ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1912 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38221 - 38240 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38221 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | กค | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับหลักการของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 และร่างสัญญาเงินกู้และร่างสัญญาค้ำประกันเงินกู้สำหรับโครง การปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้การประปานครหลวงเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ 3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น สัญญาค้ำประกัน เงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38222 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม
2552 ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) เป็นพิเศษ วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2552 และครั้งที่ 6 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหา คม 2552 รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันศุกร์ ที่ 28 สิงหาคม 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
38223 | แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร | นร | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการโครงการประกัน
ราคาพืชผลทางการเกษตร เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแล เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการดำเนินงานที่กำหนด โดยคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง และคณะกรรมการนโยบายข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ รวมทั้งรายงานความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานโครงการต่อคณะกรรมการนโยบาย สินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี และให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติรับไปจัดทำเป็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38224 | ขออนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมฯ ในการเจรจากับบริษัท สไตเออร์-เดมเลอร์-พุค สเปเชียลฟาห์รซอย เอจี แอนด์ โค เคจี | มท | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง ขออนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการในการเจรจากับบริษัท
สไตเออร์-เดมเลอร์-พุค สเปเชียลฟาห์รซอย เอจี แอนด์ โค เคจี เกี่ยวกับสินค้าในระหว่างรอผลคดีกรณีการจัดหา รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
38225 | การจ้างข้าราชการภายหลังครบเกษียณอายุราชการเป็นลูกจ้างชั่วคราวกรณีพิเศษ (นายประดาป พิบูลสงคราม) | กต | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจ้างนายประดาป พิบูลสงคราม เอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐ
อิตาลี ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2552 เป็นลูกจ้างชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม-15 ธันวาคม 2552 เพื่อปฏิบัติภารกิจในการเตรียมการรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณ วรีนารีรัตน์ ระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2552 และอยู่จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2552 โดยได้รับสิทธิค่าจ้างเท่ากับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่ง หน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ (พ.ข.ต.) รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ได้รับตามตำแหน่งเอกอัครราชทูต ส่วน ค่าย้ายถิ่นที่อยู่และค่าพาหนะเดินทางกลับประเทศไทย ให้เป็นไปตามสิทธิที่พึงได้รับจากการพ้นหน้าที่ราชการ ในต่างประเทศตามปกติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สำหรับเรื่องงบประมาณให้ดำเนินการตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
38226 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... | มท | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ให้มีกฎหมายการบริหารราชการเพื่อเสริมสร้างสันติสุขและพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตาม ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็น ของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งเลขาธิการ ศอ.บต. และการกำหนดจำนวนรองเลขาธิการ และผู้ช่วยเลขาธิการ ให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี โดยวาระเริ่มแรกอาจกำหนดในบทเฉพาะกาลให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งเลขาธิ การ ศอ.บต. โดยการเสนอแนะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปพลางก่อนก็ได้ รวมทั้งให้รับความเห็นของ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณาก่อนเสนอสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และโดยที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีผลต่อโครงสร้างของ ศอ.บต. และจะมีความแตก ต่างเกิดขึ้นจากเดิม ดังนั้น ขอให้พิจารณาด้วยว่าจะสมควรเปลี่ยนชื่อ ศอ.บต. เพื่อเป็นการสื่อสารให้ประชาชนทั่วไปได้ ทราบด้วยจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ 2. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้มายังสำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรี และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาใช้ประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อ ไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38227 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระทำการทุจริตใน ภาครัฐให้สามารถกล่าวหาได้แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งหรือพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้วไม่ว่า โดยเหตุใดโดยไม่จำกัดระยะเวลา รวมทั้งยกเลิกหลักเกณฑ์การห้ามมิให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตในภาครัฐ (คณะกรรมการ ป.ป.ท.) รับหรือพิจารณาเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก่อนถูกกล่าวหาเกินกว่าห้าปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอความเห็นจากคณะ กรรมการ ป.ป.ท. ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ เห็นว่าการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำทุจริตในภาครัฐของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากกำหนดระยะ เวลาการดำเนินการไว้ จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการมิให้เกิดความล่าช้า ซึ่งอาจทำให้พยานหลัก ฐานที่มีอยู่สูญหาย หรือยากแก่การดำเนินคดี และควรวางระเบียบวิธีการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนและมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38228 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชี การดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการจัดทำสัญญาประนี ประนอมยอมความ และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการไกล่เกลี่ยคดีความผิดที่มีโทษทางอาญาที่เกิดขึ้นในเขตอำเภอ รวม 2 ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความ เห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการ สูงสุด ที่เห็นควรกำหนดเกี่ยวกับการคัดค้านผู้ไกล่เกลี่ยที่มีส่วนได้เสียหรือความเกี่ยวข้องกับคู่พิพาท การไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทที่มีคู่พิพาทฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายมีจำนวนมาก การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งเกี่ยวเนื่องกับข้อพิพาท ทางอาญา และค่าตอบแทนของบุคคลผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ไว้ในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการ ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. .... สำหรับร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทาง อาญา พ.ศ. .... มีประเด็นความเห็นเกี่ยวกับการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทควรกำหนดให้คู่พิพาทฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งสามารถแจ้งความประสงค์ต่อนายอำเภอเพื่อขอให้แจ้งคู่พิพาทอีกฝ่ายหนึ่งว่าจะยินยอมเข้าสู่กระบวนการ ไกล่เกลี่ยหรือไม่ และการห้ามมิให้นำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไปใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลควรกำหนดให้เป็น ข้อห้ามสำหรับทุกคนรวมทั้งศาลด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. เห็นชอบให้กรมการปกครองประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนัก งานศาลยุติธรรมเพื่อฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามร่างกฎกระทรวง ฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ตามที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
38229 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | มท | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณชดเชยค่าใช้น้ำประปาที่อยู่อาศัยของระบบประปาเทศ
บาลที่ดำเนินการไปแล้ว ในระหว่างเดือนตุลาคม 2551 ถึงเดือนมีนาคม 2552 ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เป็นเงิน รวม 311,751,016.37 บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณชดเชยดังกล่าว ให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) ประสานรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนิน การตามกระบวนการงบประมาณและระยะเวลาตามความเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38230 | รายงานผลการประชุม World Ocean Conference 2009 | ทส | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการประชุม World
Ocean Conference 2009 (WOC 2009) ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ เมืองมานาโด จังหวัดสุลา เวสีเหนือ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-15 พฤาภาคม 2552 โดยสาระสำคัญของการประชุม ฯ ได้มี การพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบทบาทของมหาสมุทรใน การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประเทศไทยได้เสนอให้เพิ่มความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อการวิจัยและ โดยเฉพาะองค์กรภายใต้สหประชาชาติ UN ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรอินเดียซึ่งเป็นพื้นที่ที่มี ข้อมูลและการศึกษาน้อย และประเด็นเรื่องอนาคตของมหาสมุทรและชายฝั่ง นอกจากนี้ ที่ประชุม ฯ ได้พิจารณา และรับรองร่างปฏิญญามานาโดว่าด้วยมหาสมุทร Draft Manado Ocean Declaration (MOD) โดยร่างปฏิญญา ฯ กล่าวถึงถ้อยแถลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมหาสมุทร รวม ถึงแนวทางแก้ไข (การปรับตัวและลดผลกระทบ) เพื่อจัดการกับผลกระทบในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และ มีมติให้นำประเด็นต่าง ๆ ที่พิจารณาในที่ประชุม World Ocean Conference 2009 ให้ที่ประชุมภาคีประเทศสมาชิก อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC COP 15) รับทราบและพิจารณาถึง บทบาทของมหาสุมทรกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะพิจารณาโครงการการปรับตัวต่อสภาพภูมิ อากาศในด้านการจัดการมหาสมุทรและชายฝั่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
38231 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2553 ขององค์กรร่วม ไทย - มาเลเซีย | พน | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2553 ขององค์กรร่วมไทย
-มาเลเซีย วงเงินงบประมาณ จำนวน 3,739,600 ดอลลาร์สหรัฐ โดยให้จัดสรรจากปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรใน ไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. 2552 จำนวน 3,475,674 ดอลลาร์สหรัฐ และงบประมาณเหลือจ่ายของปี พ.ศ. 2551 จำนวน 263,926 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
38232 | ข้อเสนอเพื่อการจัดตั้งสำนักกิจการฮัจย์ประเทศไทย และกงสุลฮัจย์ ประจำประเทศซาอุดีอาระเบีย | มท | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดตั้งกงสุลฮัจย์ ประจำประเทศซาอุดิอาระเบีย ตามที่กระทรวง การต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของที่ประชุม ก.พ.ร. ครั้งที่ 6/2552 เมื่อวัน ที่ 27 กรกฎาคม 2552 เกี่ยวกับการจัดตั้งฝ่ายกงสุลด้านกิจการฮัจย์ในสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ประเทศ ซาอุดีอาระเบียเพื่อรับผิดชอบกิจการฮัจย์โดยเฉพาะ และการปรับปรุงสำนักงานชั่วคราวของคณะผู้แทนฮัจย์ไทย ที่ เมืองเจดดาห์ เมกกะ และมาดีนะห์ ไปพิจารณาด้วย 2. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และศูนย์ อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการจัดตั้ง ศูนย์บริการประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทำหน้าที่ดูแลและอำนวยความสะดวกในการดำเนิน กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการฮัจย์ของชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||
38233 | การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการบริหารงบประมาณจังหวัดและงบประมาณกลุ่มจังหวัด | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการบริหารงบประมาณจังหวัดและ
งบกลุ่มจังหวัดตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในการประชุมครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุ การ ก.น.จ. เสนอ ดังนี้ 1. การบริหารงบประมาณรายจ่ายของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวกับการ บริหารงบประมาณที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ 2. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของกลุ่มจังหวัดให้ดำเนินการ ดังนี้ 2.1 โครงการที่ดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัดใด ให้กลุ่มจังหวัดเจ้าของงบประมาณมอบหมายให้ จังหวัดนั้นในฐานะที่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณเป็นผู้เบิกเงินในนามกลุ่มจังหว้ด ซึ่งเป็นส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ 2.2 โครงการที่ดำเนินการในเขตพื้นที่คาบเกี่ยวกันตั้งแต่สองจังหวัดขึ้นไปให้กลุ่มจังหวัดเจ้าของ งบประมาณมอบหมายให้จังหวัดซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดในฐานะที่เป็นส่วนราชการตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณนั้นเป็นผู้เบิกเงินในนามกลุ่มจังหวัดซึ่งเป็นส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38234 | การกำหนดแนวทางการให้สิทธิประโยชน์แก่พนักงานราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดให้พนักงานราชการที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในพื้นที่
จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสตูล จังหวัดสงขลาเฉพาะพื้นที่อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอนาทวี และอำเภอจะนะ และกรณีอื่นที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับสิทธิประโยชน์ เป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 และประกาศคณะ กรรมการบริหารพนักงานราชการกำหนด ตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ในการประชุมครั้งที่ 1/ 2552 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2552 เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
38235 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้นำชุมชนแห่งชาติ พ.ศ. 2549 พ.ศ. .... | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายก
รัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้นำชุมชนแห่งชาติ พ.ศ. 2549 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้นำชุมชนแห่งชาติ พ.ศ. 2549 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจ จานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎ หมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
38236 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอาร์เจนตินา | กต | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือหุ้นส่วน (Memorandum of Understanding on Partnership Programme for Joint Cooperation) ระหว่างไทยกับอาร์เจนตินา เพื่อลงนามต่อไป 2. อนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) หรือ เอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย |
|||||||||||||||||||||||||||
38237 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดย ร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. แก้ไขบทบัญญัติให้ผู้ประสงค์จะขอยื่นจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทสามารถยื่น ณ สำนักงาน ทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแห่งใดก็ได้ที่มีความพร้อมตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด 2. เพิ่มเติมบทบัญญัติให้รัฐมนตรีมีอำนาจในการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การตรวจเอก สาร การขอใบสำคัญ และการขอคัดสำเนาพร้อมคำรับรองของห้างหุ้นส่วนและบริษัท 3. แก้ไขบทบัญญัติให้หนังสือบริคณห์สนธิซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วแต่มิได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้ง เป็นบริษัทจำกัดภายใน 10 ปี สิ้นผลลง 4. เพิ่มเติมบทบัญญัติให้การประชุมกรรมการสามารถใช้วิธีการประชุมคณะกรรมการ โดยการติดต่อ สื่อสารด้วยเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอีกวิธีหนึ่ง นอกจากต้องมาประชุม ณ สถานที่นัดประชุมวิธีเดียว 5. แก้ไขบทบัญญัติให้การบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่คงไว้เพียงส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้ถือหุ้น โดยยกเลิกการลงโฆษณาคำบอกกล่าวทางหนังสือพิพม์เว้นแต่บริษัทมีหุ้นชนิดออกให้ผู้ถือที่ต้องโฆษณาในหนัง สือพิมพ์แห่งท่องที่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
38238 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2552 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคีและระดับ ภูมิภาค เพื่อให้ไทยและเวียดนามเป็นจักรกลของการพัฒนาที่สำคัญของภูมิภาคผ่านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและ การพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วน โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือกับนายกรัฐมนตรี เวียดนามและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ความสัมพันธ์ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าเกษตรและข้าว เป็นต้น และมอบให้กระทรวงการต่าง ประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวง พาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า แห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ ความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทยและเวียดนามในการผลักดันการ จัดตั้งระบบสำรองข้าวฉุกเฉินของประเทศอาเซียนบวกสาม การจัดตั้งกลไกการประสานงานของยุทธศาสตร์ความ ร่วมมือเพื่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนาม (Joint Strategy of Economic Partnership, JSEP) การเร่งรัดการดำเนินงานและการเจรจาภายใต้กรอบความร่วมมือของแผนงาน GMS ยุทธศาสตร์ความร่วม มือเพื่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนาม รวมทั้งการสนับสนุนบทบาทของจังหวัดและท้อง ถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาตามแผนงาน GMS และยุทธศาสตร์ความร่วมมือของทั้ง สองประเทศ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ข้อมูล และการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานรัฐ ความเชื่อมโยงระหว่างภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน ตามวัตถุประสงค์ของ การพัฒนาตามแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38239 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายโซเฮล มะห์มูด ( Mr. Sohail Mahmood)] | กต | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโซเฮล มะห์มูด (Mr. Sohail Mahmood) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัคร
ราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนพลโท ขะตีร์ ฮัสซัน ข่าน (Lt. Gen (Retd.) Khateer Hassan Khan) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการ ต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38240 | รายงานความคืบหน้าการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานความคืบหน้าการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามนโยบายกระตุ้น
เศรษฐกิจระยะแรก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฯ ดังนี้ 1. โครงการที่มีลักษณะสนับสนุนให้กับบุคคล ได้แก่ โครงการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี (เรียนฟรี 15 ปี) โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (เช็คช่วยชาติ) โครงการสร้างหลัก ประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ (เบี้ยกตัญญู) และโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีผลการดำเนินการร้อยละ 100 และมีการเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับไปแล้วร้อยละ 80-95 2. โครงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง เช่น โครงการที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจชั้นประทวน มีความ คืบหน้าการดำเนินการสูงและทำสัญญาผูกพันงบประมาณไปเกือบหมดแล้ว (ร้อยละ 70.93) ดำเนินการไปแล้ว 64 จังหวัด มีงบประมาณเหลือจากการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าราคา และได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 8 หลัง โครง การแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ (พัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก) มี 483 โครงการ จัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว 465 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 96.3 มีความคืบหน้าไปมาก และโครงการก่อสร้างทางภายในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน (ถนนปลอดฝุ่น) ก่อสร้าง 798 เส้นทาง จำนวน 490 กิโลเมตร ได้รับงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ดำเนินการแล้วเสร็จ 142.5 กิโลเมตร จัดซื้อจัดจ้างครบหมดทุกเส้นทางแล้วร้อยละ 99.96 มี การเบิกจ่ายไปแล้วร้อยละ 38.9 เป็นต้น 3. โครงการช่วยเหลือประชาชนและภาคเอกชนเพื่อบรรเทาภาวะทางเศรษฐกิจ ได้แก่ โครงการ 5 มาตร การ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน มีความคืบหน้าการดำเนินการมากที่สุดร้อยละ 100 โดยมีการเบิก จ่ายเงินตามเป้าประสงค์ โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน (ธงฟ้าช่วยประชาชน) ได้รับงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ใช้จ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 726.5 ล้านบาท มีความคืบหน้าของโครงการร้อยละ 81.85 โครง การสนับสนุนการท่องเที่ยว ได้รับงบประมาณ 1,000 ล้านบาท มีความคืบหน้าของโครงการร้อยละ 35 และ โครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (ช่วยเหลือ SMEs) ได้รับงบ ประมาณ 520 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 71.3 ล้านบาท มีความคืบหน้าของโครงการร้อยละ 32.59 4. โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (ต้นกล้าอาชีพ) ได้ รับงบประมาณ 6,900 ล้านบาท อนุมัติงบประมาณไปแล้ว 3,500 ล้านบาท ความคืบหน้าของโครงการร้อยละ 48.67 5. โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (ชุมชนพอเพียง) ได้รับงบประมาณ 15,200 ล้านบาท และงบประมาณเดิมจากโครงการ SML อีก 6,000 ล้านบาท โดยได้อนุมัติโครงการของชุมชนแล้ว 31,582 ชุมชน คิดเป็นงบประมาณ 8,432 ล้านบาท และได้โอนงบประมาณให้ชุมชนไปแล้ว 21,486 ชุมชน คิดเป็นเงิน 5,238 ล้านบาท ความคืบหน้าของโครงการร้อยละ 48.67 6. โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ ได้รับงบประมาณ 325 ล้านบาท ใช้งบประมาณไปเพียง 6.45 ล้านบาท
|
.....