ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1958 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 39141 - 39160 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
39141 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครอง
ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง การช่วยเหลือค่าครอง ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่ม (บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนัก งานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม กลุ่ม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน และบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ) จัดให้ มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และจัด ทำรายละเอียดเพื่อเสนอขออนุมัติใช้เงินงบกลางกับสำนักงบประมาณโดยตรงโดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติในรายละ เอียดกับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 2. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ใชัจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตร การช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ให้หน่วยงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 10 มีนาคม 2552 (หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
39142 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. นโยบายงบประมาณ วงเงินงบประมาณ และโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3. ให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ภายในกรอบวงเงินที่กำหนดขึ้นใหม่และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 ตามที่ กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
39143 | การสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว | นร | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้การสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุก ภาคส่วนจะต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันดำเนินการโดยเร็ว 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยวและทบ ทวนมาตรการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552 ว่ายังควรคงไว้หรือขยายระยะ เวลาต่อไปอีก รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ และข้อเสนอจากภาคเอกชนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว ต่อไป 3. ให้สำนักงบประมาณรวบรวมข้อมูลการเบิกจ่ายงบประมาณรายการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้มี มติอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้วเกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และให้นำเสนอต่อ คณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งต่อไป 4. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมข้อมูลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการ ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
39144 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอ
โกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มี สาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตโครง การจัดรูปที่ดิน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
39145 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 พ.ศ. .... | สธ | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาประกอบโรค
ศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจ พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. กำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ ตามมาตรา 5 (5) แห่งพระราช บัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 2. กำหนดให้มีคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนจีน ประกอบด้วยกรรมการวิชาชีพซึ่งเป็นผู้แทน จากหน่วยงานต่าง ๆ และกรรมการวิชาชีพซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสามคน และกรรมการวิชาชีพ ซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน 3. กำหนดคุณสมบัติผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน 4. กำหนดให้บุคคลที่ได้รับหนังสืออนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยความรู้แบบแพทย์แผน จีนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิที่จะขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการ แพทย์แผนจีนได้แต่ต้องผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์ แผนจีนกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
39146 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยะลา พ.ศ. .... | มท | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยะลา พ.ศ. .... ตามที่
กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลยุโป ตำบลสะเตง ตำบลสะ เตงนอก ตำบลท่าสาป ตำบลพร่อน ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา และตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัด ยะลา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
39147 | การแต่งตั้งประธานคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) | ตช | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่าย ไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (International Law Enforcement Academy : ILEA) ซึ่งจะปฏิบัติหน้าที่ประธานร่วมของคณะกรรมการร่วมของสถาบัน ฯ 2. เห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย ฯ ให้สอดคล้อง กับภารกิจของสถาบัน ฯ และสภาวการณ์ในปัจจุบัน ดังนี้ 2.1 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการ 2.2 ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ 2.3 ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ 2.4 เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กรรมการ 2.5 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรรมการ 2.6 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ 2.7 อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กรรมการ 2.8 อธิบดีกรมศุลกากร กรรมการ 2.9 ผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรรมการ 2.10 ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศ เลขานุการ ว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
39148 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การขยายผลสู่สาธารณะเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ ดิน ป่า และการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง | สสป | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การขยายผลสู่สาธารณะเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ ดิน ป่า และการเกษตรตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สรุปได้ดังนี้ 1.1 ควรใช้ชุมชนและแผนชุมชนเป็นตัวตั้งในการขยายผลสู่สาธารณะ โดยรัฐทำหน้าที่ส่งเสริมและ สนับสนุนให้ชาวบ้านแต่ละชุมชนได้รับความรู้และเกิดความเข้าใจในเรื่องแหล่งน้ำ ดิน ป่า และการเกษตร อันจะ นำไปสู่การปรับใช้และประพฤติเป็นวิถีชีวิตต่อไป 1.2 ควรกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยวัตถุประสงค์อาจกำหนดไว้ 3 ประการ คือ เพื่อให้คนพึ่งตนเองได้ระดับหนึ่ง เพื่อให้คนอยู่กับผู้อื่นในสังคมได้อย่างสันติสุข และเพื่อให้คนอยู่ร่วมกับธรรม ชาติได้อย่างยั่งยืน 1.3 ควรมีการจัดการความรู้และการสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.4 ควรมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปฏิบัติขยายผลสู่สาธารณะ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ส่วนจังหวัดและอำเภอเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติการขยายผล ให้ราชการ ส่วนภูมิภาคเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านเทคนิค ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นหน่วยงานประสาน ให้สถาบันการ ศึกษาและสถาบันศาสนาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือจากองค์กรอื่น ๆ ในชุมชน ได้แก่ สหกรณ์ สื่อ มวลชน องค์กรเอกชน เป็นต้น 1.5 ควรมีระบบการติดตามและประเมินผลโดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ จัดทำคู่มือการติดตามและประเมินผลฉบับมาตรฐานกลางขึ้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ทำ การติดตามประเมินผลและให้ชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มีการประเมินตนเองเป็นระยะ ๆ 1.6 ควรจัดงบประมาณให้เพียงพอและดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อ ส่งเสริมให้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยต่อไป 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ร่วมกับกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบ คุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการ ปกครองท้องถิ่น และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
39149 | การขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกัน
ของรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในวันพุธที่ 22 และ วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
39150 | การรายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ | พณ | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
ภายในประเทศ ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ 1. การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 10 - 12 เมษายน 2552 ที่เมืองพัทยาได้ถูก ประกาศยกเลิก ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศโดยรวม ส่วนความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน-จีน ยัง ไม่มีการลงนาม สำหรับผลกระทบต่อการประชุมและการเจรจาอื่น ๆ ในกรอบอาเซียนที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ อาจมีไม่มากนัก 2. ผลกระทบต่อการส่งออกของไทย จากการประเมินเบื้องต้น โดยการสอบถามประเทศคู่ค้า สำคัญ และ 15 ปรเทศที่เข้าร่วมประชุมอาเซียนเช่น จีนและญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกถึงร้อยละ 52 ของ การส่งออกทั้งหมดของไทย ปรากฎว่ายังคงสั่งซื้อสินค้าและยืนยันเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทย 3. ผลกระทบต่อสถานการณ์ส่งออกในระยะยาว อาจจะเป็นผลมาจากบรรษัทข้ามชาติย้ายฐาน การผลิตจากประเทศไทยหรือตัดสินใจไปลงทุนในประเทศอื่นส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกของไทยกระทบ ไปด้วย 4. การดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ จากการตรวจสอบไม่พบการกักตุนสินค้า ราคาสินค้า ส่วนใหญ่ทรงตัว ไม่มีการฉวยโอกาสขึ้นราการสินค้าทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด 5. การฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศ จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ทำให้ ตลาดโลกขาดความเชื่อมั่นในด้านการค้าและการลงทุนของไทย โดยธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยอาจจะ มีผลกระทบค่อนข้างสูง
|
|||||||||||||||||||||||||||
39151 | สรุปรายงานสถานการณ์การชุมนุมก่อความไม่สงบ | สธ | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลรายงานสถานการณ์การชุมนุมก่อความไม่สงบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข.
เสนอ สรุปได้ดังนี้ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จัดตั้งศูนย์บัญชาการที่โรงพยาบาลบางละมุงและมีศูนย์สั่งการใหญ่ 1669 ที่โรงพยาบาลศูนย์ชลบุรี สำรองเตียงผู้ป่วยไว้ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จำนวน 80 เตียง ในโรงพยาบาล 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลบางละมุง โรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา โรงพยาบาลพัทยาเมมโมเรียล โรงพยาบาลอ่าวอุดม และโรงพยาบาลศูนย์ชลบุรี มีรถกู้ชีพจากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน จำนวน 20 คัน และหน่วยกู้ชีพจากมูล นิธิทีได้มาฐานอีก 60 คน มีบุคคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 496 คน จำนวนผู้บาดเจ็บฉุกเฉิน จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 10 - 11 เมษายน 2552 รวม 17 คน กรุงเทพมหานคร จัดตั้งวอร์รูมขึ้นที่กระทรวง สาธารณสุข วานแผนรองรับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้ ประสานงานกับศูนย์เอรวรรณ รั บผิดชอบในพื้นที่ กทม. ในส่วนกลางให้โรงพยาบาลราชวีถี เป็นด่านหน้าและมี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี สถาบันประสาทวิทยา สถาบันโรคทรวงอก และโรงพยาบาล เอกชนเป็นเครือข่าย สำรองเตียงว่างมากกว่า 100 เตียง สำรองคลังเลือดหมู่ละ 200 ยูนิต ทุกอย่างเตรียมความ พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมโรงพยาบาลรอบนอก กทม. เช่น โรงพยาบาลจังหวัดนนทบุรี ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาครและสมุทร ปราการ ให้เตรียมพร้อมทีมแพทย์ฉุกเฉิน ไว้ ณ ที่ตั้ง พร้อมปฏิบัติการทันที มีรถกู้ชีพจาก โรงพยาบาลภาครัฐและ เอกชน จำนวน 67 คัน และหน่วยกู้ชีพ 60 คัน มีบุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติหน้าที่จำนวน 1,369 คน จำนวน ผู้บาดเจ็บฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน 2552 รวม 135 คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
39152 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบข้อมูล และผลการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มี ความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีการขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการ์ฉุกเฉินที่มี ความร้ายแรง ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ 2. เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะ รัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ และให้ดำเนินการต่อไป ได้ 3. รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถาน การณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ สมช. เสนอ 4. ให้ สมช. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการกับร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457 และพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบริเวณ พื้นที่ใกล้เคียงไปพิจารณาด้วยว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสมและยุติธรรม เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ มากที่สุด โดยหน่วยงานที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องคัดกรองบุคคลอย่างจริงจัง และจัดให้มีการปฐมนิเทศ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมทั้งกำกับดูแลการใช้อำนาจตามกฎหมายของ เจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด และให้ความสำคัญกับการชี้แจงข้อร้องเรียนต่าง ๆ ให้ชัดเจน รวดเร็ว และดำเนินการ ลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยมิชอบอย่างจริงจัง 5. ให้ สมช. หารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) เกี่ยวกับการ ติดตามและประเมินผลการใช้กฎหมายดังกล่าว เช่น การใช้กฎหมายในการควบคุมตัวเพื่อขยายผลพิสูจน์ทราบ เครือข่าย การปรับเปลี่ยนทัศนคติการป้องปราบ การจำกัดขอบเขตโอกาสในการก่อการ บรรลุผลตามวัตถุ ประสงค์หรือไม่เพียงใด เหตุการณ์ความไม่สงบในแต่ละพื้นที่หลังจากขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ฯ แล้ว เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าใด เป็นต้น และเสนอข้อมูลและสถิติดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในกรณีที่จะต้องมีการเสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ฯ ครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
39153 | ขออนุมัติวงเงินกู้เพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ | กค | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ตามมาตรา 20 (1) แห่งพระ ราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 จำนวน 94,000 ล้านบาท เพื่อให้เงินคงคลังอยู่ในระดับที่เพียงพอและรองรับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยให้กระทรวงการคลังเป็น ผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะ สมและจำเป็น 2. ส่วนวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้เพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 สำนัก งบประมาณจะพิจารณาให้สอดคล้องกับการดำเนินการของกระทรวงการคลัง และวงเงินรวมของงบประมาณราย จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
39154 | กฎหมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ | นร | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
ซึ่งการจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะกรณีการชุมนุม สาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่าง เวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก เห็น สมควรมีกฎหมายเพื่อให้การใช้เสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะเป็นไปตามหลักการสากล และบทบัญญัติของรัฐธรรม นูญ และโดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เคยเสนอร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ศ. .... มาให้คณะ รัฐมนตรีพิจารณาแล้วครั้งหนึ่ง จึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาด ไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยให้ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายในเรื่อง ทำนองเดียวกันของประเทศต่าง ๆ ด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
39155 | ผลการประชุมสุดยอดแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย -มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT Summit) ครั้งที่ 4 | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมสุดยอดแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT Summit) ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 โดยสาระสำคัญของการประชุม ฯ ประกอบด้วย ข้อ เสนอแนะของผู้นำสามประเทศ โดยในส่วนของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเสริมสร้าง ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นส่วนสำคัญของนโยบายต่างประเทศของไทย โดยจะทำงานร่วมกับประเทศ เพื่อนบ้าน และหุ้นส่วนการพัฒนาเพื่อเดินหน้าความร่วมมือภายใต้กรอบ IMT-GT เร่งรัดให้มีการวางโครงการที่ชัด เจนสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจ (Economic Corridor) ของ IMT-GT ทั้ง 5 แนว ส่งเสริมให้มีการเพิ่มระดับความร่วมมือสาขาพลังงานทั้งด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สนับสนุนให้เพิ่ม ความใส่ใจต่อประเด็นภาวะโลกร้อน การร่วมกันสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของการผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์ การเกษตร และผลิตผลจากป่าไม้ในอนุภูมิภาค รวมทั้งเร่งรัดกระบวนการภายในประเทศในการเตรียมความพร้อม ต่อการลงนามความตกลงการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT ทั้งนี้ ที่ประชุม ฯ ได้มีมติรับรอง ถ้อยแถลงของผู้นำ (Joint Statement) โดยให้คำมั่นต่อความร่วมมือ IMT-GT และวิสัยทัศน์ที่มุ่งให้อนุภูมิภาคเป็น ดินแดนแห่งความสงบสุข ร่มเย็น และมีความเจริญ และเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้น และตระหนักถึงความสำคัญของ การพัฒนาความเชื่อมโยงตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจในอนุภูมิภาค IMT-GT ทั้ง 5 แนว โดยเรียกร้องทุกภาคส่วนให้ร่วม มือกันพัฒนาความเชื่อมโยง เป็นต้น กับเห็นชอบและรับรองแนวทางการดำเนินการในระยะเร่งด่วน โดยที่ประชุม ฯ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานในช่วงปี พ.ศ. 2551 ของคณะทำงานภายใต้กรอบ IMT-GT ทั้ง 6 สาขา และ รับรองแนวทางการดำเนินงาน 6 เรื่อง นอกจากนี้ ที่ประชุม ฯ ได้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ประสานความ ร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT โดยเห็นว่า การจัดทำความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามข้อ มติที่ประชุม IMT-GT Summit ครั้งที่ 3 วันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 ที่ประเทศสิงคโปร์ ทำหน้าที่เป็นองค์กร ประสานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ IMT-GT และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการ ประชุมดังกล่าวต่อไป 2. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยร่วมลงนามความตกลงการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิ ภาค IMT-GT โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับเรื่องนี้ไปหารือสำนักงาน คณะกรรมกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา 190 ของรัฐธรรม นูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
39156 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 รายการค่าก่อสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 จังหวัดเชียงราย | คค | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 รายการค่าก่อสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 จังหวัดเชียงราย ในวงเงิน 1,546,400,000 บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
39157 | ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการดำเนินโครงการตามหลักคิดคำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พนม.) และโครงการพัฒนาชุมชนสันติสุขตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง (พนพ.) ประจำปี 2552 ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอ ดังนี้ 1. โครงการ พนม. ให้ถือเป็นนโยบายหลักของทุกกระทรวง ทบวง กรมที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชาย แดนภาคใต้สนับสนุนการดำเนินงานโครงการ พนม. ที่มี ศอ.บต. เป็นเจ้าภาพหลักรวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการต่อยอดโครงการ พนม. กับให้ ศอ.บต. ดำเนินการตามแนวทางการ บริหารงบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2550 ที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2550 โดยให้ ศอ.บต. สามารถกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทาง การดำเนินงาน และระยะเวลาดำเนินงานของโครงการ รวมทั้งการติดตามประเมินผล และให้ ศอ.บต. สามารถ บูรณาการ ปรับเปลี่ยนรายละเอียดขั้นตอนได้ตามความจำเป็น การดำเนินการโครงการคุณภาพชีวิตของประชาชน ระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลตามเป้าประสงค์ของโครงการได้ 2. โครงการ พนพ. ประจำปี 2552 จัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชา ชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา "คิดเอง ทำเอง ตัดสินใจทางเลือกด้วยตนเอง" มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน และพัฒนาศักยภาพการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้พึ่งตนเองและพึ่งพากันเองในชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำตามนโยบายของรัฐมีกลุ่ม ครัวเรือน เป้าหมายในพื้นที่ 5 จังหวัด 44 อำเภอ 317 ตำบล ๆ ละ 1 จุดตัวอย่าง ประกอบด้วยครัวเรือนเป้าหมาย 70 ครัวเรือน ครัวเรือนปราชญ์ชาวบ้าน 317 ครัวเรือน ครัวเรือนบัณฑิตอาสา 320 ครัวเรือน รวมครัวเรือนเป้า หมายทั้งหมด 22,439 ครัวเรือน
|
|||||||||||||||||||||||||||
39158 | การดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 (เพิ่มเติม) | พณ | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. เห็นชอบการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/2552 (เพิ่มเติม) โดยให้คงราคา หลักเกณฑ์ และวิธีการเดิม และขยายปริมาณการรับจำนำมันสำปะหลังเพิ่มเติมอีก 3 ล้านตัน สิ้นสุดโครงการในวัน ที่ 30 เมษายน 2552 ตามกรณีที่ 2 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) รับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบติดตามการดำเนิน โครงการ ฯ ให้ถูกต้อง และให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง 2. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่รับจำนำไว้ไปยังต่างประเทศ เพื่อ ลดอุปทานในประเทศอันจะส่งผลดีต่อราคารับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกร 3. ให้คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังรับไปพิจารณากำหนดมาตรการใหม่ เพื่อรองรับปัญหาราคา มันสำปะหลังภายหลังการสิ้นสุดการดำเนินโครงการนี้แล้ว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 4. ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำตัวอย่างร่างสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังไปยังต่างประเทศ โดยวิธีรัฐต่อรัฐ (G To G) แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาว่า จะเข้าข่ายเป็นสัญญาที่ต้องดำเนินการตาม มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่
|
|||||||||||||||||||||||||||
39159 | โครงการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2552 | กษ | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการโครงการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2552 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้เสนอ ส่วนกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนิน โครงการ ฯ อนุมัติให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 137,546,200 บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุน เฉพาะกิจ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) ที่ ให้เร่งดำเนินมาตรการเพื่อส่งผลไม้ไปจำหน่ายต่างประเทศ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีนและฮ่องกง เป็นต้น โดย ในส่วนของการส่งผลไม้ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตของฝ่ายจีน ซึ่งมีอายุ ครั้งละ 6 เดือน และเป็นการอนุญาตสำหรับผลไม้รายชนิดเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการฝ่ายไทยต้องการให้ใบอนุญาต ดังกล่าวมีอายุครั้งละอย่างน้อย 1 ปี และครอบคลุมผลไม้หลายชนิด ซึ่งในระดับนโยบายได้ประสานกับสาธารณรัฐ ประชาชนจีนเพื่อพิจารณาผ่อนปรนให้เป็นไปตามความต้องการของฝ่ายไทยแล้ว จึงเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์และ ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการกับฝ่ายจีนโดยเร็วต่อไป โดยรับความ เห็นดังกล่าวไปเร่งรัดดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นที่ เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
39160 | ขอรับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติม ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนโควตาการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลาง เพิ่มเติมในรอบครึ่งปีแรกในอัตราร้อยละ 15 ของกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน การแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 207/2549 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2549 และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณา จักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป โดยให้มีผลจนกว่าจะมีประกาศสำนักนายก รัฐมนตรีให้ยกเลิกการกำหนดให้เป็นพื้นที่ในย่านอันตราย ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ทั้งนี้ โดยไม่ครอบคลุมถึงกำลัง พลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดสตูล 2. ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่ให้ตัดยอดจำนวนกำลังพลออกจากฐานการคำนวณ โควตาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่ง ชาติที่ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551 (เรื่อง ขอรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน กรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาพื้น ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้) และให้ผู้ปฏิบัติงานที่มีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น นอกเหนือโควตาปกติ ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในกรณีนี้ได้เพียงภารกิจเดียว ไปดำเนินการด้วย 3. สำหรับงบประมาณที่จะใช้เพื่อการนี้ ให้ กอ.รมน. ใช้จ่ายจากการปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของส่วนราชการก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ขอทำความตกลงกับสำนัก งบประมาณที่จะขอเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินเลื่อน เงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 อีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ |