ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 675 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13481 - 13500 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13481 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๕๗,๖๖๖,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง สำหรับอุตสาหกรรม New Growth Engine ตามนโยบาย Thailand 4.0 และการปฏิรูปการอุดมศึกษาไทย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก ได้แก่ (๑) ควรพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๑ ที่เห็นชอบโครงการดังกล่าว และให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เสนอความเห็น เช่น ควรทบทวนการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้วในภาพรวมทั้งหมดเพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุง ยกเลิก เพิ่มเติม หรือขยายขนาดโครงการที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลตามบริบทที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต และพิจารณาการร่วมสมทบค่าใช้จ่ายจากภาคเอกชนหรือผู้เข้ารับการอบรม ตลอดจนการจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานรายกิจกรรม ความเชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ แผนขับเคลื่อนและติดตามผล และแผนรองรับผู้สำเร็จการศึกษา เป็นต้น (๒) ควรมีกลไกในการวางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ตั้งแต่การรับสมัคร การจัดทำแผนการรองรับการทำงานของผู้สำเร็จการศึกษาไปจนถึงการติดตามประเมินผลเชิงผลลัพธ์ โดยกำหนดตัวชี้วัดร่วมกับสถาบันการศึกษา เพื่อให้การขับเคลื่อนมีความเป็นรูปธรรมและสามารถวัดผลสัมฤทธิ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และ (๓) การผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสูงดังกล่าว ควรพิจารณาให้ครอบคลุม ๑๒ อุตสาหกรรมเป้าหมาย และสอดคล้องกับความต้องการบุคลากรในพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมทั้งให้ความสำคัญกับสถาบันการศึกษา และสถานประกอบการ ที่อยู่ในพื้นที่ EEC และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอันดับต้น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13482 | ร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล | ทส | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน (Bangkok Declaration on Combating Marine Debris in ASEAN Region) ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบ (Endorsement) จากที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ก่อนที่จะนำเสนอในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้การรับรองต่อไป (๒) ร่างกรอบปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล (ASEAN Framework of Action on Marine Debris) ที่จะถูกรับรอง (Adoption) ในที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล (๓) ร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Media Statement) และ (๔) ร่างบทสรุปประธาน (Chair’s Summary) เป็นเอกสารสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน (Bangkok Declaration on Combating Marine Debris in ASEAN Region) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13483 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 ครั้งที่ 1 | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๒ ในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ ๒๓,๐๑๘.๘๑ ล้านบาท จากเดิม ๑,๘๒๘,๑๑๙.๑๘ ล้านบาท เป็น ๑,๘๕๑,๑๓๗.๙๙ ล้านบาท และการบรรจุโครงการพัฒนาหรือโครงการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการเงินกู้เพื่อรองรับการดำเนินงานของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) รวมถึงให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs รายย่อยตามนโยบายรัฐบาลอื่น ๆ (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) โครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) และโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) เป็นต้น รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าวรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เช่น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้ชัดเจนและสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกระจายภาระหนี้ให้สอดคล้องกับการจัดหารายได้ของหน่วยงานและความสามารถในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในแต่ละปี เป็นต้น ไปดำเนินการด้วย ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังให้กู้ต่อแก่กรุงเทพมหานครจำนวนไม่เกิน ๑๕,๐๒๕.๕๒ ล้านบาท โดยเป็นวงเงินกู้ต่อเดิมของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาเงินยืม จำนวนไม่เกิน ๔,๑๒๒.๒๘ ล้านบาท และเรียกเก็บเงินยืมที่ไม่มีดอกเบี้ยกับกรุงเทพมหานคร ๑.๕ รับทราบแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้และการชำระคืนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังให้กู้แก่กรุงเทพมหานคร และแนวทางการชำระคืนเงินตามสัญญาเงินยืมระหว่างกระทรวงการคลังกับกรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดกระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาองค์กรและแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจกลุ่มดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อลดภาระความเสี่ยงทางการเงินของรัฐบาลในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13484 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน - ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีพระราม 6 สถานีบางกรวย - กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม ๓ สถานี ได้แก่ สถานีพระราม ๖ สถานีบางกรวย-กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี ในกรอบวงเงิน ๑๐,๒๐๒.๓๘ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. ขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. จัดทำแผนธุรกิจ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง จัดทำแนวทาง open access ให้ผู้ประกอบการรายอื่นใช้ทางรถไฟได้ กำหนดรูปแบบการจัดการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและสถานีรถไฟ จัดทำแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคม จัดระบบการบริหารจัดการการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จอดแล้วจร (๒) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีและสนับสนุนการใช้บริการของโครงการฯ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (๓) ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ในช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (๔) ให้ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยไม่กีดขวางทางไหลของน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13485 | การปรับเพิ่มเงินลงทุนและเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 - 7 | พน | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการเปลี่ยนแปลงกำลังผลิตไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔-๗ จากเดิม ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้ง ๖๐๐ เมกะวัตต์ เป็น ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้ง ๖๕๕ เมกะวัตต์ และให้ กฟผ. ปรับเงินลงทุนโครงการฯ จากเดิมที่ได้รับอนุมัติเงินลงทุน ๓๖,๘๑๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑,๑๕๐ ล้านบาท สรุปวงเงินลงทุนรวมเป็นจำนวนเงิน ๓๗,๙๖๑ ล้านบาท เพื่อให้การเบิกจ่ายของ กฟผ. ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จะต้องไม่นำวงเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาคำนวณผลตอบแทนการลงทุนในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการใด ๆ กฟผ. ควรพิจารณาดำเนินโครงการอย่างรอบคอบ และหากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ จะต้องตรวจสอบขั้นตอนดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด รวมทั้งในการดำเนินโครงการลงทุนในอนาคต กฟผ. ควรกำกับดูแลการลงทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยหาก กฟผ. จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นสาระสำคัญ กฟผ. ต้องเร่งนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแล กฟผ. ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13486 | การโอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ให้แก่มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย | กต | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ (เรื่อง โรงเรียนนอกกฎหมายของ ดร. คิงส์ จังหวัดเชียงใหม่) จากเดิม “...ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนี้” เป็น “...ให้กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจในการโอนใบอนุญาตดังกล่าวให้แก่มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยได้” ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบคุณสมบัติของมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยให้ถูกต้องเป็นไปตามนัยมาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการโอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับและติดตามการดำเนินการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามกรอบและทิศทางตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่เกิดปัญหาและผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติหรือวัฒนธรรมของประเทศหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13487 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรพล สุขมาก) | สธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีรพล สุขมาก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลทุ่งสง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13488 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2560 | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๐ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น จำนวน ๕๔ แห่ง ประกอบด้วย ๒ ระบบ ได้แก่ (๑) ระบบการบริหารจัดการองค์กร ผลการประเมินในภาพรวม รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๐๖๔๔ คะแนน เพิ่มขึ้น ๐.๑๔๑๓ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๕๙ เนื่องจากผลการดำเนินการตามนโยบายของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) ผลการประเมินในภาพรวม รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๘๕๙๙ คะแนน ลดลง ๐.๑๒๕๙ คะแนน เนื่องจากไม่สามารถบริหารแผนลงทุนได้ตามเป้าหมาย รวมถึงผลสำรวจ Employee Engagement ที่มีระดับลดลง ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากรายงานผลการประเมินผลฯ เพิ่มเติม เช่น การวางแผนยุทธศาสตร์องค์กร การกำกับดูแลกิจการที่ดี การเสริมสร้างทรัพยากรด้านดิจิทัล การสร้างเสริมนวัตกรรม และการวางแผนบุคลากร เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลฯ อย่างเคร่งครัดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การเตรียมความพร้อมในการกำหนดบทบาทและทิศทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี การเร่งสรรหาผู้บริหารสูงสุดที่ยังว่างอยู่ และการส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีบทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติที่ชัดเจนมากขึ้น และสามารถเร่งรัดการลงทุนและวางแผนการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่ควรให้มีการปรับลดเป้าหมายตัวชี้วัดในระหว่างรอบการประเมิน เพื่อให้การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจสามารถสะท้อนประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมรับผิดชอบในกรณีที่รัฐวิสาหกิจมีผลการประเมินไม่เป็นไปตามเกณฑ์เป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13489 | ขอความเห็นชอบให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศจัดการศึกษาในประเทศไทย (Asian Institute of Hospitality Management, In Academic Association With Les Roches) | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ Asian Institute of Hospitality Management, In Academic Association With Les Roches (เลส์โรช) สมาพันธรัฐสวิส เข้ามาจัดการศึกษาในประเทศไทย ในหลักสูตรปริญญาตรีสาขาการบริหารธุรกิจการโรงแรม (Bachelor of Business Administration in Global Hospitality Management) โดยจัดตั้งใน ๒ พื้นที่ คือ จังหวัดชลบุรีและกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกซึ่งมีความเห็นในประเด็นการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของรัฐในประเทศกับสถาบันดังกล่าว การสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาให้กับคนทุกกลุ่ม และการจัดให้มีศูนย์การฝึกอบรมระยะสั้นด้านการบริการและการท่องเที่ยว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13490 | การรับรองร่างปฏิญญา 3R กรุงเทพ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน | ทส | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญา 3R กรุงเทพ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายร่วมกันของผู้แทนประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมการนำหลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อลดมลพิษจากขยะพลาสติก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน 3R ในประเทศไทย รวมทั้งเป็นการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนา ปรับปรุงระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยในประเทศให้ครบวงจร ทันสมัย และเป็นไปตามหลักสากล ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิเศษร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๙ (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13491 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม 2562 | นร11 | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13492 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพีระพล พูลทวี) | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพีระพล พูลทวี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13493 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายประเสริฐ ภัทรดิลก) | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายประเสริฐ ภัทรดิลก เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย แทน นายนพพร เทพสิทธา ที่มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13494 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (ศาสตราจารย์ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์) | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณี นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป และให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13495 | ความคืบหน้าโครงการจัดสร้างสวนป่า "เบญจกิติ" | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ได้มีการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบกรอบกระบวนการดำเนินงานจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” (Timeline) โดยให้รวมการออกแบบสวนป่า การรื้อถอน และการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ ไว้ในคราวเดียวกัน ซึ่งการยาสูบแห่งประเทศไทยได้ปรับแผนการส่งมอบพื้นที่ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ ดังกล่าว โดยจะทยอยส่งมอบพื้นที่ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และจะส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ ซึ่งกรมธนารักษ์จะสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ คู่ขนานกับการส่งมอบพื้นที่ โดยจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกแบบรายละเอียดได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ และจะก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13496 | มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ | นร | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การจัดซื้อและการส่งมอบน้ำมันปาล์มจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวนรวม ๑๖๐,๐๐๐ ตัน เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วเสร็จครบถ้วนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13497 | การส่งเสริมการใช้ยางพาราเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง/ปรับปรุงถนน | นร05 | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้าง/ปรับปรุงเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนสายรองที่เชื่อมต่อถนนสายหลักไปยังหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ โดยให้มุ่งเน้นใช้ยางพาราเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง/ปรับปรุงถนนดังกล่าว เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้น้ำยางพาราในประเทศให้เพิ่มขึ้นและสร้างสมดุลของราคายางพาราให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13498 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในกรอบวงเงิน ๖,๕๗๐.๔๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. ขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. จัดทำแผนธุรกิจ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง จัดทำแนวทาง open access ให้ผู้ประกอบการรายอื่นใช้ทางรถไฟได้ กำหนดรูปแบบการจัดการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและสถานีรถไฟ จัดทำแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคม จัดระบบการบริหารจัดการการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จอดแล้วจร (๒) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีและสนับสนุนการใช้บริการของโครงการฯ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (๓) ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ในช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (๔) ให้ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยไม่กีดขวางทางไหลของน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก ตำบลบางพูด ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมืองปทุมธานี และตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก ตำบลบางพูด ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมืองปทุมธานี และตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท อย.๕๐๔๒ กับสถานีรถไฟ ทางรถไฟ และย่านสถานีรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13499 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 6,184 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง เชียงราย จังหวัดเชียงราย 1 หลัง | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๑๘๔ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ๑ หลัง จากวงเงิน ๑๓๒.๐๖ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๑๔๕.๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13500 | ผลการเยือนภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | กต | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนภูมิภาคคันไซ (จังหวัดโอซากา จังหวัดวากายามะ และจังหวัดเกียวโต) ประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามผลการเยือนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนจังหวัดโอซากา เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และคณะได้เข้าร่วมสัมมนาการลงทุนในหัวข้อ “Thailand : Advancing ASEAN-Japan Partnership” โดยมีนักลงทุนจากจังหวัดโอซากาและจังหวัดอื่น ๆ ในภูมิภาคคันไซเข้าร่วมกว่า ๕๐๐ คน โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ ได้แก่ การย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นในระดับท้องถิ่น การแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดโอซากาและภูมิภาคคันไซซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นของญี่ปุ่น และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด G20 ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ และมหกรรม World Expo 2025 ในปี ๒๕๖๘ และการสร้างความมั่นใจต่อเสถียรภาพทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในระยะต่อจากนี้ โดยเฉพาะภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยรัฐบาลชุดใหม่จะยังสานต่อนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่สำคัญต่อไป ๒. การเยือนจังหวัดวากายามะ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และนายโยชิโนบุ นิสะกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ ได้หารือและเห็นพ้องกันที่จะผลักดันความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ในระดับท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านการเรียนรู้จุดแข็งของกันและกัน โดยขณะนี้จังหวัดวากายามะอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกความเข้าใจกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเขินกับจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ แสดงความพร้อมที่จะช่วยผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ และขอให้จังหวัดวากายามะช่วยพิจารณาแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่จังหวัดวากายามะมีจุดแข็ง เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของเกษตรกรและท้องถิ่นของไทย ๓. การเยือนจังหวัดเกียวโต เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และนายทาคาโทชิ นิชิวาคิ ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต ได้หารือและเห็นพ้องกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ในระดับท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของกันและกัน โดยต่อยอดจากความร่วมมือที่จังหวัดเกียวโตมีกับไทย ได้แก่ ความร่วมมือด้านเมืองอัจริยะกับจังหวัดเชียงใหม่และการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาระหว่างกัน ความร่วมมือในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม การส่งเสริมการลงทุนของเอกชนจากจังหวัดเกียวโตในไทย โดยเฉพาะในสาขาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การส่งเสริมให้แรงงานไทยไปทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของจังหวัดเกียวโต และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาของจังหวัดเกียวโตไปจัดตั้งสำนักงานในไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโตและนักลงทุนของจังหวัดเกียวโตเยือนไทยเพื่อเข้ามาศึกษาศักยภาพและโอกาสการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย
|
.....