คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในปี
งบประมาณ พ.ศ. 2544 โดยได้กำหนดประเภทตราสารเงินกู้ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาที่
ดำเนินการกู้ และพิจารณาถึงภาระการกระจุกตัวของภาระหนี้ในแต่ละปีงบประมาณ เพื่อให้มีการกระจายหนี้
ครบกำหนดในอนาคตให้สม่ำเสมอ และไม่เป็นภาระต่องบประมาณในปีใดปีหนึ่งมากเกินไป โดยได้กู้โดยการ
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 52,900 ล้านบาท  พันธบัตรออมทรัพย์สำหรับประชาชนครั้งที่ 1 รุ่นอายุ 
3 ปี  และรุ่นอายุ 5 ปี จำนวน 15,822.28 ล้านบาท  ตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 10,000 ล้านบาท  และตั๋วเงิน
คลังจำนวน 26,075 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 104,797.28 ล้านบาท  ซึ่งต่ำกว่าวงเงิน  105,000  ล้านบาท  ที่
คณะรัฐมนตรีอนุมัติ จำนวน 202.72 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิ
ภาพ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมสรรพากร  ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2544 เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานการเงินของแผ่นดินประจำปี
งบประมาณ  พ.ศ. 2543  ก่อนเสนอรัฐสภาตามนัยมาตรา  30  แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. 2502 โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 รัฐบาลมีรายรับรวมทั้งสิ้น 855,616.28 ล้านบาท  รายจ่าย
รวมทั้งสิ้น 872,115.83 ล้านบาท  และทรัพย์สินหมุนเวียน มีจำนวน 208,494.55 ล้านบาท  สำหรับ
หนี้สินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ประกอบด้วย หนี้สินระยะสั้น จำนวน 245,200.35 ล้านบาท  และ
หนี้สินระยะยาว  1,100,328.55  ล้านบาท ส่วนเงินลงทุน  จำนวน  69,089.21  ล้านบาท  ประกอบ
ด้วยเงินลงทุน เพื่อการชำระหนี้ต่างประเทศ  เงินลงทุนตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุน  ชั้นที่  1  และ
ชั้นที่ 2 มีภาระค้ำประกันการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน  971,840.79  ล้านบาท เงินกู้ต่างประเทศ 
502,286.91 ล้านบาท  เงินกู้ในประเทศ  469,553.88  ล้านบาท  รัฐบาลมีรายรับประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2543  สูงกว่ารายรับประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2542  จำนวน  118,668.32  ล้านบาท   หรือ
คิดเป็นร้อยละ 16.10    และมีรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2543    สูงกว่ารายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2542 จำนวน 49,817.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.00

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติ
ให้ความเห็นชอบให้รวมระเบียบคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติด้วยการสงเคราะห์ราษฎรผู้
ประสบภัยสาธารณภัย  พ.ศ. 2524  และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2538 เป็นฉบับเดียวกัน โดยมอบให้คณะกรรมการป้องกันฝ่ายพลเรือน
แห่งชาติพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   กระทรวงแรงงานและสวัสดิการ
สังคม   กระทรวงศึกษาธิการ    กระทรวงสาธารณสุข    สำนักงบประมาณ    และสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกา พิจารณาหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ และอัตราที่ช่วยเหลือจำเป็นต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่  และ
ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการออกระเบียบเกี่ยวกับเงินทดรองจ่ายให้สอดคล้องกับระเบียบที่จะออก
ใหม่ด้วย    ให้ความเห็นชอบให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ให้ความสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุ
หรือเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิต   และผู้พิการเป็นจำนวนมาก   สามารถเสนอขออนุมัติความช่วยเหลือจากคณะ
รัฐมนตรีได้เป็นกรณีพิเศษเป็นรายๆ ไป ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง โดยให้พิจารณาถึงสภาพเศรษฐกิจ
และภาระงบประมาณของแผ่นดินประกอบด้วย รวมทั้งให้กระทรวงการคลังรีบไปดำเนินการแก้ไขกฎหมาย
ให้รัฐมีสิทธิเรียกให้เอกชนผู้ก่อเหตุชดใช้เงินให้แก่รัฐด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขายกรรมสิทธิ์อาคารราชพัสดุให้แก่องค์การเภสัชกรรม จำนวน 3 หลัง
ได้แก่ อาคารหลังลำดับที่  กท.010376  (อาคารโรงอาหาร)  กท.010378  (อาคารโรงเก็บพัสดุ)  และ กท.
010380  (อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น)  ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา
กษัตริย์ที่องค์การเภสัชกรรมเช่าอยู่  แขวงทุ่งพญาไท  เขตราชเทวี  กรุงเทพมหานคร ในราคา  3.5  ล้านบาท
โดยให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการโอนกรรมสิทธิ์อาคารทั้งสิ้น  ตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำ
ผลิตผลการเกษตร ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  (ธ.ก.ส.)  ณ  วันที่  30  กันยายน
2544  จำนวน  11  โครงการ  ประกอบด้วย  โครงการรับจำนำลำไยอบแห้ง ปี 2543  โครงการรับจำนำ
ข้าวเปลือกนาปรัง  ปีการผลิต 2544  โครงการรับจำนำเมล็ดกาแฟ  ปี 2542/2543   โครงการรับจำนำ
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปี 2543/2544  โครงการจูงใจให้เกษตรกรชะลอการขุดมันสำปะหลัง ปีการผลิต
2542/2543  โครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  ปี  2543/2544  โครงการรับจำนำแป้งมันสำปะหลัง
และมันสำปะหลังอัดเม็ด ปีการผลิต  2542/2543  โครงการรับจำนำข้าวสาร  ปีการผลิต  2543/2544  
โครงการรับจำนำข้าวสาร ปีการผลิต 2542/2543 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2543/
2544 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2542/2543

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วน
พระมหากษัตริย์  กับทรัพย์สินของกระทรวงการคลังดำเนินการแลกเปลี่ยนทรัพย์สิน คือ ที่ดินบริเวณ
สวนมิสกวันและคุรุสภา  ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์   กับหลักทรัพย์ที่กระทรวงการ
คลังถือใน บมจ. ปตท. ตามเงื่อนไขการแลกเปลี่ยน  ทั้งนี้ ให้มีผลหลังจาก 180 วัน นับจากวันปิดการ
เสนอขายหุ้น บมจ. ปตท. (วันที่  27  พฤศจิกายน  2544)  และอนุมัติในหลักการให้ดำเนินการแลก
เปลี่ยนหุ้นของกระทรวงการคลังกับที่ดินหรือหุ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์  โดยมี
แนวทางและหลักการการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับทรัพย์
สินของกระทรวงการคลัง รวมทั้งอนุมัติให้ดำเนินการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของกระทรวงการคลังในที่
ดินบริเวณดังกล่าวได้  โดยไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการ
หรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ  พ.ศ. 2504 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้
รับความเห็นเพิ่มเติมของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการปรับปรุงให้ราคาของทรัพย์
สินทั้ง  2  แห่งเท่ากัน  เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา  7  แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่าย
พระมหากษัตริย์  พ.ศ. 2479 ไปดำเนินการด้วย

                             อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนต รี คณะที่  4
(คกก.4) ที่มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการเจ็บ
ป่วยเพราะเหตุปฏิบัติราชการ พ.ศ. ....  (ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการสงเคราะห์
ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติราชการ    โดยกำหนดให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด
เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการสงเคราะห์ และกำหนดให้ข้าราชการดังกล่าวซึ่งต้องเกษียณอายุใน
ระหว่างรักษาพยาบาลให้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยรัฐเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายจนกว่าการรักษา
จะถึงที่สุด    และให้ทายาทของข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติราชการ
และต่อมาถึงแก่ความตายได้รับบำเหน็จตกทอดแทนบำนาญตกทอด)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา     โดยให้รับข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิ
การคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการกำหนดความหมายของคำว่า "ข้าราชการ" ให้ชัดเจนเพื่อมิให้มีปัญหา
ในการตีความในอนาคต รวมทั้งให้ปรับปรุงถ้อยคำบทบัญญัติในร่างมาตรา 12 เกี่ยวกับการได้รับ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น) และประเด็นอภิปรายของ คกก. 4 (เกี่ยวกับการกำหนด
หลักเกณฑ์และวิธีการสงเคราะห์ที่เหมาะสมยิ่งขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมข้าราชการที่ไม่สังกัดกระทรวง
หรือทบวงบางแห่ง โดยพนักงานของรัฐในมหาวิทยาลัย ซึ่งได้ออกนอกระบบแล้วจะไม่ได้สิทธิตาม
ร่างพระราชบัญญัตินี้ ส่วนพนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขให้ใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
การปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญจึงอยู่ในข่ายได้รับสิทธิเช่นเดียวกับข้าราชการ
รวมทั้งสิทธิในบำนาญตกทอดให้ผู้มีสิทธิอยู่เดิมได้รับสิทธิเท่าเดิมต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิ จึงไม่มี
ผลกระทบต่อข้าราชการตำรวจที่ได้รับสิทธิอยู่แล้ว) ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสาน
งานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแนวทางปฏิบัติของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการ
ตรวจสอบรับรองข้อมูลเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อน
แองเจลล่าและฟอร์เรสต์  ปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ตามมติคณะรัฐมนตรี (26  มกราคม  2536) และโครงการ
ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย  ตามมติคณะรัฐมนตรี (6 สิงหาคม 2539) เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติ
ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  เสนอข้อมูลให้  สตง.  ตรวจรับรองภายหลังจากได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจาก
สำนักงบประมาณ  และเบิกรับเงินจากกรมบัญชีกลางแล้ว  หาก  สตง.  ตรวจสอบในภายหลังพบว่า การเบิกเงิน
ของ ธ.ก.ส.  ไม่ถูกต้องให้  ธ.ก.ส.  ส่งคืนเงินดังกล่าวแก่รัฐบาล  ทั้งนี้  ธ.ก.ส.  ต้องให้ฝ่ายตรวจสอบของธนาคาร
ตรวจสอบข้อมูลเป็นประจำทุกปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2544) โดยผล
การเบิกจ่ายเงินในภาพรวม  กรณีรวมงบประมาณรายจ่ายงบกลาง  58,000  ล้านบาท มีส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 224,108 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.91 ของวงเงินงบประมาณ 
(1,023,000 ล้านบาท) ส่วนกรณีไม่รวมงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ฯ  มีการเบิกจ่ายเงิน  224,107 
ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายกับการจ่ายเงินงบประมาณ ณ  สิ้นไตรมาสที่ 1  และการเบิก
จ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน โดยมีสาเหตุมาจากมีการเบิกจ่ายเงินทุนหมุนเวียน
บัตรประกันสุขภาพทั้งจำนวน (22,138 ล้านบาท) รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้
รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 26 แห่ง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของโครงการ 
ถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบ
กลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจ (58,000 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายเงินนอกงบ
ประมาณของ 65 กองทุน มีการเบิกจ่าย 20,673 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.89 ของแผนการใช้จ่าย
เงิน 25,245 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่ายแล้ว 11,439 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 53.37 ของแผนการใช้จ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 21,434 ล้านบาท รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินของรัฐ
วิสาหกิจ มีการเบิกจ่ายแล้ว 325,800 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำการ 306,450 ล้านบาท และงบลงทุน
19,350 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในช่วงระยะเวลาดังกล่าวในส่วนของเงินงบประมาณ
เงินนอกงบประมาณ เงินกู้ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน 
55,015 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ในไตรมาสที่ 1ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 มี
จำนวนทั้งสิ้น 527,005 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในประมวล 
รัษฎากร  ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  สำหรับเงินได้พึงประเมินที่คณะกรรม
การกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย  สำนักนายกรัฐมนตรีได้รับ   และกำหนดให้ร่างกฎกระทรวงนี้
มีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2542  เป็นต้นไป  ซึ่งเป็นวันที่เริ่ม 
ดำเนินการกองทุน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 
แล้วดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมการบริหารหนี้
สาธารณะเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 1 (ASEM  Public  Dept  Management  Forum) ระหว่างวันที่ 15-16
พฤศจิกายน  2544  ณ  โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า   จังหวัดเชียงใหม่   ซึ่งเป็นการประชุมสืบเนื่องจาก
มติของการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13-14 มกราคม
2545 ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกรอบกฎหมายสำหรับการบริหารหนี้สาธารณะ
การจัดให้มีระบบข้อมูลสำหรับการบริหารหนี้สาธารณะที่มีประสิทธิภาพ  ภาระหนี้ผูกพันในอนาคต 
และภาระของรัฐบาลที่เกิดจากการปรับโครงสร้างทางการเงิน  ทั้งนี้  ที่ประชุมเห็นควรที่จะมีการร่วม
มือกันอย่างต่อเนื่อง   และแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน  เพื่อประโยชน์กับประเทศ
สมาชิกที่เกี่ยวข้อง    และเสนอให้มีการประชุมเป็นประจำทุกปี  โดยครั้งต่อไปจะมีขึ้นที่ทวีปยุโรปในปี
2546

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ  งบดุล  และงบกำไรขาดทุน
ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน  (บบส.)  สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2543 ซึ่งสำนัก
งานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว  โดยงบดุลประกอบด้วย สินทรัพย์ จำนวน  41,877.51
ล้านบาท  หนี้สิน จำนวน 34,152.30 ล้านบาท  และส่วนของทุน จำนวน 7,725.21 ล้านบาท  งบกำไร
ขาดทุนประกอบด้วย  รายได้ จำนวน 3,308.94 ล้านบาท   และค่าใช้จ่าย จำนวน  4,275.20  ล้านบาท 
ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ จำนวน  966.26  ล้านบาท   ส่วนการดำเนินกิจการต่าง ๆ บบส. ได้ดำเนิน
ธุรกรรมร่วมกับ  ปรส.   และ  FCT  ในการกำหนดสัดส่วนวิธีการชำระหนี้ในการถือครองหลักประกันร่วม
อย่างต่อเนื่อง  บบส.  ได้จัดงานมหกรรมจำหน่ายทรัพย์สินให้กับบุคคลที่สนใจและนักลงทุนทั่วไป  บบส.
อยู่ในกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้โดยใช้การโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ จึงต้องปรับโครงสร้างองค์
กรให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ  โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาธุรกิจด้านการบริหารและจัดการอสังหาริม
ทรัพย์และการประนอมหนี้เพื่ออสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก

               คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  4  ที่มี
มติอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ นายนำโชค 
โยธา ตำแหน่งเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ 5 โรงพยาบาลบรรพตพิสัย  จังหวัดนครสวรรค์  ซึ่ง
ได้ผ่านการพิสูจน์ว่าติดเชื้อโรคเอดส์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่
 พ.ศ. 2540 โดยอนุโลม   และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาจ่ายเงินสงเคราะห์แก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับ
เชื้อโรคเอดส์จากการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนที่ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรค
เอดส์อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ. 2540 จะประกาศใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 
(ฝ่ายเศรษฐกิจ)  ที่มีมติเห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับ
ประเทศกาตา ร์ โดยมีสาระสำคัญเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เพื่อป้อง
กันการหลีกเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศคู่สัญญา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และอนุมัติให้กระทรวง
การต่างประเทศรับไปดำเนินการเพื่อให้ความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายรพี อสัมภินพงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง 
(นักวิชาการคลัง 10 ชช.) ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2544 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) จำนวน
4 แผนงาน/โครงการ วงเงิน 420,000,000 บาท ได้แก่ โครงการกฎหมายพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและ
การเมือง   แผนงานเสริมสร้างสมรรถนะการปฏิบัติงานด้านหนี้สาธารณะ   โครงการการดำเนินงาน
จัดระบบการชี้แจงเพื่อจัดทำแผนงานด้านชุมชน ตามโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  และโครง
การยุทธศาสตร์สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยเร่งด่วนภายหลังเหตุวินาศกรรมสหรัฐอเมริกา  (Be My
Guest  Campaign)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ     และเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติม
เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) และค่าใช้จ่ายสำรอง
เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินมีหรือไม่ และโครงการ/แผนงาน จะต้องใช้เงิน
เท่าใด และที่เสนออยู่ในหมวดหมู่ใด โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดหมวดหมู่และกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อแยกให้ชัดเจน และสะดวกต่อการ
พิจารณาจัดสรร  กับให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปหารือกับกระทรวงการคลัง   สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เพื่อปรับ
ปรุงกระบวนการในการจัดสรรเงินกู้และงบประมาณ  และการเบิกจ่ายเงินให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อ
ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคาร
เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 2 โดยเอกอัคร 
ราชทูตไทยประจำกรุงโตเกียว  ประเทศญี่ปุ่น  ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้
ลงนามในสัญญากู้เงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องในนามราชอาณาจักรไทยสำหรับโครงการดังกล่าว   เมื่อวันที่  27
ธันวาคม 2544 ซึ่งสาระสำคัญของสัญญากู้เงินเป็นไปตามขอบเขตเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (เงินกู้ SAL) สำหรับโครงการ
ปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งวิทยุโทรทัศน์ทั่วประเทศของกรมประชาสัมพันธ์ ในวงเงิน 820.446 ล้านบาท
โดยมีเงื่อนไขว่า  เครื่องมืออุปกรณ์วิทยุโทรทัศน์ที่จะจัดซื้อตามโครงการดังกล่าว มีเทคโนโลยีและราคาค่อน
ข้างสูง   ดังนั้น   สำนักงบประมาณและกรมประชาสัมพันธ์ จะต้องให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณ
ประจำปี   เพื่อการบำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์และจัดจ้างบุคลากรประจำเพื่อใช้ประโยชน์ได้เต็มที่   และมี
ประสิทธิภาพ   กรมประชาสัมพันธ์ควรจัดหารายได้เพื่อใช้ในการดำเนินการโครงการดังกล่าว   โดยไม่เป็น
ภาระแก่งบประมาณแผ่นดิน  และมีมติรับทราบการจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ   สำหรับ
โครงการอื่น ๆ ของกรมประชาสัมพันธ์อีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดหาอุปกรณ์  ห้องส่งวิทยุโทรทัศน์
ขนาดใหญ่ ช่อง 11  ถนนวิภาดีรังสิต กรุงเทพ ฯ วงเงิน 232.50 ล้านบาท  โครงการปรับปรุงอุปกรณ์ผลิต
ข่าว  และรายการโทรทัศน์ของสำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศ วงเงิน 128.25 ล้านบาท  และโครง
การปรับปรุงสมรรถนะในด้านข่าว และรายการของสำนักประชาสัมพันธ์เขต  1- 8  วงเงิน 44.0 ล้านบาท
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  นอกจากนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา
ดำเนินการ   (มีผู้เรียกร้องว่า    ในพื้นที่ต่างจังหวัดหลายแห่งไม่สามารถรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ของกรม
ประชาสัมพันธ์  (สทท.11.)  ได้  ขอให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องและตอบสนองความต้องการ
ของประชาชน   การจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง  ๆ    ควรจัดซื้อในระบบดิจิตอล   การจัดซื้อเครื่องมือ
อุปกรณ์วิทยุโทรทัศน์จากต่างประเทศให้นำหลักการค้าขายต่างตอบแทนมาใช้โดยอนุโลม      ให้ปรับปรุง
ประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตรายการให้มีสาระเป็นประโยชน์    รวมทั้งการจัดตั้งหอกระจายข่าว
ประจำหมู่บ้านไปพิจารณาปรับปรุงและดำเนินการจัดตั้งให้ครบถ้วนทั่วประเทศ  และสามารถใช้ประโยชน์
ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและ
สหกรณ์การเกษตร จำนวน 5 คน ได้แก่ นางธาริษา  วัฒนเกส เป็นกรรมการ แทน นายเชษฐทวี  เจริญ
พิทักษ์ นายอุทิศ  ธรรมวาทิน เป็นกรรมการ แทน นายประกอบ  ตันติยาพงศ์  ร้อยตำรวจเอก  นิติภูมิ
นวรัตน์ เป็นกรรมการ แทน นายประเทือง ศรีรอดบาง นายจิระศักดิ์ พูนผล เป็นกรรมการ แทน  นาย
มนตรี คงตระกูลเทียน นายมนตรี คงตระกูลเทียน เป็นกรรมการ แทน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (22 มกราคม 2545) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ