คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยงยุทธ กปิลกาญจน์ และนายชวาลวุฑฒ ไชยนุวัติ เป็นกรรมการ
อื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (22 ตุลาคม 2544) เป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) 
(ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับเรือยอชต์และยานพาหนะทางน้ำที่ใช้เพื่อความสำราญ  จากอัตราตาม  
มูลค่าร้อยละ 50 ลดลงเหลืออัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นการ 
บรรเทาผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการต่อเรือ และเป็นมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว  รวมทั้งเพื่อลดปัญหา
การหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิต) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการปรับปรุงระบบการค้ำ
ประกันสินเชื่อให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แบบการค้ำประกันกลุ่มสินเชื่อที่มีการรับความ  
เสี่ยงร่วมกัน (Risk Participation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดย  บสย.  ได้จัด
ทำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการค้ำประกันกลุ่มสินเชื่อที่มีการรับความเสี่ยงร่วมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  และได้  
นำเสนอกับสถาบันการเงิน  ได้แก่  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)  
ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์  จำกัด  (มหาชน)  รวมทั้งบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม  
ขนาดย่อม  (บอย.)  ซึ่งในส่วนของธนาคารกรุงไทย ฯ  คณะกรรมการธนาคาร ฯ  ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่  17  
กรกฎาคม  2544    ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดวันเพื่อจัดทำข้อตกลงใช้บริการ   คาดว่าจะมีการค้ำประกันให้แก่  
SMEs ผ่านโครงการ Risk Participation จำนวน 5,000 ล้านบาท ในปีนี้  และเมื่อวันที่  30  กรกฎาคม  2544
  บสย. และที่ปรึกษากฎหมายของ บสย. ได้ร่วมกันหารือกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทยฯ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎ
หมายในเรื่องร่างข้อตกลงการใช้บริการ  ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้พิจารณาและต่างเห็นชอบร่วมกันโดยเพิ่มรายละเอียด  
เล็กน้อยบางเรื่องเพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติต่อกัน   ทั้งนี้  ธนาคารจะนำร่างข้อตกลงที่แก้ไขแล้วนำเสนอผู้ 
บริหารและนัดหมายเพื่อจัดทำข้อตกลงใช้บริการต่อไป สำหรับสถาบันอื่น ๆ อยู่ระหว่างการนำเสนอขอความ 
เห็นชอบต่อคณะกรรมการ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 4  (คกก.4)  
ที่รับทราบข้อพิจารณาของกระทรวงการคลังตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนการจ่าย 
นำเข้ากองทุนร่วมบรรเทาความเสียหายทางการเกษตร โดยเกษตรกรและรัฐบาลสมทบฝ่ายละเท่ากัน และระบบ
ประกันภัยซึ่งให้บริษัทประกันภัยเอกชนเข้ามารับประกันภัยจากกองทุนร่วม ฯ มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด และ
มีการจ่ายชดเชยค่าเสียหายอย่างไร  ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า  เงินสมทบกองทุนร่วม ฯ  ไม่สร้าง    
ภาระแก่เกษตรกรรายย่อย  แต่ให้ประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรเป็นจำนวน 32-100 เท่าของเงินที่เกษตรกรจ่าย
และการดำเนินงานของกองทุนร่วม ฯ  ไม่เป็นภาระงบประมาณแก่รัฐบาลในระยะยาว    และมีแนวโน้มลดลงในปี
ต่อ ๆ  ไป  โดยการดำเนินงานของกองทุนร่วม ฯ  เป็นการสนับสนุนนโยบายพักชำระหนี้และลดภาระหนี้เกษตร 
กรรายย่อย และไม่ซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลืออื่น ๆ นอกจากนี้ กองทุนร่วม ฯ จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงให้อยู่ 
ในระดับที่ยอมรับได้ และค่าเบี้ยประกันภัยต่อที่จ่ายมีความเป็นธรรมและก่อประโยชน์สูงสุด ตามที่กระทรวงการ  
คลังเสนอ ทั้งนี้ คกก.4 เห็นควรให้ชะลอการดำเนินงานกองทุนร่วม ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เนื่องจากยัง  
ไม่มีงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการ กับเห็นชอบในหลักการให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกอง 
ทุนคุ้มภัยเกษตรกร เพื่อรองรับการดำเนินงานประกันภัยพืชผล และมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง 
การคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) รับข้อสังเกตของ คกก.4 ไปศึกษาพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับหลักการของร่างกรอบความตกลงทางการเงินในการให้สินเชื่อแบบผสมระหว่าง 
รัฐบาลไทยกับ Danida โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขยายฐานการกู้เงิน ทำให้ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจสามารถ  
ระดมเงินกู้จากประเทศเดนมาร์ก  โดยปลอดดอกเบี้ย  และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  หรือผู้ที่ 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยในร่างกรอบความตกลง ฯ ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการสอบบัญชีของกองทุนบำเหน็จบำนาญ 
ข้าราชการ (กบข.) ประจำปี 2543 เกี่ยวกับฐานะการเงิน และการรับจ่ายเงินของ กบข. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31  
ธันวาคม 2543 และ 2542  ซึ่งผ่านการรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  และผ่านการพิจารณาจากที่  
ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกแล้ว ซึ่งที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกมีข้อคิดเห็นกับข้อเสนอแนะ โดยเห็นควรปรับปรุงแก้ 
ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 เนื่องจากใช้บังคับเป็นระยะเวลากว่า  4  ปีแล้ว   
อาจมีปัญหาและอุปสรรค  รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้สมาชิกมีสิทธิออมเงินสะสมเพิ่ม  ออมเงินกับ กบข. ได้ต่อแม้    
ว่าจะสิ้นสุดสมาชิกภาพแล้ว  และให้ทยอยรับเงินเป็นงวดได้ด้วย  ควรปรับปรุงในส่วนขององค์ประกอบของกรรม
การผู้แทนสมาชิกและวิธีการเลือกรรมการ ควรตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับ กบข. เพื่อรองรับหน่วยงาน 
ที่ออกนอกระบบราชการ และสมาชิกอยากให้ กบข. จัดสวัสดิการเงินกู้และสวัสดิการอื่นเพื่อสมาชิก

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา ระดับ 12 เพิ่มอีก   
1  อัตรา  เป็นตำแหน่งเฉพาะตัวสำหรับนายประสิทธิ์  วิวัฒน์ตระกูล   และเมื่อนายประสิทธิ์ ฯ  พ้นจากตำแหน่ง  
เมื่อใดให้บริษัท ขนส่ง จำกัด  ยุบเลิกตำแหน่งดังกล่าว  โดยให้ได้รับเงินเดือนเท่ากับอัตราเงินเดือนที่ได้รับอยู่ใน 
ปัจจุบันคือ อัตรา 78,200 บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

                       อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....  (ให้มี 
กฎหมายว่าด้วยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเพื่อรองรับการจัดตั้งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย     เป็น
องค์กรทำหน้าที่ให้บริการทางการเงินและบริการด้านอื่นให้สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลามซึ่งจะส่งเสริมและ  
สนับสนุนการระดมเงินออม   ตลอดจนการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอันจะเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต  
ทางเศรษฐกิจของประเทศ)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ    และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ 
พิจารณา โดยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้คำว่า  "แห่งประเทศไทย"  ประกอบชื่อธนาคารและ 
ชื่อร่างพระราชบัญญัติจะเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ไปพิจารณาด้วย  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภา
ผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2544  โดยการเบิกจ่าย 
ในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากคลังแล้ว  จำนวน 736,318 ล้านบาท  หรือร้อยละ   
80.91 ของวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท   เปรียบเทียบกับอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในช่วง 
ระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนจะต่ำกว่าร้อยละ 0.14  ส่วนผลของการเบิกจ่ายงบลงทุนจำแนกตาม 
กระทรวง   มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น  129,283   ล้านบาท    หรือร้อยละ  58.62  ของบประมาณรายจ่ายลงทุน  
220,529  ล้านบาท   โดยกระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่  สำนักนายก  
รัฐมนตรี   กระทรวงยุติธรรม   และกระทรวงพาณิชย์    และผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัด
สรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน 32 แห่ง  มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 113,866 ล้านบาท  จากงบ  
ลงทุน 188,463 ล้านบาท หน่วยงานที่เบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด 3 อันดับแรก  ได้แก่  กรุงเทพมหานคร  กอง  
ทัพบก และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการถ่ายโอนงาน 
กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ณ วันที่ 15 กันยายน 2544 มีการเบิกจ่ายเงินในส่วน   
ของรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนจากคลังแล้ว 18,956  ล้านบาท   คิดเป็นร้อยละ 97.21 ของวงเงินงบ
ประมาณ 32,374 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรมพัฒนาที่ดิน
กรมทางหลวง และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลัง  (กรมสรรพสามิต)  ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 
ประมาณ พ.ศ. 2545 หมวดค่าจ้างชั่วคราว เพื่อจ้างลูกจ้างชั่วคราวในตำแหน่งต่าง ๆ จำนวน 575 อัตรา จำนวน  
34,676,862 บาท และหมวดค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ  จำนวน 4,825,584 บาท  ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ  โดยให้กระทรวงการคลัง  (กรมสรรพสามิต)  ปรับลดจำนวนลูกจ้างชั่วคราวลง  หากได้อัตราข้าราชการ 
และลูกจ้างประจำเพิ่มในระยะเวลาการดำเนินงาน   สำหรับค่าใช้จ่ายในหมวดค่าตอบแทน  ใช้สอยและวัสดุ  ให้
เจียดจ่ายจากงบประมาณปกติของกรมสรรพสามิต ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ    
วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,816.36 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายสำหรับโครงการ 6 โครงการ ของ  กฟผ.  ได้แก่  โครงการ 
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนราชบุรี เครื่องที่ 1 ถึง 2 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนกระบี่ เครื่องที่ 1  โครง 
การปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนภูมิพล เครื่องที่ 5 และ 6 โครงการสายส่งเชื่อมโยงไทย - มาเลเซีย  ระยะที่ 2 
โครงการขยายระบบไฟฟ้าในเขตกรุงเทพ ฯ  และปริมณฑล  (ระยะที่ 1)  และโครงการระบบส่งไฟฟ้า  500  เควี.  
สำหรับรับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน ระยะที่ 1 โดยให้  กฟผ.  เป็นผู้รับภาระชำระต้นเงินและดอกเบี้ย  ตลอดจน    
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน  รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข  
รายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน  และการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น  ตามที่กระทรวง 
การคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้ความสำคัญในการใช้ที่ดินราชพัสดุเป็นพื้นที่  
ประกอบกิจการของรัฐวิสาหกิจเป็นลำดับแรก  เพื่อให้การใช้งบประมาณของประเทศเป็นไปอย่างประหยัด 
เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ  และเพื่อให้มาตรการพัฒนาจัดหารายได้จากที่ราช
พัสดุของกรมธนารักษ์มีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง 
ส่งข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินราชพัสดุ เช่น แผนที่ จำนวนพื้นที่ ให้รัฐวิสาหกิจทราบด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนธุรกิจเงินร่วมลงทุน  (Venture Capital)  เพื่อเป็น 
แหล่งเงินทุนแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)  และเพื่อสนับสนุนให้  SMEs  สามารถพัฒนา 
ธุรกิจให้เป็นมาตรฐานสากลและพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไปได้ และอนุมัติหลักการ 
ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทจัดการเงินร่วม 
ลงทุน พ.ศ. ....  (กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตการจัดการเงินร่วมลงทุน โดยต้องเป็นบริษัท   
จำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เฉพาะประเภทการจัดการเงินร่วม  
ลงทุน และมีความสามารถในการประกอบกิจการ โดยพิจารณาจากระบบบริหารงานและความพร้อมด้าน 
บุคลากร   และกำหนดค่าคำขอรับใบอนุญาต  คำขอละ  10,000  บาท  ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต  ใบละ  
10,000 บาท)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 
แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการผ่อนปรนภาระหนี้เงินกู้จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาตามโครง 
การรัฐบัญญัติ 480  โดยอนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการผ่อนปรนภาระหนี้เงินกู้ ฯ  ดังกล่าว  
เพื่อนำมาสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนป่าไม้เมืองร้อน  โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็น 
ผู้ลงนามข้อตกลงการผ่อนปรนภาระหนี้เงินกู้ ฯ ดังกล่าว และมอบหมายให้กรมป่าไม้และกระทรวงการคลังร่วม  
กันดำเนินการจัดตั้งกองทุนป่าไม้เมืองร้อนในโอกาสแรก  และให้ดำเนินการต่อไปได้   ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากรจันทบุรี 
พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่  126 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) 
พุทธศักราช 2480 เพื่อยกเลิกทางอนุมัติและด่านพรมแดนบ้านโอลำเจียก ในท้องที่ตำบลโป่งน้ำร้อน  อำเภอโป่ง   
น้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และกำหนดทางอนุมัติ  ด่านพรมแดน  และที่ตั้งด่านศุลกากรจันทบุรีเสียใหม่ เพื่อส่งเสริม  
และอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายให้แก่ประชาชนไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา รวมทั้งเพื่อประโยชน์ใน
การตรวจตราและป้องกันการลักลอบหนีศุลกากรหรือหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากรบริเวณชายแดนทางบก) 
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติ    
ศุลกากร (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2480 (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 111 (พ.ศ. 2539)  ออกตาม   
ความในพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2480 เพื่อเพิ่มทางอนุมัติและด่านพรมแดน โดยกำหนด
ให้เส้นทางสายบ้านห้วยผึ้งสู่จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-สหภาพพม่า  เป็นทางอนุมัติและด่านพรมแดนบ้าน 
ห้วยผึ้งอีกเส้นทางหนึ่ง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 
แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียน 
สิทธิและนิติกรรม กรณีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ขยายระยะเวลาการ   
ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์  สำหรับกรณีการควบโอนกิจการบางส่วนให้แก่กันออกไป 
อีก 1 ปี  จากเดิมที่ให้กระทำภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2543  ออกไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2544  ทั้งนี้  เฉพาะผู้ 
ประกอบกิจการที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด  หรือบริษัทจำกัดที่ได้โอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน  ซึ่งได้รับยกเว้นภาษี 
มูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการ 
ยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 356) หรือตามพระราชกฤษฎีกา  ฯ  (ฉบับที่ 384)  พ.ศ. 2544) ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อน
ได้มีมติเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโดยด่วนต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี  
งบประมาณ พ.ศ. 2544  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ  จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2544  โดยการเบิกจ่ายในภาพรวมของ  
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 714,808 ล้านบาท หรือร้อยละ  78.55  ของ  
วงเงินงบประมาณ  (910,000  ล้านบาท)  เปรียบเทียบกับอัตราการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน
สูงกว่าร้อยละ  0.34  ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุน  จำแนกตามกระทรวง  มีการเบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น  119,870  ล้าน 
บาท หรือร้อยละ 54.38 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (220,429  ล้านบาท) โดยกระทรวงพาณิชย์  กระทรวง 
ยุติธรรม และสำนักนายกรัฐมนตรี มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด สำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วย 
งานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 32 แห่ง  มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วจำนวน 105,572  
ล้านบาท หรือร้อยละ 56.02 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้  (188,463  ล้านบาท)  โดยกรุงเทพมหา 
นคร กองทัพบก และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย  มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด  นอกจากนี้ ผลการ 
เบิกจ่ายเงินงบประมาณของโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  โดย ณ  
วันที่ 31 สิงหาคม 2544 มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้วจำนวน 17,888 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.25 ของวง   
เงินงบประมาณ (32,374 ล้านบาท) แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน โดยกรมพัฒนาที่ดิน กรมทาง   
หลวง  และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการถ่ายโอน  ฯ  ต่ำสุด  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ประจำปีงบประมาณ 2544 ระยะที่ 1 (ตุลาคม 2543 - มีนาคม 2544) ของกระทรวง  
การคลัง ในส่วนของภาพรวมงาน/โครงการสำคัญที่ดำเนินการตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8  จำนวน  39  งาน/  
โครงการ  ประกอบด้วย  การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคน  การเสริม 
สร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง การพัฒนา  
สมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต ตลอดจนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ  
และสิ่งแวดล้อม  และการบริหารจัดการเพื่อการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   โดย
ให้รับความเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   
(เกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ที่ใช้เงินกู้จากต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจมี 
การเบิกค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะกองทุนพัฒนาเมืองในภูมิภาค ส่วนการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด  
ย่อม (SMEs) ควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญ รวมทั้ง    
พิจารณาเร่งรัดการจัดตั้งสถาบันการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม
2540 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการระดมเงินและการลงทุนของชาวมุสลิมทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่าง
แท้จริง   สำหรับโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง  ให้นำผลการศึกษา Demand 
-Side Subsidies และความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง National Housing Fund มาใช้ในทางปฏิบัติ เพื่อให้มีวิธีการ 
/เครื่องมือใหม่ ๆ   สำหรับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  รวมถึงการดำเนินโครงการปรับ
ปรุงระบบข้อมูลภาครัฐควรมีการประสานงานอย่างจริงจังระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบายและ
การปฏิบัติ) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ งบดุล และงบรายได้ค่าใช้จ่ายของ   
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)  สำหรับงวดหกเดือน  ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2543  สิ้น 
สุดวันที่  31  มีนาคม  2544  ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว โดยในส่วนของงบดุล   
ประกอบด้วย สินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 1,980.76 ล้านบาท  อุปกรณ์สุทธิจำนวน  9.76  ล้านบาท  และสิน 
ทรัพย์อื่นจำนวน 4.35 ล้านบาท กับมีหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 48.26 ล้านบาท  หนี้สินอื่นจำนวน 1.34 ล้าน  
บาท และส่วนของทุนจำนวน 1,945.27 ล้านบาท  ทั้งนี้ ปรส. มีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้าเนื่องจากการถูก   
ฟ้องเป็นจำเลยร่วมในคดีต่าง ๆ  และให้ร่วมรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายประมาณ  697.12  ล้านบาท   ส่วนงบ 
รายได้ค่าใช้จ่าย  ประกอบด้วย  รายได้จำนวน 27.07 ล้านบาท  ค่าใช้จ่ายจำนวน  73.94  ล้านบาท  สำหรับ 
กิจการของ ปรส. ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้ดำเนินการจำหน่ายสินทรัพย์และรับชำระหนี้ของสถาบันการเงิน   
56  แห่ง    โดยจัดการสินทรัพย์ไปแล้วเป็นมูลค่ารวมประมาณ  747,693.34  ล้านบาท   ได้มูลค่าคืนกลับมา  
263,951.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35.30 ของมูลค่าทางบัญชี นอกจากนี้ สถานะปัจจุบันของสถาบัน
การเงิน  56  บริษัท   ปรส.  กำลังดำเนินการนำสถาบันการเงินดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการล้มละลายแล้ว  19  
บริษัท  ที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย 37 บริษัท  แต่คาดว่าจะนำสถาบันการเงินเข้าสู่กระบวนการล้ม  
ละลายได้จะเสร็จสิ้นประมาณเดือนตุลาคม 2544 และได้คัดเลือกธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่  
ดูแลผลประโยชน์ให้แก่เจ้าหนี้ของสถาบัน  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ