ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 250 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | หลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 | ยธ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) เบี้ยประชุมคณะกรรมการ เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมกรรมการ และกรรมการ ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน
ในอัตราประธานกรรมการ ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน รองประธานกรรมการ ๙,๐๐๐ บาทต่อเดือน และกรรมการ ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน ทั้งนี้
ให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าประชุม ให้งดจ่าย”
และตัดข้อความ “ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการ
แล้วแต่กรณี” เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการ
ควรปรับอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการเป็น
“อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง
เฉพาะครั้งที่เข้าร่วมประชุมและให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๔ ครั้งต่อเดือน
ในอัตราประธานอนุกรรมการ ๑,๒๕๐ บาทต่อครั้ง รองประธานอนุกรรมการ
๑,๑๒๕ บาทต่อครั้ง และอนุกรรมการ ๑,๐๐๐
บาทต่อครั้ง และ (๓) ประโยชน์ตอบแทนอื่น เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมการ กรรมการ
และอนุกรรมการในคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเป็นค่าพาหนะ
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการเดินทางไปราชการตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดตามนัยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
และหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. .โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖.ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมคุมประพฤติตามที่ได้รับจัดสรร
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้กรมควบคุมประพฤติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อประกอบการพิจารณา
และเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ
และการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ ควรมีเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการสนับสนุนการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และไม่ให้เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
และควรมีการทบทวนความคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดการดำเนินภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย.ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | การดำเนินงานโครงการจัดเตรียมความพร้อมในการให้บริการการเดินอากาศ ณ สนามบินอู่ตะเภา ของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด | คค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๔ แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยปรับลดอัตราเงินนำส่งเหลือร้อยละ
๐.๑๒๕ ต่อปีของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี ๒๕๖๖
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรมีกระบวนการติดตามแผนการดำเนินงานและประเมินผลการส่งผ่านความช่วยเหลือของ
SFIs ไปยังลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ให้สามารถดำเนินการและสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ
ตลอดจนการลงทุน ร่วมลงทุนกับหน่วยงานภาคทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
เพื่อนำผลงานการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบกิจการให้เกิดรายได้ในเชิงพาณิชย์
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. .เช่น
ควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทจัดตั้งหรือร่วมทุนดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดต้องดำเนินการตามกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมบุคลากรภายในหน่วยงานและจัดทำแผนการดำเนินงานองค์กรที่มีความชัดเจน
รวมทั้งมีระบบติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินการของหน่วยงานในระยะต่อไปมีประสิทธิภาพและสามารถสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของประเทศต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ. .... | กก. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
เรื่อง
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอากาศ
ช่องทางบกและช่องทางน้ำ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)
ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการตรวจลงตราและกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ออกตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒
โดยกำหนดให้ใช้หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นเอกสารประกอบการอนุญาตเข้าเมืองและผู้ตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตเข้าเมือง ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น
ควรมีการพิจารณาประสิทธิภาพการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามร่างประกาศฯ เป็นระยะ
โดยคำนึงถึงภาระของภาคเอกชน การบริหารจัดการ และความสะดวกของผู้เดินทาง
พร้อมจัดทำรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามและทบทวนปรับแนวทางได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้วย ควรมีการกำหนดแนวทางและแผนการใช้จ่ายประโยชน์จากค่าธรรมเนียมให้มีความชัดเจน
เพื่อให้การใช้เงินค่าธรรมเนียมเกิดประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวสูงสุด
ควรเตรียมความพร้อมและดำเนินการทดสอบระบบการรับชำระเงินค่าธรรมเนียมและการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมสุราไทย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ และนายกูอาเซ็ม กูจินามิง) | มท. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖)
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุทธิ
ปัญญาสกุลวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(นายนริศ
ขำนุรักษ์) ๒. นายกูอาเซ็ม
กูจินามิง ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
[ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นายนริศ ขำนุรักษ์)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาปนิก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 - 2570) | ยธ. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (1. ศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ฯลฯ จำนวน 3 คน) | นร.08 | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์
เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ด้านกิจกรรมทางทะเล ๒.
ศาสตราจารย์ ชุมพร ปัจจุสานนท์ ด้านกฎหมาย ๓.
พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์ ด้านการทหารเรือ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายหลังวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 | รง. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติพิจารณา | มท. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีจำนวน
๕ มติ ได้แก่ นโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดิน
การพิจารณาถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อนำไปจัดให้แก่ประชาชน
การควบคุมการจัดที่ดินขอหน่วยงานที่ดำเนินการจัดที่ดิน
การพิจารณากำกับนโนบายที่ดินแห่งชาติ
และการจำแนกที่ดินออกจากป่าไม้ถาวรซึ่งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดิน
แต่จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมาตรา ๑๐ (๑) และ
(๔) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีที่ดินของรัฐที่อยู่ในความครอบครอง
หรือใช้ประโยชน์ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
หรือที่ได้อนุญาต/อนุมัติให้เอกชนเข้าทำประโยชน์หรือได้รับสัมปทาน
เมื่อส่วนราชการหน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินเสื่อมสภาพ
หรือหมดอายุการอนุญาต/อนุมัติให้เข้าทำประโยชน์หรือหมดอายุสัมปทานที่ให้แก่เอกชน
แล้วแต่กรณี
สมควรที่หน่วยงานเจ้าของที่ดินดังกล่าวจะได้พิจารณาดำเนินการเพื่อส่งมอบที่ดินนั้น
ๆ ให้แก่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชน
ตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | การดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีการกำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย | กค. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
กรณีการกำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | สรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวกรอบ ACMECS ครั้งที่ 5 | กก. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ
ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๖๒ รับทราบ เพื่อเป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศและเป็นแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานการจัดการขยะพลาสติกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการระยะที่
๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) รวมทั้งยกระดับการจัดการขยะให้ดียิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณองค์ความรู้ด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ควรเร่งดำเนินการโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง
และปลายทาง
รวมถึงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ขยะพลาสติกทั้งในปัจจุบันและอนาคต
การกำหนดให้มีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์
ตลอดจนร่างอนุบัญญัติและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งจะต้องพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในระยะต่อไป
หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนระดับที่ ๓ ที่ต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของการเสนอแผนระดับที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) วันที่ ๓
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ) วันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) และวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
คู่มือแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ และการเสนอแผนระดับที่ ๓
ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... ต่อคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน
ในท้องที่ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาปรับแก้แผนที่ท้ายกฎระทรวง โดยตัดสัญลักษณ์และข้อความ
“เขตเส้นพรมแดนตามกฎหมายระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา” ออก
เพื่อให้การจัดทำแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ผ่านมา ซึ่งไม่ปรากฎสัญญาลักษณ์และข้อความดังกล่าว
อาทิ แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำมูโนะ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๓๕๖๕ และแผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองปูยู
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าส่วนราชการในพื้นที่ควรกำกับดูแลมิให้การดำเนินการดังกล่าวกระทบต่อแนวเขตแดนที่อยู่ระหว่างการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของ
JBC ไทย-กัมพูชา รวมทั้งปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ ที่กำหนดให้
“ส่วนราชการที่รับผิดชอบการก่อสร้างถนนหรือการกระทำใด ๆ
บริเวณชายแดนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสันปันน้ำและหลักเขตแดน
ต้องประสานกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อร่วมตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการ” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดตั้งและการแก้ไขปัญหาศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของทางราชการ ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | สว. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
โดยขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงเฉพาะระดับตำแหน่งที่เกินกว่า ๑๑๓,๕๒๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ดังนี้ (๑) ระดับ ๘ ผู้อำนวยการกอง จาก ๙๙,๙๗๐
บาท เป็น ๑๒๐,๒๗๐ บาท (๒) ระดับ ๙ ผู้อำนวยการฝ่าย จาก ๑๐๘,๘๑๐ บาท เป็น ๑๓๓,๗๗๐ บาท (๓) ระดับ ๑๐
ผู้ช่วยผู้ว่าการ จาก ๑๑๑,๑๖๐ บาท เป็น ๑๓๘,๒๗๐ บาท และ (๔) ระดับ ๑๑ รองผู้ว่าการ จาก ๑๑๓,๕๒๐
บาท เป็น ๑๔๒,๘๓๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินและผลดำเนินงานของหน่วยงานอย่างรอบคอบ
มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง
กำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว เช่น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มรายได้และชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ) | ดศ. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | ร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร.05 | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. ....
ซึ่งจะสิ้นกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวันตามสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ ๑
ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
สมควรที่จะกำหนดใช้ปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่
๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|