ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1083 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 21641 - 21660 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21641 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีให้ข้อคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานการดำเนินงานด้านความมั่นคงโดยเน้นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพื่อระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง (กระทรวงมหาดไทย) ในการลงพื้นที่ร่วมกัน และการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย และการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ รวมทั้งการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้านการท่องเที่ยว จะดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น รวมทั้งให้กรุงเทพมหานครกลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับที่ ๑ ของโลก และด้านการกีฬา มีการแบ่งกิจกรรมกีฬาเป็นคลัสเตอร์ (Cluster) ต่าง ๆ และมีแผนการตั้งมหาวิทยาลัยกีฬา ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รายงานการขับเคลื่อนและบริหารราชการแผ่นดินในปัจจุบันควรเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อเตรียมทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพในอนาคต รวมทั้งการส่งเสริมด้านอาชีวศึกษาเพื่อผลักดันในการสร้างทรัพยากรบุคคลที่ทำงานได้ตรงตามสายงานและความต้องการของประเทศ ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานการดำเนินงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ งานในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน งานในความรับผิดชอบของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และงานในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ๑.๕ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานภารกิจของฝ่ายเศรษฐกิจ ได้แก่ การรักษาอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และการขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ ๑.๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รายงานเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี ๒๕๕๙ ได้แก่ การสร้างวินัยในการขับขี่ การบังคับใช้กฎหมาย และสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี ๒๕๕๙ ๑.๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่าจะเดินทางไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในช่วงวันที่ ๑๒-๑๓ มกราคม ๒๕๕๙ ในฐานะตัวแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อไปรับมอบตำแหน่งประธานกลุ่ม ๗๗ (G-77) และได้รับแจ้งจากผู้จัดการประชุมเศรษฐกิจประจำปี หรือ World Economic Forum ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ มกราคม ๒๕๕๙ ว่า ขอเชิญให้นายกรัฐมนตรีไปกล่าวปาฐกถาพิเศษ (Special address) ในเวทีการประชุมฯ จากเดิมที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาร่วมกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย รวมทั้งได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากทางการสหรัฐอเมริกาว่า ขอเลื่อนกำหนดการส่งรายงานประจำปีเรื่องสถานการณ์การค้ามนุษย์ของแต่ละประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อประกอบการจัดทำรายงาน Trafficking in Persons (TIP) ของสหรัฐอเมริกา ในปี ๒๕๕๙ เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) ๑.๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศในปี ๒๕๕๙ จะต่อยอดแนวคิด ๑๒ เมืองต้องห้าม ... พลาด สู่โครงการ ๑๒ เมืองต้องห้าม ... พลาด PLUS โดยเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในท้องถิ่น รวมไปถึงชุมชนและภาคการเกษตร ๑.๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รายงานการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) การปราบปรามยาเสพติด และการแก้ไขปัญหาทุจริต ๒. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยให้มีการสร้างการรับรู้และดำเนินกิจกรรมที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งด้านการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับวินัยในการขับขี่ปลอดภัยให้แก่เยาวชน และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21642 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวง | กษ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงคมนาคม รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวง โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบการทำงานร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ เช่น ขอบเขตความร่วมมือ ความรับผิดชอบของคณะกรรมการร่วมเพื่อขับเคลื่อนโครงการ สิทธิและหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญ เอกสิทธิ์การยกเว้นและสิทธิประโยชน์ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา การรักษาความลับ การระงับข้อพิพาท และการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๒ เห็นชอบให้กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานบริหารโครงการ (Executive Agency) รับผิดชอบในการจัดตั้งงบประมาณสนับสนุนโครงการ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔ มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้มีอำนาจลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นเทคโนโลยีการดัดแปรสภาพอากาศในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตรในประเทศไทยเป็นระยะเวลา ๒๐ ปี นับตั้งแต่วันที่มีการยื่นขอรับการจดทะเบียนสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ จนถึงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ โดยไม่ปรากฏว่า ได้มีการยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวในราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ในข้อ ๗ ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ กำหนดให้จอร์แดนให้ความคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือความรู้เชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิผล สำหรับประเด็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ เช่น ข้อมูลความลับที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการดัดแปรสภาพอากาศ จอร์แดนจะต้องให้ความคุ้มครองตามกฎหมายภายในของประเทศ และพันธกรณีภายใต้ความตกลงทริปส์ (TRIPS Agreement) ขององค์การการค้าโลก ซึ่งจอร์แดนเป็นสมาชิก รวมทั้งข้อกำหนดตามร่างบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เช่น คำว่า “and/on” ในร่างข้อ ๗ ควรแก้ไขเป็น “and/or” และคำว่า “talk all steps” ในร่างข้อ ๒ ของภาคผนวก ๓ ควรแก้ไขเป็น “take all steps” เป็นต้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความถูกต้องของเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21643 | การยกเว้นภาษีและลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการทรัพย์สินที่กระทรวงการคลังรับโอนจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย | กค | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะและลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการสินทรัพย์ หนี้สิน และทรัพย์สินที่ได้รับโอนจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๑ ฉบับ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กิจการของกระทรวงการคลังเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังได้รับโอนมาจาก บสท. และต่อมาโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่น เป็นกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีกระทรวงการคลังบริหารจัดการทรัพย์สินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการลดหย่อนค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน จากร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังได้รับโอนมาจาก บสท. ให้แก่บุคคลอื่น และการจำนองหรือการโอนสิทธิการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังได้รับโอนมาจาก บสท. ให้แก่บุคคลอื่น ๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีกระทรวงการคลังบริหารจัดการทรัพย์สินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการลดหย่อนค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด จากร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับการโอนห้องชุดที่กระทรวงการคลังได้รับโอนมาจาก บสท. ให้แก่บุคคลอื่น และการจำนองหรือการโอนสิทธิการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังได้รับโอนมาจาก บสท. ให้แก่บุคคลอื่น
|
|||||||||||||||||||||
21644 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เพื่อมิให้อำนาจหน้าที่ของ กนศ. ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และท่าทีในการเจรจาด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านของ กนศ. ให้สอดคล้องกับการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) และควรจัดให้มีการประชุม กนศ. อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศมียุทธศาสตร์และทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรมีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลและการดำเนินการระหว่าง กนศ. และ พกค. รวมทั้งคณะกรรมการอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การพิจารณากำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. อนุมัติให้ยกเลิกคณะทำงานยุทธศาสตร์การเจรจาการค้าของประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ |
|||||||||||||||||||||
21645 | รายงานผลการประชุมการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบการคุ้มครองผู้บริโภค และข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปหน่วยงานภาครัฐในการคุ้มครองผู้บริโภค) | นร04 | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบการคุ้มครองผู้บริโภค และข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปหน่วยงานภาครัฐในการคุ้มครองผู้บริโภค) ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการปฏิรูประบบกลไกการมีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภค ไม่เห็นด้วยในหลักการที่จะให้มีการตราพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... กำหนดให้คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจและหน้าที่หลายประการ ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของหน่วยงานของรัฐและมีกฎหมายกำกับอยู่แล้ว จึงเป็นการซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ๒. ประเด็นการปฏิรูประบบข้อมูลและความปลอดภัยของผู้บริโภค เห็นด้วยในหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัยและจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ. .... แต่เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีบทบัญญัติในเรื่องการขจัดภัยจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยซึ่งมีความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติในมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จึงควรนำบทบัญญัติเฉพาะเรื่องนี้มาปรับแก้ไขเพิ่มเติมในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้มีความครบถ้วนมากขึ้น ๓. ประเด็นการปฏิรูประบบชดเชยความเสียหายของผู้บริโภค เห็นสมควรให้กฎหมายว่าด้วยความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้าขึ้นบังคับใช้ในประเทศไทย โดยทบทวนเนื้อหารายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... ให้มีความรอบคอบมากขึ้น และรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภค และเพื่อให้กฎหมายฉบับนี้สามารถบังคับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ๔. ประเด็นการปฏิรูปกลไกและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคภาครัฐ เห็นด้วยในหลักการที่จะต้องมีแผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ เพื่อบูรณาการการคุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานต่าง ๆ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินการร่วมกับส่วนราชการในการจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความชัดเจนของกลไกการขัยเคลื่อนที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21646 | รายงานแผนงานและงบประมาณในการดำเนินแผนงานสำคัญของรัฐบาล | นร | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณรายงานแผนงานและงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งรายละเอียดแนวทางการจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (E-W Corridor)] มีวงเงินทั้งสิ้น ๑.๗๙ ล้านล้านบาท ปรับลดลงจาก ๒ ล้านล้านบาท ในแผนงานเดิม โดยในรายละเอียดแผนงานมีการปรับปรุงโครงการต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะในประเด็นความพร้อมในการดำเนินงาน และความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ เช่น เพิ่มการพัฒนารถไฟความเร็วปานกลาง จำนวน ๑ สายทาง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้า จากเดิมที่เน้นการพัฒนาเฉพาะการขนส่งผู้โดยสาร เป็นต้น ซึ่งการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานตามแผนงานใหม่ส่งผลให้การก่อหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามกรอบความยั่งยืนด้านการคลังจากการใช้แหล่งเงินทุนหลายรูปแบบแทนการใช้เงินกู้เพียงอย่างเดียว ๑.๒ แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) เป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการน้ำ จากเดิมที่เน้นเฉพาะการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และคุณภาพน้ำในพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้พื้นที่รับประโยชน์ตามเป้าหมายต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น เช่น พื้นที่ฟื้นฟูป่าปรับเพิ่มขึ้นจาก ๒๖๐,๐๐๐ ไร่ เป็น ๔,๗๗๐,๐๐๐ ไร่ เป็นต้น นอกจากนี้ แผนยุทธศาสตร์ฉบับนี้ยังครอบคลุมภารกิจงานสำคัญเพิ่มเติมจากเดิม เช่น การสร้างระบบประปาหมู่บ้าน การเพิ่มพื้นที่ชลประทาน และการฟื้นฟูแหล่งน้ำ เป็นต้น ๑.๓ แนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ การจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จะพิจารณาแผนงาน/โครงการในลักษณะบูรณาการ ๓ มิติ ได้แก่ มิติยุทธศาสตร์ (Agenda Base) มิติหน่วยงาน (Function base) และมิติพื้นที่ (Area base) เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปด้วยความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะดำเนินการจัดประชุมชี้แจงรายละเอียดแนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการดังกล่าวให้ทุกส่วนราชการทราบและดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงคมนาคมรับไปประชาสัมพันธ์และชี้แจงรายละเอียดของแผนงานและงบประมาณตามแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ๓. ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปประชาสัมพันธ์และชี้แจงรายละเอียดตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙)
|
|||||||||||||||||||||
21647 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติขอให้เร่งรัดการดำเนินการ จำนวน 6 ฉบับ | นร09 | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวน ๖ ฉบับ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศที่มีเด็กเป็นองค์ประกอบความผิด และแก้ไขคำนิยาม “กระทำชำเรา”) ๖. ร่างพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
21648 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) | นร | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้แจ้งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
21649 | สรุปผลการดำเนินการ "1 ปี ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม" | นร02 | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานว่า รัฐบาลได้มีการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพควบคู่ไปกับวัฒนธรรมไทยท้องถิ่น ยกระดับการค้าแบบไทยให้ผู้ค้าพบผู้บริโภคโดยตรง และเป็นการกระจายรายได้จากท้องถิ่นสู่เมืองและสู่ตลาดในต่างประเทศ โดยมีการจัดงานตลอดปี ๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๑๓ ครั้ง ได้แก่ (๑) งานตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ (๒) งานตลาดน้ำวิถีไทย (๓) งานวิถีข้าว วิถีไทย (๔) เทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ (๕) งานถนนสายวัฒนธรรม (๖) งานเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับ และปลาสวยงาม (๗) งานเมืองสุขภาพดี วิถีชุมชน (๘) งานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ของขวัญแด่แม่ (๙) งานย่านธุรกิจสร้างสรรค์ และสินค้า GI (๑๐) งานสุดยอด SMEs ของดีทั่วไทย (๑๑) งานนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs (๑๒) งาน OTOP TO AEC มรดกของแผ่นดินจากท้องถิ่นสู่สากล และ (๑๓) งานของที่ระลึกแด่พ่อ ของขวัญปีใหม่ ทั้งนี้ มีผู้เข้าชมงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม รวมทั้งสิ้น ๑.๖ ล้านคน สร้างยอดจำหน่ายและสั่งซื้อสินค้า รวมมูลค่า ๙๔๔ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
21650 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน (กระทรวงแรงงาน) (นายบุญเลิศ ธีระตระกูล) | รง | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสิงหเดช ชูอำนาจ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุทธิ สุโกศล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายบุญเลิศ ธีระตระกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
21651 | การเตรียมความพร้อมแก่กำลังแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน | รง | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่าง ๆ ที่จัดให้มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาดำเนินการให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาตอนปลายทุกคนได้รับการแนะแนวการศึกษาและอาชีพก่อนสำเร็จการศึกษาตามกระบวนการแนะแนวครบถ้วนทุกขั้นตอน โดยกระทรวงแรงงานให้การสนับสนุนแบบทดสอบศักยภาพต่าง ๆ และการประมวลการทดสอบในระบบออนไลน์ (online) แก่นักเรียนและสนับสนุนข้อมูลอาชีพและข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของตลาดแรงงานแก่เครือข่ายครูแนะแนวของสถานศึกษา ๒. กำหนดให้การแนะแนวการศึกษาและอาชีพแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นเป้าหมายและตัวชี้วัดผลการดำเนินงานประจำปีของสถานศึกษาด้วย |
|||||||||||||||||||||
21652 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ (ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ จังหวัด กลุ่มจังหวัด หน่วยงานอิสระ องค์การมหาชน และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ) กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะ ๑.๒.๑ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับ ดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากรายงานการเงินเป็นรายงานที่แสดงข้อมูลฐานะทางการเงินและการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานภาครัฐที่หัวหน้าส่วนราชการจะต้องรับผิดชอบในการจัดทำและส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ให้ทันภายในเวลาที่กำหนด เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนและรวดเร็ว ในอันที่จะช่วยให้รัฐบาลได้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและการบริหารด้านการคลังให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ยังคงมีหน่วยงานภาครัฐ และ อปท. ที่ไม่ได้ส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีหรือภายใน ๙๐ วัน (สำหรับ อปท.) จำนวน ๒๒๙ หน่วยงาน ๑.๒.๒ กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่มีเงินที่ปลอดภาระผูกพันจำนวนมาก ควรพิจารณาให้มีการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เต็มศักยภาพเป็นลำดับแรกก่อนที่จะขอใช้งบประมาณแผ่นดินเพิ่มเติม ๑.๒.๓ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการกำกับดูแลการปกครองท้องถิ่น ผลักดันให้ อปท. กู้ยืมเงินจากเงินฝากกองทุนในกลุ่ม อปท. เช่น เงินฝากเงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนจังหวัด เงินฝากเงินทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล ซึ่งเป็นกองทุนเงินสะสมของกลุ่ม อปท. มากกว่ากู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้กลุ่ม อปท. ได้รับผลประโยชน์รายได้ดอกเบี้ยการกู้ยืมดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของหน่วยงานที่ไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด ต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบเพื่อประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับการบริหารการเงินของ อปท. เห็นควรให้ อปท. ที่มีเงินสะสมจำนวนมากและไม่มีภาระผูกพัน พิจารณานำเงินดังกล่าวมาดำเนินการตามภารกิจและขั้นตอนของกฎหมายของ อปท. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ส่วน อปท. ที่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาดำเนินภารกิจตามกฎหมายจะต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นและประหยัดต้นทุนทางการเงินให้มากที่สุด โดยเห็นควรให้กู้ยืมเงินจากเงินฝากจากกองทุนในกลุ่ม อปท. เพื่อให้กลุ่ม อปท. ได้รับผลประโยชน์รายได้ดอกเบี้ยการกู้ยืมดังกล่าว รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการบริหารจัดการการเงินของท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ กระทรวงการคลังควรพิจารณาปรับปรุงลักษณะการวิเคราะห์ให้สามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และความเสี่ยงทางการคลังของภาครัฐในภาพรวม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการเงินการคลังภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21653 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย) | พม | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และมีข้อเสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ การขยายอายุเกษียณในภาคราชการต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบเพราะมีภาระงบประมาณมากและมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่จะเกษียณ ส่วนในภาคเอกชน ลูกจ้างสถานประกอบการ กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายแรงงาน โดยกำหนดอายุเกษียณไว้ที่ ๖๐ ปี เพื่อคุ้มครองลูกจ้างให้ได้รับเงินค่าชดเชยการเลิกจ้างด้วยเหตุสูงอายุ ๑.๒ ควรจัดทำประชาพิจารณ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกรณีบูรณาการสิทธิประโยชน์ชราภาพของกองทุนประกันสังคมร่วมกับกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อสร้างระบบบำนาญขั้นที่ ๒ แบบมีส่วนร่วมจ่าย ๑.๓ ควรแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง โดยมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสม และควรกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพแต่ละประเด็นให้ชัดเจน ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21654 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์เร่งด่วนเพื่อการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำประแสร์ได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21655 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2558 ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ โดยยอดหนี้สาธารณะคงค้างมีจำนวน ๕,๗๘๓,๓๒๓.๑๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๒.๙๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๔๖๕,๒๐๐.๔๓ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงิน ๑,๒๙๕,๕๘๔.๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๔๓ ของแผนฯ และจากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๘ แห่ง พบว่ามีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ที่มีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผน ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
|
|||||||||||||||||||||
21656 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก) | มท | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เป็นโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ภายใต้วงเงินงบประมาณเดิม จำนวน ๒๒,๖๓๓,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยขอตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดทำความเข้าใจกับเจ้าของที่ดินที่อยู่ระหว่างตัดสินใจเข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อให้โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนเร่งรัดการก่อสร้างถนนโครงการตามผังเมืองรวมเมืองพิษณุโลก สาย ฉ ๑ เพื่อเปิดพื้นที่และบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพให้สอดคล้องกับการดำเนินโครงการ รวมทั้งเร่งรัดดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21657 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน วาระปี 2559 - 2561 (ดร. เสรี นนทสูติ) | กต | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้ง ดร. เสรี นนทสูติ เป็นผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights : AICHR) สำหรับวาระระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งการแต่งตั้ง ดร. เสรี นนทสูติ เป็นผู้แทนไทยใน AICHR วาระปี ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ให้เลขาธิการอาเซียนและประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ
|
|||||||||||||||||||||
21658 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2557 และข้อเสนอแนะจากที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี 2558 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อย ปี ๒๕๕๗ และข้อเสนอแนะจากที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ฐานะการเงินและผลการดำเนินการของ กบข. และบริษัทย่อยปี ๒๕๕๗ มีสินทรัพย์สุทธิรวมเพิ่มขึ้นจากเดิม ๖๓๖,๘๖๒.๘๐ ล้านบาท เป็น ๗๑๓,๙๔๔.๙๒ ล้านบาท และมีผลประโยชน์สุทธิรวมเพิ่มขึ้นจากเดิม ๒๓,๖๔๓.๕๗ ล้านบาท เป็น ๓๗,๘๑๐.๗๕ ล้านบาท โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินของ กบข. แล้วพบว่าถูกต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ๒. ในการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ผู้แทนสมาชิกได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น ปัจจัยที่จะทำให้สมาชิกมั่นใจในการบริหารเงินของสมาชิก การแก้ไขสูตรการคำนวณบำนาญ กบข. และการแสดงความประสงค์กลับไปอยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญ (UNDO)
|
|||||||||||||||||||||
21659 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนตุลาคม ปี 2558 | พณ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนตุลาคม ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๘,๕๖๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๘.๑๑ (YoY) เนื่องจากช่วงต้นปี ๒๕๕๗ การส่งออกชะลอตัวจากปัจจัยทางการเมือง และกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๗ ส่งผลให้ไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๗ การส่งออกมีมูลค่าสูงและเป็นไตรมาสเดียวที่ขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ ๑.๕๘ (YoY) ในขณะที่การนำเข้าเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๖,๔๖๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๑๘.๒๑ (YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เกินดุล ๒,๑๐๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรหดตัวตามราคาสินค้าเกษตรโลก เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๑๐.๓ (YoY) ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญอย่างยางพารา จะมีปริมาณส่งออกสูงขึ้น แต่ราคายังคงอยู่ในระดับต่ำทำให้มูลค่าการส่งออกหดตัวลง โดยสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรมีมูลค่าการส่งออกที่เปลี่ยนแปลงไป (YoY) ได้แก่ ยางพารา ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง และผลไม้แห้ง น้ำตาลทราย ผลไม้กระป๋องและแปรรูป รวมทั้งไก่แปรรูป ๓. มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัวลง เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๖.๖ (YoY) โดยสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยคือ รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๒ (YoY) ในขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันดิบหรืออุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างการใช้วัตถุดิบซึ่งมาจากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติกลดลงต่อเนื่องตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำไปจนถึงสิ้นปี หากไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ มูลค่าการส่งออกรวมของไทยในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ จะหดตัวร้อยละ ๖.๗ (YoY)
|
|||||||||||||||||||||
21660 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2558 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมฯ มีความเห็นและข้อเสนอแนะ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย มาตรการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน และมาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงตารางการรายงานความคืบหน้าของโครงการภายใต้การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้มีความชัดเจน อาทิ ประเภทของแหล่งเงินในการดำเนินโครงการ ระยะเวลาการดำเนินโครงการ แผนการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายปีและรายไตรมาส อัตราการเบิกจ่ายจริงเทียบกับประมาณการอัตราการเบิกจ่ายตามแผน รวมถึงปัญหาและอุปสรรคในกรณีที่อัตราการเบิกจ่ายจริงต่ำกว่าเป้าหมาย และเสนอแนะแนวทางหรือมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาและเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย และนำเสนอที่ประชุมในโอกาสต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานกับธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อแจ้งผลการให้สินเชื่อกับประชาชนผู้มีรายได้น้อยแก่ผู้ว่าราชการและนายอำเภอได้รับทราบ เพื่อให้การดำเนินมาตรการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งให้มีการพิจารณาเรื่องการประเมินผลเพื่อยกระดับกองทุนที่มีศักยภาพจากระดับ C เป็นระดับ B ๔. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการภายใต้มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ๕. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานธนาคารออมสินสอบถามความเห็นของธนาคารพาณิชย์ว่ามาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ตรงกับความต้องการของตลาดมากน้อยเพียงใด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๖. มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการการเงินการคลังเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ (๑) มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (๒) มาตรการการลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ (๓) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ (สำหรับอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดมูลค่าไม่เกิน ๓ ล้านบาท) ๗. ให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้แก่ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน และมาตรการการเงินการคลังเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ถือเป็นมาตรการที่อยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ให้มีการติดตามความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค เพื่อรายงานต่อที่ประชุมทุกเดือน
|
.....