ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 680 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 13581 - 13600 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13581 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 46 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560 - 30 กันยายน 2561) | นร | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๖ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๐ กันยายน ๒๕๖๑) ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การส่งเสริมและสร้างบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์ในแต่ละพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ด้านการต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลพิจารณาปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานที่แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานที่สำคัญที่เป็นรูปธรรมและชัดเจน เช่น ข้อมูลเชิงสถิติด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า/ที่ดินทำกิน การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และการปฏิรูปด้านต่าง ๆ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13582 | ผลการประชุมหารือทวิภาคีไทย - ตูนิเซีย ครั้งที่ 1 | กต | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือทวิภาคี (Bilateral Consultations) ไทย-ตูนิเซีย ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๑ ณ กรุงตูนิส สาธารณรัฐตูนิเซีย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนาย Bachtobji รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศตูนิเซียเป็นประธานร่วมการประชุมฯ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นและหารือประเด็นความร่วมมือด้านต่าง ๆ ได้แก่ การค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว การเกษตร การศึกษา ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ด้านกงสุล การติดตามความตกลงที่คั่งค้างและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบเวทีภูมิภาคและระหว่างประเทศ รวมทั้งฝ่ายตูนิเซียได้เสนอร่างความตกลงฉบับใหม่จำนวน ๓ ฉบับ เพื่อให้ฝ่ายไทยพิจารณา ได้แก่ (๑) ร่างบันทึกความเข้าใจด้านการเกษตร (๒) ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา และ (๓) ร่างอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดทำตารางติดตามสถานะความตกลงเพื่อเป็นแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ต่อไป และมอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น การขยายความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกัน การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และความร่วมมือด้านการเกษตร เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13583 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสามปี 2561 | นร11 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสามปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสปี ๒๕๖๑ เทียบกับไตรมาสสามปี ๒๕๖๐ (๑) การจ้างงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑.๗ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรเป็นครั้งแรกในรอบ ๒๒ ไตรมาส สถานการณ์การจ้างงานและตลาดแรงงานมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขั้น แต่ยังคงต้องติดตามและเฝ้าระวังความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนและผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมทั้งความล่าช้าในการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว (๒) หนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีสัญญาณปัญหาการชำระหนี้ ซึ่งสะท้อนจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัว ร้อยละ ๘.๔ การผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อบัตรเครดิตยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน (๓) จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕.๒ โดยเฉพาะโรคหัดที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว (๔) ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ ๗.๕ และ ๑๓.๗ ตามลำดับ (๕) คดีอาญารวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๓.๓ โดยคดีชีวิตร่างกายและเพศ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ลดลง ร้อยละ ๑๑.๗ และ ๙.๘ ตามลำดับ ขณะที่คดียาเสพติดเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๙.๕ และ (๖) การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๑๓.๑ จำนวนผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ ๑๗.๔ และร้อยละ ๒๘ ตามลำดับ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ๒. สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ (๑) การฆ่าตัวตายในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่พบว่ามีคนที่พยายามฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายสำเร็จถึงกว่า ๑๐ เท่าตัว โดยมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ ๓,๙๓๔ คน ในปี ๒๕๖๐ สาเหตุของการฆ่าตัวตายส่วนหนึ่งมาจากโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นอายุ ๑๕-๑๙ ปี ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมากที่สุด และ (๒) มิติทางด้านแรงงานมีคะแนนและอันดับลดลงอย่างชัดเจน โดยลดลงมาอยู่อันดับที่ ๔๔ จากอันดับที่ ๓๘ ในปี ๒๕๖๐ และอยู่ในอันดับที่ ๕ ของกลุ่มประเทศอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13584 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายออมสิน สิงหกลางพล และนายทศนารถ นุตาคม) | นร06 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และวันที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมเกษียณอายุราชการ ตามลำดับ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายออมสิน สิงหกลางพล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๒. นายทศนารถ นุตาคม ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมเกษียณอายุราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13585 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางเจิดฤดี ชินเวโรจน์) | ศธ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเจิดฤดี ชินเวโรจน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13586 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 | กค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ซี่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. FIDF3) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๑ เดือน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เบิกเงินกู้เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๕๔๙๙ ต่อปี ๒. การกู้เงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออก R-Bill รุ่นอายุ ๓๖๔ วัน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๗๗๔๔๐ ต่อปี ๓. การออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และได้ออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินโดยการออก R-Bill จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13587 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2560 | ทส | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) ปัจจัยขับเคลื่อน (Drivers) ทิศทางการพัฒนา นโยบาย และแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ (๒) ภาวะกดดัน (Pressures) : สถานการณ์การใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่งและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๓) สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (States) (๔) สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง (๕) สถานการณ์ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งในระดับจังหวัด (๖) การวิเคราะห์สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ (๗) การตอบสนอง (Responses) ต่อสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ (๘) ข้อเสนอแนะการปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13588 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ และการกำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13589 | ขออนุมัติหลักการก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด อาคารชุดพักอาศัย บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมค่าควบคุมงานก่อสร้าง | ปช | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด อาคารชุดพักอาศัย บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมค่าควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ (๑) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี (๔ ชั้น) (๒) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น (๔ ชั้น) (๓) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต (๓ ชั้น) (๔) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปราจีนบุรี (๓ ชั้น) และ (๕) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชัยภูมิ (๓ ชั้น) ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๔๕๐,๔๓๕,๖๐๐ บาท โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้เงินคงเหลือสะสมสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน ๙๐,๐๘๗,๑๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ จำนวน ๓๖๐,๓๔๘,๕๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้บรรจุไว้ในสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายตามมาตรา ๑๑ (๔) ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงาน ป.ป.ช. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุมกำกับดูแลโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพิจารณาด้านราคาค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด อาคารชุดพักอาศัย บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบให้ครบถ้วนถูกต้องตามหลักวิชาช่าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่สำนักงาน ป.ป.ช. จะเสนอขออนุมัติก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพิ่มเติมในครั้งต่อไป ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. จัดทำข้อมูลปริมาณงานและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13590 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลมะนังตายอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลมะนังตายอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอำนาจนำที่ดินมาใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งควรติดตามดูแลให้เกษตรกรสามารถรักษาที่ดินที่ได้รับให้เป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เป็นไปตามเจตนารมณ์และขั้นตอนตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13591 | ขออนุมัติดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ (โครงการอ่างเก็บน้ำยางนาดี จังหวัดชัยภูมิ เดิม) มีกำหนดแผนงานโครงการ ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๗) กรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น ๓,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และอนุมัติหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน สามารถจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพในกรณีที่กรมชลประทานไม่สามารถจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบหรือราษฎรไม่ประสงค์จะรับที่ดินแปลงอพยพ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนงานปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข และพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๒๒,๕๒๓,๔๑๓.๘๔ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการงานบ่อก่อสร้างอาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าใช้จ่ายในการเตรียมงานเบื้องต้น ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนที่เหลือให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแลโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งรัดดำเนินการในการจัดหาที่ดินและเตรียมความพร้อมในการดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นธรรมแก่ประชาชน และควรพิจารณาทบทวนข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินและสภาพเศรษฐกิจสังคมของพื้นที่โครงการฯ ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ในการทบทวนมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความเหมาะสมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13592 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองโกเธนเบอร์ก ราชอาณาจักรสวีเดน (นางพีอา ออร์เกรน) | กต | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางพีอา ออร์เกรน (Mrs. Pia Orrgren) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองโกเธนเบอร์ก ราชอาณาจักรสวีเดน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเมืองโกเธนเบอร์ก สืบแทน นายเคนเนท ออร์เกรน (Mr. Kenneth Orrgren) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13593 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 | นร04 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) โดยนายกรัฐมนตรีตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดลำปาง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13594 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... | คค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงคลองสามประเวศ แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตำบลบางเตย ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลบ้านสวน ตำบลหนองข้างคอก ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี ตำบลบางพระ ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา ตำบลนาเกลือ ตำบลหนองปรือ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่ ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และตำบลสำนักท้อน ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อก่อสร้างย่านสถานี ทางเข้าออกสถานี ทางรถไฟ และดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน หรืออยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืนที่ดินเพื่อดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑) และเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการส่งมอบที่ดินที่จะเวนคืนให้ครบถ้วนเพื่อให้ดำเนินโครงการฯ ได้ และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น (๑) กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต (๒) รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินกระบวนการขั้นตอนการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในโครงการฯ เพื่อให้ รฟท. สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ในการจัดหาและส่งมอบที่ดินให้แก่เอกชนคู่สัญญาได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการฯ และ (๓) ให้ รฟท. พิจารณาการกำหนดแนวเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามความจำเป็นเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบการเวนคืนที่ดินของประชาชน และช่วยให้ รฟท. ควบคุมวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13595 | ร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร09 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยยังไม่ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๖ จนกว่าการโอนส่วนงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) จะแล้วเสร็จตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ และรองรับสภาพนิติบุคคลของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ให้ยังคงดำรงอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกานี้ และในระหว่างที่ยังดำเนินการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่แล้วเสร็จ ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) กรณีพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เนื่องจากยุบเลิกหน่วยงานนั้น ให้ได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้หรือเงินสะสมของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13596 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก พ.ศ. .... | พณ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การห้ามส่งออกอาวุธและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธทุกประเภทไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ และปรับปรุงประกาศดังกล่าวขึ้นใหม่ โดยกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และเพิ่มเติมข้อยกเว้นที่มิให้ใช้บังคับกับกรณีการส่งออกหรือนำผ่านเครื่องแต่งกายที่ใช้สำหรับการป้องกัน รวมถึงเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกสนามเพื่อนำไปใช้เฉพาะตัวเป็นการชั่วคราวสำหรับบุคลากรของสหประชาชาติ ผู้แทนสื่อมวลชนผู้ปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๔๒๔ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้เพิ่มเติมการอ้างมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ในบทอาศัยอำนาจ และควรกำหนดระยะเวลาสิ้นผลของร่างประกาศฯ ให้สอดคล้องกับพันธกรณีที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อมติ ที่ ๒๔๒๔ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ซึ่งกำหนดระยะเวลาสิ้นผลของมาตรการให้ใช้บังคับจนถึงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13597 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... | สว | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ และการให้สำนักงานศาลยุติธรรมจัดทำแผนแม่บทในการจัดตั้งศาลในภาพรวมทั้งประเทศที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ มาตรการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน โดยพิจารณาถึงประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชนกับแผนแม่บทดังกล่าว ทั้งนี้ ควรพิจารณายกฐานะศาลในต่างจังหวัดเฉพาะเท่าที่จำเป็น รวมทั้งในการจัดตั้งศาลขึ้นใหม่ควรพิจารณาเขตอำนาจศาลที่จะจัดตั้งขึ้นให้สอดคล้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเขตอำนาจของพนักงานสอบสวน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13598 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จำนวน 2 ฉบับ | อก | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตให้โรงงานสามารถระบายน้ำทิ้งโดยวิธีเจือจางได้ และกำหนดค่ามาตรฐานของปริมาณสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้ประกอบการโรงงานจัดทำรายงานข้อมูลปริมาณการผลิต การใช้ การครอบครอง การปลดปล่อย และการเคลื่อนย้ายสารเคมีหรือสารมลพิษออกจากโรงงาน เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและติดตามให้เป็นไปตามกฎหมาย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำทำเนียบการปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ รวมทั้งพัฒนาระบบและกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการควบคุม เฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบการปล่อยมลพิษ และการจัดการของเสียจากการผลิต เพื่อเพิ่มบทบาทและความรับผิดชอบของภาคเอกชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13599 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... | กค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ครอบคลุมการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนในกรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ไม่ได้สนับสนุนการให้สินเชื่อ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าในการรับประกันภัยตามกฎกระทรวง และรวมถึงการรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยหรือองค์กรอื่น จะเป็นการรับประกันภัยในกรอบของการรับประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองที่รัดกุมและมีความชัดเจนในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพื้นที่และประเทศปลายทางที่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกัน moral hazard ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ ธสน. ได้ในอนาคต และประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ผู้ลงทุนธนาคารของผู้ลงทุน และประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13600 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย | กต | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของ ตุน ดร.มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือทวิภาคีระหว่างกันในประเด็นสำคัญ ได้แก่ ด้านการเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านการค้า การเกษตร และการท่องเที่ยว ด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน รวมทั้งเร่งรัดให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจและสนธิสัญญาต่าง ๆ ที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าว เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับ (๑) ประเด็นการขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัมเป็น ๒๔ ชั่วโมง ควรให้มีการทดลองใช้กับรถขนส่งสินค้าก่อนเป็นเวลา ๖ เดือน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่ายและประเมินสถานการณ์ก่อนว่าได้รับประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ ก่อนที่จะพิจารณาแก้ไขกฎระเบียบและดำเนินการอย่างเป็นทางการต่อไป (๒) ฝ่ายไทยควรเตรียมการรองรับการปรับเปลี่ยนรัฐบาลมาเลเซียชุดต่อไป เนื่องจากอาจมีการปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๓) ประเด็นบุคคลสองสัญชาตินั้น การดำเนินงานทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลทางชีวภาพบุคคล (Biometrics) ด้วยระบบฐานข้อมูลของทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกัน ควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทางเทคนิคของไทยได้มีโอกาสหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....