ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 470 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 9381 - 9400 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9381 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (1.นายรอยล จิตรดอน) | ศธ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รวม ๒๑ คน ตามข้อ ๓ ของกฎกระทรวงกำหนดจำนวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา การเลือก วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มกราคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. ประธานกรรมการ (จำนวน ๑
คน เลือกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ) นายรอยล จิตรดอน ประธานกรรมการการอาชีวศึกษา
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนากำลังคน ๒. กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน
(จำนวน ๓ คน) ๒.๑ นายประสาน ประวัติรุ่งเรือง กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน
(สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) ๒.๒ นายมานะผล ภู่สมบุญ กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน
(สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ๒.๓ นายประดิษฐ์ วัชระดนัย กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน (สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ๓. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(จำนวน ๑ คน) นายณรงค์ จันทะธรรม กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๔. ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ (จำนวน ๑ คน) รองศาสตราจารย์เกรียงไกร บุญเลิศอุทัย กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๕. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(จำนวน ๑๕ คน) ๕.๑ นายวณิชย์ อ่วมศรี ด้านอุตสาหกรรม ๕.๒ นายธีระ ณ วังขนาย ด้านอุตสาหกรรม ๕.๓ นางปัทมาวลัย รัตนพล ด้านธุรกิจหรือบริการ ๕.๔ นายสมบัติ แสงสว่างสัจกุล ด้านธุรกิจหรือบริการ ๕.๕ นายนิยม ไวยรัชพานิช ด้านเกษตรและประมง ๕.๖ นายบำเพ็ญ เขียวหวาน ด้านเกษตรและประมง ๕.๗ นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด ด้านกฎหมาย ๕.๘ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ด้านการเงินการคลังหรือการลงทุน ๕.๙ นายสินเธาว์ ชัยสวัสดิ์ ด้านการพัฒนากำลังคน ๕.๑๐ ว่าที่ร้อยตรี จรูญ ชูลาภ ด้านการจัดการอาชีวศึกษาภาครัฐ ๕.๑๑ รองศาสตราจารย์สมบัติ นพรัก ด้านการจัดการอาชีวศึกษาภาครัฐ ๕.๑๒ นายอดิศร สินประสงค์ ด้านการจัดการอาชีวศึกษาภาคเอกชน ๕.๑๓ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ด้านการจัดการศึกษาพิเศษ ๕.๑๔ นางศิริพรรณ ชุมนุม ด้านการประเมินคุณภาพการศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9382 | สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดเชียงใหม่ และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล) | กต. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่
เชียงราย และลำปาง ๒.
แต่งตั้งนายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดเชียงใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9383 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (นายวิชัย โภชนกิจ และ นายเติมศักดิ์ บุญชื่น) | พณ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ(๑๒
มกราคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายวิชัย โภชนกิจ ด้านการตลาด ๒. นายเติมศักดิ์ บุญชื่น ด้านการผลิต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9384 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ พ.ศ. 2563 | ดศ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕
ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน ๖,๙๗๐ คน ระหว่างวันที่ ๕-๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเมื่อออกนอกบ้าน
พบว่า ประชาชนสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านมากที่สุด (ร้อยละ ๙๖.๗) รองลงมาคือ
สวมหน้ากากเมื่อต้องพูดคุยกับบุคคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ญาติ/พี่น้อง (ร้อยละ ๙๔.๘)
และตรวจวัดไข้ก่อนเข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ (ร้อยละ ๙๑.๗) ๒.
การใช้เทคโนโลยีทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรค พบว่า
ประชาชนใช้แอปพลิเคชันไทยชนะสแกนเข้าออกห้าง/ร้านมากที่สุด (ร้อยละ ๖๒.๒) รองลงมาคือ
ชำระเงินผ่านทางออนไลน์แทนเงินสด (ร้อยละ ๔๕.๗) และซื้อสินค้าออนไลน์ (ร้อยละ
๔๔.๔) ๓. มาตรการ/แนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวภายในประเทศ
(ร้อยละ ๕๘.๓) รองลงมาคือ
ปิดประเทศเพื่อไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจได้เลยจนกว่าสถานการณ์จะสงบ
(ร้อยละ ๔๗.๓)
และให้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะหมดไป
(ร้อยละ ๔๐.๓) ๔. ผลกระทบด้านรายได้จากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่าได้รับผลกระทบด้านรายได้ (ร้อยละ ๗๑.๒)
โดยประชาชนในกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบมากที่สุด (ร้อยละ ๗๖.๗) รองลงมาคือ
ภาคใต้ชายแดน (ร้อยละ ๗๕.๓) และภาคใต้ (ร้อยละ ๗๓.๕) ทั้งนี้
เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือมากที่สุด ๓ อันดับแรก ได้แก่
การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน (ร้อยละ ๖๗.๘)
การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง (ร้อยละ ๕๑.๑) และการช่วยเหลือจากภาครัฐ (ร้อยละ ๓๓.๒) ๕.
ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการดำเนินมาตรการ/การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ประชาชนให้คะแนนความเชื่อมั่นฯ
เฉลี่ย ๗.๑๘ คะแนน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน) และความสุขในการดำรงชีวิต ประชาชนให้คะแนนความสุขฯ
เฉลี่ย ๗.๒๒ คะแนน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9385 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2563 | นร.53 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ๒๕๖๓ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๒ ดัชนีความเชื่อมั่นของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ๒๕๖๒
จำนวนและการจ้างงานในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ๒๕๖๒ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) รวมทั้งการเผยแพร่และการใช้ประโยชน์จากรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๓ เป็นต้น และ (๒) สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในช่วง ๙
เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9386 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ของการยางแห่งประเทศไทย ในส่วนงบทำการ จำนวนทั้งสิ้น ๑๔,๐๗๓.๖๔๗๙ ล้านบาท
ประกอบด้วย ทุน กยท. จำนวน ๓,๑๐๐.๕๒๘๔ ล้านบาท และกองทุนพัฒนายางพารา จำนวน
๑๐,๙๗๓.๑๑๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9387 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร (นายสุรสีห์ กิตติมณฑล) | กษ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่
๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9388 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สขค | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้สามารถยื่นคำขอต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดีและขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทางปกครองแทนได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้กับร่างกฎกระทรวงฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกันซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9389 | การเร่งรัดดำเนินการสรรหา การสอบคัดเลือก และการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ/ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ | นร. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการสรรหา
การสอบคัดเลือก
และการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการหรือปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐเพื่อทดแทนอัตราว่างจากการเกษียณและอัตราตั้งใหม่ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วแต่ยังไม่ได้มีการบรรจุแต่งตั้ง
แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานของประชาชนและบรรเทาผลกระทบของการว่างงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9390 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ กรณีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ จำนวน ๒
โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๒,๒๔๖.๗๔๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ของโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า
จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าของเทศบาลนครนครราชสีมา
จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน ๑,๐๔๖.๗๔๐๐ ล้านบาท และ (๒)
โครงการก่อสร้างอุทยานการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติของเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
วงเงิน ๑,๒๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่น เช่น
เงินรายได้หรือเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้
เอกชนร่วมลงทุนหรือดำเนินการทั้งหมด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9391 | การทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา | นร.10 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
โดยให้เพิ่มเติมตำแหน่งที่เห็นควรจัดสรรคืนทั้งหมด
เพื่อให้ส่วนราชการสามารถแต่งตั้งบุคคลได้อย่างต่อเนื่องทันที
เฉพาะตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) ประเภทอำนวยการ ได้แก่ (๑)
ตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดและตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัด (๒)
ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้และตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๓) ตำแหน่งผู้อำนวยการภายในสถาบันการอาชีวศึกษา
สำหรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น ให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น
ตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) เฉพาะตำแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนดเป็นตำแหน่งประเภทวิชาการและตำแหน่งประเภททั่วไป
ในหน่วยงานการศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น ร้อยละ ๑๐
โดยให้พิจารณาในภาพรวมของอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุทั้งหมดของหน่วยงานในปีงบประมาณนั้น
ๆ ตามที่สำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9392 | มาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVIC-๑๙) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
มาตรการเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ)
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ
กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการและประชาชน ๒.
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สิน (พักชำระหนี้)
สถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งได้มีการจัดกลุ่มลูกหนี้ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่
(๑) กลุ่มสีเขียว คือกลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ (๒) กลุ่มสีเหลือง
คือกลุ่มที่กลับมาชำระหนี้ได้บางส่วนไม่เต็มจำนวนที่ต้องจ่าย และ (๓) กลุ่มสีแดง
คือกลุ่มที่มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีการพิจารณามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละรายเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้
และการให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงมีการติดต่อลูกค้าเพื่อช่วยเหลือในเชิงรุก
สำหรับลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (ศบค.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9393 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 5 | กห. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๔๗๓,๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ระยะที่ ๕
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9394 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ
ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก
อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพทางธรรมชาติ
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9395 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - พ.ศ. 2569 | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป โครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่
๕ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๙๙๔,๐๕๖ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ จำนวน ๘๒๕,๕๔๖,๗๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๖๕,๑๐๙,๔๐๐ บาท
ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๖๖๐,๔๓๗,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๖๗๕,๔๔๗,๓๕๖
บาท เบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณสมทบ ทั้งนี้ ให้กรมศุลกากรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ
๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา
ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และคำนึงถึงภาระผูกพันในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซี่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9396 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานศาลปกครอง จำนวน ๓,๕๙๑,๗๘๗,๖๐๐ บาท
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9397 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๗ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง รวม ๑๔ การประชุม
ซี่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียน ปี ๒๕๖๓
ได้จัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
โดยภาพรวมของการประชุมฯ
ประเด็นสำคัญที่มีการหารือกันอย่างกว้างขวางและทุกประเทศให้ความสำคัญ ได้แก่
การขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน
การรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
การฟื้นฟูและสร้างอนาคตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุคหลังโควิด-๑๙ และสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
โดยมีเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมในครั้งนี้รวมทั้งสิ้น ๒๐ ฉบับ
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เสนอขอปรับปรุงตารางติดตามผลการประชุมฯ
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9398 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน ๒,๕๕๑,๑๒๔,๗๐๐ บาท
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9399 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ได้แก่
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ
ปี ๒๕๖๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
ระยะที่ ๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ
SMEs เพิ่มเติม
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) และขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพิ่มเสริมพลังฐานราก
โดยจัดสรรวงเงินที่เหลือประมาณ ๒,๙๘๗ ล้านบาท
จากการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงินสินเชื่อรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระไม่มีรายได้ประจำหรือเกษตรกรรายย่อย
คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๑๐
ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖
เดือน) สิ้นสุดรับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว
รวมจำนวน ๒๕,๖๓๕ ล้านบาท (ธนาคารออมสิน ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ๘,๖๒๕ ล้านบาท)
ยังมีวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวอีก จำนวน ๑๔,๓๖๕ ล้านบาท ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชน
จึงขอขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปเป็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๓
ขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(ธสน.) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี ๒๕๖๓
วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงผู้นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อพัฒนาประเทศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่
๑-๒ ร้อยละ ๒ ต่อปี ในปีที่ ๓-๕ คิดอัตรา Prime Rate-ร้อยละ
๒ ต่อปี และปีที่ ๖-๗ คิดอัตรา Prime Rate ต่อปี
(ปัจจุบันอัตรา Prime Rate ของ ธสน. อยู่ที่ร้อยละ ๖) ณ
วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ธสน. อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน ๒,๘๕๘ ล้านบาท
ยังคงมีวงเงินคงเหลืออีก จำนวน ๒,๑๔๒ ล้านบาท
จึงขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการดังกล่าว
จากเดิมสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
ออกไปเป็นสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9400 | เอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 1 | ดศ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๑ (The 1st ASEAN Digital Ministers Meeting :
ADGMIN ครั้งที่ ๑) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ มกราคม
๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ได้แก่ ร่างแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล
ค.ศ. .๒๐๒๕ (ASEAN Digital Masterplan 2025 : ADM
2025) ร่างแนวทางการดำเนินงานสำหรับกรอบการจัดการข้อมูลอาเซียนและกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน
(Implementing Guidelines for ASEAN Data Management Framework and ASEAN
Cross Border Data Flows Mechanism) ร่างปฏิญญาปุตราจายา (Putrajaya
Declaration) และร่างข้อริเริ่มอาเซียนในการอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดระบบนิเวศโอทีทีที่ยั่งยืน
(ASEAN Initiative for Facilitating Sustainable Over-the-Top OTT Ecosystem) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า
(๑) แผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. ๒๐๒๕ ควรผลักดันให้การดำเนินการเป็นไปในแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์สำคัญต่าง
ๆ ของอาเซียน อาทิ วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ แผนงานประชาคมอาเซียนทั้ง ๓
เสา และแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕
ตลอดจนสนับสนุนการฟื้นฟูและการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ตามกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน และ (๒)
ร่างแนวทางการดำเนินงานสำหรับการจัดการข้อมูลอาเซียนและกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน
ในส่วนของความร่วมมือกับภาคีภายนอกเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของอาเซียนในด้านการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
ควรคำนึงถึงความละเอียดอ่อนในประเด็นเรื่องการแข่งขันของภาคีภายนอกที่มีผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากระบบหรือเทคโนโลยีในด้านดังกล่าว
ซึ่งในเรื่องนี้ อาเซียนควรพิจารณาถึงความต้องการ ความพร้อม
และผลประโยชน์ของประเทศสมาชิกเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|