ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 451 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9001 - 9020 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9001 | รายงานผลการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2562 และแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการต่อต้านการทุจริต | นร.10 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒
และเห็นชอบในหลักการแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม และการต่อต้านการทุจริต ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยข้อเสนอแนวทางฯ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ปรับบทบาท
ภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ระดับกระทรวง
โดยกำหนดให้รับผิดชอบภารกิจที่ครอบคลุมงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
และเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.)” เป็น
“ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและต่อต้านการทุจริต (ศจท.)” ๑.๒ ปรับบทบาท
ภารกิจของกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมให้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
โดยเสนอให้จัดตั้งเป็นส่วนราชการ ใช้ชื่อว่า “ศจท.” และเสนอให้มีการกำหนดกรอบอัตรากำลังในเบื้องต้น
๒-๕ อัตรา และให้ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กรม
พิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังเพื่อปฏิบัติงานในเบื้องต้น ๒-๕ อัตรา
โดยพิจารณาตามความเหมาะสม ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น (๑)
การกำหนดบทบาทภารกิจอำนาจหน้าที่และกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานด้านจริยธรรมยังไม่ชัดเจน
(๒)
ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการให้สอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรี
(๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) (๓) กรณีที่กล่าวถึง ศปท. ระดับกระทรวง
ควรระบุให้ชัดเจนว่าหมายถึงส่วนราชการหรือหน่วยงานใด (๔) การให้ ศปท.
รับผิดชอบภารกิจการเสริมสร้างวินัยจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อน และ (๕) การใช้ชื่อ
“ศปท.” มีความเหมาะสมและสะท้อนแนวนโยบายของรัฐบาลแล้ว เป็นต้น ไปพิจารณาปรับปรุงแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพฯ
ให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนแจ้งเวียนให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9002 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2564 | นร.11 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/(คกง.) ๐๒๔ ลงวันที่ ๒๕ มกราคม๒๕๖๔ ข้อ ๔.๕ หน้า ๑๒
จากเดิม “อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะในส่วนของการใช้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการชำระค่าบริการในระบบขนส่งสาธารณะ
(ไม่รวมระบบขนส่งทางอากาศ)...” เป็น “อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะในส่วนของการใช้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการชำระค่าบริการในระบบขนส่งสาธารณะของผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล
ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ
(ไม่รวมระบบขนส่งทางอากาศ)...” ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการยกระดับเกษตรกรแปลงใหญ่ด้วยเกษตรกรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด
ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อนุมัติการยกเลิกและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของจังหวัดหนองคาย
และอนุมัติการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะ
ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
รวมทั้งรับทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ตลอดจนให้ความสำคัญกับศักยภาพและความสามารถของหน่วยงานเจ้าของโครงการ
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9003 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ | กค. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙
มิถุนายน ๒๕๑๙ เรื่อง เงินบำเหน็จ (โบนัส)
ประจำปีของพนักงานและลูกจ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างประจำของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
โดยปรับให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๕
ประเภทจ่ายโบนัสพนักงานคงที่ เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๒
รัฐวิสาหกิจประเภทที่จัดสรรโบนัสให้พนักงานได้เมื่อมีกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส
เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
ที่เห็นชอบการปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้
ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ เป็นต้นไป
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งพิจารณาแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานของรัฐวิสาหกิจที่ยังคงใช้หลักเกณฑ์จ่ายโบนัสพนักงานคงที่ให้เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานที่รัฐวิสาหกิจ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖) ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9004 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนธันวาคม 2563 | นร.11 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การพิจารณาแผนระดับที่ ๓
ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วงที่ผ่านมา การขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) การพัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์
(Super eMENSCR) และประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
คือ การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9005 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เพื่อเร่งรัดการสรรหาและบรรจุบุคคล เข้ารับราชการ | นร.10 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๒ มกราคม ๒๕๖๔ เพื่อเร่งรัดการสรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การเร่งรัดการดำเนินการสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ได้แก่ (๑)
แนวทางการเพิ่มโอกาสและช่องทางการสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค
ก.) ประจำปี ๒๕๖๔ (๒) แนวทางการเรียกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
(๓) การสนับสนุนการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการโดยวิธีอื่น
นอกเหนือจากวิธีการสอบแข่งขัน และ (๔) การสำรวจสถานะอัตราว่างของทุกส่วนราชการ ๒.
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ของส่วนราชการ
ได้แก่ (๑) การจ้างพนักงานราชการตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ รอบที่ ๕
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗) และ (๒)
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ด้วยระบบพนักงานราชการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9006 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 (เพิ่มเติม) | กษ. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบค่าบริหารจัดการโครงการสำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ครัวเรือนละ ๗ บาท
กรณีถ้ามีครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๒๐๐,๐๐๐
ครัวเรือน เพื่อให้ครอบคลุมการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทั่วถึง
โดยเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณเดิมจากโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย
ปี ๒๕๖๓ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓
วงเงินงบประมาณ จำนวน ๓,๔๔๐.๐๕ ล้านบาท ๑.๒ มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรได้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ๑.๓
เห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี ๒๕๖๓ จากเดิมสิ้นสุดวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณ เข่น เห็นควรจัดทำรายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวนลำไยได้รับจากการดำเนินโครงการฯ
เพื่อให้มีข้อมูลประกอบการกำหนดแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการลำไยที่เหมาะสม
เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9007 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2563 | นร.52 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เฉพาะในส่วนของเรื่อง (๑)
โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน
และการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๒)
แผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
๒.
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้นำเรื่องที่ขอถอนคืนทั้ง ๔ เรื่อง
ได้แก่ (๑) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการปรับผังเมืองเพื่อรองรับเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา (๒) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการจัดสรรโควตาพลังงานไฟฟ้า
๑,๗๐๐ เมกะวัตต์
เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการพัฒนาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม
๒๕๖๒ (๓) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตามแผนการลงทุนของภาคเอกชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ และ (๔) แผนพัฒนาระบบสาธารณสุข ๔ อำเภอชายแดนของจังหวัดสงขลาและงานสาธารณสุขต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตอำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗) ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9008 | การรับรองแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงข้ามชาติ (The Sub - Regional Meeting on Counter Terrorism and Transnational Security) ครั้งที่ 3 | นร.08 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแถลงการณ์ร่วม
(Joint Statement) การประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงข้ามชาติ
(The Sub-Regional Meeting on Counter Terrorism and
Transnational Security) ครั้งที่ ๓ โดยมีสาระสำคัญของแถลงการณ์ฯ
มีรายละเอียด เช่น
การแสวงประโยชน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง
การแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามและแนวปฏิบัติที่ดี
และความร่วมมือในการจัดตั้งเวทีหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านนโยบายการต่อต้านการก่อการร้าย
เพื่อหาแนวทางและแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการประเด็นทางนโยบายที่เกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย
รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนักรบก่อการร้ายต่างชาติ เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศด้านความมั่นคงและข้อริเริ่มต่าง
ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันภัยคุกคามและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทั้งของไทยและของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9009 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางชนิดา กมลนาวิน) | กต. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นางชนิดา กมลนาวิน ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ๒. นางรุยาภรณ์ สุคนธทรัพย์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9010 | ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564)] | ปสส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional
Comprehensive Economic Partnership Agreement) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไปแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9011 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กต. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมาเลเซียเจ้าภาพจัดการประชุมฯ
ได้กำหนดหัวข้อหลักของการประชุมฯ คือ
“การใช้ประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพมนุษย์เพื่ออนาคตที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและมุ่งสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน
การปรับเปลี่ยน การจัดลำดับความสำคัญ ความก้าวหน้า” โดยมีประเด็นสำคัญ ๓ ประเด็น
ได้แก่ การพัฒนาบริบทของการค้าและการลงทุน
การมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจผ่านเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยี
และการขับเคลื่อนความยั่งยืนรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญรวม
๓ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาผู้นำเฃตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๗ (ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ค.ศ.
๒๐๒๐) วิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ค.ศ. ๒๐๔๐ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ
ได้หารือในประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบลต่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่
การร่วมมือกันต่อสู้ บรรเทา และฟื้นฟูภูมิภาคจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
อนาคตของเอเปคภายหลังการสิ้นสุดของเป้าหมายโบกอร์ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนเสรี
เปิดกว้าง เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ โปร่งใส และคาดการณ์ได้
การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
และการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับปรุงตารางติดตามผลการประชุมฯ
โดยเพิ่มสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมในกำกับของนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ครอบคลุมในประเด็นการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย
ตามความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9012 | การเตรียมการด้านงบประมาณสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทย ปี 2565 | กต. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓,๐๒๓,๑๗๕,๗๐๐ บาท
เพื่อเป็นเงินสนับสนุนให้แก่หน่วยสนับสนุนนโยบายของเอเปค (Policy
Support Unit : PSU) และเพื่อจัดการประชุมและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(Asia Pacific Economic Cooperation : APEC) หรือเอเปค ในปี ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) ประกอบด้วย
กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ จำนวน ๒,๑๘๒,๔๐๙,๐๐๐
บาท และ ๘๔๐,๗๖๖,๗๐๐ บาท ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวขอให้กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นตามภารกิจเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เช่น
กระทรวงการต่างประเทศควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดจากการจัดประชุมดังกล่าว
สำหรับการตั้งคำของบประมาณขอให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9013 | มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2564 | กค. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ในอัตราร้อยละ ๙๐ ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ.
๒๕๖๔ และมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่สร้างเสร็จพร้อมขายเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมากและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม
รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงาน
และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดจำนวนภาษีในอัตราร้อยละเก้าสิบ
ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตามมาตรา ๔๒ หรือมาตรา ๙๕ แล้วแต่กรณี
สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ใช้ประโยชน์อื่น และทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
โดยให้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคาร ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ (๑)
ที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์
จากผู้จัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือ (๒)
ห้องชุดจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอาคารชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย
โดยการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน
โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
และกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการสำรวจผลการจัดเก็บภาษี ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๖๓
ในส่วนของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่ามีการสูญเสียรายได้เป็นจำนวนเท่าใด
และความเป็นไปได้ในการเพิ่มรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ด้วยการนำเงินภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้
เพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๕.
ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของ
อปท. และก่อให้เกิดภาระในการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท.
โดยอาจพิจารณาใช้การกำหนดอัตราการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้มีความแตกต่างกันตามประเภทการใช้ประโยชน์
ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ของ อปท.
และลดภาระทางงบประมาณได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมกลุ่มถึงประชาชนและธุรกิจที่ประกอบการในรูปแบบบุคคลธรรมดาด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9014 | การกำหนดมูลค่าแผนงานและโครงการพัฒนาตามมาตรา 20 (8) แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร.11 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการกำหนดมูลค่าแผนงานและโครงการพัฒนาตามมาตรา
๒๐ (๘) แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามมติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑
การลงทุนแผนงาน/โครงการพัฒนาของส่วนราชการที่มีมูลค่าตั้งแต่ ๕,๐๐๐ ล้านบาท
และไม่ได้ใช้แหล่งเงินจากเงินงบประมาณ โดยการลงทุนจะใช้จ่ายจากแหล่งเงิน อาทิ เงินกู้
การให้เอกชนร่วมลงทุน และแหล่งเงินอื่น ๆ
เห็นควรมอบหมายให้ส่วนราชการโดยความเห็นชอบของกระทรวงเจ้าสังกัด
จัดทำข้อเสนอแผนงาน/โครงการที่มีรายละเอียดครบถ้วนเพียงพอเสนอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒
การลงทุนแผนงาน/โครงการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ
เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจโดยความเห็นชอบของกระทรวงเจ้าสังกัดต้องจัดทำงบลงทุนเต็มตามโครงการจัดส่งให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๐ อย่างเคร่งครัด ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการเสนอแผนงานและโครงการพัฒนาที่ชัดเจน
เพื่อให้หน่วยงานสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับแนวทางที่สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติเสนอมาในครั้งนี้มีผลบังคับใช้แล้ว
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรกำหนดองค์ประกอบของแผนงานและโครงการที่จำเป็นและเหมาะสม
เพื่อให้หน่วยงานรับผิดชอบแผนงานหรือโครงการปฏิบัติตามอย่างครบถ้วนเพียงพอ
และเป็นแนวทางเดียวกันได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว นอกจากนี้
หากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีข้อมูลเหตุผลการกำหนดวงเงินมูลค่าดังกล่าว
จะส่งผลให้เกิดความเข้าใจ ยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ ดียิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9015 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 38 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๓๘ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ซึ่งประกอบด้วย (๑) การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๘ (๒)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม ครั้งที่ ๑๗ (๓) การประชุมรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๔ (๔)
การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ ครั้งที่
๖ (๕)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ ครั้งที่
๔ (๖) การหารือทวิภาคีและพหุภาคีอื่น ๆ และ (๗) การประชุมภาคธุรกิจพลังงานอาเซียน
ประจำปี ๒๕๖๓
ซึ่งจากการประชุมดังกล่าวไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเสริมความร่วมมือด้านพลังงานในภูมิภาคกับประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศคู่เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ
อันนำไปสู่แนวทางในการพัฒนาภาคพลังงานของไทยต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9016 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. .... | ทส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยเพิ่มพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม ๓ บริเวณ เป็น ๔
บริเวณ โดยเพิ่มบริเวณที่ ๔ ได้แก่ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
แก้ไขชื่อหน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ให้เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ เห็นควรใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการใช้กรอบแนวทางการบริหารจัดการการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกับแนวทางการพัฒนาเมือง รวมทั้งภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9017 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | สปสช. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ประกอบด้วย งบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๑๙๘,๘๙๑,๗๘๙,๔๐๐
บาท และงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) วงเงิน
๒,๒๐๓,๑๐๘,๖๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
มอบหมายให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการและบริหารจัดการกองทุนฯ และควบคุมดูแล
สปสช. ให้บริหารกองทุนฯ ให้เป็นไปตามการมอบหมายดังกล่าว ตามที่ สปสช. เสนอ ๓.
ให้ สปสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมบางประการของกระทรวงสาธารณสุข
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
และมติคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข ในคราวประชุมครั้งที่
๑๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้ สปสช. ดำเนินการเพิ่มเติม
ดังนี้ ๓.๑
เร่งศึกษาต้นทุนบริการที่แท้จริงของหน่วยบริการต่าง ๆ อาทิ ศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย
คลินิกและโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงต้นทุนบริการของการรักษาพยาบาลต่าง ๆ เพื่อให้การประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดทำงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ในขั้นตอนการจัดทำคำของบประมาณในปีงบประมาณต่อ
ๆ ไป
ให้หารือร่วมกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมของรายการคำของบประมาณ
และปรับปรุงให้ถูกต้องก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.
มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับ สปสช. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๔.๑ บูรณาการแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
รวมถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพที่เหมาะสมสำหรับดำเนินการในหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ
โดยให้จัดทำกลไกการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานดังกล่าวที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดตัวชี้วัดแต่ละรายการให้มีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน
และกำหนดให้ความสามารถในการลดภาระงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการดำเนินงานด้วย ๔.๒ สำรวจ ศึกษา
และวิเคราะห์ขีดความสามารถของระบบสุขภาพปฐมภูมิ ทั้งในด้านบุคลากร
อุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็น และงบประมาณ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาและยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิให้สามารถรองรับความต้องการและขอบเขตในการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๔.๓
ประเมินความพร้อมของระบบสาธารณสุขในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยคำนึงถึงมิติทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน
บริบทการถ่ายโอนภารกิจสาธารณสุขไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รูปแบบกลไกการบริหารจัดการที่เหมาะสม มีความยั่งยืน และมีประสิทธิภาพและปัจจัยแวดล้อมต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนการพัฒนาและยกระดับระบบสาธารณสุขที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์
รวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคระบาด โรคร้ายแรง
และโรคติดต่อที่อุบัติใหม่อย่างเป็นระบบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9018 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางเทพวัลย์ ภรณวลัย) | พม. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๓ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางเทพวัลย์ ภรณวลัย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกันตพงศ์
รังษีสว่าง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางจตุพร โรจนพานิช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9019 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสอาด ตรีพงษ์กรุณา และนางสายจินต์ อิสีประดิฐ) (นายสอาด ตรีพงษ์กรุณา) | สธ. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายสะอาด ตรีพงษ์กรุณา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นางสายจินต์ อิสีประดิฐ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9020 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสอาด ตรีพงษ์กรุณา และนางสายจินต์ อิสีประดิฐ) (นางสายจินต์ อิสีประดิฐ) | สธ. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายสะอาด ตรีพงษ์กรุณา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นางสายจินต์ อิสีประดิฐ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓
|