คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2544 (ปรับปรุงครั้งที่ 1) ประกอบด้วย โครงการรัฐบาลกู้ตรง 7 โครงการ  วงเงินเทียบเท่า  625.66
ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ และโครงการรัฐบาลค้ำประกัน จากเดิม 5 โครงการ เพิ่มเป็น 7 โครงการ  วงเงินเทียบ  
เท่า 1,467.65 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ซึ่งโครงการที่เพิ่มเติมจำนวน 2 โครงการ ได้แก่  โครงการจัดซื้อเครื่อง  
บินพิสัยไกล ลำที่ 1  และลำที่ 2  ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยวงเงินกู้ต่างประเทศทั้งสิ้นยัง 
อยู่ในกรอบเพดานเงินกู้  2,300  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ตามที่คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (บริษัทการบินไทย  ฯ) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
17 ตุลาคม 2543 ที่ให้บริษัทการบินไทย ฯ รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม  
แห่งชาติและคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ  (เกี่ยวกับการจัดหาเงินลงทุนสำหรับการจัดซื้อ  
เครื่องบิน  รวมทั้งประเด็นที่บริษัทการบินไทย ฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย  
ในการเป็นสายการบินชั้นนำของโลก  ทั้งในด้านคุณภาพ  และประสิทธิภาพการบริการ  ตลอดจนเพิ่มขีด  
ความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวได้อย่างแท้จริง)  ไปพิจารณาดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อ 
ไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถิติการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนมกราคม 
2544 โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม 41.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน 
ของปีที่แล้ว ซึ่งสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สุราต่างประเทศ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์
น้ำหอมและเครื่องสำอาง ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีอัตราการนำเข้าลดลง ได้แก่ ปากกาและอุปกรณ์ สุราต่างประเทศ  
และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล  นอกจากนี้  มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย 
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543 - มกราคม 2544  มีมูลค่านำเข้ารวม 200.69 ล้านเหรียญสหรัฐ  เปรียบเทียบกับเดือน
ตุลาคม 2542 - มกราคม 2543  มีมูลค่าเพิ่มขึ้น   โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่  
สุราต่างประเทศ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์  ผลไม้  สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าลดลง  ได้แก่  ไฟแช็คและ 
อุปกรณ์ เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล รวมทั้งน้ำหอมและเครื่องสำอาง

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนทรัพย์สินถาวรของภารธุระอุตสาหกรรมขนาด  
ย่อม พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่อ
อุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. 2534 เพื่อขยายจำนวนทรัพย์สินถาวรที่ภารธุระอุตสาหกรรมขนาดย่อมจะได้รับความ   
ช่วยเหลือ จากเดิมไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท เป็นไม่เกินสองร้อยล้านบาท) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก. 5)
เกี่ยวกับการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และกรณีการดำเนิน 
การตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย ของกระทรวงการคลัง  โดยอนุมัติหลักการ เป้าหมาย และการออกประกาศ 
กระทรวงมหาดไทย  รวม 4 ฉบับ  ได้แก่  ประกาศกระทรวงมหาดไทย  เรื่อง  การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียน 
สิทธิและนิติกรรมกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ออกตามประมวลกฎ 
หมายที่ดินและอาคารชุด) และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและ 
นิติกรรมกรณีการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด  (ออกตาม  
ประมวลกฎหมายที่ดินและอาคารชุด)  โดยร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย ทั้ง  4  ฉบับ  ให้ส่งคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยด่วน  และดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้  ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของ คกก. 5  
(เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อรองรับปัญหาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้   กรณี
ที่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินโอนอสังหาริมทรัพย์หรือห้องชุดเพื่อชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินหรือลูกหนี้ของ  
เจ้าหนี้อื่นโอนอสังหาริมทรัพย์หรือห้องชุดเพื่อชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมักจะมีกำหนดระยะเวลา  3 - 5  ปี  
แต่ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย ฯ  กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา  
และสิ้นสุดในวันที่  31  ธันวาคม  2544  ดังนั้น  อาจก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติในกรณีที่มีการโอนอสังหา
ริมทรัพย์ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เมื่อพ้นระยะเวลาสิ้นสุดการบังคับใช้) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 5  (คกก. 5) 
เกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการผลิตและการใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิง ของกระทรวงการคลัง โดยอนุมัติ  
หลักการร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ.  ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติสุรา  พ.ศ. 2493  (ยกเว้นภาษี  
สุรากลั่น ชนิดสุราสามทับที่นำไปผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง)  และร่างประกาศกระทรวงการคลัง  
เรื่อง   ลดอัตราภาษีสรรพสามิต  (ฉบับที่  ..)  (กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีเอทา   
นอลผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ในอัตรา  3.3165  บาทต่อลิตร  แยกต่างหากจากอัตราภาษีน้ำมันเบนซินไร้ 
สารตะกั่ว)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้ง 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา    
โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจของร่างกฎ  
กระทรวง ฯ  มาตรา  47 (1)   และ  3  (ข)   แห่งพระราชบัญญัติสุรา  พ.ศ. 2493  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช 
บัญญัติสุรา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2510  เป็น  "แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่  338  ลงวันที่  13 
ธันวาคม  พุทธศักราช  2515")  ไปพิจารณาด้วย  แล้วดำเนินการต่อไปได้   นอกจากนี้   มอบให้คณะกรรมการ 
เอทานอลแห่งชาติรับไปพิจารณากำหนดระเบียบกฎเกณฑ์ในรายละเอียดและมาตรการต่าง ๆ   โดยให้นำความ  
เห็นของ   คกก.  5   ในส่วนของการให้มีการจดทะเบียนผู้ปลูกพืชเพื่อการผลิตเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงโดยเฉพาะ  
รวมทั้งมาตรการที่จะดูดซับผลผลิตส่วนเกิน    กรณีที่เกษตรกรหันมาปลูกพืชดังกล่าวเพิ่มขึ้น  ซึ่งจะส่งผลให้เกิด 
ปริมาณผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำได้     ประกอบกับต้องมีมาตรการควบคุมอย่างจริงจังสำหรับผู้ประกอบ
การที่ผลิตเอทานอลที่หลีกเลี่ยงภาษี   ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นระยะเวลาเท่า 
ใด โดยพิจารณาด้วยความรอบคอบ ทั้งนี้ ผู้บริโภคจะต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุดและเกิดความเป็นธรรมในการ
แข่งขันของผู้ลงทุน ไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอ คกก. 5 อีกครั้ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกสลากออม  
ทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  พ.ศ. ....  (กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการ
ออกสลากออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในลักษณะของตราสารชนิดผู้ถือเป็นผู้ 
มีกรรมสิทธิ์ ซึ่งอาจได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจากการถูกรางวัลขึ้น)  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ 
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 5  (คกก. 5) 
เกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการผลิตและการใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิง ของกระทรวงการคลัง โดยอนุมัติ  
หลักการร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ.  ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติสุรา  พ.ศ. 2493  (ยกเว้นภาษี  
สุรากลั่น ชนิดสุราสามทับที่นำไปผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง)  และร่างประกาศกระทรวงการคลัง  
เรื่อง   ลดอัตราภาษีสรรพสามิต  (ฉบับที่  ..)  (กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีเอทา   
นอลผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ในอัตรา  3.3165  บาทต่อลิตร  แยกต่างหากจากอัตราภาษีน้ำมันเบนซินไร้ 
สารตะกั่ว)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้ง 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา    
โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจของร่างกฎ  
กระทรวง ฯ  มาตรา  47 (1)   และ  3  (ข)   แห่งพระราชบัญญัติสุรา  พ.ศ. 2493  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช 
บัญญัติสุรา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2510  เป็น  "แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่  338  ลงวันที่  13 
ธันวาคม  พุทธศักราช  2515")  ไปพิจารณาด้วย  แล้วดำเนินการต่อไปได้   นอกจากนี้   มอบให้คณะกรรมการ 
เอทานอลแห่งชาติรับไปพิจารณากำหนดระเบียบกฎเกณฑ์ในรายละเอียดและมาตรการต่าง ๆ   โดยให้นำความ  
เห็นของ   คกก.  5   ในส่วนของการให้มีการจดทะเบียนผู้ปลูกพืชเพื่อการผลิตเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงโดยเฉพาะ  
รวมทั้งมาตรการที่จะดูดซับผลผลิตส่วนเกิน    กรณีที่เกษตรกรหันมาปลูกพืชดังกล่าวเพิ่มขึ้น  ซึ่งจะส่งผลให้เกิด 
ปริมาณผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำได้     ประกอบกับต้องมีมาตรการควบคุมอย่างจริงจังสำหรับผู้ประกอบ
การที่ผลิตเอทานอลที่หลีกเลี่ยงภาษี   ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นระยะเวลาเท่า 
ใด โดยพิจารณาด้วยความรอบคอบ ทั้งนี้ ผู้บริโภคจะต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุดและเกิดความเป็นธรรมในการ
แข่งขันของผู้ลงทุน ไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอ คกก. 5 อีกครั้ง

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยตามนโยบาย 
ของรัฐบาลผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) (เพิ่มเติม) และเห็นชอบในหลักการ
และแนวทางในการดำเนินโครงการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยรูปแบบและระยะเวลาดำเนินการให้  
ดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกับโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้  ฯ  ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อ  
วันที่ 13 และ 20 มีนาคม 2544  ยกเว้นกลุ่มเป้าหมายเกษตรกรรายย่อยลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีหนี้เงินกู้คงเหลือไม่เกิน 
100,000 บาท  ณ  วันที่ 31 มีนาคม 2544  โดยให้รวมถึงเกษตรกรรายที่มีวงเงินกู้เกิน  100,000  บาท  และไม่
ประสงค์จะใช้วงเงินกู้เกิน  100,000 บาท ตลอดระยะเวลา 3 ปี ของการดำเนินโครงการ สำหรับแหล่งเงินทุน ให้  
ใช้เงินงบประมาณที่ได้กำหนดไว้เดิมไปก่อน  หากไม่เพียงพอ ให้พิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพิ่มเติมแก่ ธ.ก.ส.  
ต่อไป

             เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้  
เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลเชียงบาน  อำเภอเชียงคำ  จังหวัดพะเยา  ให้แก่นายสิงห์  
ใจวังโลก  พ.ศ. ....  (โอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
แปลงหมายเลขทะเบียนที่ พย.496  หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่  194  ในท้องที่ตำบล  
เชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 19 ตารางวา  เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของนาย  
สิงห์  ใจวังโลก  สำหรับใช้ประโยชน์ในการขยายโรงเรียนบ้านทุ่งมอก)  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  
ตรวจพิจารณาแล้ว   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร 
พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ไตรมาสที่ 2 (เดือนตุลาคม - มีนาคม 2544) และผลการติดตามเร่งรัดการดำเนินงาน
และการใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ณ สิ้นเดือน
มีนาคม 2544 มีการเบิกจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 370,550 ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนเพียง 55,447
ล้านบาท ของเงินประจำงวดที่ได้รับ ส่วนผลการใช้จ่ายงบลงทุนของส่วนราชการที่มีงบลงทุนสูงเกินกว่า 1,000
ล้านบาท จำนวน 32 แห่ง นั้น ปรากฎว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 มีการเบิกจ่ายงบลงทุน
แล้วทั้งสิ้น 47,065 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้จะประสานกับสำนักงบ
ประมาณ กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่มีงบลงทุนสูงถึง 32 หน่วยวานดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  5  เกี่ยวกับ  
โครงการจัดหาเรือขุดหัวสว่านขนาดท่อส่งดิน 20 นิ้ว  จำนวน 4 ลำ ของกระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) โดยให้ 
ระงับโครงการดังกล่าว  และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดมาตรการหรือจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณา  
หาแนวทางที่ชัดเจนในการสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการขุดลอกร่องน้ำ เพื่อลดภาระภาครัฐและเสริม
ฐานการผลิตของประเทศโดยเร็ว

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายนามผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเป็นประธานและกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ 
ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง  ประกอบด้วย  คณะกรรมการดำเนินการเขตการค้าเสรีอาเซียน มี นายณรงค์ชัย อัครเศรณี 
เป็นกรรมการ คณะกรรมการนโยบายเงินออมเพื่อการชราภาพ มี นายนิคม จันทรวิฑูร  นายสมชัย ฤชุพันธ์  นาย  
จีระ หงส์ลดารมย์ และนายนิพนธ์ พัวพงศกร เป็นกรรมการ  คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปฏิรูประบบสถาบัน 
การเงิน มี นายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธาน ฯ  นายปรีดี  บุญยัง  และนายศิวพร  ทรรทรานนท์  เป็นกรรมการ  
(โดยคณะนี้จะเสร็จสิ้นภารกิจในวันที่ 31 มีนาคม 2544 และจะยุบเลิกในวันที่ 1 เมษายน 2544)  คณะกรรมการ 
นโยบายศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและประชาชน มี นายไชยยศ  สะสม   
ทรัพย์ เป็นประธาน ฯ นายประสาน ตันประเสริฐ และนายอุตตม สาวนายน เป็นกรรมการ รวมทั้งคณะกรรมการ 
บริหารศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและประชาชน มี นายอุตตม  สาวนา 
ยน เป็นประธาน ฯ นายประสาน ตันประเสริฐ และนายกิตติ ลิ่มสกุล เป็นกรรมการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2544 (ไตรมาสที่ 2) มี 
จำนวน 370,549.7 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท  ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย ณ สิ้นไตรมาส 
ที่ 2 จำนวน 2,550.3 ล้านบาท แต่สูงกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน 

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง นางศศิพัฒน์ เศวตวัฒนา นายเอนก ศรีสนิท นายวีระชัย วรรณึกกุล  
และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ แทน 
คณะกรรมการชุดเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง  ตามที่ประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ  โดย   
ให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2544 เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของสถาบันการ 
เงิน โดยมี นายทนง พิทยะ  เป็นประธาน  และมีปลัดกระทรวงการคลัง  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  ปลัด 
กระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  อัยการสูงสุด  ประธาน 
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  ประธานหอการค้าไทย   ประธานสมาคมธนาคารไทย   นายชาติศิริ  โสภณ 
พานิช และ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล  เป็นกรรมการ  มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทบริหาร 
สินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด  บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน 
(บบส.) บริษัทจัดการสินทรัพย์ทุกบริษัทที่ทำหน้าที่บริหาร NPL ของสถาบันการเงิน (ปรส.)  และติดตามความ 
คืบหน้าในการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินเอกชน รวมทั้งกำกับดูแลการเตรียมการจัดตั้งบรรษัท 
บริหารสินทรัพย์ไทยจนกว่าจะเรียบร้อย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการให้ นายวราเทพ รัตนากร และร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรี 
ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการไม่อาจ 
ปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และให้การมอบหมายดังกล่าวมีผลครอบคลุมถึงกรณีที่ 
ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพจัดประชุมการบริหารหนี้สาธารณะเอเซีย 
- ยุโรป ครั้งที่ 1  (ASEM Public Debt Management Forum)  ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความ 
สนับสนุนการพัฒนาแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก  ASEM  ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และ  
ค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน  รวมทั้งอนุมัติให้ใช้งบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการที่ (7) สำรองจ่าย
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการดำเนินการเตรียมการและเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวง  
การคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ งบดุล และงบรายได้ค่าใช้จ่ายของ 
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) สำหรับงวดหกเดือน  สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2543 ซึ่ง  
ปรส. ได้จำหน่ายสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่ง  โดยวิธีประมูล  ประกอบด้วย  สินทรัพย์หลัก เป็นเงิน  
150,026.27 ล้านบาท และสินทรัพย์ที่มิใช่สินทรัพย์หลัก เป็นเงิน 34,986.90 ล้านบาท  ทั้งนี้ ยังมีสินทรัพย์   
เหลือประมาณ  118,000  ล้านบาท  โดยเป็นสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับการตัดสินคดีแล้ว  ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่าง  
ฟ้องร้อง ลูกหนี้ที่ขอชำระหนี้ปิดบัญชี และอยู่ระหว่างการติดตามหนี้ รวมถึงสินทรัพย์รองจำนวนหนึ่ง ซึ่ง ปรส.  
จะติดตามหนี้ที่เหลือเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายล้มละลายต่อไป   สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูก    
หนี้ ปรส. ได้อนุมัติคำขอชำระหนี้ปิดบัญชี  โดยผ่อนผันการคิดดอกเบี้ย จำนวน 1,886 ราย  เป็นเงิน  6,300  
ล้านบาท  และการตีโอนทรัพย์สินชำระหนี้ จำนวน  2  ราย  เป็นเงิน  33  ล้านบาท  รวมทั้งได้ดำเนินการลด    
จำนวนพนักงานและพื้นที่สำนักงานของสถาบันการเงินทั้ง  56  แห่ง  เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มากที่ 
สุด ตลอดจนการจัดสรรเงินคืนเจ้าหนี้และการเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายล้มละลาย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมสรรพากรจ้างลูกจ้างชั่วคราวตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ 
ภาษีอากรกรมสรรพากร จำนวน 3,100 อัตรา  เป็นระยะเวลา 3 ปี  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 - 30 กันยายน   
2547  เป็นเงินค่าจ้างปีละ 201,899,400 บาท  รวมระยะเวลา  3  ปี  เป็นเงินรวมทั้งสิ้น  605,698,200  บาท  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กรมสรรพากรเร่งดำเนินการจัดอัตรากำลัง  ตลอดจนปรับปรุงระบบการจัด 
เก็บภาษีอากรให้เหมาะสมต่อไป โดยนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดเก็บและควบคุมให้มากขึ้น พร้อมทั้ง 
พัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบ  
ประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นสัปดาห์ที่ 2  ของเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544
ณ วันที่ 15 มีนาคม 2544  มีจำนวน 326,007.3 ล้านบาท  ของวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท  เปรียบ 
เทียบกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในช่วงระยะเวลาเดียวกันกับปีงบประมาณก่อน มีอัตราการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น