คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง
การปล่อยตัวผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  (5 ธันวาคม 2545)  สรุปได้ดังนี้  (1)  ผู้ต้องกัก
ขังที่จะได้รับการพิจารณาปล่อยตัวในวันที่ 4 ธันวาคม 2545 ต้องเป็นผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับ วงเงินค่าปรับไม่เกิน
50,000 บาท  เป็นผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับที่คดีเสร็จเด็ดขาดก่อนหรือในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2545  ซึ่งมีตัวควบ
คุมกักขังในสถานที่กักขังที่ทางราชการกำหนด และยังไม่พ้นโทษกักขังในวันที่ 4 ธันวาคม 2545 และมีความสมัคร
ใจเข้าร่วมโครงการกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ก่อนการปล่อยตัว (วันที่ 3 ธันวาคม 2545)  (2)
จำนวนผู้ต้องกักขังทั่วประเทศที่ได้รับการปล่อยตัว  มีจำนวนทั้งสิ้น 5,438 คน  แบ่งเป็นผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับที่
อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,712 คน และผู้ต้องกักขังที่ฝากกักขังที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ 3,726
คน คิดเป็นจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระทั้งสิ้น 24,982,646.76 บาท (3) ผู้ต้องกักขังที่ได้รับการปล่อยตัวได้ร่วมทำ
กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ ในวันที่ 3 ธันวาคม 2545  ซึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร  ได้ทำความ
สะอาดบริเวณวัดสระเกศราชวรมหาวิหารและวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก (4) พิธีปล่อยตัวผู้ต้องกักขังได้กระทำ
พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 4 ธันวาคม 2545  โดยผู้ต้องกักขังทุกคนได้รับเงินค่าพาหนะในการเดินทางกลับภูมิ
ลำเนา  คนละ 200 บาท  และหนังสือ "คู่มือพลเมืองดี" และ  (5)  ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินงานเป็นเงินที่ได้รับ
จัดสรรจากกระทรวงการคลัง   โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล   ทั้งเงินชำระค่าปรับแทนและค่าใช้จ่ายอื่น  ๆ
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 26,753,377.51 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวน
การ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  นับแต่วันที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายใน
36 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 23 มีนาคม 2546

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเรื่อง การเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์และการประชา
สัมพันธ์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  (สำนักงาน ปปง.)  ได้แก่   (1)   ผลการ
ดำเนินการจัดทำและเผยแพร่หนังสือคู่มือพนักงานสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แจกจ่ายให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ รวมทั้งหน่วยงานตำรวจที่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน
ทุกแห่ง รวมทั้งสิ้น 4,098 เล่ม (2) ผลการดำเนินการจัดทำและเผยแพร่หนังสือคู่มือประชาชนแจกจ่ายประชาชน
และหน่วยงาน  10,000  เล่ม และ (3) ผลการดำเนินการจัดทำและเผยแพร่หนังสือคู่มือพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542   ให้ผู้เข้ารับการอบรม 1,450 เล่ม

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินงานตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอเพิ่มเติม
ว่า  ผลจากการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังของรัฐบาล  ทำให้ผู้ติดยาเสพติดหันมาใช้สารระเหย
ซึ่งเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดต่าง ๆ   แทนมากขึ้น    ซึ่งในทางปฏิบัติสามารถนำผู้ติดสารระเหย
เหล่านี้มาเข้ารับการฟื้นฟูตามพระราชบัญญัติ ฯ  ดังกล่าวได้  โดยกำลังพิจารณาแนวทางในการออกกฎกระทรวง
ตามความในมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติ ฯ ดังกล่าว เพื่อกำหนดลักษณะ ชนิด  ประเภท  และปริมาณของสาร
ระเหยที่เป็นยาเสพติด เพื่อให้สามารถนำผู้ติดสารระเหยดังกล่าวเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพตามกระบวนการต่อ
ไป   สำหรับข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติ ฯ ดังกล่าว สรุปได้ว่า กระทรวงยุติธรรมได้
ปรับแผนการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติ ฯ  ดังกล่าว  จากเดิมที่กำหนดไว้ในระยะที่  2  มีผลบังคับใช้ตามกฎ
หมายตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2546  จำนวน 34 จังหวัด  และระยะที่  3  มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่  1
กรกฎาคม  2546  จำนวน 6 จังหวัด  เป็นให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่  21  เมษายน  2546  จำนวน  40  จังหวัด 
ซึ่งถือได้ว่าพระราชบัญญัติ ฯ  ดังกล่าว  มีผลบังคับใช้ในบทบัญญัติหมวด  3  ครบทั่วราชอาณาจักรในวันดังกล่าว
ทั้งนี้   กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ  ได้แก่  การสรรหาและตรวจสอบคุณ
สมบัติของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดใน  40  จังหวัด   จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียม
ความพร้อมในการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในลักษณะบูรณาการ    และจัดอบรมให้ความรู้ในการปฏิบัติ
งานตามพระราชบัญญัติ ฯ ดังกล่าว แก่คณะอนุกรรมการ ฯ  รวม 48 คณะ  รวมทั้งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ
คดีที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  นับแต่วันที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายใน  36
จังหวัด

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอข้อมูลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติฟื้นฟู
สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  พ.ศ. 2545  สรุปได้ว่า  กระทรวงยุติธรรมได้กำหนดแผนการดำเนินงานตามพระราช
บัญญัติ ฯ ไว้เป็น 3 ระยะ รวมทั้งกำหนดบุคคลที่จะเข้าสู่ระบบกระบวนการตามพระราชบัญญัติ  ฯ  และได้ประชุม
ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติ ฯ   จัดประชุม  สัมมนา  ฝึกอบรมผู้ที่เกี่ยว
ข้องเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการตามกฎหมาย  และได้รณรงค์ในหลายรูปแบบเพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยน
ทัศนคติที่มีต่อผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด    ตลอดจนจัดระบบการช่วยเหลือ  สงเคราะห์  และติดตามดูแลผู้ผ่านการ
บำบัดฟื้นฟูเพื่อให้สามารถเป็นคนดีกลับคืนสู่สังคมได้อย่างแท้จริง  นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เสนอเพิ่มเติมว่า  ได้มอบหมายให้กรมคุมประพฤติไปพิจารณาทบทวนแผนการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติ  ฯ
แล้วเพื่อให้สามารถฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตามกฎหมายให้ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศรวดเร็วขึ้น   ปรากฏว่า   สามารถ
ปรับแผนการดำเนินงานได้ดังนี้ (1) ระยะที่ 1 จำนวน  36  จังหวัด  บังคับใช้ตามกฎหมายแล้วตั้งแต่  3  มีนาคม
2546 (เป็นไปตามกำหนดเดิม)  (2)  ระยะที่ 2 จำนวน 34 จังหวัด  (รวมทั้งกรุงเทพมหานคร)  จะบังคับใช้ตาม
กฎหมายได้ภายในเดือนเมษายน 2546 (จากเดิมกำหนดไว้ 1 มิถุนายน 2546) และ (3)  ระยะที่ 3  จำนวน  6
จังหวัด   จะบังคับใช้ตามกฎหมายได้ภายในเดือนพฤษภาคม  2546  (จากเดิมกำหนดไว้  1  กรกฎาคม  2546) 
ทั้งนี้  มอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายจาตุรนต์  ฉายแสง)  รับไปหารือกับกระทรวงยุติธรรมด้วยว่าการดำเนิน
การตามแผนในระยะที่  2  ซึ่งจะบังคับใช้ตามกฎหมายได้ภายในเดือนเมษายน นั้น   จะสามารถเร่งรัดให้รวดเร็ว
ขึ้น โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2546 ได้หรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ  ระดับ 10  ให้
ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ จำนวน 3 ราย ดังนี้  (1) นายวันชัย  รุจนวงศ์  ดำรงตำแหน่งอธิบดี  กรมพินิจและคุ้มครอง
เด็กและเยาวชน (2) พลตำรวจตรี ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ 
(3) นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ  สำนักงานกิจการยุติธรรม  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามคำสั่งกระทรวง
ยุติธรรม ที่ 35/2546  เรื่อง  แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  นายสิทธิชัย  โควสุรัตน์  ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามคำสั่งกระทรวง
ยุติธรรม ที่ 42/2546 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายเจี่ย ก๊กผล  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่
25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ประธาน
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2546   งบกลาง   รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน  143,000,000  บาท  
สำหรับเป็นงบฉุกเฉินในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับจังหวัด  ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะ
ใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน
ป.ป.ส.) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป  กับให้สำนัก
งาน ป.ป.ส. กระทรวงการคลัง  (กรมบัญชีกลาง)  สำนักงบประมาณ  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัด
จัดทำระเบียบการใช้จ่ายเงินงบฉุกเฉินดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้กำหนดหลักเกณฑ์ ขอบเขตการ
ใช้จ่าย ขั้นตอนการเบิกจ่าย  ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนครบถ้วน  เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถ
นำไปปฏิบัติงานได้อย่างสะดวก  ถูกต้อง  โปร่งใส  ต่อไป  เช่น  งบประมาณส่วนนี้จะนำไปใช้ในการปราบ
ปรามได้หรือไม่ เป็นต้น

                       อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการแสดงความจำนงงดการบังคับ
คดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา    และกำหนดเงื่อนไขในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาของ
เจ้าพนักงานบังคับคดีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้ว
ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความใน
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  พ.ศ. 2545  รวม 4 ฉบับ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ (1) ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และ
ปริมาณของยาเสพติด  พ.ศ. ....  ออกตามความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  พ.ศ. 2545
(2)  ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติด
ยาเสพติด พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  (3)  ร่างกฎ
กระทรวง (ฉบับที่ ..)  ว่าด้วยค่าตอบแทนของคณะอนุกรรมการที่ไม่ได้เป็นข้าราชการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถ
ภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 และ 
(4)  ร่างกฎกระทรวง  (ฉบับที่ ..)  ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นอุทธรณ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  ทั้งนี้  ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่
เกี่ยวข้อง ซึ่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท  และปริมาณ
ของยาเติด พ.ศ. ....  ในส่วนของการกำหนดปริมาณ เมทิลลีนไดออกซิเมทแอมเฟตามีน (เอ็มดีเอ็มเอ) ให้มีน้ำ
หนักสุทธิไม่เกิน 1 กรัม  (หนึ่งพันมิลลิกรัม)  และเพิ่มรายการยาเสพติดให้โทษในประเภทที่  1  อีก  2  ราย
การ คือ เมทิลลีนไดออกซีแอมเฟตามีน (เอ็มดีเอ) กับ เอ็น เอ ทิล เอ็มดีเอ หรือ  เอ็มดีอี  รวมทั้งแก้ไขการให้
ค่าตอบแทนเบี้ยประชุมของร่างกฎกระทรวง    (ฉบับที่  ..)    ว่าด้วยค่าตอบแทนของอนุกรรมการที่ไม่ได้เป็น
ข้าราชการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. .... ของประธานอนุกรรมการ ฯ และอนุกรรมการ ฯ  
เพื่อให้สอดคล้องกับการจ่ายเงินสมนาคุณในอัตราสูงสุดที่รัฐจ่ายให้กับคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นในปัจจุบัน 
ไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ (1) แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติของ
ไทยเพื่อเตรียมการประชุม UN Congress on Crime  Prevention  and  Criminal  Justice  ครั้งที่ 11  มีรองนายก
รัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานในการเตรียมการจัด
การประชุม (2) แต่งตั้งคณะกรรมการด้านสารัตถะเพื่อเตรียมการประชุม UN Congress  on  Crime  Prevention 
and  Crimina l Justice  ครั้งที่  11  มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน  มีอำนาจหน้าที่และความ
รับผิดชอบกำหนดเนื้อหาสาระนโยบายและความร่วมมือทางวิชาการ  และปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบ
ปรามอาชญากรรมระหว่างประเทศสำหรับการประชุม ฯ  และ (3) แต่งตั้งคณะกรรมการด้านพิธีการเพื่อเตรียม
การประชุม UN Congress on Crime  Prevention and Criminal  Justice  ครั้งที่ 11 มีรองนายกรัฐมนตรี  (นาย
วิษณุ  เครืองาม)  เป็นประธาน  มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบด้านพิธีการ  การต้อนรับและอำนวยความ
สะดวกให้แก่ผู้นำรัฐมนตรี และคณะผู้แทนที่มาร่วมการประชุม ฯ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา  พ.ศ. ....  (กำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลย
ในคดีอาญา)  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพ
ติด (ป.ป.ส.) เสนอ  โดยเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียา
เสพติด  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ ....  และรับทราบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง  กำหนดอัตราการจ่ายเงินสิน
บนเงินรางวัลคดียาเสพติด  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  รวม 2 ฉบับ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา โดยให้พิจารณาด้วยว่า ปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นส่วนราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรมอยู่ในบังคับ
บัญชาขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบกับรูปแบบของร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้หรือไม่  ประการใด  แล้วดำเนินการต่อไปได้  และ
โดยที่มาตรการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติดครั้งนี้  เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหา
ยาเสพติดและเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน  จึงให้สำนักงาน ป.ป.ส. ประชาสัมพันธ์มาตร
การดังกล่าวให้แพร่หลายต่อไปด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรายงานการ
ติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแผนแม่บทเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 
ในช่วงแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 9 ช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  (ตุลาคม 2544-กันยายน 2545)  โดยผลการดำเนินงาน
มีดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์การปลุกพลังแผ่นดินและการป้องกัน ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ  จัด
อบรมวิทยากรกระบวนการ จัดกิจกรรมในพื้นที่เป้าหมาย  สนับสนุนให้มีลานกีฬาต้านยาเสพติด  จัดตั้งเครือข่าย
เยาวชนป้องกันยาเสพติดในพื้นที่นำร่องและการถวายความรู้พระวิทยากร  (2)  ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและ
สารเคมี  ได้ดำเนินการควบคุมการนำเข้าและส่งออกสารตั้งต้น/ตัวยาที่ใช้ทดแทนการผลิตยาเสพติดอย่างเข้มงวด
และต่อเนื่อง  (3)  ยุทธศาสตร์การปราบปราม มีการนำมาตรการทางกฎหมายทั้งที่เป็นกฎหมายยาเสพติด และ
มิใช่กฎหมายยาเสพติดมาบังคับใช้  (4)  ยุทธศาสตร์การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ  ดำเนินโครงการค่าย
ฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต "(โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง)" เพื่อเป็นการให้โอกาสแก่ผู้ที่กำลังจะพ้นโทษ และช่วยเหลือ
ผู้ต้องขังภายหลังได้รับการปลดปล่อย (5) ยุทธศาสตร์การข่าว พัฒนางานการข่าวให้เป็นระบบ รวมทั้งฝึกอบรม
หลักสูตร  "การใช้ระบบประสานงานข่าวยาเสพติด"  กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   (6)  ยุทธศาสตร์การอำนวยการ
และประสานงาน มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเอาชนะยาเสพติด  และบูรณาการแผนปฏิบัติการป้องกันและ
แก้ไขปัญหายาเสพติด  ฝึกอบรมบุคลากร  และจัดทำแผนงบประมาณมิให้ซ้ำซ้อนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  (7)
ยุทธศาสตร์การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม   ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบ    และยกร่าง
กฎหมายใหม่  และดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้อำนวยต่อการปราบปรามและการดำเนินการทาง
กฎหมาย  (8)  ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ มีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศไทยกับ
นานาประเทศในภูมิภาคเดียวกัน  และต่างภูมิภาค   จัดประชุมทวิภาคี    จัดประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่
อาวุโสเพื่อหารือด้านการปราบปรามและการป้องกัน และ (9) ยุทธศาสตร์การวิจัย พัฒนา และติดตามประเมิน
ผล  มีการศึกษาและประมาณการจำนวนผู้ติดยาเสพติด  พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ
ระบบข้อมูลให้ทันต่อสถานการณ์ และการประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อเอาชนะยาเสพติด

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปผลการดำเนินงานและความก้าวหน้า 
ของการดำเนินงานการลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 โดยนำมาตรการทั้ง 10 มาตร
การมาใช้  สรุปได้ดังนี้  (1)  มาตรการปรับ  ได้พิจารณากฎหมายว่าด้วยการเปรียบเทียบคดีอาญา  จำนวน  1 
ฉบับ และปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  (2)  มาตรการระงับข้อพิพาททั้งในและนอก
ศาล มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดอบรมวิธีการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทแก่ประชาชน  9 
ครั้ง จำนวน 310,000 คน รวมทั้งมีกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ จำนวน 1 ฉบับ  (3)  มาตรการความผิด
อันยอมความได้  มีบทบัญญัติความผิดอันยอมความได้เพิ่มขึ้น  (4)  มาตรการต่อรองคำรับสารภาพ  และ  (5) 
มาตรการชะลอการฟ้อง  ได้ยกร่างกฎหมายชะลอการฟ้องและต่อรองคำรับสารภาพ  และเผยแพร่แนวทางและ
วิธีการใช้มาตรการทั้งสอง และร่างกฎหมายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน  และประชาชน  ได้รับรู้   (6) 
มาตรการคุมประพฤติ มีการรายงานผลการศึกษารูปแบบการคุมประพฤติ ผู้กระทำผิดที่เป็นเด็ก แนวทางการ
ดำเนินงานตลอดจนเอกสารผลการศึกษา  กฎหมาย   กฎระเบียบที่ใช้ในการปฏิบัติงานคุมประพฤติได้รับการ
ปรับปรุงภายในเดือนกันยายน 2545  (7) มาตรการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา
เสพติด พ.ศ. 2534 มีการกำหนดกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เหมาะสมตามพระราชบัญญัติดังกล่าว (8) มาตรการ
เพื่อความปลอดภัย  ผลการดำเนินงานในภาพรวมสังคมปลอดภัยจากผู้กระทำผิดมากขึ้น  ผู้กระทำผิดไม่หวน
กลับมากระทำผิดอีก มีระบบการป้องกันที่เชื่อมโยงภายในหน่วยงาน  (9) มาตรการพักการลงโทษ ได้อนุมัติ
พักการลงโทษและลดวันต้องโทษจำคุก  จัดการศึกษาและฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง    และ (10) มาตรการเกี่ยว
กับเด็ก เยาวชนและครอบครัว   ได้จัดทำแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ  5  ปี   ให้รองรับและมีรายละเอียด
เชื่อมโยงแผนพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว  พ.ศ. 2540 - 2549   จัดทำข้อตกลงความ
ร่วมมือในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในสถานพินิจที่รับกับแผนการประสานความร่วมมือของแผนพิทักษ์ ฯ
จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การนำเทคนิค TQM" มาใช้ในการปฏิบัติงานในสถานพินิจ  จัดทำมาตรฐานกลาง
การปฏิบัติงานของสถานพินิจ ภายใต้มาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติ   ศึกษาแนวทางหรือมาตรการ
ในการหันเหคดีออกจากกระบวนการยุติธรรม สถาบันกฎหมายอาญา และสำนักงานคณะกรรมการประสานงาน
เด็กและเยาวชนแห่งชาติ

                               เห็นชอบตามที่คณะทำงานตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 6 (ฝ่ายกฎหมายฯ) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... (ให้มีกฎหมายว่าด้วยการ
สอบสวนคดีพิเศษ) โดยให้ใช้บัญชีท้ายพระราชบัญญัติแบบที่ 2 (22  ประเภทคดีความผิด) และมอบให้รองนายก
รัฐมนตรี  (นายวิษณุ เครืองาม)  รับไปพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
คดีพิเศษ (กคพ.) ขอบเขตและความหมายของคดีพิเศษตามร่างมาตรา 22 และบทเฉพาะกาล ในส่วนของคดีที่อยู่
ระหว่างดำเนินการให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น   แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
พิจารณา   ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนภายในสัปดาห์แรกของสมัยประชุมต่อไป   ซึ่งรอง
นายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว และได้ส่งร่างที่ได้แก้ไขไปเพื่อคณะ
กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไปแล้ว

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการ Website
และขั้นตอนการจัดซื้อ ฯ  ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์  โดยมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการปรับปรุง Website ของเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้นและให้ใช้รูปแบบดังกล่าวกับ Website
ของหน่วยงานใหม่ เพื่อให้มีความเป็นเอกภาพบนมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้ชื่อ  http://www.moj.go.th  และได้
ประสานกับหน่วยงานเดิมที่มี Website อยู่แล้วให้ปรับปรุงและพัฒนาทั้งรูปแบบและข้อมูลให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ส่วนการดำเนินการด้านการจัดซื้อ ฯ  ได้ดำเนินการทดลองจัดซื้อครุภัณฑ์โดยวิธีตกลงราคาผ่านทางอิเล็กทรอ
นิกส์ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2545  ซึ่งเป็นการนำร่องเพื่อเตรียมความพร้อม
ในการดำเนินการประมูลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกระทรวงยุติธรรมต่อไปใน
อนาคต  ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวกระทรวงยุติธรรมดำเนินการโดยใช้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของศูนย์
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม  โดยมิได้ใช้งบประมาณในการพัฒนา
Website และระบบงาน แต่อย่างใด และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงการ
คลังรวบรวมข้อดีข้อเสียของระบบการจัดซื้อ  ฯ  ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์  เช่น   ความเหมาะสมของการกำหนด
วงเงินขั้นต่ำในการเสนอลดราคาของผู้เข้าเสนอราคา  ผลดีผลเสียของการไม่เปิดเผยรายชื่อระหว่างผู้เข้าเสนอ
ราคา เป็นต้น เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการแก้ไขปรับปรุง  เพื่อจะได้ขยายผลการดำเนินการให้ครอบคลุม
การจัดซื้อจัดจ้างที่กว้างขวางยิ่งขึ้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. รายงานผลการดำเนินงานเพื่อการป้องกันและแก้ไข
ปัญหายาเสพติดชาวไทยมุสลิมภาคใต้ โดยได้ดำเนินการจัดประชุมเตรียมการโครงการสัมมนาผู้นำศาสนาอิสลาม
เพื่อการพัฒนาความรู้ด้านการป้องกันยาเสพติดในพื้นที่ 7 จังหวัดตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดตรัง พัทลุง สงขลา  สตูล
ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส  ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพิจารณาปรึกษาหารือขั้นตอนการ
ปฏิบัติงานโครงการสัมมนา ฯ โดยที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันที่จะให้ผู้นำศาสนาอิสลามเข้ามามีบทบาทในการป้อง
กันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน  โดยนำหลักศาสนาอิสลามมาเป็นแนวทางหลักในการดำเนินงาน  รวมทั้ง
ได้มีมติในประเด็นต่าง ๆ ในส่วนของวิทยากร  หลักสูตรการฝึกอบรมสัมมนา  ระยะเวลาดำเนินการ  งบประมาณ
ดำเนินการ ตลอดจนปัญหา-อุปสรรคจากการดำเนินงาน และมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้มาตรการทางสังคม/
ศาสนาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเห็นควรให้ดำเนินการควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกเพื่อกระตุ้น
ให้เกิดการดำเนินงานอย่างจริงจังและเกิดประสิทธิภาพ  ส่วนการดำเนินงานโดยเฉพาะพื้นที่  3  จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ต้องคำนึงถึงปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ ปัญหาความมั่นคงชายแดน ซึ่งส่งผลให้ปัญหายาเสพติดมีความ
ซับซ้อนในการแก้ไขมากขึ้น   นอกจากนี้   การจัดสรรงบประมาณเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของ
ภาครัฐต้องทั่วถึงและให้การดูแลแก่หน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้องตามสมควร

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานความก้าวหน้าของโครงการ หรือเรื่อง
เร่งด่วนของรัฐบาลเรื่อง  โครงการฟื้นฟูบำบัดสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาลผู้เสพเป็นผู้ป่วย
ไตรมาส 3 และไตรมาส 4  ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  โดยผลการดำเนินงาน ได้แก่ การทดลองฟื้นฟูสมรรถ
ภาพผู้ติดยาเสพติดกับกลุ่มผู้ถูกคุมความประพฤติ  การสำรวจสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  การจัด
ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานในการตรวจพิสูจน์และคู่มือการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้
ติดยาเสพติด  แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณายกร่างกฎกระทรวง  ระเบียบ   และข้อบังคับของศูนย์ฟื้นฟู
สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานตามร่าง
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  พ.ศ. ....   และการศึกษาดูงานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพ
ติด  สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณ กรมคุมประพฤติได้รับงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  รวมทั้งสิ้น
17,042,200  บาท   โดยเบิกจ่ายไปแล้ว 6,331,688 บาท สาเหตุที่เบิกจ่ายงบประมาณน้อย เนื่องจากไม่
สามารถดำเนินการตามแผนได้อย่างเต็มที่ เพราะพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดยังไม่มีผล
บังคับใช้ในปี พ.ศ. 2545