ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1919 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38361 - 38380 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38361 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเลิกโดยมติ 19371/52) | นร | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่อง
ราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการที่กำหนดในบัญชี 7 ท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่ง มงกุฎไทย พ.ศ. 2536 เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดตำแหน่งใหม่ของข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังนี้ 1. กำหนดให้การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ที่กำหนดในบัญชีท้ายระเบียบนี้ 2. กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งตามบัญชีท้ายระเบียบนี้ หากเป็นผู้มีคุณสมบัติในเกณฑ์ได้รับการเสนอขอ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปี ตามบัญชี 7 ท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ พ.ศ. 2536 ก่อนการ ประกาศใช้ระเบียบนี้ แต่ไม่อยู่ในเกณฑ์เสนอขอพระราชทาน หรืออยู่ในเกณฑ์เสนอขอพระราชทานชั้นที่ต่ำกว่าตาม บัญชีท้ายระเบียบนี้ ให้ได้รับการเสนอขอพระราชทานในชั้นเดิมต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38362 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด 24 บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 จำนวน 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนคร
สวรรค์ ขนาด 24 บังลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 จำนวน 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จาก เดิมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 511,905,000 บาท เป็นวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 548,410,969.49 บาท ตาม ที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 102,381,000 บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 17,916,800 บาท งบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 87,024,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 113,131,200 บาท ส่วนที่ขาดอีกจำนวน 227,957,969 บาท ให้เสนอตั้ง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
38363 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รวม 5 รายการ) | มท | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่ว ประเทศ รวม 5 รายการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ 1.1 รายการที่ 1 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บริเวณบ้านส้มป่อย (ต่อเนื่องเขื่อนเดิมขึ้นเหนือน้ำ) หมู่ที่ 8 ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร วงเงิน 48,979,000 บาท (วงเงินงบประมาณที่ได้รับ 45,000,000 บาท) 1.2 รายการที่ 2 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านปะโคใต้ หมู่ที่ 1 บ้านไร่ หมู่ที่ 5 ตำบลปะ โค อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ความยาว 300 เมตร วงเงิน 22,900,000 บาท (วงเงินงบประมาณที่ได้รับ 20,000,000 บาท) 1.3 รายการที่ 3 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง เทศบาลตำบลปากคาด ตำบลปากคาด อำเภอปาก คาด จังหวัดหนองคาย ความยาว 500 เมตร วงเงิน 47,270,000 บาท (วงเงินงบประมาณที่ได้รับ 35,000,000 บาท) 1.4 รายการที่ 4 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บริเวณท่าเทียบเรือคกไผ่ ตำบลปากชม อำเภอปาก ชม จังหวัดเลย ความยาว 500 เมตร วงเงิน 39,976,000 บาท (วงเงินงบประมาณที่ได้รับ 35,000,000 บาท) 1.5 รายการที่ 5 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านน้อย ช่วงที่ 1 ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ความยาว 500 เมตร วงเงิน 39,959,000 บาท (วงเงินงบประมาณที่ได้รับ 30,000,000 บาท) 2. สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
38364 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงการคลัง) (นางสาวพจณี พรหมโรจน์ และนายประสิทธิ์ สืบชนะ) | กค | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งระดับ
10 จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ดังนี้ 1. นางสาวพจณี พรหมโรจน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมธนารักษ์ 2. นายประสิทธิ์ สืบชนะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (เจ้าหน้า ที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมธนารักษ์
|
|||||||||||||||||||||
38365 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงการคลัง) (นายเอกศักดิ์ โอเจริญ) | กค | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเอกศักดิ์ โอเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุม
ทางสรรพสามิต (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38366 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ ระดับ 10 (กระทรวงคมนาคม) (นายวรเดช หาญประเสริฐ) | คค | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวรเดช หาญประเสริฐ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการ
ขนส่งทางอากาศ (นักวิชาการขนส่ง 10 ชช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38367 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์) | ศธ | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อ
การเรียนการสอน (นักวิชาการศึกษา 10 ชช.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษา ธิการ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38368 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (นายวิชาญ ธรรมสุจริต) (ยกเลิกโดยมติคณะรัฐมนตรี 10027/54) | มท | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิชาญ ธรรมสุจริต เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานคร
หลวง แทนนายชำนิ จันทร์ฉาย ที่ขอถอนตัวจากการเป็นกรรมการดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มี ผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (5 สิงหาคม 2552)
|
|||||||||||||||||||||
38369 | ขออนุมัติวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดยโสธรแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ขนาด 4 บัลลังก์ 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดยโสธรแผนกคดีเยาวชนและครอบ
ครัว ขนาด 4 บังลังก์ จำนวน 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากเดิมวงเงิน 53,450,000 บาท เป็นวง เงิน 63,000,000 บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2553 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 11,600,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบปรมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 26,680,300 บาท ส่วนที่ขาดอีกจำนวน 24,719,700 บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
38370 | การขายที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 4942 โฉนดเลขที่ 391 | กค | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 4942 โฉนด
เลขที่ 391 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร พร้อมอาคารราชพัสดุ (ทาวน์เฮาส์ ค.ส.ล. 2 ชั้น) เลขที่ 998/ 300 เนื้อที่ 18 ตารางวา ให้กับนางอารยา สถิตธำมรงค์ ในราคาที่เสนอขอซื้อเป็นจำนวน 917,000 บาท โดย นางอารยา สถิตธำมรงค์ จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ ที่ราชพัสดุดังกล่าว ตลอดจนอากรแสตมป์ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎหมาย กำหนดแทนกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38371 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (ระหว่างวันที่ 7 - 14 กรกฎาคม 2552) | นร | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานสรุปผลการเดินทางไปราช
การ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ของผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) และคณะ ระหว่างวันที่ 7-14 กรกฎาคม 2552 โดยวัตถุประสงค์ของการเยือน 1. เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ของทุกวิกฤตและดำเนินการผลักดัน เจรจาขยายความร่วมมือทางการค้า การลงทุนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ 2. เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งการสนับสนุนเชิงผู้ประกอบการเงินทุนและสถาบันการเงินในญี่ปุ่น ทั้งภาครัฐและเอกชน 3. เพื่อหาทางใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เจเทปป้า (JTEPA : Japan Thailand Econo mic Partnership Agreement) ให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่ยังขาดความรู้และข้อมูลของฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการส่งออกหรือค้าขายของไทยให้มากขึ้น 4. เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทย และหน่วยงานราช การที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ กรุงโตเกียว ในการบริหารงานแบบบูรณาการร่วมกัน 5. เพื่อเข้าชมกิจกรรมการประหยัดพลังงานของ Panasonic Center Tokyo ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีใน การช่วยประหยัดพลังงาน เช่น การใช้หลอด LED ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากหลอด LCD การประหยัด เรื่องการใช้น้ำ เป็นต้น รวมทั้งเข้าชมกิจกรรม Shimizu Corporation ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการสร้าง อาคารสถานที่ต่าง ๆ และเข้าชมกิจกรรม Tokyo Sekisui Industry Co., Ltd. ที่ได้มีการใช้เทคโนโลยีสร้างบ้าน สำเร็จรูปแบบประหยัดระยะเวลาในการสร้างง่ายต่อการต่อเติมและมีความแข็งแรง
|
|||||||||||||||||||||
38372 | ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรงตามมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุม
ร่วมกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 และคณะที่ 5)) เสนอผลการพิจารณาประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย เรื่อง การดำเนิน โครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรงตามมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย สรุปได้ดังนี้ 1. การดำเนินการตามมาตรา 67 หากกรณีใดที่มีกฎหมายกำหนดรายละเอียดในการดำเนินการไว้แล้ว ก็ให้ดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติ ส่วนกรณีใดที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะยังไม่มีกฎหมายกำหนดรายละ เอียดในการดำเนินการ ก็ต้องรอจนกว่าจะมีกฎหมายจึงจะดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไปได้ 2. ในระหว่างที่ยังไม่มีการจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมาย หน่วยงานอนุญาตที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ดุลพินิจ ประกาศให้รู้ทั่วไปว่า โครงการหรือกิจกรรมใดบ้างที่เห็นว่ามีผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรงตามมาตรา 67 ของ รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวเป็นเพียงเพื่อประโยชน์ในการบริหารและอำนวยความสะดวกต่อประชาชน โดยไม่ มีผลเป็นเด็ดขาด ผู้ที่เกี่ยวข้องยังสามารถโต้แย้งได้ ซึ่งหากแต่ละหน่วยงานกำหนดหลักเกณฑ์เป็นเอกเทศ ก็อาจก่อ ให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนผู้ประสงค์จะประกอบกิจการต่าง ๆ ได้ จึงสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะกำหนดให้หน่วย งานอนุญาตที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดให้เป็นแนวทางและมาตรฐานเดียวกัน 3. ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายกำหนดรายละเอียดการจัดตั้งองค์การอิสระ หน่วยงานอนุญาตสามารถ ออกใบอนุญาตให้แก่โครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนได้ หากโครงการหรือกิจกรรมนั้นได้มี การศึกษาและประเมินผลต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และได้จัดให้มีกระบวนการรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันกำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||
38373 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ 27 - 30 กรกฎาคม 2552 ณ เมืองมัณฑะเลย์ สหภาพพม่า | พน | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง (The 27th ASEAN Ministers on Energy Meeting (AMEM) and Associated Meetings) ในระหว่างวันที่ 27-30 กรกฎาคม 2552 ณ เมืองมัณฑะเลย์ สหภาพพม่า สรุปผลการประชุม ฯ ได้ดังนี้ 1. การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน (ASEAN Minister on Energy Meeting-AMEM) ครั้งที่ 27 ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงาน (ASEAN Plan of Action for Energy Coopera tion หรือ APAEC 2010-2015) ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาสาระสำคัญ 7 ด้าน ได้แก่ โครงการสายส่งไฟฟ้าอาเซียน โครง ข่ายท่อก๊าซ ถ่านหินและเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด พลังงานหมุนเวียน ประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการอนุรักษ์ พลังงาน นโยบายและแผนพลังงานอาเซียน และพลังงานนิวเคลียร์สำหรับพลเรือน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้ความ สำคัญกับกรอบความร่วมมือระหวาง ASEAN และประเทศพันธมิตร ประกอบด้วย กรอบความร่วมมือ ASEAN-EU ซึ่ง มุ่งเน้นแผนงานในปี พ.ศ. 2553 เกี่ยวกับกิจกรรมความร่วมมือด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เชื้อเพลิงชีวภาพและ ความมั่นคงด้านพลังงานและกรอบการลงทุน และกรอบความร่วมมือ ASEAN-GCC (Gulf Cooperation Council) ซึ่ง ได้ลงนามเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ระหว่างอาเซียนและ GCC ซึ่งที่ประชุมขอให้ประเทศสมาชิกเสนอโครงการ ความร่วมมือ ASEAN-GCC ด้านพลังงานภายใต้แผนงาน 2 ปี โดยประเทศไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมหา รือ ASEAN-OPEC Dialogue ภายใต้กรอบดังกล่าวด้วย 2. การประชุมระดับรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+3 (AMEM+3) ครั้งที่ 6 ที่ประชุมได้เน้นย้ำเกี่ยวกับความ ร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกที่มากขึ้นและอย่างบูรณาการทางความมั่นคงด้านพลังงาน ตลาดน้ำมัน การสำรองน้ำ มัน พลังงานทดแทน ก๊าซธรรมชาติ กลไกการพัฒนาที่สะอาด และพลังงานนิวเคลียร์ 3. การประชุมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก (EAS Energy Minister Meeting : EAS EMM) ครั้งที่ 3 ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีการหารือมากขึ้นระห่วางประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคพลังงาน เพื่อลดผล กระทบจากวิฤตทางด้านการเงินโลก และการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน รวมทั้งให้ความสำคัญที่จะให้มีความร่วม มือกันมากขึ้นและจริงจังในระหว่างประเทศสมาชิก สำหรับการส่งเสริมการค้า การลงทุน ตลาดพลังงาน การแลก เปลี่ยนข้อมูลด้านพลังงาน เพื่อมุ่งไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตสำหรับภูมิภาคนี้
|
|||||||||||||||||||||
38374 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวัฒนา รัตนวิจิตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
ในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจการประกันภัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38375 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 5 ราย 1. นายประวิตร์ ชัยมงคลฯ) | กต | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรง
ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 5 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตาม ที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1. นายประวิตร์ ชัยมงคล ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา 2. นายจิระชัย ปั้นกระษิณ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ 3. นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุง พนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา 4. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล 5. นายโอภาส จันทรทรัพย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย
|
|||||||||||||||||||||
38376 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 12/2552 | นร | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ
และเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 12/2552 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อบังคับให้รัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกขั้นตอนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 และเรื่องนโยบายท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค และการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมือง 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางการได้มาซึ่งองค์การอิสระ เพื่อให้ความเห็นประกอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพสำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อ โดยขณะที่ยังมิได้มีการจัดตั้งองค์การ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปพลางก่อน และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินการ ขององค์กรอิสระในการให้ความเห็นชอบต่อโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง และ ให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ และระเบียบที่ เกี่ยวข้องเพื่อใช้สำหรับการพิจารณาประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน (HIA) และประสานกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อผนวกเรื่องดังกล่าวไว้ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อรองรับการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ต่อไป 2.2 มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวง คมนาคมร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนการพัฒนาศูนย์กลางการบินในภูมิภาค โดยให้พิจารณาบทบาทของท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองที่ชัดเจน และทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาและแผนการ ลงทุนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรวมทั้งจัดทำทางเลือกในการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยให้ จัดทำแนวทางการศึกษาเบื้องต้นเสนอคณะกรรมการ รศก. พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ และดำเนินการศึกษา ในรายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และเสนอคณะกรรมการ รศก. พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38377 | การส่งเสริมการอ่านให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต | ศธ | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1.1 กำหนดให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ 1.2 กำหนดให้วันที่ 2 เมษายน ของทุกปีเป็นวันรักการอ่าน 1.3 กำหนดให้ปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2561 เป็นทศวรรษแห่งการอ่าน 1.4 กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นกลไก ขับเคลื่อนการส่งเสริมการอ่านให้เกิดเป็นรูปธรรม 2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งและปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริม การอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวได้ตาม ความเหมาะสม แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38378 | ขอความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีในการจัดตั้งสำนักงานบังคับคดีอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย | ยธ | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับโครงสร้างแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง
ยุติธรรม โดยจัดตั้งสำนักงานบังคับคดีอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อดูแลให้มีการปฏิบัติและมีการบังคับใช้กฎ หมายอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้มีระบบการอำนวยความยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพและ เป็นธรรมกับทุกกลุ่ม และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38379 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และขอความเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานการบริการนักลงทุน พ.ศ. .... | อก | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รวม 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 สำหรับเป็นค่าเช่าพื้นที่อาคารจตุรัสจามจุรี ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ตั้งศูนย์ประสานการบริการนักลง ทุน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ 2. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานการบริการนักลง ทุน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่ เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38380 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1.1 ผลการพิจารณาการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของส่วนราช การ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ซึ่งจำแนกตามหน่วยงาน แผนงาน-ผลผลิต/โครงการ-รายการ จำนวนทั้งสิ้น 88,906.84 ล้านบาท โดยการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวมีการผูกพันงบประมาณ รวม 4 รายการ วงเงินรวม ทั้งสิ้น 1,361.69 ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 154.34 ล้าน บาท และผูกพันงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2557 จำนวน 1,207.35 ล้านบาท 1.2 ให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมาธิ การวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณในการเปลี่ยนแปลงรายการเพิ่ม งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในกรอบวงเงิน 154,096,800 บาท 3. ในกรณีการขอเพิ่มงบประมาณของสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ให้สำนักงานปลัดกระทรวง อุตสาหกรรมประสานงานกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอรับการจัดสรรเงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2553- 2555 โดยด่วนต่อไป
|
.....