ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 85 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1681 - 1700 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1681 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความรุนแรงต่อเด็กในครอบครัว ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ความรุนแรงต่อเด็กในครอบครัว ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน
สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พิจารณาร่วมกับหนวยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการสำรวจรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ
และจัดทำรายงานตามมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาประจำทุกปี
กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้จัดให้แอปพลิเคชัน (Application) “คุ้มครองเด็ก” และเว็ปไซต์ https//cpic.dcy.go.th เพื่อสามารถแจ้งข้อมูลผ่านระบบแจ้งเหตุ
โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือตลอด ๒๔ ชั่วโมง และดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพครอบครัวลดความรุนแรงในเด็กร่วมกับจังหวัด
และกลไกสหวิชาชีพในพื้นที่ตามโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “New Gen Say No-คนรุ่นใหม่ไร้ความรุนแรง” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1682 | ขออนุมัติหลักการก่อสร้างที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง | ปช. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อสร้างที่ทำการ
สำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง และก่อหนี้ผูกผันข้ามปีงบประมาณตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๕๒๔,๑๔๗,๐๐๐ บาท โดยผูกพันระหว่างปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗ รวมเวลา ๓ ปี ดังนี้ ๑) ปีที่ ๑ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕)
ใช้เงินคงเหลือสะสมสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน ๑๐๔,๘๒๙,๔๐๐ บาท และ ๒) ปีที่ ๒-๓ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๗) จำนวน ๔๑๙,๓๑๗,๖๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณจะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ทั้งนี้
การเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างรายการดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย
ที่กำหนดว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของบประมาณรายจ่ายประจำปี และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้องบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1683 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช 2474 | มท. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
พุทธศักราช ๒๔๗๔ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
พุทธศักราช ๒๔๗๔ (ฉบับที่ ๒) เพื่อปรับลดค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาดและค้าของเก่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาดและค้าของเก่าดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง
และให้กระทรวงการคลังจัดทำงบประมาณรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่จัดทำที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1684 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน | สผผ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินการทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1685 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 4/2565 | นร.04 | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันพุธที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
รายงานมาตรการเปิดเรียนตามปกติในพื้นที่สถานศึกษา (On-Site) อยู่ได้กับโควิดในสถานศึกษา (๓) รายงานการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณี UCEP-COVID (๔) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร (๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๖) รายงานการดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และ (๗)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1686 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ในความร่วมมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุตสาหกรรม
โดยศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea
Industrial Innovation Center : AKIIC) ที่จะจัดตั้งขึ้น
มีหน้าที่เสริมสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี
รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีส่งเสริมการเชื่อมโยงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมและการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการต่าง
ๆ โดยรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีจะจัดสรรพื้นที่สำนักงานศูนย์ฯ รับผิดชอบค่าเช่าพื้นที่
ค่าดำเนินการศูนย์ฯ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรศูนย์ฯ
และค่าใช้จ่ายในการวางแผนและดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทน
ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔
เห็นชอบผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายพลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1687 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม
เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเงินเดือนอ้างอิงอันดับ ท.๑๑
ตามบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนักงานมหาวิทยาลัยท้ายกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๕๔
เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
สำหรับงบประมาณที่จะต้องจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1688 | การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร | นร.12 | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีเห็นชอบการปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร
ดังนี้ (๑) ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทของหน่วยงานของรัฐในการกำกับของฝ่ายบริหาร)
โดยเพิ่มประเภทขององค์การมหาชน จากเดิม ๒ ประเภท เป็น ๓ ประเภท
เพื่อรองรับหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติสภานโยบายการศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒
และมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๕/๘
แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ครอบคลุมถึงหน่วยงานดังกล่าว
(๒) จำแนกให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ
และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร
ประเภทกองทุนที่เป็นนิติบุคคล และ (๓)
จำแนกให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารประเภทองค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ
ตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงหน่วยงานที่เป็นอยู่เดิมเป็นลำดับแรกก่อน
เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของภารกิจ
รวมทั้งคำนึงถึงหลักการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายของภาครัฐที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
คำนึงถึงแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
โดยอาจวางระบบ หลักเกณฑ์ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติในการกำกับดูแล
และบริหารจัดการองค์กรให้ชัดเจน
และควรเร่งรัดการดำเนินการในส่วนของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารแล้วเสร็จ
เพื่อปรับรูปแบบการบริหารราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1689 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำและทัณฑสถาน จากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | ยธ. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ในเรือนจำและทัณฑสถาน จากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ วงเงิน ๑๕๐,๖๙๔,๖๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1690 | แนวทางการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของไทย | กต. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-Level Political Forum on Sustainable
Development : HLPF) ประจำปี ๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๖-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งในการประชุมฯ
มีการนำเสนอ ดังนี้ (๑) รายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.
๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจ (๒)
รายงานความคืบหน้าของไทยในการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ และ (๓)
รับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุม HLPF โดยมีประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับการฟื้นฟูจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable
Development Goals : SDGs) หลังจากสถานการณ์โรคโควิด-๑๙
และแนวทางการขับเคลื่อน SDGs กับภาคีเพื่อการพัฒนา ทั้งนี้
ไทยได้นำแนวทางจากการประชุมดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางการขับเคลื่อน SDGs ของไทยด้วย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1691 | ขออนุมัติดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564 - 2565 | พณ. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี
๒๕๖๔-๒๕๖๕ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๗,๖๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการประกันรายได้ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕
เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือโอนงบประมาณรายจ่าย หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้
การดำเนินโครงการดังกล่าวมีผลทำให้รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น
ควรตรวจสอบเกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ได้รับเงินชดเชยตรงตามข้อเท็จจริงในพื้นที่
ควรกำหนดราคาประกันรายได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
ควรกำหนดแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนในการปลูกปาล์มน้ำมัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1692 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (CBU) | กค. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (CBU) มีสาระสำคัญเป็นการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ CBU ขนาดเล็กและขนาดกลางที่ประกอบสำเร็จรูปนำเข้าทั้งคัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้ระบุวันมีผลใช้บังคับตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ เช่น กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของการดำเนินมาตรการยกเว้นหรือลดอัตราอากร กำหนดเงื่อนไขของผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางที่ชัดเจน และดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้ครบถ้วนต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
เห็นชอบให้ยกเลิกชั้นความลับในเรื่องนี้นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1693 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางพรรณี พุ่มพันธ์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | คค. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นางพรรณี พุ่มพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอภิสิทธิ์ พรหมเสน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1694 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน (1. นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ฯลฯ รวม 3 คน) | คค. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน รวม ๓ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ประธานกรรมการ ๒. นายนภดล วณิชวรนันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1695 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม 2565 | นร.11 สศช | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ
เดือนมกราคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การจัดทำสรุปผลการดำเนินการประจำปีตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๔ ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ
และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้
ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ
ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1696 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแผนงานขององค์กรอาเซียนเฉพาะสาขาด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา พ.ศ. 2564 - 2568 และกรอบผลลัพธ์การปฏิบัติงาน (SOMSWD Work Plan 2021-2025 and Its Results Framework) | พม. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแผนงานขององค์กรอาเซียนเฉพาะสาขาด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และกรอบผลลัพธ์การปฏิบัติงาน [Senior
Officials Meeting on Social Welfare and Development (SOMSWD) Work Plan 2021-2025 and Its Results
Framework] (ร่างแผนงานของ SOMSWD พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๘ และกรอบผลลัพธ์การปฏิบัติงาน) โดยร่างแผนงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาที่เสริมความเข้มแข็งและคุ้มครองสิทธิเด็ก
คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนชายขอบ
กำหนดและดำเนินการใช้ระบบการคุ้มครองทางสังคมที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งของงานสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา (AMMSWD
Ministers) ของประเทศไทย มีหนังสือแจ้งรับรองร่างแผนงานของ SOMSWD
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และกรอบผลลัพธ์การปฏิบัติงาน (SOMSWD) Work Plan 2021-2025 and
Its Results Framework) ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา (Chair
of AMMSWD) ในโอกาสแรกภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนงานขององค์กรอาเซียนเฉพาะสาขาด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และกรอบผลลัพธ์การปฏิบัติงาน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1697 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย) | กค. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทพำนักระยะยาว
กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
และกลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
สำหรับเงินได้พึ่งประเมินเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ
และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษซึ่งทำงานในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
หรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณ
ที่ควรพิจารณาเงื่อนไขของมาตรการฯ
ให้สามารถรับประกันการคัดกรองกลุ่มชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการได้
สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1698 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่งเอสแคป ครั้งที่ 4 | คค. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่งเอสแคป ครั้งที่ ๔
เมื่อวันที่ ๑๔-๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร
ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
เข้าร่วมการประชุม เพื่อหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศสมาชิกเอสแคป ในการพัฒนาโครงการด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกและเพื่อประเมินความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคสำหรับการเชื่อมโยงด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
ระยะที่ ๑
และร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
(ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๖) (ร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาค ระยะที่ ๒) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งได้มีการหารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น
การมุ่งสู่โครงข่ายการขนส่งและโลจิสติกส์และการสัญจรที่มีประสิทธิภาพและทนทาน
การมุ่งสู่ระบบและบริการด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การมุ่งสู่การขนส่งและการสัญจรที่ปลอดภัยและครอบคลุม (๒) การประชุมระดับรัฐมนตรี
ไทยได้นำเสนอนโยบายที่สำคัญ เช่น
การพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางคู่และระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
การให้ความสำคัญกับระบบดิจิทัลด้านการขนส่งผ่านการพัฒนาระบบ NSW และที่ประชุมได้รับรองร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีด้านการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกและร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาค
สำหรับการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1699 | ร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย | กต. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมสำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างแถลงข่าวร่วมฯ
ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ โดยร่างแถลงข่าวร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับผู้นำรัฐบาลของทั้งสองประเทศในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเยือนไทยหลังจากการเข้ารับตำแหน่งใหม่
เพื่อย้ำการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่าง ๆ ได้แก่
การฟื้นฟูความเชื่อมโยง การกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ การกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงเพื่อรักษาเสถียรภาพ
และการรื้อฟื้นกลไกความร่วมมือทวิภาค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมสำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1700 | ผลการสอบบัญชี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 และรายงานประจำปี 2564 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก | สกพอ. | 22/02/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ที่ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
โดยผู้สอบบัญชีได้รับรองงบการเงินดังกล่าวโดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว
และที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕ มีมติเห็นชอบงบการเงินกล่าวด้วยแล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒.
รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๔ ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยครอบคลุมผลการดำเนินงานสำคัญตามพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป
|