รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
A
A
A
รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
กรุณาป้อนคำค้นหา
วันที่มีมติ
Start date:
End date:
ถึง
เลขที่หนังสือ/ปี
ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
กรมการปกครอง ( ปค )
กรมประชาสัมพันธ์ ( กปส )
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ( สถ )
กรรมการ ( กรรมการ )
กระทรวง/ทบวง/กรม ( เวียน )
กระทรวงกลาโหม ( กห )
กระทรวงกลาโหม ( กห(เก่า) )
กระทรวงการคลัง ( กค )
กระทรวงการคลัง ( กค(เก่า) )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต(เก่า) )
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ( กก )
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม )
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ( อว )
กระทรวงคมนาคม ( คค )
กระทรวงคมนาคม ( คค(เก่า) )
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( ดศ )
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส )
กระทรวงพลังงาน ( พน )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ(เก่า) )
กระทรวงมหาดไทย ( มท )
กระทรวงมหาดไทย ( มท(เก่า) )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ(เก่า) )
กระทรวงวัฒนธรรม ( วธ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ( วท )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ( วว. )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน ( วทพ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( วท )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ(เก่า) )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ(เก่า) )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก(เก่า) )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ(เก่า) )
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ทก )
กระทรวงแรงงาน ( รง )
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ( รส )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กลุ่มงานดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ( กพน. )
กลุ่มงานเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ( กคอ )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค. )
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ( กสศ )
กองนิติธรรม ( กนธ )
กองบริหารงานสารสนเทศ ( กบส )
กองพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( กพต )
กองวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( กวค )
กองส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( กสค )
กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( กอค )
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน. )
การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท )
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท )
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ( กทพ )
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ )
การประปานครหลวง ( กปน )
การประปาส่วนภูมิภาค ( กปภ )
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ( ปตท )
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม )
การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท )
การไฟฟ้านครหลวง ( กฟน )
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ )
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ )
คณะกรรมการ ( คกก )
คณะกรรมการ กปนร. ( กปนร. )
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( ลต )
คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ( กนร )
คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ( คปร )
คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ( คชช )
คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ( กนศ )
คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก )
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ( ปสส )
คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ ( คปป. )
คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ( กงช )
คณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ( ปปร )
คณะกรรมาธิการ ( คกธ )
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ( ปข )
ทบวงมหาวิทยาลัย ( ทม )
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส )
ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท )
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ( บสท )
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( บอย )
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ( กบท )
บริษัท การปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ( ปตท )
บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ( บทม )
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ( นร61 )
บัณฑิต ( นิด้า )
ปธ.คกก.นโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น ( ปธคกก.ถั่ว )
ปธ.คกก.นโยบายป่าไม้แห่งชาติ ( ปธ.คกก.ป่า )
ปธ.คกก.นโยบายยางธรรมชาติ ( ปธ.คกก.ยาง )
ประธาน ( ปธ )
ประธานสมัชชาผู้ขับรถแท็กซี่แห่งประเทศไทย ( ส.ผท.ท. )
ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (คสช.) ( กก.คสช. )
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ( มข )
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ( มธ )
มหาวิทยาลัยนเรศวร ( มน )
มหาวิทยาลัยบูรพา ( มบ )
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ( มร )
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ )
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ( มก )
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ( มช )
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ( มทส )
รอง นรม ( รอง นรม )
ราชบัณฑิตยสถาน ( รถ )
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ( รจภ. )
ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ( ศปมผ. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอบต )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( นร52 )
ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( นร54 )
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ( สคช )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ. )
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า )
สถาบันพระปกเกล้า ( พป )
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ( สวพส. )
สนง.คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( กลต )
สภากาชาดไทย ( กช )
สภาสถาปนิก ( สภส )
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ( สขช )
สำนักงบประมาณ ( สงป )
สำนักงาน ป.ย.ป. ( นร15 )
สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดถัยและสร้างสรรค์ ( พปส. )
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ( กฟก )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( นร62 )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส. )
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ( สทบ. )
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง )
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ( กพท. )
สำนักงานคกก.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปช )
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ( สคก )
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ( สกศ )
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต )
สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ( สขค )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( ทช )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( ก.ค.ศ. )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( กพ )
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ )
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ( สจร )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ( สพช )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( นร63 )
สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ ( ปรร )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท. )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ปปส )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ( กพร )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช )
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กร )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( นร13 )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( สกท )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ( สกสค. )
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( สม )
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ( สช )
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย )
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( ตผ )
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตช )
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( นร14 )
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ( ทก. )
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ( สนค )
สำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน(องค์การมหาชน) ( สปท )
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) ( สบร )
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ( สปศ )
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( สป.กห )
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( สป.ดท )
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปง )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ( ผผ )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ( ผร )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ. )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ )
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ( สพค. )
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ( สมศ )
สำนักงานศาลปกครอง ( ศป )
สำนักงานศาลยุติธรรม ( ศย )
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ( ศร )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( นร53 )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ( สวส. )
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ( สอซช. )
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ( สศส03 )
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช )
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สสป )
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( นร.11 )
สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ( สกช. )
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช. )
สำนักงานอัยการสูงสุด ( อส )
สำนักงานเลขาธิการ ( สลธ )
สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช )
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ( สภ )
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ( สว )
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ( สผ )
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ( สศอ )
สำนักนายกรัฐมนตรี ( นร )
สำนักนิติธรรม ( สนธ )
สำนักบริหารกลาง ( สบก )
สำนักบริหารงานสารสนเทศ ( สบส )
สำนักพระราชวัง ( พว )
สำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( สพต )
สำนักราชเลขาธิการ ( รล )
สำนักวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( สวค )
สำนักส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( สปค )
สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( สอค )
สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( สลธ.คสช. )
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค )
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ( สลน )
สำนักโฆษก ( สน.ฆ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( สกพอ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ+ส )
หน่วยงานอื่น ๆ ( อื่นๆ )
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ( ส.ส.ท )
องค์การคลังสินค้า ( อคส )
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ( อตก )
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) ( อพท )
องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ. )
องค์การบริหารส่วนตำนล ( อบต. )
องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ( รสพ. )
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ( อสค )
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ( อสมท )
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ( ปรส )
เนคเทค ( เนคเทค )
เวียนรัฐมนตรี ( ว(ร) )
ค้นหา
ล้างคำค้น
คู่มือการใช้งาน
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
ลำดับ
ชื่อเรื่อง
ส่วนราชการ
เจ้าของเรื่อง
วันที่มีมติ
1221
การให้ความช่วยเหลือแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการก่อสร้างศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่แขวงจำปาสัก สปป.ลาว
ยธ
02/03/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการ
ก่อสร้างศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน
ลาว ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ยกร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว และส่งให้
ฝ่ายลาวพิจารณา พร้อมจัดทำคู่ฉบับภาษาลาวเรียบร้อยแล้ว โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามยาเสพติด มีอำนาจลงนามแทนฝ่ายไทย
1222
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 - 31 มกราคม 2547)
ยธ
10/02/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 ถึงวันที่ 31 มกราคม
2547 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 4,327 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
3,593 ราย เพศหญิง จำนวน 734 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 2,018 ราย รองลงมามีอายุ
ระหว่าง 18-25 ปี จำนวน 1,794 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 2,856 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จำนวน 1,471 ราย โดยผู้
เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 3,072 ราย
รองลงมาคือ คดีประเภทกัญชา จำนวน 619 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำ
ความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 3,726 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพ
ติด จำนวน 552 ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา
เสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 4,085 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถ
ภาพแบบควบคุมตัว จำนวน 2,135 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 1,687 ราย
และส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 263 ราย ทั้งนี้ ในส่วนของผลงาน
เดือนมีนาคม-ธันวาคม 2546 ประกอบด้วย งานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จำนวน 11,180 ราย ผล
การฟื้นฟูเสร็จสิ้นไป จำนวน 2,045 ราย ผลการฟื้นฟูเป็นที่น่าพอใจ จำนวน 1,764 ราย และผลการฟื้นฟูไม่
เป็นที่น่าพอใจ จำนวน 281 ราย โดยได้ส่งตัวคืนอัยการ จำนวน 235 ราย และจำหน่ายคดี จำนวน 46 ราย
รวมทั้งผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่ต้องดำเนินการต่อ จำนวน 9,135 ราย
1223
ขออนุมัติร่างแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2547 - 2549)
ยธ
10/02/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2547-
2549) โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับไปปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามประเด็นอภิปรายของ คกก.7 ดังนี้ ในยุทธ
ศาสตร์ที่ 8 การเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน ในส่วนของแผนงานที่ 4 เกี่ยวข้อง
กับการดำเนินงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย จึงให้เพิ่มกระทรวงมหาดไทยร่วมเป็นหน่วย
งานร่วมรับผิดชอบหลักด้วย ส่วนตัวชี้วัดที่ 1 ในแผนงานที่ 1 ของยุทธศาสตร์ที่ 8 ข้อความว่า "อัตราการเกิด
ความไม่สงบเรียบร้อยและความไม่มั่นคงของสังคมลดลง" อาจทำให้เกิดความสับสนได้ เนื่องจากงานด้านความ
สงบเรียบร้อยและความมั่นคงจะรวมไปถึงการชุมนุมประท้วง การก่อการร้าย ฯลฯ ซึ่งจะเป็นคนละงานกับงาน
ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเห็นควรแก้ไขโดยเปลี่ยนคำว่า "สังคม" เป็น "ความปลอดภัยในชีวิต
ร่างกายและทรัพย์สิน" และควรเพิ่มสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในแผนงานที่ 3 ของยุทธ
ศาสตร์ที่ 8 ด้วย นอกจากนี้ การกำหนดชื่อของสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลปกครอง ซึ่งเป็นองค์
กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมไว้ในแผนอาจไม่เหมาะสม สมควรปรับ
เปลี่ยนถ้อยคำที่ระบุถึงองค์กรอิสระดังกล่าว เป็น "องค์กรบริหารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม" และปรับ
ปรุงถ้อยคำในแผนที่เกี่ยวกับการประสานงานตามแผนให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม
2546 รวมทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา และให้ขอความร่วมมือจากองค์กรอิสระใน
กระบวนการยุติธรรมนำกรอบเนื้อหาสาระของแผน ไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินงานให้มี
ความสอดคล้องสนับสนุนและเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย กับเห็นชอบให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรร
งบประมาณแก่องค์กรต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรม โดยยึดตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย กรอบแนวทางและ
แผนงานที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2547-2549) พร้อมทั้งเห็น
ชอบให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักกิจการยุติธรรม เป็นองค์กรรับผิดชอบในการประสาน ติดตาม บูรณาการ
ประเมินผล และรายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรมแห่งชาตินี้ต่อคณะรัฐมนตรีทุก
ปี
1224
การพิจารณาสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดหรือฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
ยธ
03/02/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ซึ่ง
พิจารณาในเรื่อง สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดหรือฟื้นฟูผู้ติดยาเสพ
ติด โดยเห็นควรให้บุคคลดังกล่าวได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอ โดยให้พิจารณา
ความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ทั้งนี้ ในการจ่ายเงินชดเชยควรให้จ่ายจากกองทุนป้องกันและ
ปราบปรามยาเสพติดก่อนหากเงินกองทุนไม่พอหรือได้เบิกจ่ายเพื่อการนี้จนเหลือน้อยให้ของบประมาณเพิ่มเติม
โดยให้ ป.ป.ส. รับไปดำเนินการแก้ไขระเบียบ ฯ เกี่ยวกับการจ่ายเงินของกองทุน ฯ ให้ครอบคลุมถึงกรณีดังกล่าว
ด้วย และดำเนินการตามประเด็นอภิปรายต่อไป ดังนี้ บำเหน็จความชอบแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบ
ปรามยาเสพติดหรือฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในลักษณะของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ไม่อาจจะเสนอขอพระ
ราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนให้ได้ เนื่องจากเหรียญดังกล่าว จะขอพระราชทานให้แก่ผู้ปฏิบัติการสู้รบกับผู้ก่อ
การร้ายคอมมิวนิสต์ซึ่งพ้นสมัยไปแล้ว จึงควรเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือเหรียญอื่น ๆ ให้
ตามปกติ เช่น ตระกูลดิเรกคุณาภรณ์ ช้างเผือก หรือมงกุฎไทย เป็นต้น สำหรับผู้ปฏิบัติงานให้ราชการหรือ
ช่วยเหลือสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บมีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ช่วยเหลือตามพระราช
บัญญัติสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ พ.ศ. 2546 และพระ
ราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติและปฏิบัติตามหน้าที่
มนุษยธรรมพ.ศ. 2543 อยู่แล้ว และผู้ซึ่งเป็นข้าราชการก็สามารถเบิกจ่ายจากราชการได้ ทั้งนี้ ในส่วนของการ
ลดหย่อนค่าโดยสารรถไฟ การลดหย่อนค่าโดยสารของบริษัท ขนส่ง ฯ การลดหย่อนค่าโดยสาร ข.ส.ม.ก. การ
ลดหย่อนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินของ บริษัท การบินไทย ฯ หรือการลดเบี้ยประกันชีวิต ควรเป็นไปตามที่
กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ดำเนิน
การตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่า นอกเหนือจากพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการขอ
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ. 2538 และระเบียบสำนักนายก
รัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์
อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 ที่กำหนดให้เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้กระทำ
ความดีความชอบซึ่งรวมถึงบุคคลที่มีผลงานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแล้ว
การเสนอขอพระราชทานเหรียญราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่บุคคลซึ่งได้กระทำความดีความชอบในลักษณะที่ได้แสดง
ความกล้าหาญฝ่าอันตรายช่วยเหลือผู้อื่นให้รอดพ้นจากอันตราย กระทำการสู้รบกับราชศัตรู หรือต่อต้านผู้รุก
ราน เช่น เหรียญราชนิยม (ปัจจุบันเป็นเหรียญที่พ้นสมัยพระราชทานแล้ว) เหรียญกล้าหาญ และเหรียญศานติ
มาลา (ปัจจุบันเป็นเหรียญที่พ้นสมัยพระราชทานแล้ว) ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้พิจารณา
แล้วรับทราบ และเห็นว่า ยังไม่เหมาะสมสำหรับยาเสพติดและให้ศึกษาแนวทางดูว่า เหรียญราชนิยมน่าจะฟื้นมา
ใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดิเรกคุณาภรณ์ได้ในบางเรื่อง
1225
ขออนุมัติขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับรายการค่าก่อสร้างสถานแรกรับเด็กและเยาวชนจังหวัดกาญจนบุรี
ยธ
27/01/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบ
ประมาณ สำหรับการก่อสร้างสถานแรกรับเด็กและเยาวชน จังหวัดกาญจนบุรี จากเดิมขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปี
งบประมาณ พ.ศ. 2543-2546 เป็นขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2543-2548 ในวงเงินค่าใช้จ่าย
83,859,100 บาท
1226
รายงานแสดงผลการดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม
ยธ
27/01/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอรายงานสรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ
เร่งรัดการขายทอดตลาดทรัพย์ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ในส่วนที่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์
สิน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2545 มีสำนวนคดีแพ่งค้างอยู่ในระหว่างการบังคับ
คดีคิดเป็นทุนทรัพย์ 218,012 ล้านบาทเศษ และมีทรัพย์สินที่เข้ามาสู่กระบวนการบังคับคดีแพ่งในทุนทรัพย์
103,798 ล้านบาทเศษ สำหรับคดีล้มละลาย ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2546 มีทรัพย์สินของลูกหนี้ที่รวบรวมไว้ในทุน
ทรัพย์ 48,754 ล้านบาทเศษ และมีทรัพย์สินเข้ามาสู่การรวบรวมอีก ทุนทรัพย์ 44,460 ล้านบาทเศษ ซึ่งกรม
บังคับคดีสามารถผลักดันทรัพย์สินที่ค้างอยู่ในการบังคับคดีทั้งหมดออกไปได้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2546 คิด
เป็นทุนทรัพย์ 115,645 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ จากการดำเนินงานตามโครงการเร่งรัดการบังคับคดีดังกล่าวทั้งใน
ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคสามารถผลักดันทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการบังคับคดี ออกสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
เป็นลำดับทุกปี โดยปี พ.ศ. 2545 สามารถผลักดันทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการบังคับออกไปได้ประมาณ 98,000
ล้านบาทเศษ และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 สามารถผลักดันทรัพย์สินที่ค้างอยู่ในการบังคับคดี ออกไปได้
จำนวน 115,645 ล้านบาทเศษ และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กรมบังคับคดีมีเป้าหมายในการผลักดันทรัพย์
สินที่อยู่ระหว่างการบังคับคดีออกไปสู่ระบบเศรษฐกิจให้ได้ไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท
1227
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2546)
ยธ
13/01/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
2546 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 3,766 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
3,136 ราย เพศหญิง จำนวน 630 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 1,790 ราย รองลงมามีอายุ
ระหว่าง 18 - 25 ปี จำนวน 1,543 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 2,526 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,240 ราย โดยผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 2,630 ราย รองลงมา
คือ กัญชา จำนวน 540 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยา
เสพติดให้โทษ จำนวน 3,257 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 468 ราย
สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้
เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 3,384 ราย โดยได้มีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว
จำนวน 1,757 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 1,427 ราย และส่งตัวคืนตำรวจ
และอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 200 ราย
1228
ขออนุมัติแต่งตั้งอธิบดีกรม (นักบริหาร 10) (พลตำรวจเอก สมบัติ อมรวิวัฒน์)
ยธ
13/01/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง พลตำรวจเอก สมบัติ อมรวิวัฒน์ ให้ดำรง
ตำแหน่งอธิบดีกรม (นักบริหาร 10) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรด
เกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (509/2547)
2
ยืนยันมติ (510/2547)
3
เรื่องเข้าใหม่ (สายครม.) (312/2547)
1229
การรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (ระยะเวลา กรกฎาคม - พฤศจิกายน 2546)
ยธ
06/01/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่งด่วน
ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเวลา กรกฎาคม-พฤศจิกายน 2546 จากผลการดำเนินโครงการ
สำรวจและประเมินสถานการณ์ยาเสพติดของคณะอนุกรรมการประเมินผล ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพ
ติดแห่งชาติ (ศตส.) และสำนักงาน ป.ป.ส. รวม 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 (1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2546) ครั้งที่ 2
(1 พฤษภาคม-31 กรกฎาคม 2546) และครั้งที่ 3 (1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2546) โดยการประเมินสถานการณ์
ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้ค้า/ผู้ผลิตยาเสพติด จำนวนผู้ค้ายาเสพติดในระดับหมู่บ้านชุมชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไป
เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะนี้แทบจะไม่มีผู้ค้ายาเสพติดเหลืออยู่ ส่วนราคายาบ้าโดยเฉลี่ย และการเปลี่ยนแปลง
ราคายาบ้า จากการปราบปรามยาเสพติดทำให้ยาบ้าหาซื้อได้ยาก จนกระทั่งปัจจุบันส่วนใหญ่เห็นว่าไม่มียาบ้า
เหลืออยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยก่อนการประกาศสงครามกับยาเสพติด ราคายาบ้าโดยเฉลี่ยเม็ดละ 120 บาท หลัง
จากประกาศสงครามกับยาเสพติดพบว่า ราคายาบ้าสูงขึ้นเฉลี่ยเม็ดละ 200 บาท สำหรับจากการประเมินสถาน
การณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้ติด/ผู้เสพยาเสพติด จากการประเมินสถานการณ์ยาเสพติดใน 3 ครั้งปรากฏว่า ไม่ค่อย
มีผู้เสพยาบ้า/สารระเหยหลงเหลืออยู่ และการลดลงของการเสพยาบ้า/สารระเหย ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบข้างเคียง
ทำให้มีการหันไปเสพเฮโรอีนและกัญชาทดแทนแต่อย่างไร และจากการประเมินสถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้มี
โอกาสเสี่ยงใช้ยาเสพติด ทั้ง 3 ครั้ง พบว่า แหล่งมั่วสุมหรือแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติดได้ลดน้อยลงจนกระทั่ง
แทบไม่มี ในขณะเดียวกันประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนได้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านยาเสพติดในหลากหลายรูปแบบ
รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อเอาชนะยาเสพติดในระดับพื้นที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังได้
มีการประเมินความพึงพอใจของประชาชนต่อผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งในภาพรวม
ประชาชนในหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ มีความพึงพอใจต่อผลสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพติดอยู่ในระดับที่ค่อน
ข้างสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยผลจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เกี่ยวกับความรุนแรงของสถานการณ์ปัญหายาเสพติดโดยรวม ประชาชนในทุกภาคระบุว่า สถานการณ์ปัญหายา
เสพติดในเดือนพฤศจิกายน ลดลงมาก เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนพฤษภาคม ผลการ
สำรวจปัญหายาเสพติดในชุมชน พบว่า ประชาชนเห็นว่าปัญหายาเสพติดในชุมชนลดลงมากในทุกภาค ปัญหาผู้
เสพติด จากการสำรวจประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่า มีผู้เสพ/ผู้ติดที่มีปัญหาอยู่ในระดับเบาบางที่สามารถควบคุมได้
ไม่เป็นอันตรายต่อสังคม ส่วนความยากง่ายในการหาซื้อยาเสพติดในชุมชน ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่า หาซื้อไม่ได้
1230
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ยธ
30/12/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณา
คดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้
ไขเพิ่มเติมตามประเด็นอภิปรายของ คกก.7 เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณและบุคลากรเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสถาน
พินิจและคุ้มครองเด็กที่จะจัดตั้งเพิ่มเติมอีก 33 จังหวัด นั้น ให้พิจารณากำหนดเป็นนโยบาย โดยกำหนดเป็นมติคณะ
รัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามที่จะได้ตกลงกับ
กระทรวงยุติธรรมต่อไป โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน
ราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป สำหรับอัตรากำลังของข้าราชการและลูกจ้างที่
ต้องปฏิบัติหน้าที่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ ซึ่งเห็น
ชอบแผนการของกระทรวงยุติธรรมที่จะเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการที่มีอยู่เดิม มาดำเนินการเปิดทำการสถานพินิจ
ในระยะเร่งด่วน แต่การขอจ้างลูกจ้างชั่วคราว รวม 396 อัตรา ให้ดำเนินการขอจ้างลูกจ้างสัญญาจ้างที่จะจัดทำ
ระบบแล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปยังสำนักงาน ก.พ. ส่วนการจ้าง รปภ. อีก 66 อัตรา ให้จ้างเหมา
เอกชนดำเนินการเว้นแต่ในจังหวัดที่ไม่มีเอกชนรับจ้าง ให้ขอจ้างลูกจ้างสัญญาจ้างไปยังสำนักงาน ก.พ. ได้ และ
หากสถานพินิจจำเป็นจะต้องมีอัตราข้าราชการเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ให้เสนอขอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย
และนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อพิจารณาจัดสรรอัตราข้าราชการเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการให้กระทรวงยุติธรรมทำความตกลงกับสำนัก
งบประมาณเพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี ต่อไป นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ปัจจุบันการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนมีทั้งที่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อยและเป็นความผิดร้ายแรง แต่การ
ดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมและการลงโทษในบางกรณียังเป็นไปในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและ
สภาพการณ์ จึงได้ลงมติให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการ เกี่ยวกับการ
พิจารณาคดีที่เด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด นอกจากจะถืออายุของผู้กระทำความผิดเป็นเกณฑ์แล้ว ควรคำนึงถึง
ร่างกาย สติปัญญา สุขภาพ ภาวะแห่งจิตและนิสัย รวมทั้งลักษณะของการกระทำผิดด้วย โดยให้ประสานงานกับ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำแนวทางที่ถือปฏิบัติของต่างประเทศมาประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งอาจจัดให้มี
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ด้วยก็ได้
1231
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 7 ธันวาคม 2546)
ยธ
09/12/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม
2546 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 3,273 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
2,734 ราย เพศหญิง จำนวน 539 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 1,612 ราย รองลงมามีอายุ
ระหว่าง 18-25 ปี จำนวน 1,303 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 2,222 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,051 ราย โดยผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 2,300 ราย รองลงมา
คือ กัญชา จำนวน 426 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยา
เสพติดให้โทษ จำนวน 2,860 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 377
ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำ
วินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 2,424 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบ
คุมตัวจำนวน 1,228 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 1,047 ราย และส่งตัวคืน
ตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 129 ราย
1232
ขอส่งเอกสาร "ชัยชนะยาเสพติด เพื่อแผ่นดิน"
ยธ
29/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ส.
ได้สรุปผลการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ในห้วง 1 กุมภาพันธ์ - 30 พฤศจิกายน 2546 ในการทำ
ลายวงจรยาเสพติด ทำลายการผลิต/การค้า และการแพร่ระบาด รวมทั้งดำเนินการเสริมสร้างหมู่บ้าน/ชุมชน
เข้มแข็งและพลังมวลชน/พลังแผ่นดินในระดับพื้นที่ โดยจัดพิมพ์เป็นเอกสารชื่อ "ชัยชนะยาเสพติด เพื่อแผ่นดิน"
1233
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 23 พฤศจิกายน 2546)
ยธ
25/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 23 พฤศจิกายน 2546 ซึ่ง
ผลการตรวจพิสูจน์ มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 9,494 ราย เป็นเพศชาย จำนวน 7,994
ราย เพศหญิง จำนวน 1,500 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 4,481 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง
18 - 25 ปี จำนวน 3,790 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการ
ตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 6,778 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จำนวน 2,716 ราย โดยผู้เข้ารับการตรวจ
พิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภทเมทแอมเฟตามีน จำนวน 7,129 ราย รองลงมาคือ กัญชา
จำนวน 1,281 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้
โทษ จำนวน 7,722 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,539 ราย สำหรับ
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ได้มีคำวินิจฉัย ผู้เข้ารับ
การตรวจพิสูจน์ จำนวน 7,659 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว จำนวน
3,398 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 3,548 ราย และส่งตัวคืนตำรวจและอัย
การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 713 ราย
1234
แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
ยธ
18/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดวาระสองปีในวันที่ 3 ธันวาคม 2546 โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่
ประกอบด้วย นายวิวัฒน์ ยถาภูธานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ นางดาราวรรณธรรมารักษ์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ นายนรนิติ เศรษฐบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครอง
สิทธิเสรีภาพของประชาชน นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ กรรม
การผู้ทรงคุณวุฒิ โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2546 เป็นต้นไป
1235
ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ....
ยธ
18/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำ
การแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถานพินิจและคุ้ม
ครองเด็กและเยาวชนขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา โดยให้เปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดสุรินทร์ และสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก
และเยาวชนจังหวัดสุรินทร์พร้อมกันในวันที่ 1 เมษายน 2547 แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รับประเด็นอภิปรายของ คกก.7 ไปดำเนินการ ดังนี้ อัตรากำลังที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอกำหนดในส่วนของ
ข้าราชการ จำนวน 25 อัตรา มีจำนวนมากเกินไปควรปรับลดลงให้เหลือเท่าที่มีความจำเป็น โดยไม่กระทบต่อการ
ปฏิบัติงานเพื่อให้ทำงานได้ไปก่อน ส่วนลูกจ้างประจำ จำนวน 28 อัตรา ปัจจุบันไม่มีการบรรจุลูกจ้างประจำแล้ว
หากมีความจำเป็นให้ใช้วิธีจ้างลูกจ้างชั่วคราวไปพลางก่อน เมื่อการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลูกจ้างตามสัญญา
จ้างเสร็จแล้ว ค่อยปรับเปลี่ยนเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างต่อไป และปัจจุบันศาลจังหวัดรัตนบุรีได้เปิดทำการแยก
ต่างหากจากศาลจังหวัดสุรินทร์ โดยมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเช่นเดียวกับศาลจังหวัดสุรินทร์ แต่มีเขตอำนาจ
เฉพาะในเขต 6 อำเภอ ซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีที่เด็กและเยาวชนกระทำความผิดในเขตอำนาจด้วย และพนักงาน
สอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ที่รับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดรัตนบุรี ไม่มีปัญหาในทาง
ปฏิบัติ เพราะสามารถดำเนินการสอบสวนได้ทันเวลา แต่หากเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาล
จังหวัดสุรินทร์ พนักงานสอบสวนในเขตศาลจังหวัดรัตนบุรีต้องสอบสวนเด็กและเยาวชนให้ทันภายใน 24 ชั่วโมง
ก่อนส่งสถานพินิจ ฯ โดยที่การสอบสวนเด็ก ฯ ต้องสอบแบบสหวิชาชีพ และต้องกระทำต่อหน้าพนักงานอัยการ
นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์และทนายความ อาจมีปัญหาอุปสรรคในการสอบสวนและส่งตัวผู้ต้องหา เพราะ
ต้องเดินทางมายังศาลจังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีระยะทางไกล นอกจากนี้ การเปิดทำการแผนกคดีเยาวชน ฯ ในศาล
จังหวัด การจัดตั้ง การเปลี่ยนแปลงและการยกฐานะของศาลยุติธรรม นั้น สำนักงานศาลยุติธรรมควรมีแผนการ
ดำเนินการไว้ในแต่ละปีงบประมาณว่า จะเปิดศาลยุติธรรมกี่แห่งที่ใดบ้าง แล้วจัดส่งแผน ฯ ดังกล่าวให้ฝ่ายบริหาร
ทราบเพื่อจะได้เตรียมความพร้อมของอัตรากำลังที่จะรองรับ รวมทั้งจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้หน่วยงานที่
เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรม มีความ
พร้อมทั้งอาคาร สถานที่ และอัตรากำลังในการดำเนินการ โดยจะได้เกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการและลูกจ้างจาก
หน่วยงานในสังกัดมาปฏิบัติงานก่อน หากไม่เพียงพอให้นำเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบาย
กำลังคนภาครัฐพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังส่วนที่ขาดให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการสอบสวน และนำตัวเด็กและเยาวชนมายังสถานพินิจและคุ้ม
ครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุรินทร์
1236
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 9 พฤศจิกายน 2546)
ยธ
11/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2546
ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 8,429 ราย เป็นเพศชาย จำนวน 7,101
ราย เพศหญิง 1,328 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี จำนวน 3,909 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง 18
-25 ปี จำนวน 3,382 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการ
ตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 6,057 ราย ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จำนวน 2,372 ราย โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน จำนวน 6,380 ราย รองลงมาคือ คดีประเภท
กัญชา จำนวน 1,156 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยา
เสพติดให้โทษ จำนวน 6,759 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,445
ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจ
ฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 6,452 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว
จำนวน 2,834 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 3,316 ราย และส่งตัวคืนตำรวจ
และอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 302 ราย
1237
ขอทบทวนการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน และเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินแต่งตั้งขึ้น
ยธ
28/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติเกี่ยว
กับการขอทบทวนกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน และเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการซึ่งคณะ
กรรมการตรวจสอบทรัพย์สินแต่งตั้งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยได้อนุมัติให้ปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนของ
คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินให้เท่ากับอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการ
ผังเมือง คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่มีอำนาจหน้าที่เฉพาะด้านเช่นเดียวกัน ดังนี้ ประธานกรรมการ
ได้รับค่าตอบแทน เดือนละ 5,000 บาท กรรมการ เดือนละ 4,000 บาท สำหรับอัตราเบี้ยประชุมของคณะอนุ
กรรมการ ฯ นั้น ให้คงอัตราเบี้ยประชุมไว้ตามเดิมไปพลางก่อน เนื่องจากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนิน
การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในการพิจารณาปรับปรุง
มติปัจจุบันมีระเบียบ (พระราชกฤษฎีกาค่าประชุม) อัตราเบี้ยประชุม เงินสมนาคุณ และประโยชน์ตอบแทนของ
คณะกรรมการ ให้สอดคล้องกันทั้งระบบของกระทรวงการคลัง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2546
ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยด่วน ภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือน และมอบให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ศึกษาแนวทางการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมของคณะกรรมการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี
ดังกล่าวควบคู่กันไปด้วย
1238
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 26 ตุลาคม 2546)
ยธ
28/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 26 ตุลาคม
2546 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 7,798 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
6,580 ราย เพศหญิง จำนวน 1,218 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 3,622 ราย รองลงมามีอายุ
ระหว่าง 18 - 25 ปี จำนวน 3,118 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 5,661 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 2,137 ราย โดยผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 5,984 ราย รองลงมา
คือคดีประเภทกัญชา จำนวน 1,045 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิด
ฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 6,210 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน
1,367 ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มี
คำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 6,037 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบ
คุมตัว จำนวน 2,603 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 3,153 ราย และส่งตัวคืน
ตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 281 ราย
1239
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 12 ตุลาคม 2546)
ยธ
14/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระ
ราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2546 ซึ่ง
ผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 7,331 ราย เป็นเพศชาย จำนวน 6,182 ราย
เพศหญิง จำนวน 1,149 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 3,408 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง 18
- 25 ปี จำนวน 2,930 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการตรวจ
พิสูจน์ มีจำนวน 5,370 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,961 ราย โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่
เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 5,625 ราย รองลงมาคือกัญชา จำนวน 977
ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 5,814
ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,300 ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน
5,560 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว จำนวน 2,359 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟู
สมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 2,961 ราย และส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตาม
ปกติ จำนวน 240 ราย
1240
อดีตจำเลยในคดีฆ่าเชอรี่แอนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ยธ
14/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเรื่อง อดีตจำเลยในคดีฆ่าเชอรี่แอนฟ้องเรียก
ค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้คดีที่นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม กับพวก
รวม 7 คน ซึ่งเป็นอดีตจำเลยในคดีที่นางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียกค่าเสียหาย
โดยศาลพิพากษาให้นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม โจทก์ที่ 1 และนายธวัช กิจประยูร โดยนางสาวรัชนี กิจประยูร
ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ที่ 2 ได้รับค่าเสียหายแก่ชื่อเสียง 1,000,000 บาท เนื่องจากภายหลังที่ศาลฎีกา
พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 กับพวกสื่อมวลชนได้เสนอข่าวเผยแพร่ข้อเท็จ
จริงที่มีผลเป็นการแก้ข่าวเดิมแล้ว ถือได้ว่ามีการบรรเทาผลร้ายเพื่อให้ชื่อเสียงของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 กลับคืนได้
ส่วนหนึ่งแล้ว ด้วยวิธีการอย่างเดียวกัน และกำหนดค่าเสียหายจากการที่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ต้องเสื่อมเสียเสรี
ภาพระหว่างถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ เป็นเงินคนละ 7,000,000 บาท ให้ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ แก่โจทก์ที่
1 เป็นเงิน 69,300 บาท แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 17,000 บาท ให้ค่าเสียหายแก่ร่างกายและค่าเสียหายที่เสีย
ความสามารถประกอบการงานทั้งในปัจจุบันและอนาคตแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 2,000,000 บาท รวมเป็นค่า
เสียหายที่โจทก์ที่ 1 ได้รับจำนวน 10,069,300 บาท โจทก์ที่ 2 ได้รับจำนวน 8,170,000 บาท ส่วนนางตุ่น
กนกชวาลชัย โจทก์ที่ 3 ได้ค่าปลงศพนายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย จำนวน 69,360 บาท ค่าขาดไร้อุปการะ
จำนวน 4,800,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,869,360 บาท สำหรับโจทก์ที่ 4 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นบุตรของนายรุ่ง
เฉลิม ฯ ได้ค่าขาดไร้อุปการะจำนวน 500,000 บาท 600,000 บาท และ 700,000 บาท ตามลำดับ และนาง
อินตุ้ม ค้าขาย โจทก์ที่ 7 ซึ่งเป็นมารดาของนายพิทักษ์ ค้าขาย ได้รับค่ารักษาพยาบาลนายพิทักษ์ ฯ ก่อน
เสียชีวิตจำนวน 100,000 บาท ค่าปลงศพนายพิทักษ์ ฯ จำนวน 70,000 บาท และค่าขาดไร้อุปการะจำนวน
960,000 บาท รวมเป็นเงินที่โจทก์ที่ 7 ได้รับ 1,130,000 บาท รวมค่าเสียหายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ต้องชำระให้โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเงิน 26,038,000 บาท
.....
|<<
Previous
<
Previous
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
>
Next
>>|
Next
ค้นหามติคณะรัฐมนตรี
×
ประกาศ
ด้วยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะปิดปรับปรุงระบบค้นมติคณะรัฐมนตรี (
https://resolution.soc.go.th/
)
ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. จึงทำให้ไม่สามารถค้นมติคณะรัฐมนตรีได้ในวัน เวลา ดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย