คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างหลักเกณฑ์และแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมี  
สาระสำคัญเกี่ยวกับหลักการและเหตุผล ความสำคัญของการจัดให้มีหลักเกณฑ์ดังกล่าว  และหลักสำคัญสำหรับ  
การกำกับดูแลกิจการที่ดี 6 ประการ คือ Accountability ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ Responsibility  
ความสำนึกในหน้าที่  Equitable  Trentment  การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน  Transparency  ต้องมีความโปร่งใส    
การมี  Vision (วิสัยทัศน์)  และ  Ethics  การส่งเสริมพัฒนาการกำกับดูแลและจรรยาบรรณที่ดีในการประกอบ 
ธุรกิจ รวมทั้งหลักปฏิบัติของการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งประกอบด้วย การกำหนดกรอบการกำกับดูแล  
ที่ดีในรัฐวิสาหกิจ  มีวิสัยทัศน์โดยมองการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว  กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและหน้าที่  
และการรายงานทางการเงิน รายงานทางการบริหารและการบริหารและการตรวจสอบ  ทั้งนี้ ในส่วนของหลัก   
เกณฑ์การประเมินการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจให้กระทรวงการคลังดำเนินการศึกษาความเหมาะสมเพื่อนำ   
มาใช้ต่อไป  และให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป  เช่น  พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ  
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ  ในส่วนที่เกี่ยวกับกรรมการรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับร่างหลักเกณฑ์และแนวทางดัง  
กล่าว  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   และให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป   รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและกรม 
ประชาสัมพันธ์ดำเนินการเผยแพร่หลักเกณฑ์และแนวทางการกำกับดูแลดังกล่าวให้ทราบโดยทั่วกันด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นสัปดาห์ที่ 2  ของเดือนมกราคม 2544 
(ณ วันที่  15  มกราคม  2544) โดยมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจำนวน 200,207.2 ล้านบาท ของวงเงินงบ
ประมาณ 910,000 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักพระราชวังใช้ที่ราชพัสดุ เลขที่ 123 แปลงโฉนดที่ 11587 ถนนสุขุมวิท  
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเดิมเป็นอาคารของกรมสรรพากร เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้า
โครงการส่งเสริมอาชีพการเกษตรและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและงานฝีมือ ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพ 
รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาด  
ดุลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 โดยการประมูลพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตร 
รัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ครั้งที่ 3  เป็นการ  Re-open  พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543  
ครั้งที่ 1 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ  5.6  ต่อปี  วงเงิน  8,000  ล้านบาท  พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 4 เป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 อายุ 15 ปี  อัตราดอกเบี้ย  
ร้อยละ 7.2 ต่อปี วงเงิน 12,000 ล้านบาท  และพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 5 อายุ 7 ปี 
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.125 ต่อปี วงเงิน 20,000 ล้านบาท  โดยพันธบัตรรัฐบาลทั้ง  3  รุ่น  จะจำหน่ายโดยวิธี  
ประมูลวิธี American Auction และให้ผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทน (Yield) และปริมาณที่ต้องการในการ   
ประมูลในแต่ละครั้ง  ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรแต่ละรุ่น หน่วยละ  1,000  บาท  โดยพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ   
พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 3 ทำการประมูล 2 ครั้ง ครั้งที่ 4 ทำการประมูล 6 ครั้ง  และครั้งที่  5  ทำการประมูล  4  ครั้ง 
รวมทั้งกำหนดวันที่เริ่มประมูลและชำระดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 3 รุ่น

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติค่าตอบแทนในรูปเบี้ยประชุมแก่คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปฏิรูประบบ
สถาบันการเงิน (กปส.) ตามรายงานผลการดำเนินงานโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2  ซึ่งได้  
ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2543 โดยมีสถาบันการเงินที่ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการ      
ช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1  จำนวนเงิน  61,304  ล้านบาท  และโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่  2  จำนวน   
เงิน 12,304 ล้านบาท  โดยให้มีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนในรูปเบี้ยประชุมแก่กรรมการ  กปส.  เป็นกรณีพิเศษ   
ในอัตราครั้งละ 3,000 บาท  เป็นรายครั้งที่มาประชุม   และให้ประธานกรรมการได้รับสูงกว่ากรรมการร้อยละ 
25 ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนถึงวันยุติโครงการ ฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่าย  
เงินตามโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด  รุ่นที่  2  (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2544)  สิ้นสุด  ณ  
วันที่ 28 ธันวาคม 2543  โดยเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ สั่งจ่ายแล้ว 18,379 ราย  ส่วนเงิน  ช.ร.บ.  เบิกจ่าย   
แล้ว 15,655 ราย  และเงินขวัญถุง  เบิกจ่ายแล้ว 17,583 ราย  ทั้งนี้  การเบิกจ่ายเงินตามโครงการดังกล่าว   
ยังมีส่วนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ยังไม่ได้ยื่นเรื่องหรือยื่นเบิก  กรณีผู้ขอรับบำเหน็จ  บำนาญ  ไม่มีสิทธิได้ 
รับเงิน ช.ร.บ. และกรณีการขอรับยศแทนเงินขวัญถุง

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยกู้เงินและ/หรือออกพันธบัตร     
เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้จากการออกพันธบัตรในประเทศ  (Refinance)  ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี  พ.ศ. 2544     
จำนวน 5,300 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวตามความเหมาะสม 
และจำเป็น รวมทั้งกู้เงินและ/หรือออกพันธบัตรเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนถาวรสำหรับภาระ Take-or-Pay  ตาม  
สัญญาซื้อขายก๊าซ  ฯ  จากแหล่งยาดานาและเยตากุนภายในวงเงิน 17,000 ล้านบาท  อายุเงินกู้ไม่เกิน  10  ปี  
และมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน   เงื่อนไข   และราย 
ละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) มีวงเงินกู้ระยะสั้น  
จากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน  รวม 17 แห่ง  เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานตามปกติ  
ของ ปตท. วงเงิน 9,110 ล้านบาท  โดยแบ่งเป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี  จำนวน 1,555 ล้านบาท  และวงเงินกู้  
ตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 7,555 ล้านบาท อายุสัญญากู้เงิน 1 ปี ตั้งแต่วันที่  1  มกราคม  2544  ถึงวันที่  31  
ธันวาคม 2544 โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงการคลัง  เรื่อง  ลดอัตราภาษีสรรพสามิต  (ฉบับที่ ..)   
(ขยายระยะเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ   
3 เป็นร้อยละ 5 ออกไปอีก 1 ปี คือ จากวันที่ 1 มกราคม 2544 เป็นวันที่ 1 มกราคม 2545  และให้จัดเก็บภาษี  
สรรพสามิตสำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 3  ต่อไป) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับการแปรสัญญาร่วมการงาน  
ด้านกิจการโทรคมนาคม  (กปส.)  โดย  กปส.  ได้มีการประชุมพิจารณาตามกรอบภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 
ทั้งสิ้นจำนวน 25 ครั้ง ในส่วนของกลุ่มสัญญาบริการโทรศัพท์พื้นฐาน กลุ่มสัญญาบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่  กลุ่ม 
สัญญาบริการสื่อสารข้อมูลผ่านดาวเทียม (VSAT)  สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียม (ไทยคม)  กลุ่มสัญญาบริการ  
วิทยุติดตามตัว กลุ่มสัญญาบริการระบบเชื่อมโยงโครงข่าย  รวมทั้งกลุ่มสัญญาอื่น ๆ  และเห็นชอบการขยายระยะ 
เวลาการทำงานของ  กปส.  ออกไปอีกจนถึงเดือนมีนาคม  2544   โดยให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และ
การ สื่อสารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ กปส. ตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบาย
ด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ  จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2543  มีการเบิกจ่าย 
เงินทั้งสิ้น 189,542.9 ล้านบาท  ของวงเงินงบประมาณ  910,000  ล้านบาท   ซึ่งเปรียบเทียบกับในช่วงระยะ
เวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนปรากฎว่า มีอัตราการเบิกจ่ายเท่ากัน  

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถิติการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือน
ตุลาคม 2543  ทั้ง  17  กลุ่มสินค้า  มีมูลค่านำเข้ารวม  52.30  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ซึ่งลดลงจากเดือน
กันยายน 2543 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้า
สูงสุด 6  อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ สุราต่างประเทศ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์  เลนส์  นาฬิกาและอุปกรณ์
กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีอัตราการนำเข้าลดลงมากที่สุด  4  อันดับแรก  ได้แก่
เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล  ดอกไม้  ไฟแช็คและอุปกรณ์  และ
ไวน์

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือนของ  นายชาญชัย  มุสิกนิศากร  ผู้อำนวยการ 
ธนาคารออมสิน โดยให้ได้รับเงินเดือนขั้นที่ 56 อัตราเงินเดือน 92,720 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 
เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  (กำหนด 
องค์ประกอบของคณะกรรมการธนาคารออมสิน  ตลอดจนขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการและผู้อำนวย   
การธนาคารออมสินให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ  รวมทั้งแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการจ่าย 
คืนเงินฝากให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และการจัดการเงินฝากเพื่อให้มีความเหมาะสมและ 
เป็นธรรมยิ่งขึ้น)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดย 
รับข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการบัญญัติให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งหรือถอด   
ถอนกรรมการธนาคารเช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จะเหมาะสมกว่าหรือ 
ไม่  เนื่องจากธนาคารออมสินเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีความสำคัญเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนทั่วไปในด้านความมั่นคง 
ของกิจการ  นอกจากนี้ การบัญญัติให้อำนาจผู้อำนวยการจะมอบอำนาจให้พนักงานหรือบุคคลใดปฏิบัติกิจการ  
ใดเฉพาะอย่างแทนก็ได้ นั้น เห็นว่าเป็นบทบัญญัติที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ มีลักษณะเปิดกว้าง ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน  ซึ่ง
อาจไม่รัดกุมพอ) ไปประกอบการพิจารณาด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ  
พ.ศ. ....  (ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับเบี้ยกันดาร พ.ศ. 2524 และกำหนดหลักเกณฑ์การจ่าย    
เงินสวัสดิการสำหรับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณา  
กำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่บนพื้นที่พิเศษ กับให้ข้าราชการหรือลูกจ้างประจำซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหรือ  
ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติราชการประจำอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่บนพื้นที่พิเศษมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการในอัตราร้อย  
ละสิบของเงินเดือนหรือค่าจ้างรายเดือนที่ได้รับจริง  ทั้งนี้ หากข้าราชการหรือลูกจ้างประจำดังกล่าวได้รับคำสั่ง     
ให้ไปช่วยราชการหรือไปรักษาราชการแทน หรือไปศึกษา  ฝึกอบรม  หรือดูงานนอกสำนักงานที่ตั้งอยู่บนพื้นที่  
พิเศษเป็นระยะเวลาติดต่อกันเกินกว่าสิบห้าวัน ไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการดังกล่าว)  โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่  
1  ตุลาคม  2543  เป็นต้นไป   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อ 
ไปได้ รวมทั้งอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่บนพื้นที่พิเศษจากองค์ประกอบของ  
คณะกรรมการพิจารณากำหนดท้องที่กันดารและโรงเรียนที่กันดาร   รวมถึงให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 
24 พฤษภาคม 2531 เรื่อง  การจัดเงินเพิ่มพิเศษแก่ครูโรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่เสี่ยงภัย  ตามที่กระทรวง 
การคลังเสนอ  ตั้งแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ  และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของ
คณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องสิทธิประโยชน์ภายในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เพื่อ 
ให้พนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมีสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับข้าราชการและลูกจ้างประจำ นอก
จากนี้ การขยายสิทธิการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการให้แก่ส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ควรคำนึงถึงภาระของงบ 
ประมาณที่เพิ่มขึ้น  ตลอดจนการพิจารณาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ใหม่ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อข้าราชการ 
และลูกจ้างประจำที่ได้รับสิทธิเบี้ยกันดารและเบี้ยเสี่ยงภัยตามหลักเกณฑ์เดิมด้วย) ไปพิจารณาดำเนินการ

             เห็นชอบผลการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดการดูแลผลประโยชน์ของคู่ 
สัญญา พ.ศ. .... ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ซึ่งเห็นว่า ในขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้อง 
มีร่างพระราชบัญญัตินี้เป็นการเฉพาะ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ  และให้กระทรวงมหาดไทย  
รับไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543   และพระราชบัญญัติอาคาร  
ชุด พ.ศ. 2522  เกี่ยวกับการจัดให้มีบัญชีดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา  (escrow account)  ตามความเหมาะสม
ต่อไป  

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำชี้ขาดข้อพิพาทระหว่าง บริษัท จาโก จำกัด ผู้เสนอข้อพิพาท กับสำนัก     
งานสลากกินแบ่งรัฐบาล คู่กรณี เกี่ยวกับเรื่อง สัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากบำรุงการกุศล  
แบบอัตโนมัติ (ระบบ On Line) ของคณะอนุญาโตตุลาการ  ซึ่งได้มีคำชี้ขาดให้สำนักงานสลากกินแบ่ง ฯ  ชดใช้   
ค่าเสียหายแก่บริษัท จาโก ฯ  เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น  2,508,593,718  บาท   พร้อมทั้งดอกเบี้ยของต้นเงินใน   
อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำเสนอข้อพิพาท จนกว่าจะชำระให้ผู้เสนอข้อพิพาทเสร็จสิ้น โดยให้สำนัก  
งานสลากกินแบ่ง ฯ ชำระให้แก่บริษัท จาโก ฯ ภายใน 60 วัน  นับตั้งแต่วันได้รับสำเนาชี้ขาดของอนุญาโตตุลา    
การ และอนุมัติให้สำนักงานสลากกินแบ่ง ฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท จาโก ฯ ตามคำชี้ขาดดังกล่าว ตามที่ 
กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลัง 
อาเชีย-ยุโรป (ASEM Finance Deputies''Meeting) ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2543 ณ กรุงโตเกียว  ประเทศ 
ญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย  ซึ่งการประชุม ฯ
ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาความคืบหน้าของความร่วมมือทางการเงินในกรอบ ASEM เพื่อเตรียมนำเสนอ  
ต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป (ASEM Finance Ministers''Meeting) ครั้งที่ 3 ซึ่งจะจัด 
ขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 มกราคม 2544 ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับระบบอัตราแลกเปลี่ยน  พัฒนาการ  
ทางเศรษฐกิจและการเงินในเอเชียและยุโรป ความร่วมมือระดับภูมิภาคในเอเชียและยุโรปการเสริมสร้างความแข็ง  
แกร่งของระบบการเงินระหว่างประเทศ  และการติดตามผลการดำเนินกิจกรรมทางการเงิน  ตามมติของที่ประชุม  
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 2  กองทุน ASEM ระยะที่ 2 (ASEM Trust Fund Phase 2  :   
ATF  II) โครงการกองทุนโกเบ (Kobe Project) และโครงการบริหารหนี้สาธารณะของ ASEM (An  ASEM  Forum 
on Public Debt Management) และร่าง Chairman''s Statement สำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ 
คลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 3  รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การรับทราบเอกสารผลการประชุม The 3rd ASEM Customs  
Directors-General  and  Commissions  Meeting    และจะนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 3 ต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการกู้เงินในรูป  Euro Commercial    
Paper (ECP) ประจำปี พ.ศ. 2543 โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นในลักษณะ  Bridge Financing   
ภายใต้ ECP Programme มาเป็นการชั่วคราวก่อนที่จะสามารถดำเนินการจัดหาเงินกู้ระยะยาวมาใช้ทดแทน  ให้แก่ 
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2543 ประกอบด้วย เงินกู้ในส่วนของกระทรวงการคลัง จำนวน  
18,649,000,000 เยน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 74,476,000,000 เยน การไฟฟ้านครหลวง
จำนวน 14,546,000,000 เยน และการประปานครหลวง จำนวน 2,425,000,000 เยน ซึ่งผลการการกู้เงินเพื่อ 
Refinance  ดังกล่าว ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น  1,616,196,978  เยน   ซึ่งเทียบเท่า  
กับ 623,251,616 บาท และยอดเงินกู้คงค้างภายใต้  ECP Programme  ณ  วันที่  19  ธันวาคม  2543  เป็นเงิน   
37,792,000,000  เยน  ซึ่งเทียบเท่ากับ  337,428,572  เหรียญสหรัฐอเมริกา  จึงคงเหลือวงเงินกู้ภายใต้ ECP 
Programme จำนวน 662,571,428 เหรียญสหรัฐอเมริกา