ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 88 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1741 - 1760 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1741 | การกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร.03 | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ประธานกรรมการเฉพาะเรื่อง กรรมการเฉพาะเรื่อง และประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เสนอ ทั้งนี้
ให้ได้รับเบี้ยประชุมนับแต่วันที่คณะะรัฐมนตรีเห็นชอบเป็นต้นไป
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
หรือประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาว
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1742 | ขอความเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้
จาก “รายละ ๕,๐๐๐
บาทต่อเดือน เป็นรายละ ๗,๐๐๐ บาทต่อเดือน”
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(การประปาส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรพิจารณาความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจลสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย และคำนึงถึงสถานะการเงิน
ผลการดำเนินงานของกิจการ
มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1743 | (ร่าง) แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2563 – 2567 (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1) | พน. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ได้เห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่
๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๑๕๐) เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓
ในส่วนของแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๗๘๓
ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) ที่กระทรวงพลังงานควรคำนึงถึงกรอบและวินัยการใช้จ่ายเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการใช้จ่ายเพื่อชดเชยให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
และควรเร่งดำเนินการศึกษาและกำหนดมาตรการในระยะยาวในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศให้เป็นไปตามกลไกตลาดและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ และให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
พิจารณาจัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นกรอบนโยบาย
เนื่องจากมาตรา ๑๔(๓) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒
ได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกองทุน
และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับนโยบายการบริหารกองทุนตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดแล้ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1744 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายโสภณ แท่งเพ็ชร์) | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโสภณ แท่งเพ็ชร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการระดับสูง) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1745 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565) | ปสส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และวันศุกร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1746 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสำหรับวาระระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 - 31 ธันวาคม 2567 | กต. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการแต่งตั้งศาสตราจารย์กิตติคุณ
ดร. อมรา พงศาพิชญ์
ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
สำหรับวาระระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
โดยให้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งการแต่งตั้งศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. อมรา
พงศาพิชญ์
ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
สำหรับวาระระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
ให้เลขาธิการอาเซียนและประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1747 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สาม พ.ศ. 2565 – 2570 | สธ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สาม พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการชุกของการบริโภคยาสูบของประชากรและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากอันตรายจากควันบุหรี่
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการ
ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สาม พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐
ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ
และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น
ควรพิจารณาปรับลดงบประมาณในแผนป้องกันและปราบปรามยาสูบผิดกฎหมาย จำนวน ๓๐ ล้าน ออก
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาเครื่องมือในการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
ควรมีความสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศ
และความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีบนพื้นฐานการดำเนินการบูรณาการ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนการควบคุมยาสูบฯ ฉบับที่ ๓ ไปเป็นกรอบแนวทางและกำหนดเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนานโยบาย
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความประหยัดและคุ้มค่า
และควรพิจารณากำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ (ร่าง) แผนการควบคุมยาสูบฯ ฉบับที่
๓ ในประเด็นการควบคุมและเฝ้าระวังผู้ผลิต/ธุรกิจผลิตยาสูบ ประเด็นการบำบัดรักษา
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1748 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (1. ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ ฯลฯ รวม 6 คน) | พณ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่
๗ มกราคม ๒๕๖๕ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์สมคิด
เลิศไพฑูรย์ ประธานกรรมการ ๒. นายขภัช นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นางพิลาสลักษณ์ ยุคเกษมวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1749 | ความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
(World Trade Organization : WTO) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๒ (The Twelfth Ministerial Conference : MC12) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) เดิมจัดการประชุม MC12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ นครเจนีวา
สมาพันธรัฐสวิส ต่อมาประธานคณะมนตรีใหญ่และผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO แจ้งว่า เห็นควรเลื่อนกำหนดการจัดประชุม MC12
ออกไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-๑๙ จะเอื้ออำนวย และ (๒) ประเทศสมาชิก WTO ยังคงหารือประเด็นสำคัญร่วมกัน โดยประธานและรองประธานการประชุม MC12 ได้เสนอให้มีการจัดประชุมแบบกายภาพในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ๒๕๖๕
หากสถานการณ์เอื้ออำนวย และยังได้บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับ
การต่ออายุการยกเว้นการฟ้องร้องภายใต้กลไกระงับข้อพิพาทของ WTO เป็นการชั่วคราว
และข้อตัดสินใจรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจขนาดเล็ก
ซึ่งจะนำเสนอต่อที่ประชุม MC12 ต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1750 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง แยกเป็นรายจังหวัด 23 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 24 ฉบับ | กษ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อบังคับใช้กับกฎกระทรวงฉบับใหม่ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง แยกเป็นรายจังหวัด ๒๓ จังหวัด
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งของจังหวัดที่มีแนวเขตติดทะเลชายฝั่ง รวม ๒๓ จังหวัด โดยกำหนด
“เป็นเส้นตรงลากผ่านจุดพิกัด” เพื่อให้ทราบถึงเขตทะเลชายฝั่งที่ชัดเจน
เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้อยู่ในภาวะที่สมดุลและเหมาะสม รวม ๒๔
ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรแก้ไขข้อความในข้อ
๒ ของร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง แยกเป็นรายจังหวัด ๒๓ จังหวัด เป็นดังนี้
“ในกรณีที่เขตทะเลชายฝั่งทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
เขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามกฎหมายอื่นใด
ตามนัยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๕๘ การทำประมงหรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่ง
หรือการดำเนินการใด ๆ
ที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดไว้ด้วย”
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น
ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องของค่าพิกัดและแผนที่แสดงแนวเขตบริเวณที่กำหนดแนบท้ายกฎกระทรวงของจังหวัดดังกล่าวกับกรมอุทกศาสตร์
กองทัพเรือด้วย หากมีการดำเนินการใด ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ
ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
กรมประมงและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงในพื้นที่ทราบด้วยว่า แม้พื้นที่ดังกล่าวจะถูกกำหนดเป็นเขตทะเลชายฝั่ง
แต่ในการจะเข้าทำการประมงหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
และการกำหนดทะเลชายฝั่งของจังหวัดที่มีพื้นที่ทางทะเลติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ควรดำเนินการอย่างรอบคอบ
โดยคำนึงถึงมิติด้านความมั่นคงและมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1751 | สรุปการดำเนินโครงการ Country Programme (CP) ระยะที่ 1 ระหว่างไทยกับ OECD | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้ Country
Programme (CP) ระยะที่ ๑ มีระยะเวลาดำเนินการ ๒-๓ ปี
มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง OECD กับไทยอย่างบูรณาการ
เพื่อให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD ๒.
เห็นชอบมอบหมายสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจละสังคมแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศ
ดำเนินการร่วมกันในการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำโครงการภายใต้ CP ระยะที่ ๒
โดยพิจารณาจากประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ
ความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของไทยและความคุ้มค่าด้านงบประมาณ ทั้งนี้
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศ. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ
(MOU) เกี่ยวกับ CP ระยะที่ ๒
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องและความสอดคล้องกับนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตลอดจนพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงที่เกี่ยวข้อง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานหลักในการขอรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้กับ
OECD และงบดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยให้หารือกับสำนักงบประมาณ
เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ CP ระยะที่ ๒ ตลอดจนดำเนินการติดตามผลการดำเนินโครงการและบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ๓.
เห็นชอบมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ ศึกษาถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก
OECD ตลอดจนประโยชน์ในการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก
OECD ที่ไทยจะได้รับเนื่องด้วยการมีส่วนร่วมกับ OECD จะช่วยให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD ในการยกระดับมาตรฐานนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของไทยให้ทัดเทียมสากล
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาขีดความสามารถและปฏิรูปกฎระเบียบภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1752 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
เห็นว่าควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ โดยแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำชื่อของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กให้มีความถูกต้องและครบถ้วน
รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์การประกาศใช้กฎหมาย
การเร่งพัฒนาพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก
การเร่งรัดการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม
หรือสถานแนะนำทางจิตเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด
การแยกเด็กอายุที่ไม่เกินสิบแปดปีกับเด็กที่อายุเกินสิบแปดปีออกจากกันในสถานฝึกและอบรม
กระบวนการฟื้นฟูจิตใจให้แก่เด็กที่กระทำความผิดโดยนำภาคประชาสังคม ชุมชน
และครอบครัวมาร่วมในกระบวนการด้วย การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
การส่งเสริมและสนับสนุนในการควบคุมเด็กให้ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
การจัดให้มีคณะกรรมการของท้องถิ่นในการให้คำปรึกษาฟื้นฟูจิตใจรวมทั้งป้องกันเด็กในการกระทำความผิด
การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสร้างกลไกในการขับเคลื่อนการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
หน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และภาคประชาสังคม ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1753 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เกาะราชาใหญ่
เกาะราชาน้อย ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เกาะราชาใหญ่
เกาะราชาน้อย ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เพื่อประโยชน์
หรือสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงพลังงาน โดยเพิ่มข้อความ
“ประกาศฉบับนี้มิให้ใช้บังคับแก่การดำเนินการเพื่อประโยชน์ในราชการของกองทัพเรือ”
เพื่อยกเว้นกับการใช้บังคับกับกองทัพเรือในกรณีที่มีการจำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับกิจการด้านความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ
และกิจกรรมด้านพลังงานใดที่ต้องห้ามตามประกาศนี้
ถ้าได้รับอนุญาตก่อนวันประกาศนี้ให้ใช้บังคับในการดำเนินการต่อไป และการต่ออายุใบอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
โดยให้อนุญาตตามที่พื้นที่ที่ได้อนุญาตไว้เดิม ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีกระบวนการหารือกับภาคธุรกิจและภาคประชาชนในพื้นที่
เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ร่วมกัน ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซักซ้อมความเข้าใจกับหน่วยงานในสังกัด
ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายให้ชัดเจนถึงอำนาจและหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ
กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
และสร้างการรับรู้ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงทั้งประชาชน ชุมชน และภาคเอกชนที่ประกอบการด้านท่องเที่ยวและประมงในพื้นที่ให้เข้าใจแนวทางปฏิบัติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1754 | ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565) | ปสส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1755 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำหมู่เกาะคานารี ราชอาณาจักรสเปน (นายวอล์ฟกัง คีสลิง) | กต. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำหมู่เกาะคานารี
ราชอาณาจักรสเปน ของ นายวอล์ฟกัง คีสลิง (Mr. Wolfgang Kiessling)
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ เนื่องจากไม่ประสงค์ขอต่ออายุวาระการดำรงตำแหน่งอีก
โดยกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้ นายคริสท็อฟ คีสลิง (Mr. Christoph Kiessling) รองกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ฯ ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองและดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยและคนชาติไทยไปพลางก่อน
จนกว่าการดำเนินการแต่งตั้งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ฯ คนใหม่จะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1756 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (1. นายประสัณห์ เชื้อพาณิช ฯลฯ จำนวน 8 คน) | นร.12 | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ รวม ๘ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเสนอ ๑. นายประสัณห์ เชื้อพาณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านบัญชี) ๒. นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการตรวจสอบและประเมินผล) ๓. ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย) ๔. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงิน) ๕. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเศรษฐศาสตร์) ๖. นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารและการจัดการ
การวางแผน) ๗.
นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ) ๘.
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านวิศวกรรมศาสตร์
หรือสถาปัตยกรรมศาสตร์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1757 | ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานีและขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | ศป. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗ (๓)
สำหรับการขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
การขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน
และการจัดทำแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีงบประมาณนั้น
เห็นควรให้สำนักงานศาลปกครองปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณและให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่ควรอนุมัติให้ศาลปกครองเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง รายการค่าก่อสร้าง
และรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานี
จากเดิมตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นตำบลหนองขอน
อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างและรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานี
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นปีงบประมาณ พ+.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๗
และการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุให้คุ้มค่ากับศักยภาพของที่ดิน
และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินแผนงาน/โครงการของสำนักงานศาลปกครองในครั้งต่อไป
ขอความร่วมมือให้สำนักงานศาลปกครองถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑
มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ
และการตรวจสอบข้อมูลและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง
การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1758 | การแก้ไขข้อขัดข้องการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมือวันที่ 28 กันยายน 2664 | รง. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ..) โดยออกประกาศปรับปรุงแก้ไข ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ ให้นายจ้างที่ได้ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว นับแต่วันที่ได้จัดทำข้อมูลไว้แล้ว
ชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอ และชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานภายใน ๑๒๐ วัน
นับแต่วันที่ได้ยื่นคำขอดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕
สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้จนถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ และ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ..) โดยออกประกาศปรับปรุงแก้ไข ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ ให้นายจ้างที่ได้ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว
พร้อมเอกสารหลักฐานที่ระบุไว้ในแบบคำขอที่อธิบดีกำหนดต่อนายทะเบียนภายใน ๗ วัน
นับแต่วันที่ได้จัดทำข้อมูลไว้แล้ว จำนวน ๑๙,๔๘๙ ราย ชำระค่าธรรมเนียมยื่นคำขอฉบับละ ๑๐๐ บาท
และชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ ๑,๓๕๐ บาท ภายใน ๑๒๐
วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นคำขอดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ
ท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของคนต่างด้าว รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1759 | ร่างกฎกระทรวงระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระบบการป้องกันโรคระบาดและระบบการควบคุมโรคระบาดในม้าลาย
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นว่าควรเพิ่มนิยาม “จนกว่าโรคจะสงบ”
ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงม้าลายมีวัตถุประสงค์เลี้ยงเพื่อการค้า
โรคที่เกิดกับม้าลายบางโรคโอกาสติดต่อจากสัตว์สู่คนน้อยแต่ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพได้
ควรต้องมีมาตรการป้องกัน ควบคุมโรค และป้องกันโรคจากสัตว์พาหนะเป็นสิ่งจำเป็น
โดยอาจพิจารณาเพิ่มเติมระบุการห้ามเลี้ยงสัตว์หลายชนิดปนกันในสถานที่เดียวกัน
ร่วมกับพิจารณาจำกัดจำนวนการเลี้ยงสัตว์ต่อพื้นที่ที่กำหนด
เพิ่มการปฏิบัติตามสุขลักษณะ และเพิ่มการกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ถูกต้อง
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโรคอีกทางหนึ่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1760 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 - 2580 | ศธ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
(ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ
ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๘๐ และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ นำ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการฯ ไปใช้เป็นกรอบแนวทางการบริหารเชิงนโยบายให้เป็นเอกภาพ และมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศในภาพรวมอย่างเป็นระบบ
เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ประเทศไทย ๔.๐ ยุทธศาสตร์ มาตรการ ที่กำหนดขึ้น และให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานประสานหลักและให้อำนาจ (authority) ในการติดตามและสั่งการ เพื่อให้หน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้เหมาะสม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น ควรเร่งพัฒนากลไกการบริหารจัดการการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษที่ชัดเจน
และตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าสู่การปฏิบัติในระบบงานวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคส่วนต่าง
ๆ ของประเทศต่อไปให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแบบบูรณาการ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |