รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
A
A
A
รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
กรุณาป้อนคำค้นหา
วันที่มีมติ
Start date:
End date:
ถึง
เลขที่หนังสือ/ปี
ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
กรมการปกครอง ( ปค )
กรมประชาสัมพันธ์ ( กปส )
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ( สถ )
กรรมการ ( กรรมการ )
กระทรวง/ทบวง/กรม ( เวียน )
กระทรวงกลาโหม ( กห )
กระทรวงกลาโหม ( กห(เก่า) )
กระทรวงการคลัง ( กค )
กระทรวงการคลัง ( กค(เก่า) )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต(เก่า) )
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ( กก )
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม )
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ( อว )
กระทรวงคมนาคม ( คค )
กระทรวงคมนาคม ( คค(เก่า) )
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( ดศ )
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส )
กระทรวงพลังงาน ( พน )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ(เก่า) )
กระทรวงมหาดไทย ( มท )
กระทรวงมหาดไทย ( มท(เก่า) )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ(เก่า) )
กระทรวงวัฒนธรรม ( วธ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ( วท )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ( วว. )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน ( วทพ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( วท )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ(เก่า) )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ(เก่า) )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก(เก่า) )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ(เก่า) )
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ทก )
กระทรวงแรงงาน ( รง )
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ( รส )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กลุ่มงานดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ( กพน. )
กลุ่มงานเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ( กคอ )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค. )
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ( กสศ )
กองนิติธรรม ( กนธ )
กองบริหารงานสารสนเทศ ( กบส )
กองพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( กพต )
กองวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( กวค )
กองส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( กสค )
กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( กอค )
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน. )
การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท )
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท )
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ( กทพ )
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ )
การประปานครหลวง ( กปน )
การประปาส่วนภูมิภาค ( กปภ )
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ( ปตท )
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม )
การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท )
การไฟฟ้านครหลวง ( กฟน )
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ )
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ )
คณะกรรมการ ( คกก )
คณะกรรมการ กปนร. ( กปนร. )
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( ลต )
คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ( กนร )
คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ( คปร )
คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ( คชช )
คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ( กนศ )
คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก )
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ( ปสส )
คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ ( คปป. )
คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ( กงช )
คณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ( ปปร )
คณะกรรมาธิการ ( คกธ )
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ( ปข )
ทบวงมหาวิทยาลัย ( ทม )
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส )
ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท )
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ( บสท )
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( บอย )
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ( กบท )
บริษัท การปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ( ปตท )
บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ( บทม )
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ( นร61 )
บัณฑิต ( นิด้า )
ปธ.คกก.นโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น ( ปธคกก.ถั่ว )
ปธ.คกก.นโยบายป่าไม้แห่งชาติ ( ปธ.คกก.ป่า )
ปธ.คกก.นโยบายยางธรรมชาติ ( ปธ.คกก.ยาง )
ประธาน ( ปธ )
ประธานสมัชชาผู้ขับรถแท็กซี่แห่งประเทศไทย ( ส.ผท.ท. )
ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (คสช.) ( กก.คสช. )
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ( มข )
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ( มธ )
มหาวิทยาลัยนเรศวร ( มน )
มหาวิทยาลัยบูรพา ( มบ )
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ( มร )
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ )
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ( มก )
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ( มช )
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ( มทส )
รอง นรม ( รอง นรม )
ราชบัณฑิตยสถาน ( รถ )
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ( รจภ. )
ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ( ศปมผ. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอบต )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( นร52 )
ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( นร54 )
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ( สคช )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ. )
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า )
สถาบันพระปกเกล้า ( พป )
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ( สวพส. )
สนง.คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( กลต )
สภากาชาดไทย ( กช )
สภาสถาปนิก ( สภส )
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ( สขช )
สำนักงบประมาณ ( สงป )
สำนักงาน ป.ย.ป. ( นร15 )
สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดถัยและสร้างสรรค์ ( พปส. )
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ( กฟก )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( นร62 )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส. )
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ( สทบ. )
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง )
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ( กพท. )
สำนักงานคกก.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปช )
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ( สคก )
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ( สกศ )
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต )
สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ( สขค )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( ทช )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( ก.ค.ศ. )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( กพ )
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ )
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ( สจร )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ( สพช )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( นร63 )
สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ ( ปรร )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท. )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ปปส )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ( กพร )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช )
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กร )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( นร13 )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( สกท )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ( สกสค. )
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( สม )
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ( สช )
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย )
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( ตผ )
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตช )
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( นร14 )
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ( ทก. )
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ( สนค )
สำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน(องค์การมหาชน) ( สปท )
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) ( สบร )
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ( สปศ )
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( สป.กห )
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( สป.ดท )
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปง )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ( ผผ )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ( ผร )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ. )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ )
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ( สพค. )
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ( สมศ )
สำนักงานศาลปกครอง ( ศป )
สำนักงานศาลยุติธรรม ( ศย )
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ( ศร )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( นร53 )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ( สวส. )
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ( สอซช. )
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ( สศส03 )
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช )
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สสป )
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( นร.11 )
สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ( สกช. )
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช. )
สำนักงานอัยการสูงสุด ( อส )
สำนักงานเลขาธิการ ( สลธ )
สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช )
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ( สภ )
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ( สว )
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ( สผ )
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ( สศอ )
สำนักนายกรัฐมนตรี ( นร )
สำนักนิติธรรม ( สนธ )
สำนักบริหารกลาง ( สบก )
สำนักบริหารงานสารสนเทศ ( สบส )
สำนักพระราชวัง ( พว )
สำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( สพต )
สำนักราชเลขาธิการ ( รล )
สำนักวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( สวค )
สำนักส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( สปค )
สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( สอค )
สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( สลธ.คสช. )
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค )
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ( สลน )
สำนักโฆษก ( สน.ฆ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( สกพอ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ+ส )
หน่วยงานอื่น ๆ ( อื่นๆ )
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ( ส.ส.ท )
องค์การคลังสินค้า ( อคส )
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ( อตก )
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) ( อพท )
องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ. )
องค์การบริหารส่วนตำนล ( อบต. )
องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ( รสพ. )
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ( อสค )
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ( อสมท )
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ( ปรส )
เนคเทค ( เนคเทค )
เวียนรัฐมนตรี ( ว(ร) )
ค้นหา
ล้างคำค้น
คู่มือการใช้งาน
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ
ชื่อเรื่อง
ส่วนราชการ
เจ้าของเรื่อง
วันที่มีมติ
1221
ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ....
ยธ
18/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำ
การแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถานพินิจและคุ้ม
ครองเด็กและเยาวชนขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา โดยให้เปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดสุรินทร์ และสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก
และเยาวชนจังหวัดสุรินทร์พร้อมกันในวันที่ 1 เมษายน 2547 แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รับประเด็นอภิปรายของ คกก.7 ไปดำเนินการ ดังนี้ อัตรากำลังที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอกำหนดในส่วนของ
ข้าราชการ จำนวน 25 อัตรา มีจำนวนมากเกินไปควรปรับลดลงให้เหลือเท่าที่มีความจำเป็น โดยไม่กระทบต่อการ
ปฏิบัติงานเพื่อให้ทำงานได้ไปก่อน ส่วนลูกจ้างประจำ จำนวน 28 อัตรา ปัจจุบันไม่มีการบรรจุลูกจ้างประจำแล้ว
หากมีความจำเป็นให้ใช้วิธีจ้างลูกจ้างชั่วคราวไปพลางก่อน เมื่อการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลูกจ้างตามสัญญา
จ้างเสร็จแล้ว ค่อยปรับเปลี่ยนเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างต่อไป และปัจจุบันศาลจังหวัดรัตนบุรีได้เปิดทำการแยก
ต่างหากจากศาลจังหวัดสุรินทร์ โดยมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเช่นเดียวกับศาลจังหวัดสุรินทร์ แต่มีเขตอำนาจ
เฉพาะในเขต 6 อำเภอ ซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีที่เด็กและเยาวชนกระทำความผิดในเขตอำนาจด้วย และพนักงาน
สอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ที่รับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดรัตนบุรี ไม่มีปัญหาในทาง
ปฏิบัติ เพราะสามารถดำเนินการสอบสวนได้ทันเวลา แต่หากเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาล
จังหวัดสุรินทร์ พนักงานสอบสวนในเขตศาลจังหวัดรัตนบุรีต้องสอบสวนเด็กและเยาวชนให้ทันภายใน 24 ชั่วโมง
ก่อนส่งสถานพินิจ ฯ โดยที่การสอบสวนเด็ก ฯ ต้องสอบแบบสหวิชาชีพ และต้องกระทำต่อหน้าพนักงานอัยการ
นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์และทนายความ อาจมีปัญหาอุปสรรคในการสอบสวนและส่งตัวผู้ต้องหา เพราะ
ต้องเดินทางมายังศาลจังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีระยะทางไกล นอกจากนี้ การเปิดทำการแผนกคดีเยาวชน ฯ ในศาล
จังหวัด การจัดตั้ง การเปลี่ยนแปลงและการยกฐานะของศาลยุติธรรม นั้น สำนักงานศาลยุติธรรมควรมีแผนการ
ดำเนินการไว้ในแต่ละปีงบประมาณว่า จะเปิดศาลยุติธรรมกี่แห่งที่ใดบ้าง แล้วจัดส่งแผน ฯ ดังกล่าวให้ฝ่ายบริหาร
ทราบเพื่อจะได้เตรียมความพร้อมของอัตรากำลังที่จะรองรับ รวมทั้งจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้หน่วยงานที่
เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรม มีความ
พร้อมทั้งอาคาร สถานที่ และอัตรากำลังในการดำเนินการ โดยจะได้เกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการและลูกจ้างจาก
หน่วยงานในสังกัดมาปฏิบัติงานก่อน หากไม่เพียงพอให้นำเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบาย
กำลังคนภาครัฐพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังส่วนที่ขาดให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการสอบสวน และนำตัวเด็กและเยาวชนมายังสถานพินิจและคุ้ม
ครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุรินทร์
1222
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 9 พฤศจิกายน 2546)
ยธ
11/11/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2546
ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 8,429 ราย เป็นเพศชาย จำนวน 7,101
ราย เพศหญิง 1,328 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี จำนวน 3,909 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง 18
-25 ปี จำนวน 3,382 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการ
ตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 6,057 ราย ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จำนวน 2,372 ราย โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน จำนวน 6,380 ราย รองลงมาคือ คดีประเภท
กัญชา จำนวน 1,156 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยา
เสพติดให้โทษ จำนวน 6,759 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,445
ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจ
ฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 6,452 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว
จำนวน 2,834 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 3,316 ราย และส่งตัวคืนตำรวจ
และอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 302 ราย
1223
ขอทบทวนการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน และเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินแต่งตั้งขึ้น
ยธ
28/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติเกี่ยว
กับการขอทบทวนกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน และเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการซึ่งคณะ
กรรมการตรวจสอบทรัพย์สินแต่งตั้งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยได้อนุมัติให้ปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนของ
คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินให้เท่ากับอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการ
ผังเมือง คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่มีอำนาจหน้าที่เฉพาะด้านเช่นเดียวกัน ดังนี้ ประธานกรรมการ
ได้รับค่าตอบแทน เดือนละ 5,000 บาท กรรมการ เดือนละ 4,000 บาท สำหรับอัตราเบี้ยประชุมของคณะอนุ
กรรมการ ฯ นั้น ให้คงอัตราเบี้ยประชุมไว้ตามเดิมไปพลางก่อน เนื่องจากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนิน
การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในการพิจารณาปรับปรุง
มติปัจจุบันมีระเบียบ (พระราชกฤษฎีกาค่าประชุม) อัตราเบี้ยประชุม เงินสมนาคุณ และประโยชน์ตอบแทนของ
คณะกรรมการ ให้สอดคล้องกันทั้งระบบของกระทรวงการคลัง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2546
ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยด่วน ภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือน และมอบให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ศึกษาแนวทางการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมของคณะกรรมการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี
ดังกล่าวควบคู่กันไปด้วย
1224
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 26 ตุลาคม 2546)
ยธ
28/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 26 ตุลาคม
2546 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 7,798 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
6,580 ราย เพศหญิง จำนวน 1,218 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 3,622 ราย รองลงมามีอายุ
ระหว่าง 18 - 25 ปี จำนวน 3,118 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 5,661 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 2,137 ราย โดยผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 5,984 ราย รองลงมา
คือคดีประเภทกัญชา จำนวน 1,045 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิด
ฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 6,210 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน
1,367 ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มี
คำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 6,037 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบ
คุมตัว จำนวน 2,603 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 3,153 ราย และส่งตัวคืน
ตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 281 ราย
1225
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 12 ตุลาคม 2546)
ยธ
14/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระ
ราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2546 ซึ่ง
ผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 7,331 ราย เป็นเพศชาย จำนวน 6,182 ราย
เพศหญิง จำนวน 1,149 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 3,408 ราย รองลงมามีอายุระหว่าง 18
- 25 ปี จำนวน 2,930 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขังระหว่างการตรวจ
พิสูจน์ มีจำนวน 5,370 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,961 ราย โดยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่
เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 5,625 ราย รองลงมาคือกัญชา จำนวน 977
ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 5,814
ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,300 ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน
5,560 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว จำนวน 2,359 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟู
สมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 2,961 ราย และส่งตัวคืนตำรวจและอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตาม
ปกติ จำนวน 240 ราย
1226
อดีตจำเลยในคดีฆ่าเชอรี่แอนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ยธ
14/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเรื่อง อดีตจำเลยในคดีฆ่าเชอรี่แอนฟ้องเรียก
ค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้คดีที่นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม กับพวก
รวม 7 คน ซึ่งเป็นอดีตจำเลยในคดีที่นางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียกค่าเสียหาย
โดยศาลพิพากษาให้นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม โจทก์ที่ 1 และนายธวัช กิจประยูร โดยนางสาวรัชนี กิจประยูร
ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ที่ 2 ได้รับค่าเสียหายแก่ชื่อเสียง 1,000,000 บาท เนื่องจากภายหลังที่ศาลฎีกา
พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 กับพวกสื่อมวลชนได้เสนอข่าวเผยแพร่ข้อเท็จ
จริงที่มีผลเป็นการแก้ข่าวเดิมแล้ว ถือได้ว่ามีการบรรเทาผลร้ายเพื่อให้ชื่อเสียงของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 กลับคืนได้
ส่วนหนึ่งแล้ว ด้วยวิธีการอย่างเดียวกัน และกำหนดค่าเสียหายจากการที่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ต้องเสื่อมเสียเสรี
ภาพระหว่างถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ เป็นเงินคนละ 7,000,000 บาท ให้ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ แก่โจทก์ที่
1 เป็นเงิน 69,300 บาท แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 17,000 บาท ให้ค่าเสียหายแก่ร่างกายและค่าเสียหายที่เสีย
ความสามารถประกอบการงานทั้งในปัจจุบันและอนาคตแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 2,000,000 บาท รวมเป็นค่า
เสียหายที่โจทก์ที่ 1 ได้รับจำนวน 10,069,300 บาท โจทก์ที่ 2 ได้รับจำนวน 8,170,000 บาท ส่วนนางตุ่น
กนกชวาลชัย โจทก์ที่ 3 ได้ค่าปลงศพนายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย จำนวน 69,360 บาท ค่าขาดไร้อุปการะ
จำนวน 4,800,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,869,360 บาท สำหรับโจทก์ที่ 4 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นบุตรของนายรุ่ง
เฉลิม ฯ ได้ค่าขาดไร้อุปการะจำนวน 500,000 บาท 600,000 บาท และ 700,000 บาท ตามลำดับ และนาง
อินตุ้ม ค้าขาย โจทก์ที่ 7 ซึ่งเป็นมารดาของนายพิทักษ์ ค้าขาย ได้รับค่ารักษาพยาบาลนายพิทักษ์ ฯ ก่อน
เสียชีวิตจำนวน 100,000 บาท ค่าปลงศพนายพิทักษ์ ฯ จำนวน 70,000 บาท และค่าขาดไร้อุปการะจำนวน
960,000 บาท รวมเป็นเงินที่โจทก์ที่ 7 ได้รับ 1,130,000 บาท รวมค่าเสียหายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ต้องชำระให้โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเงิน 26,038,000 บาท
1227
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (วันที่ 3 มีนาคม - 28 กันยายน 2546)
ยธ
07/10/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 28 กันยายน
2546 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 6,797 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
5,761 ราย เพศหญิง จำนวน 1,036 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 3,190 ราย รองลงมามี
อายุระหว่าง 18-25 ปี จำนวน 2,683 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 4,997 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,800 ราย โดยผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 5,200 ราย รองลงมา
คือ กัญชา จำนวน 913 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยา
เสพติดให้โทษ จำนวน 5,384 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,210
ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจ
ฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 5,081 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว
จำนวน 2,150 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 2,721 ราย และส่งตัวคืนตำรวจ
และอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน 210 ราย
1228
ขออนุมัติโครงการเพื่อจ้างลูกจ้างชั่วคราว
ยธ
30/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. ให้สำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) จ้างลูกจ้างชั่วคราว เพื่อช่วยปฏิบัติงานตาม
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด โครงการสำรวจและควบคุมพืชเสพติด และโครงการ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่กลุ่มชาวเขา จำนวน 67 อัตรา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้ 1 ปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2547 และโดยที่งานดังกล่าวเป็นงานประจำที่ต้อง
ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดไป หากมีความจำเป็นจะต้องใช้อัตรากำลังหรือบุคลากร ให้ขอทำความตกลง
กับคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเพื่อกำหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าจ้างประจำ
เพิ่มใหม่ให้เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ และสำนัก
งาน ก.พ. เกี่ยวกับการขอจ้างลูกจ้างชั่วคราว ฯ เป็นเวลา 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2549) เห็นควรให้
สำนักงาน ป.ป.ส. นำไปพิจารณาเมื่อระเบียบว่าด้วยลูกจ้างสัญญาจ้างของส่วนราชการ พ.ศ. .... ได้ประกาศใช้
แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
1229
ขอขยายระยะเวลาโครงการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติอัตรากำลังของกรมราชทัณฑ์และเรื่องการขออนุมัติจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547
ยธ
30/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ฝ่ายกฎหมาย
ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์เสนอขอขยายระยะเวลาโครงการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อแก้ไข
ปัญหาวิกฤติอัตรากำลังของกรมราชทัณฑ์ จำนวน 787 อัตรา ต่อไปได้อีก 1 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547)
สำหรับในปีงบประมาณต่อไป หากมีการนำระบบลูกจ้างสัญญาจ้างมาใช้แล้วก็ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณานำการ
จ้างลูกจ้างตามระบบดังกล่าวมาใช้แทน แต่หากระบบลูกจ้างสัญญาจ้างยังไม่แล้วเสร็จหรือแล้วเสร็จแต่กระทรวง
ยุติธรรมเห็นว่าการจ้างลูกจ้างชั่วคราวมีความเหมาะสมกับลักษณะงานมากกว่า ก็ให้นำเสนอเรื่องเพื่อขอขยาย
ระยะเวลาการจ้างลูกจ้างชั่วคราวต่อไป กับให้กระทรวงยุติธรรมจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน
ของกระทรวงยุติธรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยใช้งบประมาณเพื่อการดังกล่าวที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ.
2547 แล้ว หากไม่พอเพียงให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงยุติธรรม และดอกเบี้ยจากเงินกลาง
ของกระทรวงยุติธรรมตามลำดับทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม และสำนักงาน ก.พ. ร่วมกันตรวจสอบจำนวนอัตรา
ลูกจ้างชั่วคราวที่กระทรวงยุติธรรมมีความจำเป็นต้องจ้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี
ต่อไปได้และให้กระทรวงยุติธรรมจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2547 ได้ จำนวน
4,765 อัตรา
1230
การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้เพื่อเอาชนะ ยาเสพติด
ยธ
30/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษแก่ข้าราชการและเจ้าหน้า
ที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ผู้อำนวยการศูนย์
อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้ศูนย์อำนวยการ ฯ พิจารณาบำเหน็จ
ความชอบประจำปีกรณีพิเศษสองขั้นแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้มีผลงานดีเด่นในการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดได้
ไม่เกินร้อยละ 1 ของจำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดเฉพาะปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546 สำหรับวงเงินงบประมาณเพื่อการดังกล่าว จำนวน 76,000,000 บาท และรายละเอียดการ
เบิกจ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547 ของส่วนราชการต้นสังกัดก่อน หากไม่สามารถเจียดจ่ายได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนขั้น
เลื่อนอันดับเงินเดือน และเงินปรับวุฒิข้าราชการ
1231
รายงานผลการประชุมระหว่างประเทศ เรื่อง ความอิสระของตุลาการ
ยธ
30/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการประชุมระหว่างประเทศ เรื่อง ความ
อิสระของตุลาการ (International System on Judicial Independence) ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่าง
วันที่ 5-8 สิงหาคม 2546 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและวงการกฎหมาย
จาก 9 ประเทศ คือ กัมพูชา ไทย เนปาล บังคลาเทศ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย รวมทั้ง
ประธานศาลสูงสุดจากหลายประเทศ อาทิ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และเนปาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
อาทิ ไทยและบังคลาเทศ ผู้พิพากษาศาลสูง อาจารย์ และทนายความ สำหรับรูปแบบการประชุมแบ่งเป็น 5
ช่วง เพื่อพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ ช่วงที่ 1 ความสัมพันธ์ของความเป็นอิสระของตุลาการกับการพัฒนาเศรษฐ
กิจและการบริหารกิจการบ้านเมือง มีการนำเสนอว่าความเป็นอิสระของตุลาการ ซึ่งหมายถึง การที่ผู้พิพากษา
สามารถพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมายโดยอิสระมีแรงกดดันทั้งจากภายนอกและภายในวงการตุลาการน้อย
ที่สุด สาธารณชนเชื่อมั่นและยอมรับในการดำเนินงานของศาล จำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการ
บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เนื่องจากนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศเกิดความมั่นใจที่จะลงทุน ช่วง
ที่ 2 การคัดเลือก การแต่งตั้งและการเลื่อนชั้นตุลาการ มีการนำเสนอรูปแบบการเข้าสู่ตำแหน่งและการเลื่อน
ตำแหน่งของตุลาการว่า มีความสัมพันธ์กับความเป็นอิสระของตุลาการอย่างไร ช่วงที่ 3 ระยะเวลาการดำรง
ตำแหน่งและระบบการถอดถอนตุลาการมีการนำเสนอว่าระยะเวลาการดำรงตำแหน่งที่สั้นไปจะทำให้ผู้พิพากษา
ต้องกังวลว่าจะได้รับการแต่งตั้งอีกหรือไม่ ช่วงที่ 4 ความเห็นของสาธารณชนและองค์กรตุลาการ มีการนำเสนอ
ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อสถาบันตุลาการของประเทศฟิลิปปินส์ และช่วงที่ 5 ค่าตอบแทนและงบ
ประมาณในการบริหารงานศาลมีการนำเสนอปัญหาค่าตอบแทนผู้พิพากษา และงบประมาณในการบริหารงาน
ศาล
1232
ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ
ยธ
30/09/2546
อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราช
บัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมอบให้ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติล้ม
ละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปแก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นของ คกก.7 ที่เห็นว่าการปรับปรุงแก้ไขค่าธรรมเนียม
เช่น ค่าขึ้นศาล ค่ายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเสียใหม่ นั้น อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติว่า คดีล้มละลาย
ที่ได้ดำเนินการ หรือที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนวันที่กฎหมายใช้บังคับจะคิดคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎหมายใด
จึงสมควรกำหนดบทเฉพาะกาลในเรื่องดังกล่าวตามแนวทางที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี
ต่อไป ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบสมควรส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อน
นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
1233
ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และปริมาณของยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ยธ
23/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ
ชนิด ประเภท และปริมาณของยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้ผู้เสพหรือใช้สารระเหยตามประเภท ชนิด
และลักษณะ ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้ ซึ่งสามารถนำไปเสพหรือใช้ทดแทนยาเสพติดได้ เป็นผู้ที่ต้องถูกนำเข้าสู่
กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเช่นเดียวกับผู้เสพ หรือผู้ติดยาเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้
โทษ) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
1234
รายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 (วันที่ 3 มีนาคม - 14 กันยายน 2546)
ยธ
23/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการ ตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2546 ถึงวันที่ 14 กันยายน
2546 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ใน 76 จังหวัด จำนวน 6,296 ราย เป็นเพศชาย จำนวน
5,386 ราย เพศหญิง จำนวน 910 ราย ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 25 ปี มีจำนวน 2,994 ราย รองลงมามีอายุ
ระหว่าง 18 - 25 ปี จำนวน 2,456 ราย สถานภาพการควบคุมตัว ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่ต้องขัง
ระหว่างการตรวจพิสูจน์ มีจำนวน 4,633 ราย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 1,663 ราย โดยผู้เข้ารับการ
ตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน มีจำนวน 4,787 ราย รองลงมา
คือ กัญชา จำนวน 872 ราย ส่วนฐานความผิด ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่กระทำความผิดฐานเสพยา
เสพติดให้โทษ จำนวน 4,950 ราย รองลงมาคือ ความผิดฐานเสพและครอบครองยาเสพติด จำนวน 1,149
ราย สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำวินิจ
ฉัยผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 4,755 ราย โดยมีคำวินิจฉัยให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบควบคุมตัว
จำนวน 1,981 ราย ให้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบไม่ควบคุมตัว จำนวน 2,580 ราย และส่งตัวคืนตำรวจ
และอัยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จำนวน194 ราย
1235
การตรวจสอบสำนวนคดีฟ้องขับไล่จากที่ดิน ส.ป.ก. ที่จังหวัดภูเก็ต
ยธ
23/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเรื่อง การตรวจสอบสำนวนคดีฟ้องขับไล่จาก
ที่ดิน ส.ป.ก. ที่จังหวัดภูเก็ต สรุปได้ว่า เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2540 สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตร
กรรมได้มีหนังสือส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ดำเนินคดีแพ่งฟ้องขับไล่ผู้ได้รับการคัดเลือก
ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. รวม 12 ราย ซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมวินิจฉัยว่าขาดคุณ
สมบัติการเป็นเกษตรกร สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตได้ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่งเขต 8
พิจารณาดำเนินการ โดยได้ร่างฟ้องและส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าของเรื่องและยื่นฟ้องต่อ
ศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท จำเลยเป็นเจ้าของผู้
มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายเข้าครอบครองทำประโยชน์มาก่อน พ.ศ. 2497 และทำต่อเนื่องกันมา
จากผู้ครอบครองที่ดินเดิมจนถึงปัจจุบัน ศาลกำหนดข้อพิพาทในประเด็นสำคัญว่า ที่ดินพิพาทโจทก์มีอำนาจ
นำไปปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือไม่ และจำเลยไม่ใช่เกษตรกร ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 หรือไม่ ซึ่งต่อมาปี พ.ศ. 2544 และปี พ.ศ. 2545 ศาลพิพากษายกฟ้อง 6 คดี คือ คดี
หมายเลขดำที่ 183/2541 หมายเลขแดงที่ 263/2544 นายณรงค์ นพดารา จำเลย คดีหมายเลขดำที่ 192/
2541 หมายเลขแดงที่ 902/2544 นายเจริญ ถาวรว่องวงศ์ จำเลย คดีหมายเลขดำที่ 1135/2541 หมายเลข
แดงที่ 283/2545 นายบันลือ ตันติวิท จำเลย คดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 หมายเลขแดงที่ 1485/2545
นายทศพร เทพบุตร จำเลย คดีหมายเลขดำที่ 753/2543 หมายเลขแดงที่ 263/2546 นายธเนศ เอกวานิช
จำเลย และคดีหมายเลขดำที่ 1005/2543 หมายเลขแดงที่ 1734/2544 นายบุนเก้ง ศรีแสนสุชาติ จำเลย
สำหรับคดีหมายเลขดำที่ 1764/2541 หมายเลขแดงที่ 836/2545 นายวาณิช เอกวาณิช จำเลย ศาลพิพาก
ษาให้โจทก์ชนะคดีบางส่วน และแพ้บางส่วน ส่วนคดีหมายเลขดำที่ 752/2543 หมายเลขแดงที่ 399/2545
นางวิภาพรรณ ชูทรัพย์ จำเลย ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ส่วนสำนวนคดีนายสุทิน เทพบุตร จำเลย จำเลย
ยอมออกจากที่พิพาทคืนที่ดินให้โจทก์ พนักงานอัยการจึงถอนฟ้อง สำหรับสำนวนคดีนายหัตถ์ กตัญชลีกุล
จำเลย สำนวนคดีนายสมนึก ไกรทัศน์ จำเลย และสำนวนคดีนายโสภณ เอกวานิช จำเลย ทั้งสามสำนวนอยู่
ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดภูเก็ต
1236
ร่างประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง การกำหนดส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. ....
ยธ
23/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติอนุมัติ
ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 โดยให้เรือนจำกลางวังทอง
ทัณฑสถานหญิงระยอง เรือนจำกลางเขาบิน และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นส่วนราชการเพิ่มใหม่ และ
อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง การกำหนดส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรม
ราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขอจัดตั้งส่วนราชการใหม่ คือ ทัณฑ
สถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทัณฑสถานหญิงระยอง เรือนจำกลางเขาบินและเรือนจำกลางวังทอง ตามที่กระทรวง
ยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ กับเห็นควรไม่
อนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2541 (มาตรการปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ) โดยให้ยุบเลิก
ตำแหน่งที่เกษียณอายุในกรมราชทัณฑ์เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จำนวน 185 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ให้คณะ
กรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) รับไปพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังให้กรมราชทัณฑ์
กระทรวงยุติธรรม เพื่อทดแทนจำนวนที่ถูกยุบเลิก จำนวน 185 ตำแหน่ง สำหรับส่วนที่ยังขาดให้พิจารณาจัดสรร
เพิ่มเติมให้ต่อไป
1237
ปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545
ยธ
23/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเรื่อง ปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินการตาม
พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่
ปริมาณผู้เข้าสู่กระบวนการตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 มีปริมาณไม่มากนัก
และไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ เนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และไม่มีความ
ชัดเจนถึงแนวทางตามกฎหมาย และปัญหาในทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีไม่สามารถดำเนิน
การส่งตัวผู้ต้องหาตามคำสั่งศาลให้ตรวจพิสูจน์ไปยังสถานที่ควบคุมระหว่างตรวจพิสูจน์ โดยในส่วนของปัญหา
เกี่ยวกับปริมาณผู้เข้าสู่กระบวนการตามพระราชบัญญัติ ฯ มีปริมาณไม่มากนัก นั้น กรมคุมประพฤติมีความเห็น
ว่า ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติควรมีการติดตามสถานการณ์จำนวนผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด
ที่ยังไม่ออกมาแสดงตนว่า มีจำนวน หรือปริมาณเท่าใดที่แน่นอน รวมถึงเหตุผลของการไม่ออกมาแสดงตนนั้น
เป็นเพราะสามารถเลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้แล้ว หรือยังไม่แน่ใจในมาตรการที่ภาครัฐกำหนดไว้ และต้องมี
นโยบายที่ชัดเจนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการกับผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ไม่ออกมาแสดงตนในห้วงเวลา
ดังกล่าว ตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งที่ 50/2546 เรื่อง มาตรการผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูและ
พัฒนา ของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ นอกจากนี้ ควรกำหนดค่าตอบแทนในการทำคดี
ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ให้แก่พนักงานสอบสวน เพื่อเป็นสิ่งจูงใจในการ
ปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน ส่วนปัญหากรณีไม่สามารถดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาตามคำสั่งศาลให้ตรวจ
พิสูจน์ไปยังสถานที่ควบคุมระหว่างตรวจพิสูจน์ ในกรณีนี้ หากกำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบใน
การส่งตัวผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ไปยังสถานที่ควบคุม อาจต้องพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนของค่าตอบ
แทนของเจ้าพนักงานตำรวจผู้นำส่ง เพื่อเป็นแรงจูงใจในการดำเนินการ แต่ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติเนื่องจาก
สำนักงบประมาณไม่ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณดังกล่าวให้แต่อย่างใด
1238
โครงการจัดใหัมีรถยนต์ประจำตำแหน่งของข้าราชการอัยการ (เพิ่มเติม)
ยธ
16/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่
มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอโครงการจัดให้มีรถยนต์ประจำตำแหน่งของข้าราชการอัยการ (เพิ่มเติม)
โดยให้รองอธิบดีอัยการฝ่าย รองอธิบดีอัยการเขต และอัยการจังหวัด มีรถยนต์ประจำตำแหน่ง และให้สำนักงาน
อัยการสูงสุดเจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการ
จัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งดังกล่าว หากมีประกาศใช้หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติสำหรับข้าราชการผู้มีสิทธิ
ใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งตามประเด็นอภิปรายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการเช่ารถ
ยนต์มาใช้ในราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 ที่มอบให้กระทรวงการคลังไปศึกษา
ร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะ
ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง และคาดว่า จะสามารถกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ
เรื่องดังกล่าวได้แล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2547 ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีโครงการจัดหารถยนต์
ประจำตำแหน่งใน 3 ระยะ (ปี พ.ศ. 2547-2549) โดยการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งในระยะที่ 2 และ 3 ควร
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามแนวทางที่ได้กำหนดขึ้นใหม่ด้วย และให้ถือปฏิบัติไปตามนั้นได้
ด้วย นอกจากนี้ คกก.7 มีมติเห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราช
การ ฯ ที่เห็นควรกำหนดเป็นหลักการว่า ในอนาคตหากภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีผลทำให้ราคามาตร
ฐานรถยนต์สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน และได้มีการอนุมัติให้ข้าราชการฝ่ายตุลาการเปลี่ยนแปลงราคามาตรฐานรถยนต์
ได้ ก็ควรอนุมัติให้ข้าราชการอัยการด้วย นั้น โดยที่ตำแหน่งข้าราชการอัยการและตำแหน่งข้าราชการตุลาการ
เป็นตำแหน่งที่เทียบเคียงกันมาตลอด จึงเห็นควรกำหนดให้มีสิทธิในลักษณะเดียวกัน และให้ส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (14034/2546)
2
ยืนยันมติ (14035/2546)
3
ยืนยันมติ (14037/2546)
4
ยืนยันมติ (14038/2546)
5
ยืนยันมติ (14039/2546)
6
ตอบความเห็น (450/2546)
7
ตอบความเห็น (19261/2546)
8
เรื่องเข้าใหม่ (สายครม.) (9538/2546)
1239
แนวยุทธศาสตร์และขั้นตอนการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (Roadmap)
ยธ
16/09/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวย
การต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอแนวยุทธศาสตร์และขั้นตอนการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (Roadmap)
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ซึ่งเห็นควรเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดที่มีการบูรณาการทั้งแผนงานและแผนเงิน
ของทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด กับให้มีหน่วยบูรณาการนโยบายและข้อสั่งการไปยังระดับพื้นที่เพื่อให้เกิดความ
เป็นเอกภาพ ไปประกอบการดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการตามกระบวนการมีส่วนร่วมของประชา
ชน โดยเฉพาะการสร้างชุมชนเข้มแข็ง รวมทั้งการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
แห่งชาติ (ศตส.) เป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ป.ป.ส. โดยมี สศช. ร่วมประสาน
การดำเนินงาน นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้แก่เด็กและ
เยาวชนได้ตระหนักและเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด สมควรจัดกิจกรรม เช่น การแข่งขันให้เด็กและ
เยาวชนออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ในลักษณะเดียวกับเกม "แร็กน่าร็อค" (Raknarok) ที่เด็กและเยาวชนนิยมเล่นกัน
อยู่ในปัจจุบัน แต่ปรับให้เกี่ยวกับการแก้ไขปราบปรามยาเสพติดว่าจะมีแนวทางอย่างไร จะสามารถไล่ล่า และกำจัด
ผู้มีอิทธิพลและผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้หมดไปได้อย่างไร โดยอาจจัดการแข่งขันในระดับภาคขึ้นก่อน (Soft
ware Games Contest) และรางวัลสำหรับผู้ชนะในการแข่งขันดังกล่าวควรกำหนดให้มีมูลค่าสูง เพื่อสร้างแรงจูงใจ
ให้เกิดการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด โดยขอการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเงินรางวัลจากเงินกองทุนการจำหน่ายสลากพิเศษ
แบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจ
ยุทธ) ในฐานะผู้อำนวยการ ศตส. รับเรื่องนี้ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการต่อไปด้วย
1240
ร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ยธ
09/09/2546
อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้อง และความเห็นของ คกก.7 ไปพิจารณาด้วย สำหรับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนฯ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ให้รวมเป็นร่างเดียวกับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนฯ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนัก
งานศาลยุติธรรมเสนอ ซึ่งค้างอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้เชิญองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กและ
เยาวชน เช่น สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ
มนุษย์ หรือองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ต่าง ๆ ร่วมพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน
ราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยในส่วนของความเห็นของ คกก.7 มีดังนี้ การให้
ค่าตอบแทนแพทย์ จิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ ควรกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าวอยู่ในมาตรฐานเดียวกันกับส่วน
ราชการอื่น ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 33 และการกำหนดให้
พนักงานคุมประพฤติ และพนักงานสังคมสงเคราะห์ มีอำนาจแบบพนักงานสอบสวนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎ
หมายวิธีพิจารณาความอาญา จะเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งยังมีบทบัญญัติอื่นอีกหลายประการที่ส่วนราชการต่าง ๆ
มีความเห็นไม่สอดคล้องกับกระทรวงยุติธรรม นอกจากนี้ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว สำนักงานอัย
การสูงสุดเสนอความเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชน ฯ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ควรได้รับการพิจารณาปรับปรุงในหลายประการ เช่น การตรวจสอบการใช้อำนาจให้เป็นไปอย่างเหมาะสม การคุ้ม
ครองสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินคดีเด็กและเยาวชน ปัญหาข้อขัดข้องในการฟ้องคดีต่างหาก และกระบวนการ
พิจารณาคดีในศาล เป็นต้น
.....
|<<
Previous
<
Previous
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
>
Next
>>|
Next
ค้นหามติคณะรัฐมนตรี
×
ประกาศ
ด้วยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะปิดปรับปรุงระบบค้นมติคณะรัฐมนตรี (
https://resolution.soc.go.th/
)
ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. จึงทำให้ไม่สามารถค้นมติคณะรัฐมนตรีได้ในวัน เวลา ดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย