ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1913 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38241 - 38260 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38241 | รายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ | อก | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์
ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ สรุปได้ดังนี้ จากวิกฤติเศรษฐกิจโลก และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุ การณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศทั้งในด้านการค้า และการ ลงทุน กำลังซื้อที่ลดลง รวมถึงการลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหลัก เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณี อาหาร เป็น ต้น ทำให้ผู้ประกอบการ และผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ โดยจะเห็นได้จากตัวเลขดัชนีผล ผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนเมษายน 2552 ปรับตัวลดลงร้อยละ -13.3 อัตราการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวลง ร้อยละ -25.2 รวมทั้งตัวเลขการว่างงานในเดือนเมษายน 2552 มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.7 แสนคน อย่างไร ก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมการรองรับผลกระทบดังกล่าว โดยดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อสร้างความเชื่อ มั่นให้กับภาคการค้าและการลงทุนในประเทศ ประกอบด้วยมาตรการหลักใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. มาตรการสร้างความเชื่อมั่นใจการลงทุน 2. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรม 3. มาตรการชะลอการเลิกจ้าง 4. มาตรการเตือนภัยด้านอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||
38242 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 4 ฉบับ | กษ | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 4 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยระหาร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยระหาร จาก ศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยระหาร ขึ้นไปทางด้านเหนือน้ำในท้องที่ตำบลบุแกรง อำเภจอมพระ จังหวัด สุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก จาก ศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก ในท้องที่ตำบลยาง และตำบลกุดหวาย ขึ้นไปทางด้านเหนือน้ำใน ท้องที่ตำบลระแงง อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านจรัส เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก เก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านจรัส จากศูนย์กลาง เขื่อนดินอ่างเก็บน้ำบ้านจรัส ขึ้นไปทางด้านเหนือน้ำในท้องที่ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เป็นทาง น้ำชลประทาน 4. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก เก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว จากศูนย์กลาง เขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ในท้องที่ตำบลรัตนบุรี ขึ้นไปทางด้านเหนือน้ำในท้องที่ตำบลหนองบัวบาน อำเภอ รัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
38243 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 3/2552 | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการกำกับ
นโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เสนอผลการประชุมคณะกรรมการ กนร. ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจประจำช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2552 และการ เพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรัฐวิสาหกิจ (Public-Private Partnership : PPP) และมอบให้คณะอนุกรรมการกำกับการ ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟ แห่งประเทศไทย ติดตามกำกับการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูทางการเงินของการรถไฟ ฯ เพื่อเป็นไปตามแผนที่ได้ กำหนดไว้ 2. ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี ข้อสังเกตเกี่ยวกับบทบาทขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ควรเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานหรือเป็นผู้ ประกอบการโดยตรง และความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของ อ.ต.ก. และองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพิจารณา ความสอดคล้องในการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อดำเนินการด้านผลิตภัณฑ์นมกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอบเขตการ ดำเนินงาน การปรับปรุงสะพานปลาและท่าเทียบเรือให้ได้มาตรฐาน และการยุบเลิกกิจการบริษัท ส่งเสริมธุรกิจ เกษตรกรไทย จำกัด ไปประกอบการพิจารณาด้วย 3. ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ร่วม กันดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัท ไม้อัดไทย จำกัด รวมทั้งการพิจารณาสถานภาพการดำเนินงานของบริษัท ฯ ใน ระยะต่อไป ให้พิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงาน หากต้องมีการยุบเลิกกิจการ และกำหนดมาตรการ รองรับในกรณีดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
38244 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด | กค | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตร
รัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 จำนวน 3 รุ่น วงเงินรวม 41,700 ล้านบาท ประกอบด้วย พันธ รัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ครั้งที่ 2 จำนวน 24,500 ล้านบาท พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการ บริหารหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 3 จำนวน 6,700 ล้านบาท (Re-open พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการ บริหารหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ครั้งที่ 2) และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 4 จำนวน 10,500 ล้านบาท (Re-open พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ครั้ง ที่ 2) โดยกระทรวงการคลังได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 3 รุ่น จำนวน รวม 11,700 ล้านบาท และได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลจำนวน 30,000 ล้านบาท โดยการกู้ เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ระยะเวลาการชำระคืนต้นเงินกู้ไม่เกิน 3 เดือน และ ได้นำเงินที่กู้จากสถาบันการเงินไปรวมกับงบชำระหนี้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 11,700 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดจำนวน 41,700 ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการ ออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 1-ครั้งที่ 3 จำนวนรวม 30,000 ล้าน บาท และเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลได้ทยอยนำไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นให้กับสถาบันการเงิน เรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
38245 | รายงานผลการช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 8 - 14 เมษายน 2552 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง | พม | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการ
ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 8-14 เมษายน 2552 และเหตุการณ์ที่ เกี่ยวเนื่อง โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการและจัดตั้งศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้ร้บความเสียหาย ฯ ที่กรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการ เปิดรับลงทะเบียนให้การช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน-5 สิงหาคม 2552 มีผู้รับได้รับความเสีย หายมาลงทะเบียน จำนวน 152 ราย มีการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือรวม 137 ราย เป็นเงิน 7,060,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||
38246 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) (จำนวน 3 ราย 1. นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติฯ) | รง | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่ กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ 1. นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน 2. นางจิราภรณ์ เกษรสุจริต ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง 3. นางจันทวรรณ ทองสมบุญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
38247 | แนวทางการดำเนินการในการเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายการหรือ การเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติของหน่วยงานต่างๆ | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเรื่อง แนวทางการดำเนินการในการเสนอเรื่องที่
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายการหรือการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติของหน่วยงาน ต่าง ๆ ว่า กรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ ประสงค์จะเสนอเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายการหรือการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ส่งเรื่องดังกล่าวไปเพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาโดยตรง ภายในวันที่ 15 กันยายน 2552 แล้วให้สำนักงบประมาณรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38248 | รายงานการบริหารจัดการความมั่นคงของระบบไฟฟ้าประเทศไทยเนื่องจากปัญหาการจ่ายก๊าซธรรมชาติ | พน | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการความมั่นคงของระบบ
ไฟฟ้าประเทศไทยเนื่องจากปัญหาการจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช และแหล่งก๊าซธรรมชาติ ยาดานา สหภาพพม่า ระหว่างวันที่ 13-18 สิงหาคม 2552 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยการดำเนินการแก้ปัญหาแหล่งก๊าซธรรมชาตบงกช การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เพิ่มการ ผลิตไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพลังงานทดแทน รวมถึงการซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากกำลัง ผลิตตามสัญญาตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานเขื่อนรัชชประภา เขื่อนวชิราลง กรณ และเขื่อนห้วยเฮาะในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยเดินเครื่องตลอด 24 ขั่ว โมง และเพิ่มการ ผลิตไฟฟ้าเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์บางส่วน นอกจากนี้ ได้ใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า ทดแทนก๊าซธรรมชาติที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าราชบุรี และเพิ่มการผลิตจากน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้ากระบี่ สำหรับการแก้ปัญหาแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา กฟผ. ได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพิ่มเติม หลังจากการ ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงอื่น และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอื่นมีการผลิตเต็มที่แล้ว และมีความเสี่ยงที่โรงไฟฟ้าจะเกิดขัด ข้องและอาจเกิดไฟฟ้าดับในวงกว้าง
|
|||||||||||||||||||||
38249 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 เพิ่มเติม | กห | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในการเสนอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของสำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหม จำนวน 68,485,920 บาท (ปัดเศษ 68,486,000 บาท) ดังนี้ 1.1 เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกพิการ บัตรชั้นที่ 1 จำนวน 36,060,000 บาท โดยปรับเพิ่มจาก เดิมเดือนละ 2,000 บาท เป็นเดือนละ 3,000 บาท จำนวนทั้งสิ้น 3,005 คน 1.2 เงินช่วยเหลือรายเดือนครอบครัวทหารผ่านศึก บัตรชั้นที่ 1 จำนวน 32,425,920 บาท โดย ปรับเพิ่มจากเดิมเดือนละ 1,818 บาท เป็นเดือนละ 2,250 บาท จำนวนทั้งสิ้น 6,255 ครอบครัว 2. ให้สำนักงบประมาณเสนอการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ดังกล่าวต่อ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อ พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38250 | รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินเพื่อดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 30,000 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อกระทรวงการคลังมีความพร้อมที่จะกู้เงินตามกฎหมายให้ อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้กำหนดกรอบวงเงินไว้ 8 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังจะเสนอขออนุมัติกู้เงินในจำนวนที่เหมาะสมในขณะนั้น ๆ คณะรัฐมนตรีจึงไม่ สามารถเห็นภาพรวมว่า กระทรวงการคลังดำเนินการไปแล้วในปริมาณเท่าใด ดังนั้น ขอให้กระทรวงการคลัง จัดทำภาพรวมที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย 3. สำหรับการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ของกระทรวงการคลัง ธนาคารพาณิชย์ที่ให้กู้จะไม่มีความ เสี่ยงใด ๆ ดังนั้น กระทรวงการคลังควรเจรจากับธนาคารพาณิชย์ผู้ให้กู้ให้ปล่อยสินเชื่อตามนโยบายตามความ เหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||
38251 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม
2552 ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 3 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วัน พุธที่ 19 สิงหาคม 2552 และครั้งที่ 4 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม 2552
|
|||||||||||||||||||||
38252 | ร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงฯ รวม 6 ฉบับ (ขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชาฯ) | กห | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ฯ รวม 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย- ลาว ครั้งที่ 17, กรอบการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว และ กลไกที่เกี่ยวข้อง, ร่างกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพู ชา ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการเจรจาเพื่อ รักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนส่วน ภูมิภาคไทย-พม่า และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย และกลไกอื่น ๆ ภาย ใต้กรอบนี้ และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ในกรอบ ของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเสนอ กรอบการเจรจาและร่างบันทึกการประชุมทั้ง 6 ฉบับ รวมทั้งการเพิ่มเติมข้อความในส่วนท้ายของบันทึกการประชุม ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
38253 | ร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงฯ รวม 6 ฉบับ (ขอความเห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ 17) | กห | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ฯ รวม 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย- ลาว ครั้งที่ 17, กรอบการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว และ กลไกที่เกี่ยวข้อง, ร่างกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพู ชา ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการเจรจาเพื่อ รักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนส่วน ภูมิภาคไทย-พม่า และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย และกลไกอื่น ๆ ภาย ใต้กรอบนี้ และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ในกรอบ ของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเสนอ กรอบการเจรจาและร่างบันทึกการประชุมทั้ง 6 ฉบับ รวมทั้งการเพิ่มเติมข้อความในส่วนท้ายของบันทึกการประชุม ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
38254 | ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหากรณีที่
ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้วินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงคะแนนเสียงเห็นชอบ 85 ไม่เห็นชอบ 146 งดออกเสียง 40 ไม่ลงคะแนนเสียง 0 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม 271 คน จากจำนวนสมาชิกทั้ง หมดที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขณะนั้น 471 คน ทำให้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นอันตกไป แต่โดยที่รัฐธรรม นูญ มาตรา 302 วรรคห้า ได้บัญญัติว่า การลงมติให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกของแต่ละสภา ดังนั้น จะถือได้ว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอันตกไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 302 วรรค ห้า หรือไม่ และหากเป็นอันตกไป จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38255 | ร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงฯ รวม 6 ฉบับ (ขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า และกลไกอื่นๆ ภายใต้กรอบนี้) | กห | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ฯ รวม 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย- ลาว ครั้งที่ 17, กรอบการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว และ กลไกที่เกี่ยวข้อง, ร่างกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพู ชา ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการเจรจาเพื่อ รักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนส่วน ภูมิภาคไทย-พม่า และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย และกลไกอื่น ๆ ภาย ใต้กรอบนี้ และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ในกรอบ ของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเสนอ กรอบการเจรจาและร่างบันทึกการประชุมทั้ง 6 ฉบับ รวมทั้งการเพิ่มเติมข้อความในส่วนท้ายของบันทึกการประชุม ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
38256 | ร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงฯ รวม 6 ฉบับ (ขอความเห็นชอบกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย และกลไกอื่นๆ ภายใต้กรอบนี้) | กห | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ฯ รวม 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย- ลาว ครั้งที่ 17, กรอบการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว และ กลไกที่เกี่ยวข้อง, ร่างกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพู ชา ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการเจรจาเพื่อ รักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนส่วน ภูมิภาคไทย-พม่า และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย และกลไกอื่น ๆ ภาย ใต้กรอบนี้ และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ในกรอบ ของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเสนอ กรอบการเจรจาและร่างบันทึกการประชุมทั้ง 6 ฉบับ รวมทั้งการเพิ่มเติมข้อความในส่วนท้ายของบันทึกการประชุม ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
38257 | ร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงฯ รวม 6 ฉบับ (ขอความเห็นชอบกรอบการประชุมเพื่อการรักษา ความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และสร้างความสัมพันธ์ในกรอบของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซียฯ) | กห | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม กรอบการเจรจา และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ฯ รวม 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย- ลาว ครั้งที่ 17, กรอบการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว และ กลไกที่เกี่ยวข้อง, ร่างกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพู ชา ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการเจรจาเพื่อ รักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนส่วน ภูมิภาคไทย-พม่า และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้, กรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย และกลไกอื่น ๆ ภาย ใต้กรอบนี้ และกรอบการประชุมเพื่อรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ในกรอบ ของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย และกลไกอื่น ๆ ภายใต้กรอบนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเสนอ กรอบการเจรจาและร่างบันทึกการประชุมทั้ง 6 ฉบับ รวมทั้งการเพิ่มเติมข้อความในส่วนท้ายของบันทึกการประชุม ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
38258 | ข้อตกลงว่าด้วยการหารือและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยและกระทรวงการต่างประเทศแอฟริกาใต้ | กต | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างข้อตกลงว่าด้วยการหารือและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยกับกระทรวง การต่างประเทศแอฟริกาใต้ โดยร่างข้อตกลง ฯ มีสาระสำคัญคือ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและพัฒนาความ ร่วมมือระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนการเยือน รวมทั้งการจัดการหารือ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันในทุกสาขา โดยเฉพาะ สาขาการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเงิน อุตสาหกรรม การศึกษา สังคม สุขภาพ การกีฬา วิทยาศาสตร์ วิชาการ และเทคโนโลยี และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามข้อตกลงดังกล่าว 2. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
|||||||||||||||||||||
38259 | สรุปผลการประเมินองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประเมินองค์การมหาชนและข้อเสนอการปรับปรุงองค์การมหาชน ตามมติคณะกรรม การพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ 5/2552 วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยมอบหมาย ให้ ก.พ.ร. รับข้อเสนอการปรับปรุงเกี่ยวกับการเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการของหน่วยงานรูปแบบองค์การมหาชนให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ไปดำเนินการต่อไป และมอบหมาย ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดตั้งขององค์การมหาชน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (สอซช.) รับข้อเสนอการปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการองค์การมหาชนแต่ละแห่ง ต่อไป 2. ส่วนองค์การมหาชน (กลุ่มที่ 3) อีก 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้น ที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 กรณี สคพ. และ สพพ. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่าง ประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกันเพื่อบูรณาการ องค์การมหาชนทั้งสองแห่ง และกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการองค์การมหาชนดังกล่าวให้เหมาะสม 2.2 กรณี อพท. มอบหมายผู้บริหาร อพท. หารือการปรับปรุงองค์กรในรายละเอียดร่วมกับ ก.พ.ร. และเสนอให้คณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาด้วยเพื่อกำหนดแนว ทางการบริหารและพัฒนา อพท. ให้สามารถดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีผลเป็นรูป ธรรมมากยิ่งขึ้น 3. ให้ ก.พ.ร. และผู้เกี่ยวข้องตามข้อ 1. และข้อ 2. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
38260 | ข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552 - 2561) | ศธ | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) โดยได้กำหนด เป้าหมายภายในปี พ.ศ. 2561 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เน้นคุณภาพมาตรฐานการ ศึกษาและการเรียนรู้ของคนไทย โอกาสทางการศึกษาและเรียนรู้ รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของ สังคมในการบริหารและจัดการศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่เพื่อเป็นกลไกรับรองคุณภาพมาตร ฐานและเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นภารกิจที่สามารถกำหนดให้หน่วยงานด้านการศึกษา ที่มีอยู่เดิมดำเนินการได้ โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมารองรับ ส่วนการปรับบทบาทสำนักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นสำนักงานการศึกษาตลอดชีวิต รวมทั้งจัดให้มีศูนย์การศึกษา ตลอดชีวิตในทุกพื้นที่ ควรพิจารณาตามความจำเป็นและความต้องการของแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการ 2. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศ วรรษที่สอง พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการจำนวน 2 คณะ เพื่อ ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษา และคณะ กรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่าง อนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. มอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เกี่ยวกับการจัด ตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่พัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ประเมิน และให้การรับรองสมรรถนะวิชา ชีพตามเกณฑ์มาตรฐาน อาจซ้ำซ้อนกับการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือ แรงงานมีหน้าที่รับรองตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ไปพิจารณาด้วย |
.....