ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 36 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 701 - 720 จากข้อมูลทั้งหมด 3515 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 701 | ข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement for Bioequivalence Study Reports of Generic Medicinal Products: ASEAN BE MRA) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การลงนามข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement for Bioequivalence Study Reports of Generic Medicinal Products : ASEAN BE MRA) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องยอมรับพิจารณารายงานการศึกษาชีวสมมูลที่จัดทำโดยศูนย์การศึกษาชีวสมมูลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและขึ้นบัญชีของอาเซียน (ASEAN Listed BE centre) ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญ (Panel of Experts) เพื่อตรวจสอบศูนย์การศึกษาชีวสมมูลของประเทศสมาชิกที่จะขอสมัครเพื่อขึ้นบัญชีของอาเซียน โดยทุกประเทศมีเวลาไม่เกิน ๕ ปี หลังการลงนามในการที่จะยอมรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลที่ทำขึ้นโดยศูนย์การศึกษาชีวสมมูลที่ได้ขึ้นบัญชีแล้วมาเพื่อพิจารณา ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามข้อตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรองรับการดำเนินการตามข้อตกลงฯ ที่เหมาะสม โดยให้ครอบคลุมถึงมาตรการรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในด้านต่าง ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยาในประเทศ และการเข้าถึงยาของประชาชนทั้งในด้านคุณภาพและราคา ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบภายใน ๖ เดือน ๔. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นในการลงนามในข้อตกลงฯ ผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ และมาตรการรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ถูกต้อง ทั่วถึงด้วย ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการขึ้นทะเบียนยาทั้งระบบ ให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศต่อไป ๖. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณารวมมาตรการเยียวยาต่อข้อเสนอของภาคเอกชนภายใต้การดำเนินการของอนุกรรมการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้จัดตั้งขึ้นด้วย และควรพิจารณาดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยาในประเทศและเอกชนไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาชาติ เพื่อลดการสูญเสียเงินตราในการนำเข้า/สั่งยาจากต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 702 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นายวินัย ลีสมิทธิ์) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 703 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "ระบบสารสนเทศด้านมาตรฐานและข้อมูลการแพทย์" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “ระบบสารสนเทศด้านมาตรฐานและข้อมูลการแพทย์” โดยกระทรวงสาธารณสุขเห็นด้วยกับหลักการให้มีมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับข้อมูลทางการแพทย์และกฎเกณฑ์การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสารสนเทศเพื่อส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยหรือมาตรฐานอื่น ๆ และให้มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นกฎหมายเฉพาะทางอีกฉบับหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับงานบริการสาธารณสุข โดยต้องไม่ขัดกับกฎหมายกลาง และควรให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานกลางในการกำหนดมาตรฐานที่ใช้ตามหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นที่ยอมรับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 704 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 705 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 706 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 707 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน (องค์การเภสัชกรรม) | สธ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของ อภ. โดยวิธีการกู้เงินแบบเบิกเงินเกินบัญชีและแบบตั๋วสัญญาใช้เงินในลักษณะ Roll Over ครอบคลุมระยะเวลาการกู้ ๕ ปี ๑.๒ อนุมัติวงเงินกู้เป็นจำนวน ๑,๒๐๐ ล้านบาท ๒. ให้ อภ. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยหาก อภ. มีเงินสดเพียงพอสำหรับการดำเนินงาน ให้บริหารสภาพคล่องจากเงินที่ได้รับชำระหนี้แทนการกู้เงิน เพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยจากการกู้เงิน ทั้งนี้ ให้ อภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นควรจัดทำแผนบริหารหนี้ระยะยาวหรือแผนประมาณการรายรับจากการชำระหนี้เพื่อใช้ในการวางแผนติดตามชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ความเสี่ยงและภาระงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต พิจารณาฐานะเงินสดในขณะดำเนินการกู้เงินจริง และเร่งรัดการชำระหนี้คงค้างเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตจากการกู้ยืมเงิน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หน่วยงานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานประกันสังคมเร่งรัดชำระหนี้ให้แก่ อภ. โดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 708 | บันทึกความร่วมมือสาขาการดูแลสุขภาพระหว่างกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น กับกระทรวงสาธารณสุข ราชอาณาจักรไทย | สธ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือสาขาการดูแลสุขภาพระหว่างกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น กับกระทรวงสาธารณสุข ราชอาณาจักรไทย มีสาระสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุข รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือสาขาการดูแลสุขภาพในประเด็นที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน โดยจะมีการลงนามร่วมกันในระหว่างการประชุม ASEAN-Japan Health Ministers Meeting on Universal Health Coverage and Population Ageing ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามบันทึกความร่วมมือฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 709 | หนังสือข้อตกลงระหว่างภาคีสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก (Letter of Agreement among Organizations participating in the WHO-RTG Country Cooperation Strategy : CCS) พ.ศ. 2560 - 2564 | สธ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบหนังสือข้อตกลงระหว่างภาคีสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก (Letter of Agreement among Organizations participating in the WHO-RTG Country Cooperation Strategy : CCS) พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เป็นการกำหนดแนวทาง ขั้นตอนความร่วมมือในการดำเนินโครงการด้านสาธารณสุขที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับ CCS ประกอบด้วยแผนงาน ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) แผนงานโรคไม่ติดต่อ (๒) แผนงานความปลอดภัยบนท้องถนน (๓) แผนงานสุขภาพของผู้ย้ายถิ่น (๔) แผนงานการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ (๕) แผนงานการสร้างความเข้มแข็งของงานสุขภาพโลกเพื่อการพัฒนาสุขภาพในประเทศ และ (๖) แผนงานการพัฒนาศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศและสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 710 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) | สธ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และอธิบดีกรมการท่องเที่ยวเป็นเลขานุการ มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติอย่างแท้จริง พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเพื่อรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ส่วนคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ จำนวน ๔ คณะ ประกอบด้วย (๑) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) (๒) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาล (Medical Service Hub) (๓) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และ (๔) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 711 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำ สถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สธ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจำแนกลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล ประเภทคลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย รวมทั้งกำหนดให้มีหน่วยบริการและระบบสนับสนุนการให้บริการของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล ให้ครอบคลุมถึงคลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ป่วยวิชาชีพในสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขการกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล โดยกำหนดให้มีวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และปรับปรุงการกำหนดวิชาชีพ จำนวนผู้ประกอบวิชาชีพ และสัดส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพต่อจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยตามตารางท้ายกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้มีในส่วนของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 712 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำ สถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ [ ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สธ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจำแนกลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล ประเภทคลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย รวมทั้งกำหนดให้มีหน่วยบริการและระบบสนับสนุนการให้บริการของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล ให้ครอบคลุมถึงคลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขการกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล โดยกำหนดให้มีวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และปรับปรุงการกำหนดวิชาชีพ จำนวนผู้ประกอบวิชาชีพ และสัดส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพต่อจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยตามตารางท้ายกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้มีในส่วนของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 713 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำ สถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | สธ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจำแนกลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล ประเภทคลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย รวมทั้งกำหนดให้มีหน่วยบริการและระบบสนับสนุนการให้บริการของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล ให้ครอบคลุมถึงคลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ป่วยวิชาชีพในสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขการกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล โดยกำหนดให้มีวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และปรับปรุงการกำหนดวิชาชีพ จำนวนผู้ประกอบวิชาชีพ และสัดส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพต่อจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยตามตารางท้ายกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้มีในส่วนของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 714 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก - อุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,600 ตารางเมตร โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 1 หลัง พร้อมถมดิน | สธ | 13/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก (อาคาร คสล.) ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๐๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ๑ หลัง พร้อมถมดิน จากวงเงิน ๑๐๒,๘๗๔,๘๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๐๓,๕๔๐,๕๐๐ บาท โดยเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๙,๕๙๕,๒๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๘๓,๙๔๕,๓๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 715 | แผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2560 - 2564 | สธ | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดการงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพ (๒) สร้างความร่วมมือพหุภาคีและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามแนวทางประชารัฐ (๓) สร้างความเข้มแข็งระบบบริหารจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และ (๔) เสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชน บุคลากรและภาคีเครือข่ายด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้มีความรอบรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อสุขภาพ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ไปสู่การปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 716 | ร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า การกำหนดนิยามในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ ควรเพิ่มเติมนิยาม “มลพิษทางกลิ่น”หมายความว่า สภาวะของกลิ่นอันเกิดจากการประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน สำหรับการนำร่างกฎกระทรวงฯ ไปบังคับใช้กรณี ข้อ ๓ ค่ามาตรฐานมลพิษที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข หากเป็นประเภทและขนาดกิจการเดียวกันกับกิจการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการประกาศกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๕ โดยค่ามาตรฐานนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 717 | ร่างยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. 2560 - 2569 ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 | สธ | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีเป้าหมายในการลดอัตราการคลอดในหญิงอายุ ๑๐-๑๔ ปี (ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕) และอายุ ๑๕-๑๙ ปี (ไม่เกินร้อยละ ๒.๕) โดยกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการออกเป็น ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) พัฒนาระบบการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ และมีระบบการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม (๒) ส่งเสริมบทบาทครอบครัว ชุมชน และสถานประกอบกิจการในการเลี้ยงดู สร้างสัมพันธภาพและการสื่อสารด้านสุขภาวะทางเพศของวัยรุ่น (๓) พัฒนาระบบบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตร (๔) พัฒนาระบบการดูแล ช่วยเหลือ การคุ้มครองสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ และการจัดสวัสดิการสังคมในกลุ่มวัยรุ่น และ (๕) ส่งเสริมการบูรณาการการจัดการฐานข้อมูลงานวิจัยและการจัดการความรู้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ประธานกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อการดำเนินการยุทธศาสตร์ฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นดังกล่าวต้องเน้นการเชื่อมประสานระหว่างกระทรวง หน่วยงาน รวมถึงภาคส่วนหลักที่เกี่ยวข้องให้เกิดการบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม และส่วนสำคัญที่มีผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การป้องกันโดยการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องเหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน และการสร้างระบบการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศวิถีศึกษาที่มีคุณภาพ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาโดยการมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในสังคม นอกจากนี้ เห็นควรกำหนดช่วงระยะเวลาการดำเนินงานใน ๕ ปีแรกที่มุ่งเน้นการวางรากฐานการส่งเสริมและป้องกันเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในระยะยาว อาทิ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมทางเพศให้เหมาะสมกับวัยรุ่น ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขอนามัยทางเพศที่จะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น รณรงค์และเผยแพร่ชุดข้อมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับอนามัยทางเพศที่ถูกต้องตามหลักวิชาการแก่วัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 718 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารกรมควบคุมโรค พร้อมทางเดินเชื่อม จำนวน 1 หลัง | สธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงิน ๑๕๖,๑๓๕,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๑๓,๒๓๑,๔๙๑ บาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้กรมควบคุมโรคดำเนินการก่อสร้างอาคารกรมควบคุมโรค พร้อมทางเดินเชื่อม (ส่วนที่เหลือ) จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๑๕,๒๖๑,๑๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาความเหมาะสมของราคาแล้ว สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้กรมควบคุมโรคพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้กรมควบคุมโรคดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต่อรองราคาให้ต่ำสุด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตลอดจนกรณีของการดำเนินการก่อสร้างอาคารดังกล่าวที่ทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ เห็นควรที่กรมควบคุมโรคจะต้องตรวจสอบและดำเนินการกับบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และให้กระทรวงสาธารณสุขแจ้งชื่อบริษัทที่ทิ้งงานให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ทราบ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 719 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานบริการและการดำเนินการของสถานบริการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | สธ | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานบริการและการดำเนินการของสถานบริการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของสถานบริการต่าง ๆ รวมถึงประเภทของสถานบริการ เพื่อให้การดำเนินงานของสถานบริการเป็นไปโดยสอดคล้องบูรณาการร่วมกัน ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๘ ที่กำหนดให้บริการอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับวัยรุ่นระดับเหนือขึ้นไปจากข้อ ๗ รวมถึงการยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้กำหนดให้ยุติการตั้งครรภ์ อันเนื่องมาจากมาตรา ๓๐๕ แห่งประมวลกฎหมายอาญาให้ชัดแจ้ง จึงอาจไม่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว และร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑๕ ที่กำหนดให้วัยรุ่นอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไป มีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแลในการรับการบริการ เห็นว่า การกำหนดช่วงอายุดังกล่าวนั้นต่ำเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีการควบคุมในต่างประเทศ นอกจากนี้ ร่างข้อ ๑๖ (๒) ที่กำหนดให้วัยรุ่นอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี ที่มาขอรับบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์หากได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ อาจเป็นการกำหนดหลักการในกฎกระทรวงฯ เกินจากเจตนารมณ์ในมาตรา ๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ และเป็นการกำหนดที่ขัดแย้งกับหลักการในมาตรา ๓๐๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่กำหนดให้หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกเป็นความผิด กรณีนี้ไม่ว่าบิดามารดาจะให้ความยินยอมหรือไม่ ย่อมไม่อาจถือเป็นกรณีข้อยกเว้นความผิดตามมาตรา ๓๐๕ แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้ จึงเห็นควรปรับปรุงร่างข้อ ๑๖ (๒) ให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายอาญา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 720 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางกนกพร อธิสุข) | สธ | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุพัตรา ศรีวณิชชากร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาโรคไม่ติดต่อ) สำนักงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๒. นางกนกพร อธิสุข ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
