ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 3515 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 741 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิก Global Alliance for Chronic Diseases (GACD) | สธ | 24/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเข้าร่วมเป็นสมาชิก Global Alliance for Chronic Diseases (GACD) ในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก GACD อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เงินค่าสมาชิก GACD (Contributions fee) ปีละ ๔๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท) และค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การเดินทางเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ GACD และการเดินทางเข้าร่วมประชุมนักวิจัยเครือข่าย GACD ปีละประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด อาทิ การให้เงินสนับสนุนให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะลงนามผูกพันโดยไม่มีผลย้อนหลัง การกำหนดระยะเวลาผูกพันเป็นระยะเวลา ๑๒ เดือน ให้ชัดเจน การเจรจาให้ได้รับเงินที่สนับสนุนคืนในกรณีที่มีเงินคงเหลือจากการดำเนินการ และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขถอนตัวจากการเป็นภาคีหรือสิ้นสุดสัญญา รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณสำหรับดำเนินการเห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 742 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2558 | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ที่ผ่านการตรวจสอบรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ซึ่งถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 743 | ขอความเห็นชอบยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ ปี พ.ศ. 2560 - 2573 | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๓ โดยมีวิสัยทัศน์ในการร่วมยุติปัญหาเอดส์ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ที่คำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ย่อย ได้แก่ (๑) มุ่งเน้นและเร่งรัดจัดชุดบริการที่มีประสิทธิผลสูงและรอบด้าน ให้ครอบคลุมพื้นที่และประชากรที่อยู่ในภาวะเสี่ยงและมีโอกาสรับและถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีสูง (๒) ยกระดับคุณภาพและบูรณาการการดำเนินงานป้องกันที่มีประสิทธิผลเดิมให้เข้มข้นและยั่งยืนในระบบ (๓) พัฒนาและเร่งรัดการรักษา ดูแล และช่วยเหลือทางสังคม ให้มีคุณภาพ รอบด้าน และยั่งยืน (๔) ปรับภาพลักษณ์ ความเข้าใจ เสริมสร้างความเข้มแข็งระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน รวมทั้งกลไกการคุ้มครองสิทธิ เพื่อลดการรังเกียจกีดกัน การเลือกปฏิบัติเกี่ยวเนื่องกับเอชไอวีและเพศภาวะ (๕) เพิ่มความรับผิดชอบ การลงทุน และประสิทธิภาพการจัดการในทุกภาคส่วนทั้งระดับนานาชาติ ระดับประเทศ ระดับจังหวัด และระดับพื้นที่ และ (๖) ส่งเสริมและพัฒนาการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์และการวิจัยที่รอบด้านและมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ยุทธศาสตร์เป็นกรอบแนวทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างเสริมสมรรถนะและพัฒนาศักยภาพขององค์กรในระดับพื้นที่ในการจัดการปัญหาเอดส์ที่เป็นเอกภาพและครบวงจร รวมทั้งใช้กลไกความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่อการพัฒนาและประสานนโยบายการดำเนินงานและการระดมทรัพยากร โดยเฉพาะการดำเนินงานเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มประชากรข้ามชาติและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานกับนานาชาติในแผนงานสำคัญที่นำไปสู่การยุติปัญหาโรคเอดส์ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการจัดทำระบบฐานข้อมูลร่วมกันในระดับพื้นที่เพื่อให้การกำหนดนโยบาย/วางแผนการดำเนินงานและการบริหารจัดการแบบบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหา สำหรับงบประมาณดำเนินการให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปใช้เป็นกรอบและบูรณาการในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำรายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ๔. เมื่อแผนยุทธศาสตร์ชาติประกาศใช้แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 744 | แถลงการณ์ร่วมการประชุมทางไกลโดยวีดิทัศน์ของรัฐมนตรีสาธารณสุข เรื่อง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกาในภูมิภาค | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแถลงการณ์ร่วมการประชุมทางไกลโดยวีดิทัศน์ของรัฐมนตรีสาธารณสุข เรื่อง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกาในภูมิภาค ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนได้จัดประชุมทางไกลโดยวีดิทัศน์ระดับรัฐมนตรีนัดพิเศษระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน เกี่ยวกับภัยคุกคามของโรคติดเชื้อในภูมิภาคอาเซียนขึ้น เพื่อรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสซิกา เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ และได้มีการรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ โดยเน้นนโยบาย ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) เสริมสร้างความเข้มแข็งของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเฝ้าระวังโรคและใช้ประโยชน์จากกลไกการประเมินความเสี่ยงระดับภูมิภาคของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา (๒) สนับสนุนกลไกตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ปี ๒๕๔๘ (IHR ๒๐๐๕) และกลไกอื่นที่มีอยู่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศสมาชิก และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประเมินความเสี่ยงของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา (๓) ส่งเสริมบทบาทการเฝ้าระวัง และตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีโรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคติดต่ออุบัติใหม่ อุบัติซ้ำอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความร่วมมือในการสอบสวนโรคผ่านกลไกความร่วมมือระดับภูมิภาค รวมถึงเครือข่ายอาเชียนศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (ASEAN-EOC Network) และอาเซียน+๓ เครือข่ายสาขาพัฒนานักระบาดวิทยาภาคสนาม (APT-FETN) (๔) สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการควบคุมพาหะนำโรค รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายห้องปฏิบัติการในการวินิจฉัยโรค ตลอดจนการสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และ (๕) สนับสนุนการศึกษาวิจัย และการแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ สนับสนุนให้เกิดการทบทวนและสังเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โดยผ่านกลไกความร่วมมือระดับอาเซียน และกลไกอื่น ๆ รวมถึงวาระความมั่นคงสุขภาพโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 745 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเครื่องสำอาง พ.ศ. .... | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเครื่องสำอาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงค่าธรรมเนียมสำหรับคำขอจดแจ้ง ใบรับจดแจ้งการผลิตเพื่อขาย ใบรับจดแจ้งการนำเข้าเพื่อขาย ใบรับจดแจ้งการรับจ้างผลิต ใบแทนใบรับจดแจ้ง คำขอแก้ไขรายการในใบรับจดแจ้งหนังสือรับรองต่าง ๆ การขอความเห็นการใช้ฉลาก การขอความเห็นการโฆษณา การต่ออายุใบรับจดแจ้งประเภทนั้น ๆ และคำขออื่น ๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 746 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมแทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง (จำนวน 3 ราย 1. นายโสภณ เมฆธน ฯลฯ) | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม แทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มกราคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป และให้มีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว ดังนี้ ๑.๑ นายโสภณ เมฆธน แทน นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ที่ลาออก (เป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้น) ๑.๒ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ แทน นายอัษฎางค์ เชี่ยวธาดา ที่มีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ (เป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้น) ๑.๓ นายวันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ แทน นางสาวกฤษณา ไกรสินธุ์ ที่ลาออก ๒. ให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 747 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขด้วย และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มกราคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 748 | ร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. .... | สธ | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อเป็นกลไกในการควบคุม กำกับ ดูแลเป็นการเฉพาะ สำหรับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่เป็นยาแผนไทย ยาแผนโบราณ และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่ใช้เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ พืชที่ใช้ในการแปรรูปหรือนำมาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นพืชอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม การนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และพิจารณาเพิ่มความสำคัญกับข้อกำหนดเกี่ยวกับผลการตรวจวิเคราะห์เชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อน ผลการวิเคราะห์โลหะหนัก และสารเคมีกำจัดโรคแมลงศัตรูพืช ตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้ครอบคลุมทั้งวัตถุดิบและกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่อาจมีการปนเปื้อนของโลหะหนักหรือสารเคมีกำจัดโรคแมลงศัตรูพืชและเชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งควรมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับตามร่างพระราชบัญญัตินี้หรือตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเกี่ยวกับการนำแนวทางประชารัฐมาใช้ร่วมพัฒนาสมุนไพรในระดับพื้นที่ ได้แก่ การผลักดันให้มีการบรรจุแผนการพัฒนาสมุนไพรเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาจังหวัด การกำหนดรูปแบบของการร่วมลงทุนพัฒนาสมุนไพร การสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกสมุนไพร ส่งเสริม สนับสนุนการใช้สมุนไพรของหมอพื้นบ้าน ขยายช่องทางการใช้ประโยชน์สมุนไพร การเพิ่มมูลค่าและการตลาด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 749 | ร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... (แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมาย) | สธ | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ และให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตัดบทบัญญัติเกี่ยวกับการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรและการจัดเก็บเงินบำรุงสถาบันจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบตามร่างมาตรา ๑๖ (๓) และร่างมาตรา ๒๓ ออก และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ อาทิ การพิจารณารูปแบบการออกกฎหมายในการจัดเก็บภาษีในลักษณะกฎหมายภาษีโดยตรง การกำหนดรายได้สูงสุดของเงินบำรุงสถาบันฯ และให้มีการทบทวนทุก ๕ ปี รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำในร่างพระราชบัญญัติฯ เช่น คำนิยาม คุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารสถาบันฯ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เสนอ ๓. อนุมัติเป็นหลักการว่าการเสนอร่างกฎหมายในเรื่องใดไม่ให้มีบทบัญญัติกำหนดให้จัดเก็บรายได้จากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายเกี่ยวกับสุราและยาสูบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 750 | ขออนุมัติเงินอุดหนุนแก่องค์การอนามัยโลก | สธ | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจ่ายเงินบำรุงค่าสมาชิกองค์การอนามัยโลกเพิ่มอีกร้อยละ ๑๐ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จ่ายเป็นเงินจำนวน ๑,๓๕๑,๖๙๐ ดอลลาร์สหรัฐ) เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ การบริจาคเงินสนับสนุนกองทุนเพื่อภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South-East Asia Region Health Emergency Fund : SEARHEF) เป็นจำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๑.๓ การจ่ายเงินสนับสนุนสำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ในการปรับปรุงอาคารของสำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๑.๔ การจ่ายเงินสนับสนุนสำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ในการปรับปรุงอาคารของสำนักงานองค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนแก่องค์การระหว่างประเทศในคราวต่อไป ให้กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงระดับการพัฒนาของประเทศในฐานะกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง รวมถึงความจำเป็นและความเหมาะสมกับภาระด้านการคลัง และประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 751 | ร่างพระราชบัญญัติโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | สธ | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม เพื่อกำหนดกลไก หลักเกณฑ์ และมาตรการเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากความเสี่ยงและการได้รับผลกระทบของโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อาทิ การให้ผู้ซึ่งเป็นโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมหรือญาติของบุคคลดังกล่าวอาจขอรับการสนับสนุนเพื่อการรักษาพยาบาลหรือฟื้นฟูสมรรถภาพจากกรมควบคุมโรคได้อาจเกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่และงบประมาณได้ รวมทั้งเห็นควรให้มีหน้าที่รับผิดชอบผลกระทบจากปัญหาหมอกควันและควรกำหนดมาตรการลดการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร รวมถึงควบคุม กำกับ ดูแล เกษตรกรให้มีการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างถูกวิธีเพื่อลดผลกระทบจากการใช้สารเคมี นอกจากนี้ เห็นว่าการเข้าไปในสถานประกอบกิจการหรือสถานที่ใด ๆ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานประกอบกิจการหรือสถานที่นั้น ไม่สอดคล้องกับหลักการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และการกำหนดให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญาได้บัญญัตินิยามคำว่า “เจ้าพนักงาน” ไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดในร่างพระราชบัญญัตินี้อีก และเห็นว่านิยามของสถานประกอบกิจการไม่มีความชัดเจนว่าครอบคลุมเพียงใด เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 752 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายชัยพร พรหมสิงห์) | สธ | 13/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยพร พรหมสิงห์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านส่งเสริมสุขภาพ) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 753 | แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2560 - 2564) | สธ | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนยุทธศาสตร์ฯ ไปสู่การปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ต่าง ๆ เช่น โรคซาร์ส โรคเมอร์ส ไวรัสซิกา ซึ่งได้มีการปรับปรุงจากแผนฉบับก่อนโดยเพิ่มเติมประเด็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านความร่วมมือระหว่างประเทศและการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการแบบบูรณาการในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯ ระดับพื้นที่เพื่อผลักดันไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ควรมีการเผยแพร่และถ่ายทอดแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียวให้แก่หน่วยงานทุกภาคส่วน ทุกระดับ รวมถึงประชาชนได้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงของสุขภาพคน สัตว์ และระบบนิเวศ ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียวไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่มีความเกี่ยวข้องระหว่างคนกับสัตว์ ทั้งโรคติดต่อและโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหาร ตลอดจนควรมีการควบคุมการใช้ยาต้านแบคทีเรียอย่างเหมาะสม โดยให้ความรู้แก่ประชาชน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. เมื่อแผนยุทธศาสตร์ชาติประกาศใช้แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 754 | ร่างแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) | สธ | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติร่างแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) เร่งการเสริมสร้างสุขภาพคนไทยเชิงรุก (๒) สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสุขภาพ (๓) พัฒนาและสร้างกลไกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพ และ (๔) พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งในการอภิบาลระบบสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ อาทิ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อการดังกล่าวจะต้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมร่างแผนฯ โดยคำนึงถึงขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้พิจารณาดำเนินการภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว การพิจารณาเพิ่มตัวชี้วัดและเพิ่มเติมรายละเอียดตัวชี้วัดบางประการของยุทธศาสตร์ที่ ๔ การให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงการดำเนินงานกับกลไกการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นเอกภาพและสอดคล้องกับบริบทการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ และการนำสาระสำคัญของธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาประกอบในขั้นตอนการจัดทำแผนรองรับการปฏิบัติงาน ตามร่างแผนฯ ต่อไป และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณาปรับปรุงร่างแผนฯ ให้ครอบคลุมแผน/ยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขเคยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบมาแล้ว และที่จะเสนอเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการภายใต้แผน/ยุทธศาสตร์นั้น ๆ รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงความคุ้มค่าและการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย ๓. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้แผนฯ ดังกล่าวเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานการพัฒนาด้านสุขภาพของประเทศตามห้วงระยะเวลาของแผนฯ และให้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านสาธารณสุขในการดำเนินการต่อไป ๔. เมื่อแผนยุทธศาสตร์ชาติประกาศใช้แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๕. ในการจัดทำแผนหรือยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขในโอกาสต่อไป ให้กระทรวงสาธารณสุขนำแผนหรือยุทธศาสตร์ของหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการดำเนินโครงการในลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการและลดภาระงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 755 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธัญญณัฐ บุนนาค) | สธ | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธัญญณัฐ บุนนาค ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 756 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวนิยะดา วิทยาศัย และ นายสุทธิพงษ์ ปังคานนท์) | สธ | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวนิยะดา วิทยาศัย ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๒. นายสุทธิพงษ์ ปังคานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 757 | การขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) | สธ | 22/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) จำนวน ๑๔ ประเทศ ได้แก่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ สวีเดน ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ อิตาลี เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น แคนาดา จากเดิม ๑ ปี เป็น ๑๐ ปี (แบ่งเป็น ๒ ครั้ง ๆ แรกไม่เกิน ๕ ปี และสามารถต่ออายุได้อีก ๑ ครั้ง ในลักษณะ Multiple Entry) ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Tourism ได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ อาทิ เห็นควรให้มีการดำเนินการตามมาตรา ๓๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ อย่างเคร่งครัด โดยคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว คนต่างด้าวผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรายงานตัวแจ้งที่พักอาศัยต่อพนักงานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุก ๙๐ วัน ตามช่องทางที่กฎหมายกำหนด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องควรประสานงานด้านข่าวกรองเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทยใช้โอกาสนี้เข้ามาดำเนินกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งควรมีกลไกในการคัดกรอง ติดตาม และตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาดำเนินกิจกรรมทางการเมืองหรืออยู่เบื้องหลังกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศหรือกลุ่มก่อการร้ายที่เข้ามาเคลื่อนไหวในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประเทศหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนควรมีการกำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดต่อการเข้าถึงบริการสุขภาพและมาตรฐานการครองชีพของประชาชนไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณากำหนดกลไกการคัดกรองและตรวจสอบผู้ที่ต้องการพำนักระยะยาวในประเทศไทยให้มีความชัดเจน รอบคอบ และรัดกุม เพื่อป้องกันคนต่างด้าวที่มีประวัติหรือมีความสุ่มเสี่ยงเข้ามาแสวงหาประโยชน์อันมิชอบหรือกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบแก่ประเทศไทย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการออกประกาศหรือปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีในข้อ ๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 758 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 3 ราย 1. นายปราโมทย์ บุญเจียร ฯลฯ) | สธ | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธนะรัตน์ ลยางกูร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. นายปราโมทย์ บุญเจียร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลเลย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๓. นายยงยศ ธรรมวุฒิ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 759 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 3 ราย 1. นายธนะรัตน์ ลยางกูร ฯลฯ) | สธ | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธนะรัตน์ ลยางกูร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. นายปราโมทย์ บุญเจียร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลเลย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๓. นายยงยศ ธรรมวุฒิ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 760 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 3 ราย 1. นายยงยศ ธรรมวุฒิ ฯลฯ) | สธ | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธนะรัตน์ ลยางกูร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. นายปราโมทย์ บุญเจียร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลเลย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ๓. นายยงยศ ธรรมวุฒิ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
