ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 3515 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1221 | การทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (รวม 13 คณะ) | สธ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ จำนวน ๑๓ คณะ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ๒. คณะกรรมการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ๓. คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ๔. คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีแห่งชาติ ๕. คณะกรรมการโภชนาการ ๖. คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๗. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๘. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๙. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๑๐. คณะกรรมการจัดทำตำรายาของประเทศไทย ๑๑. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๑๒. คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขรับตำแหน่งองค์ประกอบลำดับที่ ๑๒ [ตำแหน่งกรรมการและเลขานุการร่วม จากเดิมที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข (นายสุพรรณ ศรีธรรมา)] ปรับเป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ๑๓. คณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายปรับตำแหน่งองค์ประกอบลำดับที่ ๙ [ตำแหน่งอนุกรรมการ จากเดิมที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข (นายสุพรรณ ศรีธรรมา)] ปรับเป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1222 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสมเกียรติ โพธิสัตย์) | สธ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธำรง สมบุญตนนท์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ๒. นายสมเกียรติ โพธิสัตย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านสาธารณสุข กลุ่มภารกิจวิชาการ สำนัก พัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๘กรกฎาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1223 | ขอความเห็นชอบแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ | สธ | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างศักยภาพของประเทศและพัฒนาไปสู่โรงงานที่ได้มาตรฐานสากล เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และสามารถขยายศักยภาพให้เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอนาคต โดยแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๓) ประกอบด้วยโครงการ/แผนงานทั้งหมด ๑๖ โครงการ/แผนงาน ส่วนแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๐) โดยมีการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดในองค์รวม ๕ ด้าน เพื่อนำไปสู่โรงงานที่ได้มาตรฐาน WHO Pre-qualificaiton Scheme ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการอนุมัติให้องค์การเภสัชใช้เงินงบประมาณที่มาจากรายได้ของตนเอง และการอนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐสำหรับแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะต้องไม่รวมงบประมาณที่องค์การเภสัชกรรมและหน่วยงานภาครัฐได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว และให้มีการติดตาม ประเมินผล และทบทวนแผนการดำเนินงานซึ่งมีระยะเวลา ๑๐ ปี เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมแผนงานเฉพาะในเรื่องการวิเคราะห์อุปสงค์ของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ภายใต้แผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อบูรณาการการผลิตวัคซีนให้เกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อหากลุ่มประเทศคู่ค้าเพื่อรองรับตลาดในอนาคตและเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และมีมาตรการควบคุมราคายาที่ผลิตได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งทบทวนแผนงบประมาณเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการที่ซ้ำซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมใช้งบประมาณซึ่งได้มาจากรายได้ขององค์การเภสัชกรรมเอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๓ เป็นเงิน ๒,๒๑๖ ล้านบาท สำหรับแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ เป็นเงิน ๑๓๕.๑๕ ล้านบาท สำหรับแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1224 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2553 (1 ตุลาคม 2552 - 30 กันยายน 2553) | สธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ประชาชนไทยมีหลักประกันสุขภาพ ๖๓,๐๖ ล้านคน ความครอบคลุมคิดเป็นร้อยละ ๙๙.๓๖ ของประชาชนผู้มีสิทธิทั้งประเทศ (๖๓.๔๗ ล้านคน) เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ร้อยละ ๑.๒๔ โดยมีประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ลงทะเบียนสิทธิ ๔๐๗,๒๘๙ คน และกลุ่มรอพิสูจน์สถานะ ๑,๓๔๗,๐๓๑ คน สำหรับการใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า อาทิ การใช้บริการผู้ป่วยนอกมีจำนวน ๔๔.๙๓ ล้านคน/๑๔๙.๕๘ ล้านครั้ง อัตราการใช้บริการ (ต่อประชากรผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) เท่ากับ ๓.๑๓ ครั้ง/คน/ปี ส่วนผู้ป่วยในมีจำนวน ๕.๕๙ ล้านครั้ง/๒๒.๗๐ ล้านวัน อัตราการใช้บริการ (อัตราการนอนโรงพยาบาล) ต่อประชากรผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเท่ากับ ๐.๑๑๗ ครั้ง/คน/ปี เป็นต้น ๒. หน่วยบริการที่ได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน Hospital Accreditation (HA) มีจำนวน ๒๓๒ แห่ง (ร้อยละ ๒๓.๔๘) รับรองขั้นที่ ๒ จำนวน ๖๔๘ แห่ง (ร้อยละ ๖๕.๕๙) และผลการตรวจประเมินหน่วยบริการเพื่อขึ้นทะเบียน หน่วยบริการปฐมภูมิ หน่วยบริการประจำและหน่วยบริการรับส่งต่อ พบผ่านเกณฑ์ (แบบไม่มีเงื่อนไขและมีเงื่อนไข) ร้อยละ ๕๔.๙๙, ๙๔.๐๓ และ ๘๕.๗๑ ๓. การชดเชยความเสียหายกรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหาย จากการใช้บริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีผู้รับบริการได้รับการชดเชย ๗๐๔ ราย เป็นเงิน ๘๑.๙๒ ล้านบาท และผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขฯ ได้รับการชดเชย ๖๘๖ ราย เป็นเงิน ๔.๘๗ ล้านบาท ๔. กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เบิกจ่ายงบลงทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ภาพรวม ๘๐,๐๘๐.๖๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๕๙ (ของงบกองทุนที่ได้รับ ๘๙,๓๘๔,๗๗ ล้านบาท) โดยงบผู้ป่วยนอก - ใน โรงพยาบาลชุมชนเงื่อนไขพิเศษเบิกจ่ายสูงสุด ๓,๔๑๓.๐๗ ล้านบาท (ร้อยละ ๑๐๐) รองลงมาเป็นงบแพทย์แผนไทย ๙๑.๘๓ ล้านบาท (ร้อยละ ๙๗.๑๙) และผู้ป่วยนอก ๒๒,๘๗๑.๔๑ ล้านบาท (ร้อยละ ๙๕.๖๔) ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1225 | ขออนุมัติก่อสร้างอาคารรังสีรักษาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ด้วยเงินบำรุงของศูนย์มะเร็ง ลพบุรี | สธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อสร้างอาคารรังสีรักษาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ขนาด ๖ ชั้น ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๑๙,๒๓๙,๕๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากเงินบำรุงของศูนย์มะเร็ง ลพบุรี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1226 | ขอความเห็นชอบวาระแห่งชาติด้านวัคซีน | สธ | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อวาระแห่งชาติด้านวัคซีน เพื่อเร่งรัดการพัฒนาวัคซีนของประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองได้จริง และมีโอกาสเป็นผู้นำในภูมิภาค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ประกอบด้วย ๑.๑ ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อให้การวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนในประเทศมีความก้าวหน้าโดยเร็ว โดยกำหนดในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน จำนวน ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ โดยหน่วยงานกลางด้านวัคซีนของประเทศ ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านวัคซีนภายในประเทศให้มีองค์ความรู้เพียงพอ และมีทักษะเฉพาะด้านที่เหมาะสมกับภารกิจ ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ จัดตั้งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการวิจัยพัฒนา การผลิต และการควบคุมคุณภาพวัคซีนตั้งแต่การวิจัยพัฒนาจนถึงการใช้วัคซีน ๑.๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนได้เองภายในประเทศทั้งวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการป้องกันและควบคุมโรคในภาวะปกติและเมื่อเกิดการระบาด ๑.๒ โครงการการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนภายในประเทศเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๑๐ โครงการหลัก จำแนกเป็นโครงการระยะสั้น (๒ ปี) จำนวน ๑ โครงการ โครงการระยะกลาง (๕ ปี) จำนวน ๕ โครงการ และโครงการระยะยาว (๑๐ ปี) จำนวน ๔ โครงการ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการให้ความสำคัญเรื่องความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศมีการดำเนินการทางด้านการทูตเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสาธารณสุข หากมีการจัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ขอให้เชิญกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมด้วย สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ ที่บรรจุอยู่ในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโครงการจัดทำแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจนในแต่ละปี และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่เพื่อรองรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1227 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธงชัย ซึงถาวร) | สธ | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธงชัย ซึงถาวร ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศ (นายแพทย์ ๑๐ วช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1228 | ขออนุมัติกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่สำหรับโรงพยาบาลมาบตาพุด ขนาด 200 เตียง | สธ | 21/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอเพิ่มเติมกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถปรับเกลี่ยอัตรากำลังจากอัตราว่างของกระทรวงสาธารณสุขที่มีอยู่กว่า ๑,๔๐๐ อัตรา มาดำเนินการแทนการขอกำหนดอัตราตั้งใหม่ได้ เนื่องจากได้นำอัตราว่างจำนวน ๑,๒๐๐ อัตรา ไปดำเนินการทดแทนตำแหน่งใหม่ และตำแหน่งที่มีการย้าย โอน แล้ว ทำให้ต้องสงวนอัตราว่างอีกจำนวน ๒๐๐ อัตราไว้สำหรับบรรจุแพทย์และเภสัชกรที่จบใหม่ด้วย ๒. อนุมัติการกำหนดตำแหน่งข้าราชการเพิ่มใหม่สำหรับโรงพยาบาลมาบตาพุด จำนวน ๒๓๘ อัตรา เป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1229 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. .... | สธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้สถานบริการสาธารณสุข สถานศึกษา และสถานศึกษาพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจัดให้มีการปรึกษาหรือบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ การสอนเพศศึกษา และผู้ให้การปรึกษาและบริการต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการที่หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา และนายจ้างภาคเอกชน ต้องปฏิบัติต่อหญิงมีครรภ์ ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานที่ทำงาน หรืออยู่ระหว่างการศึกษาในสถานศึกษา ๑.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๑.๔ กำหนดให้กรมอนามัยทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๐ เห็นควรแก้ไข “ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐ หรือนายจ้างภาคเอกชน มีหน้าที่ต้องป้องกันไม่ให้มีการกระทำใด ๆ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ทั้งทางวาจาหรือกริยาอาการ อันเป็นการล่วงเกินหรือคุกคามทางเพศต่อผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้าง” โดยตัดคำว่า “การก่อความเดือดร้อนทางเพศ” ออก และร่างมาตรา ๑๑ ควรระบุขั้นตอนและวิธีการดำเนินการช่วยเหลือหญิงมีครรภ์ให้ชัดเจน และระบุให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือร่วมกับภาคเอกชน นอกจากนี้ การดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ จึงควรต้องดำเนินการให้เกิดความชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป สำหรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการและกลไกการบูรณาการ ประสานแผนการทำงานร่วมกัน และการติดตามกำกับ รวมทั้งการกำหนดอัตรากำลังบุคลากรที่จะมาปฏิบัติงานในสำนักงานเลขานุการ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1230 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2552 พ.ศ. .... | สธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้โอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า
๑. การดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหลักการดังกล่าว หากสามารถตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. หากจำเป็นต้องตราเป็นพระราชบัญญัติหรือต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายระดับใด ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการยกร่างกฎหมาย โดยให้เป็นไปตามหลักการดังกล่าว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ หากสามารถใช้มาตรการทางบริหารดำเนินการตามหลักการตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขได้โดยไม่ต้องดำเนินการตามข้อ ๑ หรือ ข้อ ๒ ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1231 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผลิต ขาย นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนโบราณ พ.ศ. .... | สธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผลิต ขาย นำหรือสั่งเข้า มาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนโบราณ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๒๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ๑.๒ เพิ่มเติมหลักฐานประกอบการขออนุญาตผลิต ๑.๓ เพิ่มเติมข้อปฏิบัติของผู้รับอนุญาตผลิต ๑.๔ เพิ่มเติมข้อปฏิบัติของผู้รับอนุญาต นำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๕ เพิ่มเติมหน้าที่ของผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการของสถานที่ผลิต ๑.๖ กำหนดให้ใบอนุญาตผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนโบราณตาม กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๒๕)ฯ ใช้ได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาตนั้นจะสิ้นอายุ ๑.๗ กำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิตยาแผนโบราณซึ่งได้รับอนุญาตก่อนกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ดำเนิน การตามข้อ ๕ วรรคสอง ข้อ ๖ (๘) และ (๑๐) ภายในห้าปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรปรับปรุงถ้อยคำในร่างข้อ ๔ และร่างข้อ ๑๗ ให้สอดคล้องกับถ้อยคำตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1232 | การต่ออายุข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกากับกระทรวงสาธารณสุข ฉบับเดิม พ.ศ. 2547 และการจัดทำร่างข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐฯ กับกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่ พ.ศ. 2553 | สธ | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ข้อตกลงการแก้ไข และขยายเวลากรอบความร่วมมือด้านการศึกษาวิจัยและการดำเนินโครงการสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และบริการประชาชนของประเทศสหรัฐอเมริกา พุทธศักราช ๒๕๔๗ ออกไปจนถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ รวมทั้งร่างหนังสือตอบของกระทรวงการต่างประเทศถึงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ร่างกรอบความร่วมมือฉบับใหม่ ซึ่งใช้ชื่อว่า “Agreement Amending and Extending the Research and Technical Collaboration between the Ministry of Public Health of Thailand and the US Centers for Disease Control and Prevention, Department of Health and Human Services” โดยมีฉบับแปลเป็นภาษาไทยว่า “ข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติม และขยายระยะเวลาโครงการความร่วมมือด้านวิชาการ และการศึกษาวิจัยระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และบริการประชาชน ของประเทศสหรัฐอเมริกา พุทธศักราช ๒๕๕๓”
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1233 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธ ศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ๑.๒ กำหนดให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ๑.๓ กำหนดงบประมาณที่ใช้ในกิจการการพัฒนางานด้านวัคซีน ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับ องค์ประกอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นควรเพิ่มสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นกรรมการด้วยและควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวในเรื่องการประสานงานกับหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการใช้นโยบายพาณิชย์เชิงรุกเพื่อการผลิตและจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ที่มีศักยภาพเป็นประเทศคู่ค้าด้วย สำหรับการจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค ไม่ถือเป็นส่วนราชการที่เป็นกอง หรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากอง ตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๕ และการบริหารราชการต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ่นดินฯ จึงไม่อาจกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ ไปประกอบการ พิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค) รับความเห็นของสำนักงบ ประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการบริหาร ให้สามารถนำเงินงบประมาณที่จัดสรรไว้ที่กรมควบคุม โรคและเงินที่ได้รับจากเงินนอกงบประมาณตามร่างข้อ ๒๐ และร่างข้อ ๒๑ มาใช้จ่ายได้โดยให้เบิกจ่ายในอัตรา ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1234 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธวัชชัย วิวัฒน์วรพันธ์) | สธ | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธวัชชัย วิวัฒน์วรพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ ๑๐ วช. (ด้าน
เวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวัน ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1235 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางเพ็ญศรี รอดมา และนางอาภาศรี ลุสวัสดิ์) | สธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางเพ็ญศรี รอดมา ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ๒. นางอาภาศรี ลุสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารประสาทวิทยา) กลุ่มงานกุมารประสาทวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1236 | รายงานผลการทบทวนรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณฯ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงสาธารณสุข | สธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการทบทวนรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ อนุมัติให้ใช้เงินงบประมาณฯ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยไม่มีข้อผูกพันจำนวนประมาณ ๖๓.๓ ล้านบาทและเงินจากโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาสาธารณสุข (โครงสร้างพื้นฐาน) ที่คงเหลืออยู่ประมาณ ๕๘๒ ล้านบาท ไปช่วยเหลือและฟื้นฟูเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซึ่งผลการพิจารณาทบทวน พบว่า ไม่สามารถใช้เงินที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีโดยไม่มีข้อผูกพันดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามยังคงมีความจำเป็นจะต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๒๓๘,๗๙๔,๑๘๐ บาท จากโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาสาธารณสุข (โครงสร้างพื้นฐาน) ที่คงเหลืออยู่ประมาณ ๕๘๒ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเรื่องไปยังผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไปแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1237 | ขอยกเว้นเป็นกรณีพิเศษในการก่อสร้างอาคารศูนย์ศึกษาวิจัยและถ่ายทอดความรู้ด้านระบบประสาท | สธ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองอธิบดีกรมการแพทย์ (นายวิวัฒน์ วิริยะกิจจา) เสนอเพิ่มเติมว่า สถาบันประสาท วิทยาได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เพิ่มความสูงของอาคารศูนย์ศึกษาวิจัยและถ่ายทอดความรู้ด้าน ระบบประสาท จากเดิมอีกประมาณ ๔.๘๐ เมตร แล้ว (ตามหนังสือสำนักราชเลขาธิการ ที่ รล ๐๐๐๙.๓/๑๗๕๘๓ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ๒. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๒.๑ ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้สถาบันประสาทวิทยาดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์ศึกษาวิจัยและ ถ่ายทอดความรู้ด้านระบบประสาท ที่มีความสูงเกิน ๑๒ เมตร ในพื้นที่บริเวณที่ ๑ (พื้นที่ในบริเวณระหว่างทิศ เหนือจดถนนสุโขทัย ซอยสุคันธารามและคลองสามเสน ทิศตะวันออกจดถนนพระรามที่ ๖ ทิศตะวันออกเฉียง ใต้จดทางรถไฟสายตะวันออก ทิศใต้จดถนนหลานหลวงและถนนกรุงเกษม ทิศตะวันตกจดถนนสามเสนและ ถนนพระรามที่ ๕) แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี ๒.๒ ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษในการก่อสร้างอาคารศูนย์ศึกษาวิจัยและถ่ายทอดความรู้ด้านระบบ ประสาทใกล้เคียงอาคารอื่น ๆ ในบริเวณสถาบันประสาทวิทยาน้อยกว่า ๖ เมตร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1238 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | สธ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัย จำนวน ๔๐๓,๙๔๗,๖๓๐ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอเพิ่มเติม โดยให้ใช้เงินงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี โดยไม่มีข้อผูกพันจำนวน ประมาณ ๖๓.๓ ล้านบาท และเงินจากโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาสาธารณสุข (โครง สร้างพื้นฐาน) ที่คงเหลืออยู่ประมาณ ๕๘๒ ล้านบาท ไปช่วยเหลือและฟื้นฟูเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยตกลงใน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1239 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ) | สธ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์
ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาโรคติดต่ออุบัติใหม่อุบัติซ้ำ) สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1240 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายกฤษฎา มโหทาน) | สธ | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกฤษฎา มโหทาน ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ ๑๐ วช. (ด้านเวช
กรรมป้องกัน) กลุ่มควบคุมและป้องกันโรคเรื้อน สถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณ สุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
