คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระ
ราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546  ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2546 
ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน  5,891  ราย  เป็นเพศชาย  จำนวน 5,044
ราย เพศหญิง จำนวน 847 ราย  ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 2,803 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง 18
-25 ปี  จำนวน 2,302 ราย  สถานภาพการควบคุมตัว  ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการตรวจ
พิสูจน์  มีจำนวน 4,370 ราย  และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว  1,521  ราย  โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่
เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 4,458 ราย  รองลงมาคือ  กัญชา  จำนวน 817
ราย  ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 4,622 
ราย  รองลงมาคือ  ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,079 ราย  สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ผู้ติดยาเสพติด   คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์  จำนวน 
4,433 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว  จำนวน 1,821 ราย  ให้เข้ารับการฟื้น
ฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว  จำนวน  2,433  ราย   และส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ตามปกติ จำนวน 179 ราย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมเปลี่ยน
แปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 แผนงานนโยบายและแผน  งานบริหารจัดการ
กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม งบลงทุน ค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง  จาก  รายการค่าก่อสร้างอาคารที่
ทำการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม สูง 13 ชั้น  พื้นที่ใช้สอย 20,345 ตารางเมตร  พร้อมครุภัณฑ์ประกอบ 1
หลัง เป็น รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พร้อม
ระบบควบคุมพิเศษ และระบบโครงสร้างพื้นฐาน 1 หลัง  ในวงเงิน 308,000,000 บาท  และให้ดำเนินการตามผล
การประกวดราคาตามแบบรูปรายการ และรายการประกอบแบบ    โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546 จำนวน 60,000,000 บาท สำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือ จำนวน 248,000,000 บาท 
ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2548 ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติ
รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินงานจัดทำแผนแม่บทกระบวน
การยุติธรรมแห่งชาติและผลการดำเนินงานจัดทำแผนงบประมาณในเชิงบูรณาการด้านพัฒนากระบวนการ
ยุติธรรม  รวมทั้งเห็นชอบให้องค์กรบริหารที่เกี่ยวข้องกับงานกระบวนการยุติธรรม นำกรอบวิสัยทัศน์ พันธ
กิจหลัก  วัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการยุติธรรม  ไปใช้เป็นแนวทางจัดทำยุทธศาสตร์
และแผนการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน กับให้ขอความร่วมมือจากองค์กรอิสระในกระบวนการยุติธรรม
นำกรอบเนื้อหาสาระของแผนแม่บทนี้  ไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินงานให้มีความสอด
คล้องสนับสนุนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน   และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่องค์
กรในกระบวนการยุติธรรม โดยยึดตามกรอบและแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนแม่บท ฯ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้กรมราชทัณฑ์ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพัน
งบประมาณโครงการก่อสร้าง จำนวน  3  โครงการ  ได้แก่  โครงการปรับปรุงโรงพยาบาลกลางราชทัณฑ์  จำนวน
329,529,000 บาท โครงการก่อสร้างทัณฑสถานบำบัดพิเศษราชบุรี จำนวน 586,223,000 บาท  และโครงการ
ก่อสร้างทัณฑสถานบำบัดพิเศษระยอง จำนวน  585,620,000  บาท  จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546 
เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2547 ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีข้อสังเกตว่า กรมราชทัณฑ์ควรเร่งดำเนินโครง
การก่อสร้างทัณฑสถานบำบัดพิเศษระยอง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนที่ตั้งไว้   เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ได้เบิก
จ่ายโครงการก่อสร้างทัณฑสถานดังกล่าว เพียงร้อยละ 42 ของวงเงินค่าก่อสร้างทั้งหมด โดยให้กระทรวงยุติธรรม
รับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการปฏิบัติงานในการปล่อยตัวผู้ต้องกัก
ขังแทนค่าปรับและนักโทษเด็ดขาด สรุปได้ดังนี้  ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องกักขัง
แทนค่าปรับและนักโทษเด็ดขาด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่อง
ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2546  นั้น  กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการประสานหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน และได้จัดพิธีปล่อยตัวผู้ต้องกักขัง ฯ และนักโทษเด็ดขาดจนแล้ว
เสร็จเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2546 ณ สนามกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง
กรุงเทพ ฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการปล่อยตัว  ทั้งนี้  หลังจากพิธีปล่อยตัวผู้ต้องกักขัง ฯ  กรมราช
ทัณฑ์ได้ดำเนินการประสานงานกับสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี  ในการนำผู้ได้รับการปล่อยตัวส่งสถานีรถ
ไฟกรุงเทพ สถานีขนส่งสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้เพื่อกลับภูมิลำเนา โดยผู้ได้รับการปล่อย
ตัวได้รับเงินค่าพาหนะเดินทางกลับภูมิลำเนาตามที่จ่ายจริงและมูลนิธิปอเต๊กตึ้งมอบเงินขวัญถุงให้อีกคนละ 300
บาท   รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามและประเมินผลผู้ได้รับการปล่อยตัว 6 เดือน หลังปล่อย  ให้ทราบ
ถึงการปรับตัวและการใช้ชีวิตในสังคมต่อไป  สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 9,124,376
บาท  ประกอบด้วย  เงินที่ได้รับจัดสรรจากกระทรวงการคลัง  โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล  เป็นเงินชำระ
แทนค่าปรับจำนวน 2,897,148 บาท  และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ  ในการดำเนินงานปล่อยตัว  ฯ  จำนวน 6,227,228 
บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการ
แลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน เพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ระหว่าง สำนักงาน ปปง.
กับ The National Criminal Intelligence Service: NCIS ประเทศอังกฤษ  ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกับร่างบันทึก
ความเข้าใจที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีของประเทศไทย และได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจดัง
กล่าวกับสำนักงาน ปปง. แบบทวิภาคีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2546  โดยไม่มีการแก้ไข/
เพิ่มเติมเนื้อหาใด ๆ ในร่างบันทึกความเข้าใจที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีของประเทศไทยทั้งสิ้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระ
ราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545  ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546  ถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2546 
ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน  5,546  ราย  เป็นเพศชาย  จำนวน 4,756
ราย เพศหญิง จำนวน 790 ราย  ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 2,656 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง 18
-25 ปี  จำนวน 2,154 ราย  สถานภาพการควบคุมตัว  ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการตรวจ
พิสูจน์  มีจำนวน 4,128 ราย  และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว  1,418  ราย  โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่
เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 4,206 ราย  รองลงมาคือ  กัญชา  จำนวน 768
ราย  ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 4,340 
ราย  รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด  จำนวน 1,024 ราย  สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ผู้ติดยาเสพติด   คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์  จำนวน 
4,161 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว  จำนวน 1,696 ราย  ให้เข้ารับการฟื้น
ฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว  จำนวน  2,297  ราย   และส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ตามปกติ จำนวน 168 ราย

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่งด่วน
ของรัฐบาลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (มีนาคม-มิถุนายน 2546) ใน
ส่วนของยุทธศาสตร์การปลุกพลังแผ่นดินและการป้องกัน ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและสารเคมี ยุทธศาสตร์
การปราบปรามยุทธศาสตร์การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ  ยุทธศาสตร์การข่าว  ยุทธศาสตร์การอำนวย
การและการประสานงาน ยุทธศาสตร์การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม  ยุทธศาสตร์ความร่วมมือ
ระหว่างประเทศ  และยุทธศาสตร์การวิจัย  พัฒนา  และติดตามประเมินผล  ซึ่งในส่วนของยุทธศาสตร์การวิจัย ฯ 
นี้ ประกอบด้วย การศึกษาและประมาณการจำนวนผู้ติดยาเสพติด ระบบข้อมูลยาเสพติดจังหวัด โครงการพัฒนา
ระบบข้อมูลผู้ใช้/ผู้ติดยาเสพติด  โครงการเครือข่ายวิชาการด้านการติดตามและประเมินผล   โครงการเครือข่าย
องค์กรวิชาการสารเสพติด และการประเมินสถานการณ์ยาเสพติดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2546

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ  นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 
ปลัดกระทรวง (นักบริหาร 11)  สำนักงานปลัดกระทรวง  กระทรวงยุติธรรม  ที่ดำรงตำแหน่ง
จะครบ 4 ปี ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2546 ต่อไปอีก 1 ปี (เป็นการต่อเวลาครั้งที่ 1) ตั้งแต่
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2546 - 10 พฤศจิกายน 2547 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายนัทธี จิตสว่าง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี
(นักบริหาร 10) กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ให้ดำรงตำแหน่ง
อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2546 เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี  ฉบับที่ .. 
(พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน  พุทธศักราช 2478 (แก้ไขเพิ่ม
เติมกฎสำนักนายกรัฐมนตรี  ฉบับที่ 83  (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการ
ฝ่ายพลเรือน  พ.ศ. 2478 เกี่ยวกับเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมราชทัณฑ์) และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอเพิ่มวงเงินงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารจอด
รถยนต์และเก็บของกลาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  จำนวน  1  หลัง  โดยขอเพิ่มวงเงินค่าก่อ
สร้างจากเดิม  64,000,000  บาท เป็น  69,400,000  บาท  และขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบ
ประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2546-2547 เป็นปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546-2548  (540วัน)  สำหรับการ
เบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ    โดยให้ดำเนินการเบิกจ่ายจากงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  จำนวน 12,800,000  บาท  ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี  ฯ
พ.ศ. 2547 จำนวน 28,840,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปี ฯ  พ.ศ. 2548  จำนวน 17,760,000
บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ)
ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ เสนอเรื่อง  การให้โอกาสผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดซึ่ง
พ้นจากสภาพการใช้ยาเสพติดเข้าทำงานหรือรับการศึกษาต่อในหน่วยงานภาครัฐ ดังนี้ ผู้ใดที่เคยมีประวัติการเสพ
หรือติดยาเสพติด  และได้พ้นจากสภาพการใช้ยาเสพติด  โดยได้รับการรับรองจากแพทย์  หรือโดยผ่านการบำบัด
รักษาของทางราชการ หรือสถานบำบัดที่ได้รับการรับรองจากทางราชการ ให้ถือว่า ผู้นั้นเป็นผู้มีโอกาสในการทำ
งาน หรือเข้ารับการศึกษาเช่นบุคคลทั่วไป  โดยหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ  จะปฏิเสธการรับ
ผู้นั้นเข้าทำงานหรือศึกษาต่อ  โดยอ้างเหตุว่าเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี  จนเป็นที่รังเกียจของสังคมมิได้  รวม
ทั้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคลากรภายในหน่วยงานและภาคเอกชนถึงความสำคัญ  และ
จำเป็นของการให้โอกาสแก่ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนขอความร่วมมือกับภาคเอกชนในการรับผู้เสพ/ผู้ติดยา
เสพติดที่พ้นจากสภาพการใช้ยาเสพติดเข้าทำงานหรือศึกษาต่อเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันด้วย  ทั้งนี้  ตั้งแต่
วันที่ 12 สิงหาคม 2546 เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนองบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุน
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2545 และ 2544 ที่สำนักงานการตรวจเงิน
แผ่นดินรับรองแล้ว โดยผลการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ในส่วนของรายได้ในปี พ.ศ. 2545 กองทุน ฯ
มีรายได้ 2.62 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2544 มีรายได้ 2.77 ล้านบาท  สำหรับค่าใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2545  กองทุน ฯ มี
ค่าใช้จ่าย 16.00 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2544 มีค่าใช้จ่าย 7.77 ล้านบาท และจากผลการดำเนินงาน กองทุน ฯ  
มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่าย ในปี พ.ศ. 2545 จำนวน 13.38 ล้านบาท  ส่วนปี พ.ศ. 2544 มีจำนวน 5.00 ล้าน
บาท   โดยในปี  พ.ศ. 2545  กองทุน ฯ  มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสูงกว่าปี พ.ศ. 2544  จำนวน  8.38  ล้านบาท 
เนื่องจากส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ/ยึด
/อายัดทรัพย์สิน และค่าใช้จ่ายเงินรางวัลเพิ่มขึ้น  ซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดที่เพิ่มขึ้น  ทำให้มีการ
ขยายผลการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพิ่มขึ้นด้วย  ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า งบดุลใน
ส่วนของเงินกองทุนมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไม่มาก  อาจจะมีสาเหตุหนึ่งจากการที่คดียังค้างดำเนินการอยู่
ในกระบวนการของศาลยุติธรรม   ดังนั้น   เพื่อให้การบริหารกองทุนเกิดประโยชน์สูงสุด  จึงมอบให้รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงยุติธรรมไปประสานงานกับสำนักงานศาลยุติธรรมต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ศ. .... 
ร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ...)  ออกตามความในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ  พ.ศ. 2498  ว่าด้วยการ
กำหนดตำแหน่งพนักงานอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่น  และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..  ( พ.ศ. ....)  ออกตามความใน
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ  พ.ศ. 2521  ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียก
ชื่ออย่างอื่น   และการเทียบตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นกับตำแหน่งข้าราชการอัยการ   รวม  3
ฉบับ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดยให้รับความเห็นของ  คกก.7  ที่เห็นควรให้
สำนักงานอัยการสูงสุดเกลี่ยอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่  ได้แก่   สำนักงาน
คดีพิเศษ สำนักงานคดีศาลสูงเขต สำนักงานคดีแรงงานเขต สำนักงานคดีปกครอง  และสำนักงานคดีปกครองใน
ภูมิภาค สำหรับการจัดตั้งสำนักงานตรวจสอบภายในและการขอยกฐานะหรือขยายหน่วยงานภายในด้านธุรการ
ของสำนักงานอัยการสูงสุด  ให้คงไว้เช่นเดิม  เพื่อให้เกิดความเสมอภาคของข้าราชการในสายธุรการทั้งระบบ ไป
พิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้   ทั้งนี้  หากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นให้เจียดจ่ายจากงบประมาณที่สำนักงานอัยการ
สูงสุดได้รับตามความเห็นของกระทรวงการคลัง   กับให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของ  คกก.7  ในเรื่อง
การเกลี่ยอัตรากำลังของสำนักงานอัยการสูงสุดที่มีอยู่เดิมไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานที่จัดตั้งใหม่ และพิจารณา
ทบทวนแนวทางการจัดตั้งสำนักงานคดีปกครองในภูมิภาคตามเขตอำนาจศาลปกครอง  เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อ
งบประมาณ และทรัพยากรต่าง ๆ ในระยะยาว  รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของ  คกก.7  ที่เห็นควร
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาภาพรวมการจัดโครงสร้างองค์กรของสำนักงานอัยการสูงสุดทั้งระบบโดยเร็ว  โดย
คำนึงถึงหลักการประหยัดด้านงบประมาณ   และทรัพยากร    และดำเนินการสำรวจสถิติคดีปกครองที่ขึ้นสู่ศาล
ปกครองในภูมิภาคในปัจจุบันว่า มีจำนวนเท่าไร   แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกับร่างกฎกระทรวงทั้ง
3 ฉบับในเรื่องนี้ เพื่อให้การนำเสนอสอดคล้องกับข้อกฎหมายที่ต้องมีความเห็นของ  ก.พ.ร.  ไปพิจารณาดำเนิน
การ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพร้อมกันต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระ
ราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 3 สิงหาคม  2546 ซึ่ง
ผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 5,106 ราย เป็นเพศชาย จำนวน  4,391  ราย
เพศหญิง จำนวน 715 ราย  ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 2,430 ราย  รองลงมามีอายุระหว่าง 18-25 
ปี จำนวน 1,986 ราย  สถานภาพการควบคุมตัว  ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการตรวจพิสูจน์ 
มีจำนวน 3,806 ราย  และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,300 ราย  โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้อง
กับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 3,856 ราย  รองลงมาคือ กัญชา จำนวน 717 ราย  ส่วน
ฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 3,953 ราย  รอง
ลงมาคือ  ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด  จำนวน 977 ราย  สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพ
ติด  คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์  จำนวน 3,793 ราย
โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว จำนวน 1,534 ราย  ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
แบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 2,113 ราย  และส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน
146 ราย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479  (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตาม
ความในมาตรา 58  แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์  พุทธศักราช 2479  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงมหาด
ไทย ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479  (ฉบับที่ 3)  เกี่ยวกับการกำหนดประเภท
เรือนจำจากเดิม 3 ประเภท เพิ่มเป็น 4 ประเภท โดยให้เรือนจำพิเศษหมายถึงทัณฑสถานด้วย  กำหนดอำนาจ
การคุมขังของเรือนจำเป็นให้ไปตามประกาศของรัฐมนตรี กำหนดสิ่งของต้องห้ามมิให้นำเข้าเรือนจำ  ได้แก่  ยา
เสพติดให้โทษ  วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและสารระเหย  เครื่องคอมพิวเตอร์  โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อ
สาร รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับสิ่งของดังกล่าว ยกเว้นสิ่งของต้องห้ามบางประเภทที่มีไว้เพื่อใช้ในราชการ)  และให้
ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไป
ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมประเภทเรือนจำจากเดิม 3 ประเภท
เป็น 4 ประเภท คือ  (1)  เรือนจำกลาง  (2)  เรือนจำส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย เรือนจำจังหวัด และเรือนจำ
อำเภอ (3) เรือนจำพิเศษ ซึ่งรวมถึงทัณฑสถานด้วย  และ (4) เรือนจำชั่วคราว  ซึ่งในส่วนของอำนาจการควบ
คุมผู้ต้องขังของแต่ละเรือนจำมิได้กำหนดอำนาจการคุมขังผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวไว้ด้วยจึงมีข้อสังเกตว่า จะ
สมควรกำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ในคราวเดียวกัน หรือไม่

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระ
ราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546  ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2546 
ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด  จำนวน  4,795  ราย  เป็นเพศชาย  จำนวน 4,133
ราย เพศหญิง จำนวน 662 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี  มีจำนวน 2,282 ราย  รองลงมามีอายุระหว่าง 18
-25 ปี จำนวน  1,865  ราย  สถานภาพการควบคุมตัว  ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการตรวจ
พิสูจน์ มีจำนวน  3,571  ราย  และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว  1,224  ราย  โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่
เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน  มีจำนวน 3,648 ราย  รองลงมาคือ  กัญชา  จำนวน 670
ราย  ส่วนฐานความผิด  ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 3,704
ราย  รองลงมาคือ  ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด  จำนวน  922  ราย   สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ผู้ติดยาเสพติด    คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์  จำนวน
3,458  ราย  โดยมีคำวินิจฉัย  ดังนี้  (1)  ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว จำนวน 1,375 ราย  (2) 
ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 1,934 ราย (3) ส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวน
การยุติธรรมตามปกติ จำนวน 149 ราย

            คณะรัฐมนตรีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายไพศาล วิเชียรเกื้อ ให้ดำรงตำแหน่ง
ผู้ตรวจราชการกระทรวง  (ผู้ตรวจราชการ 10)  กระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรด
เกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป