ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 680 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13581 - 13600 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13581 | กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ | นร | 12/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นกลไกหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13582 | สรุปรายงานการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว World Travel Market (WTM) 2018 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร | กก | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว World Travel Market (WTM) 2018 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๕-๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยงาน WTM 2018 เป็นการส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในตลาดท่องเที่ยวสหราชอาณาจักร ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และเจรจาธุรกิจระหว่างกัน โดยในส่วนของประเทศไทยได้ชูจุดขายอเมซิ่งไทยแลนด์ “วิถีกิน วิถีถิ่น” ซึ่งได้มีการจัดพื้นที่ภายในงานสำหรับการเจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย การนำเสนอภาพแหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่จัดแสดงภายใต้แนวคิด “Eat Thai Visit Thai” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว เป็นต้น สำหรับพิธีเปิดคูหาประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เป็นประธานในพิธีนำดอกไม้ที่ทำเป็นรูป “รอยยิ้ม” ที่สื่อถึงรอยยิ้มของคนไทยที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี นำไปวางติดใต้โลโก้ Amazing Thailand เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ประเทศไทย ทั้งนี้ ประโยชน์จากการเข้าร่วมงาน WTM 2018 เป็นการสร้างโอกาสที่ดีให้กับภาคเอกชนไทยได้พบปะเจรจาซื้อขายธุรกิจท่องเที่ยวกับคู่ค้า ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวชั้นนำในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนได้รับทราบแนวโน้มทางการท่องเที่ยวของโลก และสามารถใช้โอกาสในการเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นเวทีในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย และนำเสนอขายการท่องเที่ยวจังหวัดรอง เพื่อช่วยเพิ่มการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรและประเทศต่าง ๆ เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13583 | รัฐบาลสาธารณรัฐสิงคโปร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย (นายเควิน ฉ็อก) | กต | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเควิน ฉ็อก (Mr. Kevin Cheok) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางฉั่ว ซิ่ว ซาน (Mrs. Chua Siew San) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13584 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนธันวาคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๕ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ เรื่อง โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนว ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรมนูญมีทั้งหมด จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ เรื่อง โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๔๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๗ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมด จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13585 | ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อย่างเป็นทางการ | กห | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าเยี่ยมคำนับ นายเหวียน ฝู จ่อง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โดยได้หารือถึงการเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านแรงงาน การประมง และการส่งออกสินค้าประเภทรถยนต์ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยฝ่ายไทยกล่าวย้ำถึงความพร้อมในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ ซึ่งรัฐบาลไทยจะให้ความสำคัญกับการผลักดันความร่วมมือในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) ๒. การเข้าเยี่ยมคำนับ พลเอก โง ซวน หลิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยฝ่ายเวียดนามขอให้มีการจัดทำแผนพัฒนาความร่วมมือทางทหาร ระยะเวลา ๓ ปี (ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่ได้ลงนามไว้แล้ว รวมทั้งพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนของไทย และขอให้ไทยสนับสนุนการจัดกิจกรรมทางทหารอาเซียน เช่น การสวนสนามทางเรือ และการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ในโอกาสที่เวียดนามจะเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนในปี ๒๕๖๓ และได้เชิญให้ไทยเข้าร่วมโครงการพรมแดนมิตรภาพ ๖ ประเทศด้วย ๓. การเยี่ยมชมกองบัญชาการทหารเรือที่ ๕ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และการร่วมหารือกับ นาวาเอกพิเศษ เกวียน ซวย ตี่ ผู้บัญชาการภาคทหารเรือที่ ๕ ในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการความร่วมมือทางทหารในประเด็นต่าง ๆ เช่น การจัดระเบียบทางทะเล การแก้ปัญหาความมั่นคงทางทะเล และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและการไว้เนื้อเชื่อใจกันจะทำให้บรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13586 | รายงานผลการเข้าร่วมการประชุม Abu Dhabi International Petroleum Exhibition and Conference 2018 (ADIPEC) ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | พน | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุม Abu Dhabi International Petroleum Exhibition and Conference 2018 (ADIPEC) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายศิริ จิระพงษ์พันธ์) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุม ADIPEC ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย รวมทั้งร่วมกันอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืนในอนาคต โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เข้าร่วมอภิปรายร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราชอาณาจักรฮัซไมต์จอร์แดน และสาธารณรัฐซูดาน ในหัวข้อ “Building Foundations and Expanding Collaborations for a United Sustainable Global Energy Industry” โดยนำเสนอประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ควรกำหนดราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มประเทศต่าง ๆ โดยคำนึงถึงการเติบโตของอุปสงค์และอุปทานด้านพลังงาน รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas : LNG) (๒) ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบพลังงานไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น และเล็งเห็นถึงความสำคัญและการใช้ประโยชน์ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ (๓) ประเทศไทยมีแผนที่จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานโดยสร้างการเชื่อมโยงด้านพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ๒. ประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันทั้งที่เป็นสมาชิก OPEC และประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก OPEC ได้หารือร่วมกันและรายงานให้ที่ประชุม ADIPEC ทราบว่า กลุ่มประเทศ OPEC และกลุ่มประเทศผู้บริโภคน้ำมันจะร่วมมือกันรักษาความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานด้านราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องและมีราคาสมเหตุสมผล โดยกำหนดเป้าหมายราคาขั้นต่ำที่ ๖๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และให้กำลังการผลิตน้ำมันสูงขึ้นไปถึง ๑๐๐-๑๑๐ ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าน้ำมันจะไม่ขาดตลาด ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกะทรวงพลังงานและอุตสาหกรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานในมิติต่าง ๆ เช่น ปิโตรเลียม พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป และการหารือทวิภาคีกับประธานบริหารบริษัท CEPSA ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันเอกชนแบบครบวงจรของราชอาณาจักรสเปน โดยประธานบริหารบริษัท CEPSA ได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานของบริษัท CEPSA ในประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13587 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน พ.ศ. .... | นร01 | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนและที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการตรวจราชการและติดตามการปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และบรรลุเป้าหมาย วัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การสรรหาที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ควรมีความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลครอบคลุมทุกสหวิชาชีพ รวมทั้งร่างระเบียบดังกล่าวควรกำหนดนิยามของที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนในการสะท้อนข้อเท็จจริงและประเด็นปัญหาในพื้นที่ได้อย่างสุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส โดยในขั้นตอนการตรวจราชการในพื้นที่ ควรประมวลข้อมูลความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูล ความเห็น ข้อเท็จจริงจากประชาชนผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างรอบด้านตามเจตนารมณ์ของการตรวจราชการ นอกจากนี้ การกำหนดให้ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนมีหน้าที่เข้าร่วมการตรวจราชการกับผู้ตรวจราชการภาคประชาชนอาจมีผลทำให้ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนที่ได้รับทราบข้อมูลบางประการที่เป็นความลับของทางราชการ จึงควรเพิ่มมาตรการรักษาความลับของทางราชการในหมวดที่ ๓ มาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่และจริยธรรมของที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนในร่างระเบียบดังกล่าว ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13588 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีข้อมูล (Data Science and Technology) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม" ของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีข้อมูล (Data Science and Technology) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีความเห็นต่อข้อเสนอแนะว่า มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในด้านการบริหารจัดการงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมในสาขาเป้าหมาย และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และมีผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของทุกหน่วยงานเพื่อจัดทำเป็นภาพรวม ได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ www.codingthailand.org เพื่อสนับสนุนการพัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในการเรียนรู้ตรรกะการเขียนโปรแกรมและการใช้ข้อมูลขั้นพื้นฐานได้ด้วยตนเอง เป็นต้น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำรายงานเชิงลึก เรื่อง การพัฒนาเข้าสู่เศรษฐกิจฐานดิจิทัลของประเทศไทย (Insights on Digitalization of Thailand Industry White Paper) ได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนา ๓๙ แนวทาง ครอบคลุมถึงการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และทุนมนุษย์ นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้วิทยาการข้อมูลเพื่อการบริหารและพัฒนาประเทศ เช่น คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ จำนวน ๓๕ หน่วยงาน ปัจจุบันมีข้อมูลทั้งหมด ๓๘๘ รายการ ทั้งข้อมูลติดตามสภาพอากาศและข้อมูลติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13589 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีข้อสังเกตว่าการเพิ่มหน้าที่และอำนาจให้คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมออกระเบียบกำหนดเบี้ยประชุมสำหรับข้าราชการตุลาการซึ่งเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกานั้น คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมควรกำหนดจำนวนขั้นสูงของการจัดประชุมต่อเดือนไว้ให้ชัดเจน รวมทั้งควรกำหนดเบี้ยประชุมมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับภาพรวมของค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐด้วย ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้พิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้ยกร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่ในศาลฎีกาและศาลชั้นอุทธรณ์ พ.ศ. .... โดยพิจารณาถึงเนื้อหาของร่างระเบียบฯ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาเห็นชอบ รวมถึงได้คำนึงถึงประเด็นตามข้อสังเกตดังกล่าวด้วยแล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13590 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 | รง | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13591 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และ ๒๕๕๘ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑๒,๘๗๗.๑๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔.๘๒ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ และรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒๓๑,๖๕๓.๙๘ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๙๒ ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบกลาง งบรายจ่ายอื่น และงบลงทุนเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๓๗๕,๙๕๔.๑๑ ล้านบาท ๒. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และ ๒๕๕๘ รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒,๒๙๗,๗๓๓.๙๐ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒๗๗,๔๓๔.๔๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๗๓ เป็นผลจากรายการส่วนทุนที่เพิ่มขึ้น การดำเนินงานประจำปีที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย การปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13592 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | นร09 | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13593 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | นร09 | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของกรมศุลกากร เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13594 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วยการตรวจสอบการเงินและบัญชี การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และการตรวจสอบการดำเนินงาน ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13595 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สม | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกันซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13596 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน | ปช | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) มีข้อเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ได้แก่ (๑) ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล (๒) ข้อเสนอแนะต่อ สพฐ. และ (๓) ข้อเสนอแนะต่อกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งรัดการดำเนินมาตรการลดความไม่โปร่งใสในการรับนักเรียนอย่างจริงจัง ควบคู่กับการปรับเชิงระบบ/โครงสร้างในการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13597 | การดำเนินโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) | อื่นๆ | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (บจธ.) นำเงินงบประมาณตามมติคณะรัฐมนตรีที่คงเหลือ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ จำนวน ๔๐๐,๔๒๗,๐๓๗ บาท เพื่อดำเนินโครงการตามภารกิจของ บจธ. จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร วงเงิน ๒๓๓,๒๕๓,๕๓๕ บาท (๒) โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน วงเงิน ๔๔,๗๘๕,๕๐๑ บาท (๓) โครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน วงเงิน ๘๖,๐๓๒,๖๘๗ บาท และ (๔) โครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านที่ดินจากการดำเนินนโยบายของรัฐ จำนวน ๓๖,๓๕๕,๓๑๔ บาท โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑-๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่ บจธ. เสนอ ทั้งนี้ ให้ บจธ. เร่งดำเนินโครงการทั้ง ๔ โครงการ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมและบรรลุวัตถุประสงค์ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ และรายงานผลการดำเนินโครงการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อทราบ รวมทั้งให้ บจธ. ประสานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อนำผลการดำเนินโครงการไปบรรจุไว้ในผลการดำเนินงานของรัฐบาลด้วย ๒. ให้ บจธ. ประสานงานกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินโครงการ เช่น กลุ่มเป้าหมาย ความต้องการรับความช่วยเหลือ พื้นที่ดำเนินการ เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล รวมทั้งเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการและไม่เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศมากเกินไป ๓. ให้ บจธ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ เช่น ผู้เข้าร่วมโครงการอาจมีสัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเช่าที่ดินที่มีลักษณะเป็นสัญญาระยะยาว ดังนั้น ในการดำเนินโครงการ บจธ. ควรคำนึงถึงประเด็นที่จะต้องมีการยุบเลิกหน่วยงานตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงควรมีแผนรองรับในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งองค์กรใหม่ได้ทันตามกำหนดเวลา นอกจากนี้ บจธ. ควรมีการกำหนดรายละเอียดวิธีการดำเนินโครงการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และควรมีแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดจากการดำเนินโครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13598 | ขอเสนอให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ | กษ | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธานกรรมการ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า มิติวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ปลากัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติแล้ว มิติด้านประโยชน์ใช้สอย ปลากัดไทยได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยในหลายประการ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และการสร้างนวัตกรรมด้านการเพาะพันธุ์ ซึ่งนำไปสู่การนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์การประมงเพื่อสะท้อนความเป็นไทยได้ และมิติด้านความเป็นเจ้าของและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว “ปลากัดไทย” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Betta splendens) นั้น เป็นที่รู้จักในระดับสากล ผ่านชื่อ “Siamese Fighting Fish” หรือ “Siamese Betta” จึงเป็นเครื่องสะท้อนอย่างชัดเจนว่า ปลากัดไทยมีต้นกำเนิดมาจากไทย และสามารถใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ จึงเห็นควรให้ใช้เหตุผลนี้ประกาศให้ “ปลากัดไทย” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13599 | ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. .... | รง | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง วิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน การชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน การปิดงานและการนัดหยุดงาน คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ เพิ่มบทบัญญัติให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการแรงงานสัมพันธ์ ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษให้เหมาะสม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13600 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร และการกำกับดูแลอาหาร โดยกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศทำหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตอาหาร การผลิตเพื่อการส่งออก กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณาอาหาร การดำเนินการกับอาหารหรือภาชนะบรรจุที่พนักงานเจ้าหน้าที่ยึดหรืออายัดไว้ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กลไกในการพิจารณาอนุญาตมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาอัตราโทษปรับให้มีความเหมาะสม และให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิตอาหารเพื่อส่งออกต้องจัดเก็บเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับข้อกำหนดของประเทศผู้ซื้อหรือผู้สั่งซื้อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนั้น อาจเป็นการเพิ่มภาระของผู้ประกอบการในการจัดเก็บเอกสารดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวควรมีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และควรระบุคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตที่อาจยกเว้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือบางส่วนให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
.....