คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 45 วรรคสาม แห่งพระราชกำหนดบรรษัท 
บริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. 2544 เรื่อง การประเมินราคาทรัพย์สินหลักประกัน โดยกำหนดให้ประเมินมูลค่าทรัพย์  
สินที่เป็นหลักประกัน กรณีสถาบันการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย และ  
กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   และ 
ให้ส่งร่างพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  (แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยบรรษัท 
สินทรัพย์ไทย)  ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง  โดยให้แก้ไขรูปแบบ 
กฎหมายเป็นร่างพระราชบัญญัติ  แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วน   และมอบให้รัฐมนตรีว่าการ  
กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ในการประสาน 
งานกับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายโดยด่วน 
ต่อไป

อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. .... (ให้มีกฎหมายว่า 
ด้วยการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อรองรับการจัดตั้งหน่วยงานกลางขึ้นทำหน้าที่รับผิดชอบการบริหารหนี้สาธารณะ 
ให้เป็นไปอย่างมีระบบ มีประสิทธิภาพ ตลอดจนควบคุมดูแลการก่อหนี้โดยรวมเพื่อให้ภาระหนี้ของรัฐอยู่ในระดับที่  
สอดคล้องกับฐานะการเงินการคลังของประเทศ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ    
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา    โดยให้เชิญผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิจารณา 
ทั้งนี้  ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับการกู้เพื่อการบริหารหนี้สาธารณะและการให้กู้ต่อโดยไม่ต้องนับ
รวมในเพดานเงินกู้ไม่เกินร้อยละ  10   ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีอาจกระทบกับการรักษาวินัยทางการเงิน   
การคลังได้  เนื่องจากการกู้เงินทั้งสองกรณีไม่มีกรอบการควบคุมที่ชัดเจน      ส่วนการให้อำนาจกระทรวงการคลัง  
กู้เงินในส่วนที่กู้จากต่างประเทศแล้วนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์ได้  ควรมีระบบการควบคุมดูแลที่เป็นเอกภาพเพื่อให้   
เห็นภาพการใช้เงินว่าเป็นอย่างไร     รวมทั้งหลักการใช้จ่ายเงินเพื่อการบริหารประเทศ ควรมีหน่วยงานเดียวดูแล   
นอกจากนี้  บทบาทของคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะ  และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ  ควรมีหน้าที่ใน
การส่งเสริมแนะนำ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจมีอิสระพอสมควรในการบริหารหนี้ของตนเอง) 
ไปพิจารณาด้วย และอนุมัติให้จัดตั้งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม     
2543  เรื่อง  มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ ซึ่งให้ขยายเวลาการใช้บังคับมาตรการดังกล่าวถึงสิ้นปี
งบประมาณ 2546 เป็นกรณีพิเศษ

              คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) นำเรื่องการพิจารณาการโอน   
กรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปจ. 435 ปจ. 436  ตำบลบางปลาร้า  และ ปจ. 636  ตำบล  
บางพลวง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่รวม 2,222-2-13 ไร่  ให้แก่สหกรณ์นิคมบ้านสร้างพัฒนา   
จำกัด   ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง   เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี   คณะที่  5
พิจารณาอีกครั้ง  ทั้งนี้  การพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน  โดยให้สหกรณ์นิคมบ้านสร้าง ฯ จัดซื้อที่  
ดินเพื่อนำไปจัดสรรให้เกษตรกรนั้น ควรมองในภาพรวมมิใช่เฉพาะพื้นที่ รวมทั้งกำหนดกรอบและหลักเกณฑ์ให้ 
ชัดเจนเพื่อใช้ปฏิบัติเป็นแนวเดียวกันทุกพื้นที่ และให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์  คุณกิตติ)    
(ควรให้สหกรณ์นิคมบ้านสร้าง  ฯ    เช่าที่ดินจากกระทรวงการคลัง  แทนการโอนกรรมสิทธิ์โดยการซื้อขายจะ
เหมาะสมกว่าหรือไม่) ไปพิจารณาด้วย  ทั้งนี้  ให้เชิญผู้แทนกระทรวงการคลัง  (กรมธนารักษ์)  และสำนักงาน  
คณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมพิจารณา แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี  งบดุล  บัญชีกำไรและ  
ขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ประจำปี 2543 โดยฐานะการเงินของธนาคาร  
มีเงินกองทุน 7,476.50 ล้านบาท มีสินทรัพย์ 58,128.76 ล้านบาท และมีหนี้สิน 50,652.26 ล้านบาท ทั้งนี้
ผลการดำเนินงานประจำปี 2543 ธนาคารมีกำไรก่อนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ 1,467.13 ล้านบาท รวมทั้ง  
มีหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ  1,242.66  ล้านบาท  ทำให้ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ  224.47  ล้านบาท  และให้ 
เสนอรัฐสภาทราบโดยด่วนต่อไป  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินของการเคหะแห่งชาติเพื่อไถ่ถอน   
พันธบัตรการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2536 ครั้งที่ 1 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 19 สิงหาคม 2544 จำนวน 1,500 
ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข  และรายละเอียดต่าง ๆ  ของการกู้เงิน 
ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  
ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่  3  (ตุลาคม 2543 - มิถุนายน 2544)  มีจำนวนทั้งสิ้น 579,233 
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.65 ของวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณในไตรมาสที่ 3 คือ 600,600 ล้านบาท จำนวน 21,367 ล้านบาท หรือร้อยละ  2.35   โดยสาเหตุ
สำคัญที่ทำให้ผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย  ได้แก่  ความล่าช้าในการดำเนินงานโครงการลงทุนของส่วน
ราชการและรัฐวิสาหกิจ มาตรการของรัฐบาลบางมาตรการต้องใช้เวลาดำเนินการนานและความล่าช้าในการ
ดำเนินงานตามโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  สำหรับการเร่งรัด
การดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ฯ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท   
คาดว่าจะสามารถเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการรวมทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถยนต์ และเงิน  
ทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายสำหรับล้อเลื่อน ของกรมการขนส่งทางบก  จำนวน   
2 ทุน เป็น 1 ทุน  และรวมเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช  เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์พืช     
ตามโครงการผลิตและขยายพันธุ์พืช  ภายใต้เงินกู้จากญี่ปุ่น  รวมทั้งเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตาม  
โครงการผลิตและขยายพันธุ์พืช  ภายใต้เงินกู้จากสหรัฐอเมริกา  ระยะที่ 2  ของกรมส่งเสริมการเกษตร  จำนวน 
3 ทุน เป็น 1 ทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

                 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมความพร้อมในการกำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ใน 
พื้นที่พิเศษระดับจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ปลัดจังหวัด  เป็นรองประธาน
กรรมการ คลังจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ  และมีกรรมการอื่นอีก  8  คน  เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่น  
กรองสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายเกี่ยวกับเงินสวัสดิการสำหรับผู้ปฏิบัติ   
งานในพื้นที่พิเศษและระเบียบที่เกี่ยวข้องไปพลางก่อน   และเมื่อพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับผู้ปฏิบัติ  
งานในพื้นที่พิเศษประกาศใช้บังคับแล้ว ก็ให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นคณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนัก  
งานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษระดับจังหวัดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนทรัพย์สินถาวรของภารธุระอุตสาหกรรม  
ขนาดย่อม พ.ศ. ....  (ปรับปรุงกฎกระทรวง  ฉบับที่  3  (พ.ศ. 2542)  ออกตามความในพระราชบัญญัติบรรษัทเงิน
ทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. 2534 เพื่อขยายจำนวนทรัพย์สินถาวรของภารธุระอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่จะได้
รับความช่วยเหลือจากบรรษัท ฯ  ให้สูงขึ้นจากเดิมไม่เกิน 100 ล้านบาท  เป็นไม่เกิน  200  ล้านบาท)  รวมทั้งร่าง
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการคลัง  เรื่อง  กำหนดวงเงินให้กู้ยืมของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม  
ขนาดย่อม  หรือร่วมกับสถาบันการเงินอื่น  (ปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง  เรื่อง 
กำหนดวงเงินการให้กู้ยืม ฯ ลงวันที่  1  กันยายน  2542  เพื่อขยายขนาดวงเงินกู้ขั้นสูงจากรายละไม่เกิน 50 ล้าน  
บาท เป็นรายละไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป) 
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้ง 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับข้อ 
สังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  (ที่เห็นควรให้ระบุวันใช้บังคับของร่างกฎกระทรวง ฯ  และร่างประกาศ ฯ 
ให้มีความเหมือนกัน)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2544  ราย 2 สัปดาห์  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2544  ตามที่กระ
ทรวงการคลังเสนอ  ดังนี้  การเบิกจ่ายเงินงบประมาณในส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
แล้ว  จำนวน 594,338 ล้านบาทจากวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท เปรียบเทียบกับอัตราการเบิกจ่าย
เงินงบประมาณในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน  ต่ำกว่าร้อยละ  0.59  ส่วนผลการเบิกจ่ายงบลงทุน
จำแนกตามกระทรวง  มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วทั้งสิ้น 95,142 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน  221,471  
ล้านบาท โดยกระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่  กระทรวงยุติธรรม  กระทรวงพาณิชย์  
และสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน  1,000  ล้าน 
บาท จำนวน 32 แห่ง มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วจำนวน  83,580  ล้านบาท  จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 
189,103 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลตามพระราช 
กำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน และจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ 
สถาบันการเงิน พ.ศ. 2541  สำหรับหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่  31  สิงหาคม  2544  วงเงิน  20,000  
ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรใหม่ หรือ Re-open พันธบัตรรุ่นเดิม อายุพันธบัตรไม่เกิน 20 ปี  อัตราดอก
เบี้ยตามอัตราตลาดหรือไม่เกินอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่จะ Re-open  รวมทั้งการออกตราสารเงินกู้ระยะสั้น  
โดยมีอายุไม่เกิน 12 เดือน  และหรือทำสัญญาเงินกู้จากสถาบันการเงินที่อยู่ในความดูแลของรัฐ ฯ   ส่วนราย  
ละเอียดและเงื่อนไขอื่นในการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา 
อนุมัติ     และเมื่อตราสารเงินกู้ระยะสั้นครบกำหนดชำระแล้วไม่สามารถออกพันธบัตรรัฐบาลไปทดแทนได้ก็  
ให้ดำเนินการออกตราสารเงินกู้ระยะสั้นต่อไปได้ตามความเหมาะสม  โดยให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบหลัง 
จากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการตรวจสอบรายงานการเงินของ 
แผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 ก่อนเสนอรัฐสภาตามนัยมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบ  
ประมาณ พ.ศ. 2502  โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 รัฐบาลมีรายรับรวมทั้งสิ้น 736,947.9 ล้านบาท ราย   
จ่ายรวมทั้งสิ้น 832,672 ล้านบาท และสินทรัพย์หมุนเวียนมีจำนวน 215,122.5 ล้านบาท  สำหรับหนี้สิน  
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 ประกอบด้วย หนี้สินระยะสั้น จำนวน 239,186.54 ล้านบาท และหนี้สินระยะ   
ยาว จำนวน 950,532.52 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุน จำนวน 42,766.17 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุน   
เพื่อการชำระหนี้ต่างประเทศ เงินลงทุนตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1  และชั้นที่  2  รวมทั้งภาระ
การค้ำประกันการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจ มีจำนวน 910,021.25 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามในสัญญากู้เงิน สัญญาค้ำประกัน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง  
ระหว่างบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และกระทรวงการคลัง กับธนาคารยุโรปเพื่อการลงทุน  
สำหรับโครงการจัดหาอุปกรณ์บริการจราจรทางอากาศและหอบังคับการบิน พร้อมอาคารสำนักงาน  ณ  
ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งที่  2 (หนองงูเห่า) โดยบริษัท  วิทยุการบิน ฯ  และกระทรวงการคลังได้ 
ลงนามเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2543  ส่วนธนาคารยุโรป ฯ  ได้ลงนามเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2543  และ
ได้ส่งสัญญาทั้งสองกลับมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2544 ซึ่งมีเงื่อนไขเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติ  
ไว้เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 ทุกประการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ  งบดุล  งบกำไรขาดทุนและผล  
การดำเนินงานประจำปี  พ.ศ. 2543 (1 มกราคม 2543 - 31 ธันวาคม 2543) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อ  
ที่อยู่อาศัย (บตท.)  โดย บตท. ได้ดำเนินการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินต่าง ๆ  ประกอบกับ 
พัฒนาการจัดซื้อและริเริ่มโครงการใหม่ที่ได้พัฒนาและปรับปรุงให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน รวมทั้ง
กระตุ้นและเสริมสร้างให้เกิดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี และ 5 ปี  ตลอดจนประสาน
งานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดต่าง ๆ  เพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกรรมตลาดรองสิน
เชื่อที่อยู่อาศัย   รวมไปถึงการจัดทำ  Website  เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยในการตัดสินใจแก่ลูกหนี้หรือ
บุคคลที่ต้องการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย   และเพื่อช่วยสถาบันการเงินที่ทำธุรกรรมกับ  บตท.  ในการปล่อยสิน 
เชื่อเพิ่มผ่านทาง Website  สำหรับการเจรจากับสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อจัดซื้อสินเชื่อได้ดำเนินการเจรจา  
จัดซื้อและเร่งขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม รวม 35 สถาบัน  แต่ยังประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ  อันเนื่อง
มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี  ส่งผลให้สถาบันการเงินส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจที่จะขายสินเชื่อให้ 
แก่ บตท. ในช่วงนี้ ทั้งนี้ จากผลประกอบการของ บตท. ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บตท. มีรายได้จากดอกเบี้ย
และเงินปันผลเท่ากับ  97.00  ล้านบาท   มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ  22.39  ล้านบาท   มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 
1,958.04 ล้านบาท และมีหนี้สินรวมเท่ากับ 838.27 ล้านบาท

                           เห็นชอบหลักการการปรับโครงสร้างการบริหารรัฐวิสาหกิจ โดยการจัดตั้งบรรษัท  
วิสาหกิจแห่งชาติ  และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ พ.ศ. .... (ให้มีคณะกรรมการ  
นโยบายรัฐวิสาหกิจแห่งชาติทำหน้าที่กำหนดนโยบายในการพัฒนารัฐวิสาหกิจ และจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่ง  
ชาติ  เพื่อให้การบริหารงานของรัฐวิสาหกิจมีความอิสระและคล่องตัว) ตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้าน 
รัฐวิสาหกิจเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสาน 
งานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป   รวมทั้งอนุมัติให้จัดตั้งสำนักงาน
คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2543  เรื่อง  มาตร 
การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ   ซึ่งให้ขยายเวลาการใช้บังคับมาตรการดังกล่าวจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2546 เป็นกรณีพิเศษ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวีระชัย ตันติกุล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรม  
สรรพสามิต แทนผู้ที่จะเกษียณอายุในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 เป็นต้น
ไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 
งบประมาณ พ.ศ. 2544  ราย 2 สัปดาห์  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2544  โดยผลการเบิก
จ่ายในภาพรวม  ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว  จำนวน  579,233  ล้านบาท  จาก 
วงเงินงบประมาณ  910,000  ล้านบาท    ซึ่งมีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียว 
กันของปีงบประมาณก่อน   ส่วนผลการเบิกจ่ายงบลงทุน จำแนกตามกระทรวง มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วทั้งสิ้น  
89,592 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 221,471 ล้านบาท โดยกระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด  
3 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์  และกระทรวงอุตสาหกรรม  สำหรับผลการเบิกจ่ายงบ  
ลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน 32 แห่ง  มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้ว 
จำนวน 78,397 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 189,103 ล้านบาท  โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิก 
จ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร  กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน  และสำนักงานปลัดกระทรวง 
มหาดไทย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการให้ความเห็นชอบร่างอนุสัญญาเพื่อการ 
เว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศนอร์เวย์ (ฉบับแก้ไข) โดยร่างอนุสัญญา ฯ  มีสาระสำคัญ 
เกี่ยวกับขอบข่ายของอนุสัญญา ฯ  ซึ่งจะใช้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศหรือประเทศนอร์เวย์  หรือทั้งสองประเทศ  
และจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้ รวมทั้งวิธีขจัดภาษีซ้อน การเก็บภาษีจากกำไรธุรกิจ  การเก็บภาษี 
จากการขนส่งระหว่างประเทศ  การเก็บภาษีจากทรัพย์สินประเภททุน  การเก็บภาษีจากกิจกรรมนอกชายฝั่ง
การเก็บภาษีจากเงินเดือน ตลอดจนบทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ  และการเริ่มใช้และการเลิกใช้อนุสัญญา ฯ  ตามที่
กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สนามบินนครพนมเป็นสนามบินศุลกากร พ.ศ. .... 
(กำหนดให้สนามบินนครพนม  จังหวัดนครพนม  เป็นสนามบินศุลกากร  ทั้งนี้  เพื่อให้อากาศยานขึ้นลงและมีการ 
นำของเข้าหรือส่งของออกทางสนามบินดังกล่าวได้) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ 
กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้