ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 61 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 1201 - 1220 จากข้อมูลทั้งหมด 3515 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1201 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ | สธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชัย นิจพานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์เชี่ยวชาญ) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1202 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก | สธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓ - กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. แผนงานที่ ๑ หนังสือเล่มแรก ๑.๑ การมอบหนังสือเล่มแรก ๑.๑.๑ เด็กแรกเกิด จำนวน ๗๙๐,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มแรก ชื่อ ตั้งไข่ล้ม ๑.๑.๒ เด็กอายุ ๖ เดือน จำนวน ๒๖๔,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มที่ ๒ ชื่อ ติ๊กต่อก ๑.๑.๓ เด็กอายุ ๑๒ เดือน จำนวน ๑๓๒,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มที่ ๓ นิทานอิสป ๑.๒ อบรมพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกจังหวัดให้มีทักษะสอนพ่อแม่ใช้หนังสือกับลูกได้ถูกต้อง จำนวน ๑๒,๕๕๖ คน สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑๒,๐๐๐ คน ๒. แผนงานที่ ๒ การพัฒนาคุณภาพศูนย์เด็กเล็ก ๒.๑ ครูพี่เลี้ยง จำนวน ๖,๔๑๙ คน ได้รับการอบรมการให้บริการเด็กในศูนย์เด็กเล็ก เน้นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยพัฒนาการ ส่งเสริมโภชนาการ และการเจริญเติบโต ๓. แผนงานที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขและชุมชน ๓.๑ อบรมอาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน ๙,๔๑๒ คน เป้าหมาย ๖,๔๑๙ คน ให้มีความรู้และสามารถแนะนำพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเด็กให้ใช้หนังสือเล่มแรกกับลูกได้ถูกต้อง ๓.๒ อาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ คน ได้รับคู่มือปฏิบัติงานสำหรับอาสาสมัคร เพื่อการปฏิบัติงาน และเยี่ยมบ้าน ส่งเสริมพัฒนาการเด็กแรกเกิด ๔. แผนงานที่ ๔ การบริหารจัดการ ๔.๑ จังหวัดมีคณะกรรมการกำกับติดตามงานระดับจังหวัด ๔.๒ เผยแพร่ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทั่วไปทราบ ๔.๓ ผลิตสื่อการสอนให้ความรู้กับพ่อแม่ทุกโรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
|
|||||||||||||||||||||
| 1203 | ข้อเสนอเพื่อพิจารณาการกำหนดค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข | สธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการกำหนดค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย ๓ ส่วนหลักการสำคัญ คือ ส่วนที่ ๑ เป็นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ส่วนที่ ๒ เป็นค่าตอบแทนตามระดับวิชาชีพและความแตกต่างของระดับพื้นที่ และส่วนที่ ๓ เป็นค่าตอบแทนตามภาระและผลการปฏิบัติงาน โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนควรมีความเหมาะสมกับภาระงานและเพียงพอที่จะจูงใจให้บุคลากรอยู่ในระบบพร้อมทั้งพิจารณาปรับปรุงสิ่งจูงใจอื่น ๆ เช่น โครงสร้างระบบการบริหาร ความก้าวหน้าสายงาน การมีตำแหน่งราชการรองรับ กฎระเบียบที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน ระบบสวัสดิการพื้นฐานที่เหมาะสม ทั้งสถานที่ ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน เป็นต้น ทั้งนี้ ควรมีการกำหนดตัวชี้วัดประสิทธิภาพของงานในแต่ละระดับบริการให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข จำนวน ๔,๒๐๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง ข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับวงเงินงบประมาณ จำนวน ๔,๒๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงสาธารณสุขปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของกระทรวงสาธารณสุขก่อน หากไม่เพียงพอให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กระทรวงสาธารณสุขทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๓. อนุมัติในหลักการให้มีการตั้งกรรมการเพื่อศึกษาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาค่าตอบแทนสำหรับกำลังคนด้านการสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ และในพื้นที่ที่มีปัญหาความขาดแคลน ควรบูรณาการเป็นคณะเดียวกันเพื่อให้มีการประสานแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีเอกภาพ รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันศึกษาวิเคราะห์เพื่อพิจารณาปรับค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขให้มีความเหมาะสม เป็นธรรม โดยคำนึงถึงภาระงบประมาณของภาครัฐในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงสาธารณสุขขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รองรับตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
| 1204 | โครงการทศวรรษการผลิตและพัฒนากำลังคนในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พ.ศ. 2555 - 2564 | สธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการทศวรรษการผลิตและพัฒนากำลังคนในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔ โดยมีเป้าหมายการผลิตบุคลกรจำนวนมาก ประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข (ทันตสาธารณสุข) นักวิชาการสาธารณสุข นักการแพทย์แผนไทย และพยาบาลเวชปฏิบัติ เพื่อปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. โดยที่โครงการฯ ตามข้อ ๑ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้ระยะเวลาดำเนินการถึง ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔) รวมทั้งจะใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินงานของโครงการฯ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเกี่ยวกับการจัดระบบสนับสนุนในการทำงานที่เหมาะสมควบคู่กับการผลิตบุคลากรเพิ่มเพื่อสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรสามารถคงอยู่ในระบบและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดให้มีตำแหน่งข้าราชการรองรับ มีระบบสวัสดิการ และค่าตอบแทนที่เหมาะสม เป็นต้น การวางระบบความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career path) โดยเปิดโอกาสให้บุคลากรด้านสาธารณสุขทุกประเภทมีโอกาสพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง การประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพและความพร้อมในการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการผลิตและพัฒนาบุคลากรโดยคำนึงถึงคนในพื้นที่เป็นหลัก รวมทั้งการทบทวนบทบาทภารกิจของ รพ.สต. เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับผิดชอบภารกิจด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพ และการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1205 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข | สธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดสวัสดิการสำหรับแม่ที่ตั้งครรภ์และกลุ่มเด็กอายุ ๐ - ๒ ปี โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับจัดสรรไปแล้วในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๕๒๓,๕๐๒,๑๙๗ บาท จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมอนามัย และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดังกล่าว แทนการขอใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อรองรับภารกิจดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 1206 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อสร้างอาคารคนไข้ 298 เตียง โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช | สธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารพักคนไข้ ๒๙๘ เตียง เป็นอาคาร คสล. ๘ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๑,๓๘๓ ตารางเมตร โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๒๗๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๘,๓๐๓,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ จำนวน ๒๓๘,๖๙๗,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1207 | ขออนุมัติโครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินทุกระดับ | สธ | 26/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการ กพฉ. เสนอ โดย กพฉ. ได้มีมติเห็นชอบโครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินทุกระดับ และให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามมติต่อไป ทั้งนี้ โครงสร้าง กลไกการจัดการฯ แบ่งได้เป็น ๓ ระดับ คือ ๑.๑ โครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินส่วนกลางหรือระดับชาติ มี กพฉ. ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติ ๑.๒ โครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินภูมิภาคหรือระดับจังหวัด มีคณะอนุกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัด ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการภายใต้ กพฉ. ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแผนในการดำเนินงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในระดับจังหวัด ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมายจาก กพฉ. โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน สำหรับกรุงเทพมหานครซึ่งมีรูปแบบการปกครองพิเศษจึงกำหนดโครงสร้าง กลไกการจัดการฯ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบโดยมีคณะอนุกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานครเป็นคณะอนุกรรมการภายใต้ กพฉ. ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติฯ มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแผนในการดำเนินงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมายจาก กพฉ. โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครเป็นประธานอนุกรรมการ ๑.๓ โครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินส่วนท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานส่วนกลางสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ฉุกเฉินที่ถูกต้องไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีที่เกี่ยวข้องโดยตรง และควรพัฒนากลไกในระดับพื้นที่ให้เอื้อต่อการดำเนินงานภายใต้โครงการ กลไกการจัดการฯ ทุกระดับ ได้แก่ การปรับปรุงกฎระเบียบที่สนับสนุนต่อการพัฒนาระบบ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการตัดสินใจที่เชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยปฏิบัติการ และการประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อที่เหมาะสมกับท้องถิ่น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1208 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นองค์การมหาชน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน ส่งเสริม ขับเคลื่อน ผลักดัน และบริหารจัดการด้านการวิจัยพัฒนา การผลิต การประกันและควบคุมคุณภาพวัคซีน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า หากสามารถปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ให้สอดคล้องกับรูปแบบของการจัดตั้งองค์การมหาชนได้ เห็นควรให้จัดทำเป็นพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน แล้วดำเนินการต่อไปได้ หรือหากกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าควรคงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ตามร่างพระราชบัญญัติสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแหล่งรายได้ของกองทุนวัคซีนแห่งชาติที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ในส่วนของรายรับที่เกิดจากการดำเนินงานของกองทุนฯ ยังไม่แสดงถึงแหล่งที่มาของรายรับที่ชัดเจน จึงเห็นควรเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนฯ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาเพื่อประกอบความเห็นของคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมทั้งเห็นควรเพิ่มแหล่งที่มาของกองทุนฯ ในหมวด ๓ มาตรา ๒๔ โดยระบุให้กลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานของสถาบันฯ และกองทุนฯ มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนในอัตราที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1209 | ขออนุมัติเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศ | สธ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินอุดหนุนแก่โครงการพิเศษขององค์การอนามัยโลกในด้านการวิจัยและฝึกอบรมเกี่ยวกับโรคเมืองร้อน (WHO Special Programme for Research and Training in Tropical Diseases : TDR) เป็นปีละ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มาดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติขยายระยะเวลาและเพิ่มวงเงินอุดหนุนแก่กองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (Global Fund to Fight AIDS, Tuberculosis and Malaria : GF) เป็นปีละ ๑,๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๒ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ [เรื่อง เงินอุดหนุนประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ของกระทรวงสาธารณสุข (เรื่อง การสนับสนุนงบประมาณให้แก่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ และกองทุน GFATM)] โดยเริ่มสนับสนุนเงินอุดหนุนอัตราใหม่ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
| 1210 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (นางสาวนวพร เรืองสกุล) | สธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวนวพร เรืองสกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข แทน นายสมชัย สัจจพงษ์ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเนื่องจากลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1211 | แผนยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2555 - 2564) | สธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔) โดยสาระสำคัญของแผน ประกอบด้วย เป้าประสงค์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ กลวิธี และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ กำหนดเป้าประสงค์ไว้ว่า “ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ สังคมและสิ่งแวดล้อมปลอดภัย บนพื้นฐานของการจัดการสารเคมีที่มีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ” โดยวางยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีไว้ ๓ ยุทธศาสตร์ และ ๙ กลวิธี ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาฐานข้อมูล กลไก และเครื่องมือในการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบครบวงจร กำหนดไว้ ๓ กลวิธี คือ พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง พัฒนากลไกและเครื่องมือในการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบครบวงจร และสร้างกลไกเพื่อขับเคลื่อนการจัดการสารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาศักยภาพและบทบาทในการบริหารจัดการสารเคมีของทุกภาคส่วน กำหนดไว้ ๓ กลวิธี คือ พัฒนาองค์ความรู้และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมี พัฒนาศักยภาพการตอบสนองและการเตรียมความพร้อมต่อพันธกรณีและข้อตกลงระหว่างประเทศ และส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี กำหนดไว้ ๓ กลวิธี คือ ป้องกันอันตรายจากสารเคมี เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบผลกระทบจากสารเคมี และรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินและการรักษาเยียวยาและฟื้นฟู ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนฯ พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีแผนการดำเนินงานต่อเนื่องระยะยาวและแผนงบประมาณเน้นในการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีอย่างชัดเจน และควรมีการดำเนินงานเชิงนโยบายและเชิงรากหญ้าเพื่อทำกิจกรรมในเชิงปฏิบัติในทุกภาคส่วน รวมทั้งเห็นควรกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนฯ ให้ชัดเจนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งพิจารณาเพิ่มแนวทางในการจัดการสารเคมีในภาคสาธารณสุข อาทิ การจัดการสารเคมีอันตรายตกค้างในอาหาร ยา เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีใช้ที่ถูกต้อง ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนตัวชี้วัด และหน่วยงานรับผิดชอบตัวชี้วัดในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติถึงระดับท้องถิ่น เพื่อให้สามารถนำแผนฯ ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1212 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อสนับสนุนจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ปี 2554 ของกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 1 | สธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการสนับสนุนงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อสนับสนุนจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ ของกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ ๑ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ค่ายาและเวชภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงฟื้นฟูสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหาย จำนวนทั้งสิ้น ๘๘,๒๓๑,๔๙๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขส่งเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อพิจารณาในภาพรวมและตกลงรายละเอียดเรื่องงบประมาณกับสำนักงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ ของกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ ๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1213 | นโยบายแห่งชาติด้านยาและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ | สธ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเสนอ ๑.๑ ร่างนโยบายแห่งชาติด้านยา พ.ศ. .... และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. .... (แผน ๕ ปี) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่ได้มาตรฐาน โดยการประกันคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิผลของยา การสร้างเสริมระบบการใช้ยาอย่างสมเหตุผล การส่งเสริมการเข้าถึงยาจำเป็นให้เป็นไปอย่างเสมอภาค ยั่งยืน ทันการณ์ การสร้างกลไกการเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ และอุตสาหกรรมยามีการพัฒนาจนประเทศสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ด้านที่ ๑ การเข้าถึงยา ยุทธศาสตร์ด้านที่ ๒ การใช้อย่างอย่างสมเหตุผล ยุทธศาสตร์ด้านที่ ๓ การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง และยุทธศาสตร์ด้านที่ ๔ การพัฒนาระบบการควบคุมยาเพื่อประกันคุณภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัยของยา ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายฯ และแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับประเด็นยุทธศาสตร์ด้านที่ ๒ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล ในยุทธศาสตร์ย่อยเกี่ยวกับการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพควรกำหนดประเด็นการปฏิรูปการศึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้ชัดเจนหรืออาจกำหนดไว้ในรายละเอียดของแผนปฏิบัติการและกิจกรรม สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาควรเน้นที่กลุ่มแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก และประเด็นยุทธศาสตร์ด้านที่ ๓ การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพร เพื่อการพึ่งพาตนเองควรมีการส่งเสริมและพัฒนาตำรับยาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรในชุมชนและท้องถิ่น นอกจากนี้ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แต่ละด้านไปสู่การปฏิบัติควรให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงยา การใช้ยาอย่างสมเหตุผล และการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยา รวมทั้งควรศึกษามาตรการและแนวทางการควบคุมราคายาประเภทต่าง ๆ ตลอดจนผลกระทบของแต่ละมาตรการอย่างละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักในการกำหนดแผนงาน เป้าหมาย ตัวชี้วัด และกลไกติดตามประเมินผล โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานของรัฐที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ย่อย ๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||
| 1214 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... | สธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอางให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและบทบัญญัติเครื่องสำอางแห่งอาเซียน (ASEAN Cosmetic Directive) เพื่อให้สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็สนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยให้มีศักยภาพในระดับสากลสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1215 | ข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | สธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบรายการงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในส่วนที่มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันจันทร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||
| 1216 | การลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา กับกระทรวงสาธารณสุข ฉบับใหม่ | สธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้แทนเป็นผู้มีอำนาจลงนามฝ่ายไทยในข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกากับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งใช้ชื่อว่า “Agreement Amending and Extending the Research and Technical Collaboration between the Ministry of Public Health of Thailand and US Centers for Disease Control and Prevention, Department of Health and Human Services” โดยมีฉบับแปลเป็นภาษาไทยว่า “ข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมและขยายระยะเวลาโครงการความร่วมมือด้านวิชาการ และการศึกษาวิจัยระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน ของประเทศสหรัฐอเมริกา พุทธศักราช ๒๕๕๓” ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
| 1217 | ขอความเห็นชอบกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ปีงบประมาณ 2555 และภารกิจการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ของหน่วยงาน | สธ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ (ศบ.จอ.) ได้จัดทำกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยพิจารณาจากแผนปฏิบัติการเร่งรัดฯ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีมาตรการเร่งรัดบูรณาการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเพื่อลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ รวมทั้งภารกิจการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบาทและภารกิจของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ควรใช้กลไกในการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการในการติดตามประเมินผล โดยผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับมาตรการและแนวทางการดำเนินงานในกลุ่มประชากรที่เปราะบางต่อการรับและถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี ควรครอบคลุมกลุ่มแม่บ้านที่ติดเชื้อเอชไอวีจากสามีด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และควรมีมาตรการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยจัดให้มีงบประมาณและการตลาดเชิงสังคมเพื่อให้มีการใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น รวมทั้งปรับปรุงระบบการกระจายถุงยางอนามัยเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ควรสนับสนุนการดำเนินงานด้านการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีควบคู่กับการรักษาพยาบาลและการจัดสวัสดิการให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปพิจารณาจัดทำโครงการนำร่องตามข้อเสนอของสำนักงานโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) โดยให้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ที่เหมาะสม ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาว่า การประกาศนโยบายเกี่ยวกับผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดใช้เข็มและอุปกรณ์การฉีดยาที่สะอาดจะสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย หรือไม่ เพียงใด |
|||||||||||||||||||||
| 1218 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายพรชัย จิระชนากุล) | สธ | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพรชัย จิระชนากุล ให้ดำรงตำแหน่งนายแทพย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานการรักษา กลุ่มบริการเฉพาะทาง สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง ซึ่งไม่ก่อนวันที่สำนักงาน ก.พ. ได้รับคำขอประเมินพร้อมเอกสารประกอบการประเมินครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1219 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธำรงค์ สมบุญตนนท์ และนายสมเกียรติ โพธิสัตย์) | สธ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธำรงค์ สมบุญตนนท์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ๒. นายสมเกียรติ โพธิสัตย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านสาธารณสุข กลุ่มภารกิจวิชาการ สำนัก พัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๘กรกฎาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||
| 1220 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 (คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข) (นายรณชัย คงสกนธ์) | สธ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายรณชัย คงสกนธ์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตเวช ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข แทนนายพงศธร เนตราคม ที่ลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
