ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1089 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 21761 - 21780 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21761 | โครงการประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย | นร04 | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยขอรับการสนับสนุนงบกลาง จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติสนับสนุนให้กองทุนชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๙๕๘ กองทุน และกองทุนชุมชนทหารในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑๘๐ กองทุน จำนวน ๑,๑๓๘ ล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการ จำนวน ๑๖๒ ล้านบาท และโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมออกเงินทุนสนับสนุนในการจัดทำตลาดประชารัฐทั้งสี่มุมเมือง ทั้งในเรื่องโครงสร้าง รูปแบบ การบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามนัยมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง เพื่อขอรับเงินอุดหนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในการดำเนินโครงการฯ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร ประมาณ ๕๐ ล้านบาท นั้น เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและสถาบันการเงินของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
21762 | การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนดในรูปแบบสหกรณ์ หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม โดยการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของประเภทที่ดินกำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อกำหนด หรือเงื่อนไขภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. รับทราบกระบวนการการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ดำเนินการ ระยะที่ ๑ กระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ ส.ป.ก. สำหรับพื้นที่ดำเนินการระยะที่ ๒ และผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการจัดให้ชุมชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจัดให้มีการปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม รวมทั้งพิจารณาออกกฎหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐแต่ไม่สามารถนำมาเรียกร้องให้รัฐออกเอกสารสิทธิ เช่น โฉนดที่ดินให้ในภายหลัง ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติควรคำนึงถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหลักสำคัญมากกว่าสิทธิในการจัดสรร และเพื่อเป็นการลดข้อพิพาทระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และควรมีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติให้กับประชาชนทั่วไปทราบในวงกว้างควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และในกระบวนการดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรควรเพิ่มกระบวนการประเมินและเตรียมความพร้อมของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มีทักษะหรือองค์ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดสรรที่ดิน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับสมาชิกทุกคน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดความขัดแย้งในการใช้ทรัพยากรที่ดินร่วมกันจนอาจทำให้การดำเนินกระบวนการจัดหาที่ดินไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ ควรมีหลักเกณฑ์ในการแก้ปัญหากลุ่มเกษตรกรไม่สามารถรวมกันได้ หรือไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการที่ดินที่ได้รับไปแล้ว รวมทั้งควรดำเนินการให้สอดคล้องและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
21763 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2558 | กค | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่นอกเหนือจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย) ๑.๒ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ในส่วนของเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ และเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่นอกเหนือจากพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับโครงการที่มีความพร้อมและสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๕,๖๔๐.๙๔ ล้านบาท และ ๔.๒๓๖.๓๖ ล้านบาท (ตามลำดับ) ส่วนเงินงบประมาณที่เหลือจำนวน ๑,๑๗๙.๕๙ ล้านบาท และ ๕๐๐.๕๓ ล้านบาท (ตามลำดับ) เห็นควรให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่นอกเหนือจากพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายหลังเดือนกันยายน ๒๕๕๘ กรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐส่งเรื่อง รายการเงินงบประมาณดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเพิ่มเติมในภายหลัง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามให้มีการก่อหนี้ผูกพันให้เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาและตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ หากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือนต่อไปด้วย ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
21764 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แทนตำแหน่งที่ว่าง (นางกรรณิการ์ แสงทอง) | ยธ | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางกรรณิการ์ แสงทอง อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แทนพันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
21765 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - จีน (JC เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 4 (The Fourth Meeting of the Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) | พณ | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจ) ครั้งที่ ๔ (The Fourth Meeting of the Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และมนตรีแห่งรัฐ (เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี) (นายหวัง หย่ง) เป็นประธานร่วมการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นเวทีการหารือระดับสูง เพื่อกำหนดนโยบายการปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่ลักษณะเกื้อกูลกันและกัน และมอบหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. การตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าของมูลค่าการค้าปัจจุบันภายใน ๕ ปี (๑๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๓) ๒. การเชิญนักลงทุนจีนให้เข้ามาลงทุนใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายตามแนวนโยบายของรัฐบาล ๓. การจัดตั้งหน่วยงานกลาง (focal point) ระหว่างไทยกับจีน ๔. การเพิ่มการค้าสินค้าเกษตร (ข้าว/ยางพารา/มันสำปะหลัง/สินค้าเกษตรอื่น ๆ) ๕. โครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการขยายความร่วมมือด้านระบบรางขนส่งไปพร้อมกับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ ๖. ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม และความร่วมมือด้านอวกาศ ๗. ความร่วมมือด้านสุขอนามัยและมาตรฐานการตรวจสอบ ๘. ความร่วมมือด้านการเงิน ๙. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๑๐. ความร่วมมือด้านพลังงาน ๑๑. ความร่วมมือในระดับท้องถิ่น ๑๒. ความร่วมมือด้านการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ |
||||||||||||||||||||||||
21766 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง เป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง (จำนวน 13 คน 1. นายปรีชา รณรงค์ ฯลฯ) | มท | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง เป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง จำนวนรวม ๑๓ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๙ คน ๑.๑ ด้านการผังเมือง นายปรีชา รณรงค์ ๑.๒ ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ นายสายสุรีย์ บุนนาค นายตรีภพ จันทรประภา ๑.๓ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ นายรัชทิน ศยามานนท์ ๑.๔ ด้านนิติศาสตร์ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ นายวัฒนา เชาวสกู ๑.๕ ด้านสิ่งแวดล้อม นายสง่า โภคบุตร ๑.๖ ด้านเศรษฐศาสตร์ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันอุดมศึกษาที่มีหลักสูตรด้านการผังเมือง นายนิพันธ์ วิเชียรน้อย ๑.๗ ด้านสังคม พลเอก ไตรรัตน์ รังคะรัตน์ ๒. ผู้แทนสถาบันหรือองค์กรอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๔ คน ๒.๑ นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ ๒.๒ นายสมพล ยุติธรรม ๒.๓ นายธีระพันธุ์ ทองประวัติ ๒.๔ นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์
|
||||||||||||||||||||||||
21767 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (นางสาลินี วังตาล และนายสมชาติ สร้อยทอง) | พณ | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาลินี วังตาล และนายสมชาติ สร้อยทอง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21768 | รายงานผลการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำ คลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า - รามคำแหง ไปทางประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ | มท | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำ คลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ไปทางประตูระบายน้ำคลองสายใต้ ซึ่งสำนักงบประมาณเห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างโครงการดังกล่าว ในวงเงิน ๒,๔๒๓,๕๐๐,๐๐ บาท ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๒,๑๘๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กรุงเทพมหานครเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21769 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน (ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วย ๓ โครงการ ๑๑ กิจกรรม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ท่องธรรมชาติฟรีทั่วไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ๑.๑ เปิดให้บริการเข้าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าโดยไม่คิดค่าบริการ ๑.๒ เข้าชมฟรีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (Aquarium) จังหวัดภูเก็ต ๑.๓ การยกเว้นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สิรินธร อำเภอสหัสขันธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๔ การยกเว้นค่าเข้าชมศูนย์วิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จังหวัดขอนแก่น ๑.๕ งานช้างไทย ตำนานยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๕๙ (The Great Legend of Thai Elephant) ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ๑.๖ “Gift Vouchers ของขวัญวันปีใหม่ ๒๕๕๙” เป็นบัตรเข้าสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ทั้ง ๗ แห่งฟรี ๑.๗ ของขวัญวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๙ โดยองค์การสวนสัตว์มอบความสุขให้แก่เด็ก ๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ๙ มกราคม ๒๕๕๙ ให้เด็กที่สูงต่ำกว่า ๑๓๕ เซนติเมตร เข้าชมสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ฟรี อีกทั้งได้ของขวัญของรางวัลมากมาย ๒. คนกับป่าพึ่งพาสู่ความยั่งยืน ได้แก่ ๒.๑ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้สักที่ทำจากสวนป่าปลูกขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ๒.๒ การจัดที่ดินให้ผู้ไร้ที่ทำกิน โดยมอบหนังสืออนุญาตให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากน้ำ ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ ๑,๖๐๐ ไร่ ๒.๓ ครูป่าไม้ให้บริการประชาชน รวมทั้งการให้ความรู้ คำแนะนำทางวิชาการด้านป่าไม้ ๓. ทส. ลดโลกร้อนเพื่อประชาชน ได้แก่ โครงการจัดทำเกมส์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
|
||||||||||||||||||||||||
21770 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน (ของกระทรวงพลังงาน) | พน | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดเตรียมของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ของกระทรวงพลังงาน โดยได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ได้แก่ การลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และค่าไฟฟ้า รวมถึงส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาวให้กับประชาชนในอีกทางหนึ่งด้วย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21771 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. เห็นชอบให้ยืนยันหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นได้ โดยให้ปรับถ้อยคำจาก “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นแทนคณะกรรมการ ป.ป.ท. ...” เป็น “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ท. ให้ความเห็นชอบแล้ว...” และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21772 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยืนยันหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีอำนาจไต่ส่วนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นได้ โดยให้ปรับถ้อยคำจาก “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นแทนคณะกรรมการ ป.ป.ท. ...” เป็น “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ท. ให้ความเห็นชอบแล้ว...” และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21773 | การเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 18 - 19 ธันวาคม 2558 | กต | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน) อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ว่า นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้เข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความมั่งคั่ง” โดยผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดดำเนินการลาดตระเวนบริเวณชายแดนร่วมกันเพื่อปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และส่งเสริมความร่วมมือด้านการปราบปรามการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ๒. ด้านการเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาการขนส่งทางถนน การเดินเรือชายฝั่ง การบริการเดินรถไฟ โดยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรหนองเอี่ยนและสตึงบท ๓. ด้านเศรษฐกิจ ๓.๑ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยมุ่งหวังที่จะให้มีมูลค่าการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่าของมูลค่าการค้าในปัจจุบันภายในปี ๒๕๖๓ และจะเจรจาความตกลงเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓.๒ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้กล่าวปาฐกถาในการสัมมนาธุรกิจระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ภาคธุรกิจไทยได้ไปลงทุนในกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา และสภาธุรกิจกัมพูชา-ไทย ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันด้วย ๔. ด้านแรงงาน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือและการคุ้มครองด้านแรงงานระหว่างกัน และมุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหาการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงานระหว่างกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ที่จะกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและความร่วมมือในอนาคต โดยแสดงความพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมืออันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาคมอาเซียนอีกด้วย ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้เชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีร่วมครั้งที่ ๓ ณ กรุงพนมเปญด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21774 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... | นร | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
21775 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | เวียน | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการ ๑.๑ ในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายหรือยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่ ให้โครงสร้างของกฎหมายประกอบด้วยมาตรการในเชิงป้องกัน เชิงป้องปราม และบทลงโทษ ทั้งนี้ ให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมพิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาให้การดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมมีความเชื่อมโยงกัน โดยมีเป้าหมายในการพิจารณาคดีที่รวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียมกัน รวมทั้งให้จัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้การพิจารณาคดีสิ้นสุดโดยไม่ต้องนำเข้ามาพิจารณาในส่วนกลาง เพื่อให้เป็นการลดภาระการพิจารณาและลดความแออัดของสถานที่คุมขังในส่วนกลาง ๑.๓ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมเร่งรัดพิจารณาคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีต่าง ๆ ให้แยกเป็นคดีที่จับกุมได้ก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยให้เร่งดำเนินคดีที่จับกุมได้ก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ก่อน ๑.๔ ให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการตามกฎหมายที่รองรับกรณีการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษตามแนวเขตชายแดน เพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ การคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐร่วมกับสำนักงบประมาณดำเนินการติดตามและสุ่มตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ตามโครงการสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย และโครงการที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบข้อทุจริตหรือมีการร้องเรียนให้รายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วและดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการต่อไป ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การอิสระให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่รับผิดชอบและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ กรณีการปรับแบบรูปรายการสิ่งก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ขอให้หน่วยงานภาครัฐคำนึงถึงความเหมาะสม และความคุ้มค่าของงบประมาณในการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21776 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ (ร่าง) ข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | รง | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองประเทศในด้านแรงงาน ได้แก่ ความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่างสองประเทศ ความร่วมมือด้านวิชาการอื่น ๆ ที่คู่เจรจามีความสนใจ และการจัดประชุมร่วมระหว่างสองฝ่ายทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับหน่วยงานปฏิบัติ และ (ร่าง) ข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับเดิม ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อำนวยความสะดวกในการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส คำนึงถึงสิทธิของแรงงาน และขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ๑.๒ อนุมัติให้ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามของผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และข้อตกลงฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไข (ร่าง) บันทึกความเข้าใจฯ และ (ร่าง) ข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับข้อเสนอเพื่อสร้างความมั่นคงด้านระบบสุขภาพของประเทศ โดยแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาทุกราย ต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง โดยสถานบริการของรัฐ เนื่องจากเป็นการเฝ้าระวังโรคและหากพบความผิดปกติที่อาจต้องมีการเข้ารับบริการรักษาพยาบาล ซึ่งรัฐจะต้องรับภาระต่อไป และต้องมีการประกันสุขภาพในช่วงระยะเวลาไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำงานอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้แรงงานเข้าถึงบริการสุขภาพและเพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่ายในการให้บริการของหน่วยบริการสุขภาพ รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
21777 | การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) | กค | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมทุนของภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอนาคต ช่วยแบ่งเบาภาระการคลังของประเทศในระยะยาว และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศผ่านกลไกของตลาดทุนได้ และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาคัดเลือกโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า ลักษณะและขนาดของกองทุนฯ ควรให้เป็นไปตามความต้องการ (Demand) ที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างแท้จริง รวมทั้งมีแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจนและมีความพร้อมในการดำเนินการเป็นสำคัญ สำหรับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งกองทุนฯ และกลไกการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน นั้น ยังไม่มีรายละเอียดวงเงินและระยะเวลาที่ชัดเจน ประกอบกับเป็นกองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณกำหนดให้ใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดิน จึงเห็นควรที่ผู้บริหารกองทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโดยไม่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ นอกจากนี้ ให้มีการกำหนดโครงสร้างและสัดส่วนของการลงทุนระหว่างการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในหลักทรัพย์อื่นให้ชัดเจน รวมถึงมีการกำหนดกลไกการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำจากการลงทุน และระดับอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกองทุนฯ และการประกันผลตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมให้แก่นักลงทุน ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาในประเด็นนี้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
21778 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน | กษ | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมาตรฐานในการตรวจสอบและกักกันโรค รวมทั้งสุขอนามัยของสินค้าข้าวไทยที่จะส่งออกไปจีนตามข้อตกลงทางเทคนิคที่ได้ตกลงกัน และมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบควบคุมคุณภาพความปลอดภัยของข้าวไทย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานในการตรวจสอบ รับรอง และควบคุมคุณภาพข้าวไทยให้ได้มาตรฐานและพิจารณาถึงผลกระทบในอนาคตของการจัดทำความตกลงข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวในลักษณะดังกล่าวกับประเทศอื่น ๆ ที่อาจต้องดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน ซึ่งอาจจะมีผลเป็นการกีดกันหรืออุปสรรคทางการค้าของไทย รวมทั้งจะต้องดำเนินการไม่ให้ขัดกับหลักการภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการบังคับใช้มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชขององค์การการค้าโลก (WTO/SPS) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ร่วมมือกันในการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีนอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
21779 | การลงนามรับรองผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 4 (The 4th Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) | พณ | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร Agreed Record of the Forth Meeting of the Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between the Government of Thailand and the Government of the People’s Republic of China เป็นร่างบันทึกผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๔ (The 4th Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) ซึ่งครอบคลุมทิศทางการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การค้าและการลงทุนในระดับทวิภาคี (๒) ความร่วมมือด้านสาธารณูปโภคและโครงการต่าง ๆ (๓) ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความร่วมมือด้านอวกาศ (๔) ความร่วมมือด้านการตรวจสอบ กักกัน มาตรฐานสุขอนามัยพืชและสัตว์ (๕) ความร่วมมือด้านการเงิน (๖) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (๗) ความร่วมมือด้านพลังงาน (๘) ความร่วมมือด้านอวกาศและเทคโนโลยี (๙) ความร่วมมือระดับท้องถิ่น และ (๑๐) การรวมตัวทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในเอกสารฯ ๒. หากจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการส่งเสริมความร่วมมือในมิติด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ควบคู่กันไปด้วย เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
21780 | การจัดทำพิธีสารว่าด้วยการปรึกษาหารือและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโก | กต | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างพิธีสารว่าด้วยการปรึกษาหารือและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโก มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี พัฒนาความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนการเยือน ตลอดจนการจัดการประชุมปรึกษาหารือระหว่างกัน ซึ่งครอบคลุมในทุกสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน โดยเฉพาะในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเงิน อุตสาหกรรม การศึกษา สังคม การกีฬา วิทยาศาสตร์ วิทยาการและเทคโนโลยี รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและประเด็นปัญหาระดับระหว่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
.....