ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1917 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38321 - 38340 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38321 | แผนปฏิบัติการและงบประมาณภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม (ระยะ 5 ปี) | มท | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการและงบประมาณระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2555) ภายใต้แผนแม่บทการป้อง กันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม (ระยะ 5 ปี) เพื่อให้หน่วยงานที่ร่วมบูรณา การนำไปบริหารจัดการภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม ที่อาจเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ 2. ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยประสานงานหลัก พร้อมติดตามผลการปฏิบัติงานเพื่อ ให้การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่มบรรลุ ผลตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บท ฯ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. กรอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ฯ จำนวน 33,067.6941 ล้านบาท นั้น ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้ จ่ายงบประมาณประจำปี เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ ทางการเงิน การคลัง ของประเทศด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 4. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตรวจสอบและระบุให้ชัดเจนว่า แผนงาน/โครงการใดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ แล้ว และการตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับคำของบประมาณตามปกติแต่ละปี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38322 | ร่างระเบียบกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางว่าด้วยการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้พนักงานและลูกจ้างผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงของตำแหน่ง พ.ศ. .... | กษ | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางว่าด้วยการจ่ายเงิน
ตอบแทนพิเศษให้พนักงานและลูกจ้างผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงของตำแหน่ง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้พนักงานและลูกจ้างผู้ได้รับ เงินเดือนหรือค่าจ้างขั้นสูงของตำแหน่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษครึ่งขั้น หรือหนึ่งขั้น ตามหลักเกณฑ์และอัตรา ดังนี้ 1. กรณีได้รับการประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือขั้นค่าจ้างครึ่งขั้นให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตรา ร้อยละ 2 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ถึงขั้นสูงของตำแหน่ง 2. กรณีได้รับการประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือขั้นค่าจ้าง 1 ขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตรา ร้อยละ 4 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ถึงขั้นสูงของตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||
38323 | ร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552 - 2556 | ทก | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบต่อร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะส่ง เสริมและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการ บริหารและบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง สร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทค โนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร พัฒนาบุคลากรด้าน ICT และบุคคลทั่วไปให้มีความรู้ ความสามารถในการสร้าง สรรค์ ผลิต และใช้ ICT อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม วิจารณญาณและรู้เท่ากัน ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยและการ พัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันของประเทศ 1.2 ให้ทุกกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด ทำและ/หรือปรับแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหน่วยงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) 1.3 ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนัก งานปลัดกระทรวง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (กทสช.) รับผิดชอบ การดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และเป็นหน่วยงานประสานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผน ปฏิบัติการ และแผนงบประมาณรองรับแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) รวมถึงการติดตามประเมินผลเพื่อให้เกิดผลที่ เป็นรูปธรรมต่อไป 1.4 ให้หน่วยงานกลางซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากร และการบริหารจัดการภาครัฐ ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ ราชการ นำแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) มาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ ปรับปรุงโครงสร้าง รวมทั้งจัด สรรทรัพยากรทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาของ แผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552-2556 ต่อไป 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวง การคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการพัฒนากลไกการบริหารจัดการแผนให้มีประสิทธิ ภาพ เกิดบูรณาการ และหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนในการลงทุน และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาค รัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และสร้างความเข้าใจและสนับสนุนบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดย เฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้ความสำคัญในการติดตามประเมินผลและพัฒนาตัวชี้วัดทั้งในเชิง ปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้สามารถสะท้อนผลสัมฤทธิ์ของแผน ฯ ได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้นำความ เห็นของคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ (กทสช.) เกี่ยวกับการนำแผนไปสู่การ ปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาบุคลากร เป็นต้น ไป ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยให้คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้ม ค่าและประหยัด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38324 | ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | กต | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างความ ตกลง ฯ ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ 1.2 อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศลงนามในความตกลง ฯ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย 1.3 อนุมัติการแจ้งฝ่ายสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อให้ความตกลง ฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักข่าวกรองแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 เนื้อหาในร่างความตกลง ฯ "ข้อ 2 ว่าด้วยขอบเขตความร่วมมือ" (Article 2 : Fields of Coopera tion) ยังไม่ครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเพื่อป้องกัน ตรวจสอบ และปราบปราม "การใช้ดินแดนของคู่ ภาคีในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงความสงบเรียบร้อยของอีกฝ่ายหนึ่ง" 2.2 ควรเพิ่มเติมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางพลังงาน ตามที่ร่างความตกลง ฯ "ข้อ 4 ว่าด้วยความ ร่วมมือในอนาคต (Article 4 : Future Cooperation) ได้เปิดช่องเอาไว้ 2.3 คำแปลภาษาไทย "ข้อ 8 ว่าด้วยกฎในเรื่องการใช้ข้อสนเทศและเอกสารต่าง ๆ ที่ได้รับ" (Article 8 : Rules of Using Received Information and Documents) ในวรรค 2 ควรมีเนื้อหาว่า "2. ข้อสนเทศที่ได้รับจาก ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะต้องไม่ถูกนำมาเปิดเผยต่อบุคคลที่สามหากปราศจากความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร จากภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง" 2.4 ควรแก้ไขคำแปลภาษาไทย "ข้อ 11 ว่าด้วยหน่วยงานที่มีอำนาจในการให้ความร่วมมือ "(Article 11 : Competent Authorities for Cooperation) อนุวรรค ก. และ ข. เป็น "ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ การก่อการร้าย และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนอกแบบ" ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับร่างความตกลง ฯ ฉบับ ภาษาอังกฤษที่มีข้อความว่า matters pertaining to state security, terrorism, and crimes related to unconven tional weapons
|
||||||||||||||||||||||||
38325 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 | อก | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 เป็นรายเขตเฉลี่ยทั่วประเทศที่ ตันอ้อยละ 672.43 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ 40.35 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และกำหนดผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 ที่ 288.19 บาทต่อตันอ้อย ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ครั้งที่ 4/2552 วันที่ 19 มีนาคม 2552 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ 2. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551 (เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2550-2551 และการกำหนดราคาอ้อย ขั้นสุดท้าย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550) และวันที่ 29 เมษายน 2551 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยและวาระอ้อยแห่งชาติ) โดยให้ส่งเงินค่า อ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 ส่วนที่สูงเกินกว่าราคาเฉลี่ยทั่วประเทศที่ตันละ 638 บาท คืนให้แก่ ชาวไร่อ้อย ตามมติกรรมการส่วนใหญ่ของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ครั้งที่ 7/2552 วันที่ 22 มิถุนายน 2552 |
||||||||||||||||||||||||
38326 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 11 ฉบับ และต่อไปอีกห้าปี จำนวน 1 ฉบับ) | มท | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีก 1 ปี จำนวน 11 ฉบับ ได้แก่ 1.1 ผังเมืองรวมชุมชนบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1.2 ผังเมืองรวมเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช 1.3 ผังเมืองรวมเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 1.4 ผังเมืองรวมชุมชนช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี 1.5 ผังเมืองรวมเมืองบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 1.6 ผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 1.7 ผังเมืองรวมเมืองพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี 1.8 ผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 1.9 ผังเมืองรวมเมืองบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 1.10 ผังเมืองรวมเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น 1.11 ผังเมืองรวมเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี 2. ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ต่อไปอีก 5 ปี
|
||||||||||||||||||||||||
38327 | รายงานผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับผลการดำเนินการแก้
ไขปัญหาภัยแล้ง สรุปได้ ดังนี้ 1. คณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงาน/โครงการและงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ได้มี การประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ที่ประชุมได้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และพิจารณาโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี พ.ศ. 2552 งบกลาง ราย การเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเงินทั้ง สิ้น 14,247.2038 ล้านบาท โดยที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ยังไม่สมควรสนับสนุนการขอรับการจัดสรรงบ ประมาณดังกล่าว 2. คณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ได้มีการ ประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ที่ประชุมได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานสถานการณ์ ตามลำดับ 3. เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบันได้คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติทุกพื้นที่แล้ว และมีฝนตกกระจาย ในทุกภาคของประเทศตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2552 เป็นต้นมา และหน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ ประสบภัยแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งได้บรรเทาปัญหาไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับคณะกรรม การอำนวยการกำกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้ดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว เห็นควร ให้คณะกรรมการ ฯ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานตามภารกิจของหน่วยงานต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
38328 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสิทธิการได้รับเงินชดเชยของสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการซึ่งออกจากราชการและกลับเข้ารับราชการใหม่ พ.ศ. .... | กค | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดสิทธิการได้รับเงินชดเชยของสมาชิกกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการซึ่งออกจากราชการและกลับเข้ารับราชการใหม่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญ คือ 1. กำหนดให้สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการซึ่งออกจากราชการและกลับเข้ารับราชการใหม่ โดยมีบัญชีเงินชดเชยอยู่ก่อนออกจากราชการและมีสิทธินับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตอนก่อน ออกจากราชการต่อเนื่องกับเวลารับราชการในตอนหลังมีสิทธิได้รับเงินชดเชยและผลประโยชน์ของเงินชดเชยที่อยู่ ในบัญชีก่อนออกจากราชการ 2. กำหนดให้สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการซึ่งออกจากราชการและกลับเข้ารับราชการใหม่ ก่อนวันที่พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2551 ใช้บังคับ สมาชิกผู้นั้นจะมี สิทธิได้รับเงินชดเชยและผลประโยชน์ของเงินชดเชย ต่อเมื่อยังคงเป็นสมาชิกอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติ ฯ ใช้บังคับ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
38329 | ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยขยายความคุ้มครองผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน จากกองทุนประกันสังคมให้รวมถึงบุตรและคู่สมรสของผู้ประกันตนในเรื่องการเจ็บป่วย รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ อื่น ๆ เพิ่มเติมแก่ผู้ประกันตน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้แก้ไข เพิ่มเติมให้ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และกรณีตายจาก กองทุนประกันสังคมให้รวมถึงบุตรและคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพิ่มเติม แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. สำหรับกรณีให้รัฐบาลเป็นผู้ออกเงินสมทบฝ่ายเดียว เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า "งบเหมาจ่ายรายหัว" ที่ รัฐบาลจ่ายให้แก่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นั้น ให้กระทรวงแรงงานจัดทำข้อมูลจำนวนคู่สมรสและบุตร โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตนที่จะได้รับสิทธิดังกล่าว ข้อมูลด้านงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องใช้จ่ายเป็นเงิน สมทบ รวมทั้งข้อมูลด้านการบริหารจัดการเงินสะสมของกองทุนประกันสังคม เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะ รัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
38330 | การขับเคลื่อนสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย | กค | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบการขับเคลื่อนสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยกระทรวง
การคลังได้เสนอเป้าหมายสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และแนวทางการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบาย รัฐ (Public Service Account : PSA) ออกจากธุรกรรมเชิงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ 1. เป้าการอนุมัติสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการอนุมัติในการปล่อยสินเชื่อ จากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ที่ 625,500 ล้านบาท อีก 301,500 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 927,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับการอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร กรุงไทยจำกัด (มหาชน) ซึ่งจะขยายการอนุมัติสินเชื่อเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาท รวมเป็น 350,000 ล้านบาท จะสามารถทดแทนการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลงได้อย่างเพียงพอ 2. สำหรับแนวทางการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐบาล (Public Service Account : PSA) ออกจาก ธุรกรรมเชิงพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถดำเนินงานอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วย ตนเองในระยะยาว (Self-sustainability) และสามารถดำเนินธุรกรรมนโยบายรัฐ เพื่อฟื้นฟูหรือช่วยเหลือกลุ่ม ประชาชน และธุรกิจเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนทางการเงินเฉพาะธุรกรรมที่ เป็นนโยบายรัฐในจำนวนและรูปแบบที่เหมาะสมและประหยัด และเพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถกำกับ ตรวจ สอบและประเมินผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจสำหรับการดำเนินธุรกรรมตามนโยบายรัฐและ ธุรกรรมเชิงพาณิชย์ได้อย่างถูกต้อง
|
||||||||||||||||||||||||
38331 | การดำเนินโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร | มท | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินงานตามโครงการขยายเขตไฟฟ้าในพื้นที่ทำกินทาง การเกษตร ในวงเงิน 1,655 ล้านบาท (โดยใช้เงินกู้ในประเทศ 1,240 ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. 415 ล้านบาท) เพื่อขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้าให้กับพื้นที่ทำกินทางการเกษตรของเกษตรกร จำนวน 30,000 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 293,547 ไร่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้ กฟภ. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ที่ให้ กฟภ. รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการ และประเมินผลสำเร็จของโครงการต่อ หน่วยงานเจ้าสังกัด กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อกำกับดูแลการขยายไฟฟ้าให้ พื้นที่ทำกินทางการเกษตรเป็นไปอย่างทั่วถึง และเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการที่มีลักษณะเป็น โครงการนโยบายเชิงสังคมให้มีความเหมาะสมต่อไป และให้พิจารณาหลักเกณฑ์การคัดเลือกครัวเรือนที่จะเข้าร่วม โครงการอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่เดือดร้อนจากการไม่มีไฟฟ้าใช้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของโครงการ รวมไปถึงการเพิ่มคุณภาพไฟฟ้าในพื้นที่ชนบทเพื่อหลีกเลี่ยง ความเสียหายของผลิตผลทางการเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38332 | การปรับปรุงค่าห้องและค่าอาหารในการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ปฏิบัติงานการเคหะแห่งชาติ | พม | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ปรับปรุงค่าห้องและค่าอาหารในการรักษาพยาบาลผู้ปฏิบัติงานของการเคหะแห่ง
ชาติ จากเดิม "เบิกได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 800 บาท" เป็น "เบิกได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 1,200 บาท" และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อกฎหมายต่อไป ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
38333 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของการประปานครหลวงในส่วนของอัตราค่าห้องและค่าอาหาร | มท | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้การประปานครหลวงปรับอัตราค่าห้องและค่าอาหารประเภทคนไข้ในของโรงพยาบาล สำหรับผู้ปฏิบัติงาน จากเดิม "เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 800 บาท" เป็น "เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่ เกินวันละ 1,200 บาท" ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อ วันที่ 3 เมษายน 2552 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้การประปานครหลวงรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจ ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการดำเนินงานของการประปานครหลวงในอนาคต เห็นควรให้การประปานครหลวง พิจารณาหามาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุง สวัสดิการในครั้งนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38334 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก และค่าตอบแทนอย่างอื่นของผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก และค่าตอบแทนอย่างอื่นของผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงาน พ.ศ. .... | ศย | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก และค่าตอบแทนอย่างอื่นของ ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและ ครอบครัวได้รับค่าป่วยการ กับค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก และค่าเบี้ยเลี้ยงเพิ่ม กรณีปฏิบัติงานภายในศาล เยาวชนและครอบครัว จากเดิมวันละ 500 บาท ปรับเป็นวันละ 1,000 บาท และกรณีปฏิบัติงานภายนอกศาล เยาวชนและครอบครัวให้ได้รับเท่ากับผู้พิพากษาชั้น 2 ของศาลเยาวชนและครอบครัวที่ผู้พิพากษาสมทบนั้นประจำ อยู่ คือ วันละ 1,000 บาท 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก และค่าตอบแทนอย่างอื่นของ ผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานได้รับค่าป่วยการ กับค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พักและค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง กรณีปฏิบัติงานภายในศาลแรงงาน จากเดิมวันละ 500 บาท ปรับเป็นวันละ 1,000 บาท และกรณีปฏิบัติงานภายนอกศาลแรงงานให้ได้รับเท่ากับผู้พิพากษาชั้น 2 ของ ศาลแรงงานที่ผู้พิพากษาสมทบนั้นประจำอยู่ คือ วันละ 1,000 บาท 2. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว เมื่อมีผลบังคับใช้ ให้สำนัก งานศาลยุติธรรมปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ในเบื้องต้นก่อน ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
38335 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการจัดหาฯ และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในการจัดหาอาวุธปืน ขนาด 5.56 และ 9 มิลลิเมตร | ตช | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ 1.1 เปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 2,238 กระบอก วงเงิน 246,180,000 บาท ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นจัด หาอาวุธปืน ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ยี่ห้อ COLT รุ่น M 4 COMMANDO จำนวน 2,238 กระบอก ตามที่กำหนด ไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ส่วนวงเงินที่เหลือ เห็นควรนำไปจัดหาอาวุธปืน ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ยี่ห้อ COLT รุ่น M 4 CARBINE 1.2 เปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนพกลูกโม่ ขนาด .38 นิ้ว จำนวน 2,238 กระบอก วงเงิน 67,140,000 บาท ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นจัดหาอาวุธ ปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มิลลิเมตร ยี่ห้อ GLOCK รุ่น 19 ตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับ 1.3 ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 กรณีห้ามระบุยี่ห้อ สิ่งของที่ต้องการจะซื้อทุกชนิดเพื่อให้สามารถจัดซื้ออาวุธปืน โดยระบุยี่ห้อตาม 1.1 และ 1.2 ได้โดยตรงจาก บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ 2. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาจัดซื้ออาวุธดังกล่าว โดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายก ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 23(6) ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
||||||||||||||||||||||||
38336 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ระยะที่ 2 | สผ | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ
จำเป็นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ระยะที่ 2 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 6 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 219,460,206 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ 1. ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นเงิน 97,727,694 บาท 2. ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานให้คณะกรรมาธิการ เป็นเงิน 8,608,300 บาท 3. ค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการรัฐสภาสามัญ เป็นเงิน 42,055,853 บาท 4. ค่าอาหารเลี้ยงรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราาฎรในวันประชุม เป็นเงิน 8,403,000 บาท 5. ค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เป็นเงิน 35,192,859 บาท 6. ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา เป็นเงิน 27,472,500 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
38337 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญรับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ. .... | นร | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญรับเงินเดือนในอัตรากำลัง
ทดแทน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสั่งให้ข้าราชการพลเรือน สามัญพ้นจากตำแหน่งหน้าที่และขาดจากอัตราเงินเดือนในตำแหน่งเดิมโดยให้รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน และ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้พ้นจากตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือน การแต่งตั้ง การเลื่อนเงินเดือน การดำเนิน การทางวินัย และการออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญดังกล่าว โดยให้ตัดข้อ 2 ของร่างกฎ ก.พ. ฯ ที่ให้ ยกเลิกกฎ ก.พ. ฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2541) กฎ ก.พ. ฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2546) และ กฎ ก.พ. ฉบับที่ 26 (พ.ศ. 2548) ออก ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38338 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางสำหรับการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินปี 2552 | สธ | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 82,250,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเพิ่มเป้าหมายการจัด บริการการแพทย์ฉุกเฉิน จากเดิมที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 700,000 ครั้ง เป็น 900,000 ครั้ง โดยพิจารณาจากสถิติการดำเนินงานและแนวโน้มที่เกิดขึ้นจริง โดยในส่วนค่าตรวจสอบคุณภาพการจ่ายชด เชยการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จำนวน 10,000,000 บาท เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนที่จะขอใช้จ่าย จากเงินงบกลาง ฯ จึงเห็นควรชะลอไปดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ส่วนการขอรับการสนับสนุนงบ ประมาณ จำนวน 15,200,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 76 จังหวัด นั้น สำนักงบ ประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของศูนย์ดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน 66,093,800 บาท ซึ่งเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับ 76 จังหวัด จังหวัดละ 800,000 บาท ในวงเงินตามที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ขออนุมัติมาในครั้งนี้ จึงเห็นควรให้ สพฉ. ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้ รับจัดสรรไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
38339 | การติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (Stimulus Package 2 : SP2) | กค | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งมี รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ ให้ทำหน้าที่ ติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (Stimulus Package 2 : SP2) อีกหน้าที่หนึ่ง ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ 2. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการ ติดตามการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายลงทุนของโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 มีคณะ กรรมการที่ดำเนินการในเรื่องนี้ จำนวน 2 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนิน โครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ซึ่งมีนายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธาน ดังนั้น ในขั้นการดำเนินงาน ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ควรมีการประสาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และกำหนดบทบาทให้สนับสนุนการทำงาน ระหว่างคณะกรรมการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมถึงการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการในขั้นตอนต่าง ๆ และความถูกต้องโปร่งใสของ การดำเนินโครงการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
38340 | คำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดตามแผนปฏิบัติราช
การประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยคณะกรรมการนโยบายการบริหาร งานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ได้พิจารณาโครงการที่สมควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด เพื่อสำรองไว้และขอแปรญัตติเพิ่มเติม โดยนำโครงการลำดับที่ 2 ที่ ก.น.จ. ได้เคยมีมติเห็น ชอบในการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2552 เพื่อเป็นโครงการสำรองไว้ในกรณีที่มีการพิจารณา โครงการแล้วยังมีงบประมาณเหลืออยู่ หรือสำรองไว้ในกรณีมีการแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมมาสนับสนุน โดย พิจารณาตามลำดับความสำคัญของโครงการจำนวนทั้งสิ้น 5,691 โครงการ วงเงิน 19,545.13 ล้านบาท จำแนก เป็น 1. โครงการของจังหวัด 5,570 โครงการ วงเงิน 17,864.59 ล้านบาท 2. โครงการของกลุ่มจังหวัด 121 โครงการ วงเงิน 1,680.54 ล้านบาท
|
.....