหาร (Traceability) (กระทรวงอุตสาหกรรม) โครงการจัดทำประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ด้านความปลอดภัยของอาหาร (กระทรวงอุตสาหกรรม) โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ตามแผนงานระยะเร่งด่วน (กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง) และโครงการเร่งรัดพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม) และ (2) โครงการที่ขอใช้งบปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมในส่วนของแผนงาน/โครงการตามนโยบาย รัฐบาล ได้แก่ โครงการวางท่อสายไฟฟ้าและสาธารณูปโภคใต้ดินในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ (กระทรวงมหาด ไทย) และโครงการปรับปรุงและพัฒนาขยายแดนคุมขังเรือนจำจังหวัดลำพูน (กระทรวงยุติธรรม) สำหรับวงเงิน และแหล่งเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายของแต่ละโครงการ มอบให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณา โดยให้เบิกจ่าย จากเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม หรือรายการเงินสำรอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ตามความเหมาะสมและจำเป็น แล้วให้ดำเนิน การต่อไปได้ |
|||||||||||||||
| 4216 | รายงานความก้าวหน้าในการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าใน
การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การปรับปรุงระบบการ วิเคราะห์ดังกล่าว นอกจากจะมุ่งเน้นความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้ว ให้คำนึงถึงความรวดเร็ว และความถูกต้องของการวิเคราะห์ด้วย สำหรับรายงานความก้าวหน้าในการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม สรุปได้ว่า คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้แต่ง ตั้งขึ้นจำนวน 4 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการโครงสร้างองค์กรและพัฒนาระบบการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการด้านกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการด้านเทคนิคและ แนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้มีการประชุมร่วมกับคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการ ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ ฯ ดังนี้ (1) รูปแบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้ปรับปรุงให้มีการจัดทำ 4 รูปแบบ คือ รายงานการวิเคราะห์ผล กระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Evaluation, IEE) การรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA) กรณีโครงการขนาดใหญ่ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลังการดำเนินงาน (post EIA) และการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงกล ยุทธ์หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับการจัดทำแผนหรือนโยบาย(Strategic Environmental Assess ment, SEA) (2) การกำหนดประเภทและขนาดโครงการ ได้ปรับปรุงการกำหนดประเภทและขนาดของโครง การให้ครอบคลุมโครงการที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (3) การพิจารณารายงาน ได้มีการพิจารณาแนวทาง การปรับปรุงกลไกการพิจารณารายงานโดยคณะผู้ชำนาญการ โดยมีองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วมใน การพิจารณารายงาน รวมทั้งการมอบอำนาจให้หน่วยงานระดับภูมิภาคหรือท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณารายงานและ การพิจารณาเกี่ยวกับการมีใบอนุญาตสำหรับรายงานดังกล่าว (4) การติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการเปิดเผยผลการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานให้สาธารณชนทราบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (5) กลไกการสนับสนุน ได้พิจารณาความจำเป็นในการจัดทำคู่มือหรือหลักเกณฑ์ ต่าง ๆ รองรับการปฏิบัติงาน และกลไกการสนับสนุนกระบวนการวิเคราะห์ และ (6) การมีส่วนร่วมของประชา ชน โดยการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นต้นของกระบวนการ |
|||||||||||||||
| 4217 | การปรับปรุงคณะกรรมการชุดต่าง ๆ | กต | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ (1) เปลี่ยนชื่อ "คณะกรรมการ
พิจารณาให้ความเห็นชอบการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทย กับประเทศต่าง ๆ" เป็น "คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตก ลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ" และปรับเปลี่ยนองค์ประกอบและ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว (2) ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการ 2 คณะ คือ คณะกรรม การว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ และคณะกรรมการประสานงานด้าน สหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ และองค์การต่างประเทศ สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ทั้ง 2 คณะ ให้คงไว้ตามเดิม และ (3) ยกเลิกคณะกรรมการประสานงานอาเซียนด้านการพัฒนาสังคม (ฝ่ายไทย)
|
|||||||||||||||
| 4218 | การรายงานการติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแผนแม่บทฯ ปีงบประมาณ 2546 ระยะเวลาตุลาคม 2545 - มีนาคม 2546 | ยธ | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไข
ปัญหายาเสพติดตามแผนแม่บทเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เดือนตุลาคม 2545-มีนาคม 2546 สรุปได้ดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์การปลุกพลังแผ่นดินและการป้องกัน ได้แก่ การดำเนินงานตามโครงการ TO BE NUMBER ONE การฝึก อบรมวิทยากรกระบวนการเพื่อเตรียมความพร้อมในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนใน 76 จังหวัด 889 อำเภอ และการสนับสนุนกิจกรรมทางเลือกหรือสันทนาการ เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และไม่ไปมั่วสุมใช้ยา เสพติด (2) ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและสารเคมี ได้แก่ การทำลายแหล่งผลิตยาเสพติด สกัดกั้นสารตั้งต้น ตัว ยาที่ใช้ทดแทนในการผลิต และอุปกรณ์การผลิต (3) ยุทธศาสตร์การปราบปราม ได้แก่ การทำลายองค์ประกอบ ของขบวนการค้าในทุกลักษณะทั้งผู้ผลิ ต ผู้จำหน่ายในทุกระดับ และผู้เสพ (4) ยุทธศาสตร์การบำบัดรักษาและฟื้น ฟูสมรรถภาพ ได้แก่ การบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดให้สามารถกลับเข้าสู่สังคมและใช้ชีวิตอย่างปกติ สุข (5) ยุทธศาสตร์การข่าว ได้แก่ การพัฒนาด้านการข่าว (6) ยุทธศาสตร์การอำนวยการและการประสานงาน ได้แก่ การจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการแผนปฏิบัติการ (7) ยุทธศาสตร์การปรับปรุงกฎหมายและ กระบวนการยุติธรรม ได้แก่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และการพิจารณาร่างกฎหมายใหม่ (8) ยุทธศาสตร์ความ ร่วมมือระหว่างประเทศ ได้แก่ การดำเนินการด้านการต่างประเทศเพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อัน จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งในประเทศ ภูมิภาคและระดับประชาคมโลก และ (9) ยุทธศาสตร์การวิจัย พัฒนา และติดตามประเมินผล ได้แก่ การศึกษาและประมาณการจำนวนผู้ติดยาเสพติด การพัฒนาระบบข้อมูลยา เสพติดจังหวัด รวมทั้งการจัดทำโครงการต่างๆ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาระบบข้อมูลผู้ใช้/ผู้ติดยาเสพติด โครง การตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสารในเม็ดยาบ้า โครงการเครือข่ายวิชาการด้านการติดตามและประเมินผล โครง การประชุมสัมมนาเพื่อศึกษาแนวทางการลดอุปสงค์ยาบ้าของประเทศไทย และโครงการประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนา องค์ความรู้ด้านการบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด |
|||||||||||||||
| 4219 | รายงานผลการเจรจาเงินกู้โครงการปรับปรุงและลาดยางผิวจราจรเส้นทางตราด - เกาะกง - สะแรอัมเปิล (Route No.48) | กค | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างสัญญาเงินกู้โครงการปรับปรุงและลาดยางผิว
จราจรเส้นทางตราด-เกาะกง-สะแรอัมเปิล (Route No.48) โดยสาระสำคัญของสัญญาเงินกู้ดังกล่าว ประกอบ ด้วย ผู้กู้ กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังในนามของรัฐบาลประเทศกัมพูชา ผู้ให้กู้ กระทรวงการคลังในนามราช อาณาจักรไทย วงเงินกู้ จำนวนไม่เกิน 567.8 ล้านบาท วัตถุประสงค์ในการใช้เงินกู้ เพื่อใช้ในการดำเนินโครง การปรับปรุงเส้นทางเกาะกง-สะแรอัมเปิล (ไม่รวมสะพานข้ามแม่น้ำ) ระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายภายใน 30 เมษายน 2550 เว้นแต่ตกลงเป็นอย่างอื่น ระยะเวลาเงินกู้ไม่เกิน 30 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้เงินต้น 10 ปี อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.5 ต่อปี การชำระคืนภายในระยะเวลา 20 ปี ปีละ 2 งวด รวมทั้งสิ้น 40 งวด ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาเงินกู้ดังกล่าว และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังสามารถลงนามได้โดยมิต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง หากสัญญาเงินกู้นี้มีการ แก้ไขแต่มิใช่ในสาระสำคัญ |
|||||||||||||||
| 4220 | ร่างนโยบายและแผนระดับชาติ เรื่อง การป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ | พม | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างนโยบายและแผนระดับชาติ เรื่อง การป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ โดยให้รับข้อสังเกตของที่ ประชุม คกก.6 ไปพิจารณาปรับปรุง ดังนี้ (1) (ร่าง) นโยบายและแผน ฯ ดังกล่าว ในส่วนของการจัดกลุ่มหน่วย งานที่รับผิดชอบการดำเนินงาน ควรปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมายปฏิรูประบบราชการ และการแปลงแผนใน แต่ละแผน ควรกำหนดภารกิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบในแผนปฏิบัติการให้ชัดเจน (2) ควรมีการกำหนดกลไก การประสานงาน การติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ และมีการทบทวนแผนเป็นประจำทุก 1 ปี เพื่อให้ การแก้ไขปัญหาได้ทันการณ์ (3) ในแผนประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ กิจกรรมที่กำหนดเป็นแผนระยะ ยาวควรปรับเป็นแผนระยะสั้น และการกำหนดระยะเวลาของแผนควรกำหนดให้เป็นหลักสากลว่า เป็นแผนระยะ กี่ปีไม่ควรกำหนดเป็นระยะสั้น/ระยะยาว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ นำ (ร่าง) นโยบายและแผน ฯ ดังกล่าวไปปรับปรุงให้ถูกต้องก่อนเพราะในบางแผนมีหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยในส่วนของหน่วยงาน ที่รับผิดชอบที่จะต้องทำการปรับปรุงในแต่ละภารกิจให้เป็นปัจจุบันและถูกต้อง ให้เพิ่ม "การดำเนินการยึดทรัพย์" ไว้ในแผนด้วย |
|||||||||||||||
