คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองทัพเรือขายที่ดินและอาคารทำเนียบเอกอัครราชทูต  ณ  กรุงมาดริด   
หลังเดิม  ประเทศสเปน  และอนุมัติหลักการว่า  หากไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ในราคาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดก็ให้   
อยู่ในดุลพินิจของกองทัพเรือในการดำเนินการขายที่ดินและอาคารในราคาที่ต่ำกว่าที่คณะรัฐมนตรีกำหนดได้ 
ไม่เกินร้อยละ 10 ตามมติคณะกรรมการพิจารณาการขาย  การแลกเปลี่ยน  การให้  การจำหน่าย  จ่าย  โอน 
หรือจัดหาผลประโยชน์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศ  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  
สำหรับที่ดินและอาคารสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำกรุงบอนน์  ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 
นั้น โดยที่ราคาตามที่เสนอขออนุมัติขาย (จำนวน 610,000 มาร์ก) เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา (จำนวน 
1,300,000 มาร์ก) มาก จึงให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงการคลังรับไปดำเนินการตรวจสอบ  
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณากำหนดราคาขายให้เหมาะสม แล้วเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้คณะรัฐมนตรี 
พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐประจำปี 
งบประมาณ พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2544  โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบ 
ประมาณในภาพรวม มีส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 163,837 ล้านบาท  หรือร้อยละ
16.02 ของวงเงินงบประมาณ (1,023,000 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในช่วงระยะเวลา  
เดียวกันของปีงบประมาณก่อน จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 153,119 ล้านบาท  และรายจ่ายลงทุน  10,718 
ล้านบาท รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ผลการ 
เบิกจ่ายเงินโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  และผลการเบิกจ่าย  
เงินงบประมาณงบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจ (58,000 ล้านบาท) สำหรับผลการเบิก  
จ่ายเงินนอกงบประมาณ มีการเบิกจ่ายแล้ว 13,655 ล้านบาท  หรือร้อยละ  94.49  ของแผนการใช้จ่ายเงิน  
จำนวน 14,451 ล้านบาท ส่วนเงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่าย 9,388 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.01 ของแผน 
การใช้จ่ายเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 13,037 ล้านบาท  และการเบิกจ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจ  มีการเบิกจ่าย    
แล้ว 217,445 ล้านบาท  ทั้งนี้  ผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐดังกล่าว เมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน  48,602  
ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ณ  สิ้นเดือนพฤศจิกายน  2544  มีจำนวนรวมทั้งสิ้น  355,723 
ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายเตชะทิพย์ แสงสิงแก้ว และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย   โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นต้นไป 
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานลำไยแห้งระเบิด 
ที่จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มเติม กรณีอาคารบ้านเรือนเสียหาย โดยให้จ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน  19,926,948  บาท  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งบกลาง  
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  ทั้งนี้  ให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม (กรมประชา  
สงเคราะห์) ตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ  
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์) รับไปประสาน เร่งรัด  และให้ความช่วยเหลือแก่ 
ผู้ประสบภัยดังกล่าวในการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ จากบริษัท หงส์ไทยเกษตร 
พัฒนา จำกัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2544  ที่ให้ระงับโครงการเกษียณ   
อายุก่อนกำหนดมีผลบังคับใช้เฉพาะส่วนราชการ สำหรับรัฐวิสาหกิจให้สามารถดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์  
กรได้ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดต่อไป จนกว่าจะครบกำหนด 3 ปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  
ทั้งนี้ ให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามหลักการและวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ  อย่างจริงจัง  โดยต้องลดค่าใช้จ่าย 
บุคลากร และต้องไม่เพิ่มอัตรากำลัง แต่ให้ใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลัง

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  
(กำหนดให้ข้าราชการซึ่งได้กู้เงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ตามโครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่ 
อาศัยสามารถนำหลักฐานการผ่อนชำระเงินกู้ดังกล่าว มาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้) ตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการเร่งรัด  
การเบิกจ่ายโครงการเงินกู้จากต่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ณ ไตรมาสที่ 4  ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  
(30 กันยายน 2544)  โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินกู้จากต่างประเทศได้เบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการ  
ดำเนินงานและสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นจำนวน 152.33 ล้านเหรียญสหรัฐ  
หรือเทียบเท่า 6,763.45 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  61.58  ของเป้าหมายในการเบิกจ่ายสำหรับไตรมาสที่  4 
(247.36 ล้านเหรียญสหรัฐ)  ประกอบด้วย  โครงการเงินกู้ของส่วนราชการ  9  โครงการ  โครงการเงินกู้ของ   
รัฐวิสาหกิจ  8  โครงการ  และโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างและลดผลกระทบทางสังคม  3  โครงการ   ซึ่ง
การเบิกจ่ายเงินกู้ในไตรมาสที่ 4  เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3  มีอัตราการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ
20  เมื่อเทียบกับเป้าหมาย   แต่มีปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้การเบิกจ่ายเงินกู้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย   ได้แก่  
ปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาและการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการ และปัญหาการเบิกจ่าย 
เงินกู้ของแต่ละโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย    สำหรับการเบิกจ่ายของโครงการเงินกู้จากต่างประเทศที่อยู่
ระหว่างการเบิกจ่ายของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 96 โครงการ  มียอดการเบิกจ่ายสำหรับปีงบประมาณ 
 พ.ศ. 2544 จำนวน 2,304.74 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย  ณ  วันที่ 30 กันยายน 2544 มียอดการเบิกจ่ายเงินกู้  
สะสมจำนวน 5,377.61 ล้านเหรียญสหรัฐ  นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของโครงการ    
พิจารณากำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้  พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายการเบิก 
จ่ายสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2545

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 280/2544 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2544 เรื่อง 
แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราช   
อาณาจักร  ซึ่งมีอธิบดีกรมสรรพสามิต   หรือผู้แทนเป็นประธานกรรมการ  รองเลขาธิการคณะกรรมการ
นโยบายพลังงานแห่งชาติ เป็นรองประธานกรรมการ  ผู้อำนวยการส่วนควบคุมการผลิตและจำหน่าย สำนัก
บริหารการจัดเก็บภาษี 2 กรมสรรพสามิต เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีกรรมการอื่นอีก 9 คน โดยมี
อำนาจหน้าที่หลักคือ กำกับ  ดูแล  ให้การปฏิบัติตามโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขต 
ต่อเนื่องเกิดความรัดกุมและมีประสิทธิภาพ และอำนาจหน้าที่อื่นอีก 4 ประการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งนายศุภชัย  พิศิษฐวานิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน 
ในคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ แทน นายวีระ ปิตรชาติ ที่ถึงแก่กรรม  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  โดย 
ให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 มกราคม 2545) เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินโดยการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของ  
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  (ธ.ก.ส.)  จำนวนทั้งสิ้น  8,000  ล้านบาท   ตามหลักเกณฑ์    
วิธีการ  และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล   โดย  
ให้กระทรวงการคลังคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันในการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวในอัตราร้อยละ 0.5
ของวงเงินที่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

                        คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังตามข้อสังเกตของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. ....  
ของวุฒิสภา  เกี่ยวกับการเสนอให้มีการจัดเก็บรายได้เข้ากองทุนตามพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุน
การสร้างเสริมสุขภาพ  พ.ศ. 2544 เป็นการอนุโลมเป็นกรณีพิเศษ  เป็นการจัดเก็บภาษีเสริมบนฐานของ
ภาษีสุราและยาสูบ ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำลายสุขภาพ เพื่อให้กองทุนมีแหล่งรายได้ที่แน่นอนในระดับหนึ่งที่
สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมการรณรงค์ได้อย่างต่อเนื่อง  และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเสริมสร้าง
สุขภาพอย่างแท้จริง   อย่างไรก็ตาม   กระทรวงการคลังจะได้พิจารณาอย่างรอบคอบในการเสนอร่าง
กฎหมายที่มีลักษณะดังกล่าว ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลังเองและการให้ความเห็นต่อร่างกฎหมาย
ของส่วนราชการอื่น ๆ ที่จะมีต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง การรถไฟ
แห่งประเทศไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  กู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ  วงเงินรวมทั้งสิ้น 8,026.00 ล้านบาท 
 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นเงินบาทสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  และ  
ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดของการกู้เงิน  ตลอดจนการค้ำประกันเงิน 
กู้ของรัฐวิสาหกิจได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับไปประสานกับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศ 
ไทย เพื่อให้บรรษัท ฯ กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย จำกัด เพื่อช่วยเหลือทางการ  
เงินแก่ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม  ในวงเงินจำนวนไม่เกิน  9,000  ล้านบาท 
โดยกระทรวงการคลังไม่ต้องอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบรรษัท ฯ

             คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับไปประสานกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศ 
ไทย (ธสน.) เพื่อให้ ธสน. กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐ เช่น  ธนาคารกรุงไทย  จำกัด  เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้
ประกอบกิจการพาณิชย์นาวี โดยกระทรวงการคลังไม่ต้องอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของ ธสน.

                        เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร 
พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  (แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร  พ.ศ. 2530   เพื่อเพิ่ม
มูลค่าของที่นำเข้าโดยทางไปรษณีย์ที่ได้รับยกเว้นอากรให้สูงขึ้น  และกำหนดให้ของที่นำเข้าทางสนามบิน  
ศุลกากรเป็นของที่ได้รับยกเว้นอากรเช่นเดียวกับของที่นำเข้าทางไปรษณีย์)    ที่สำนักงานคณะกรรมการ  
กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ    และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้
แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราช
บัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน  พุทธศักราช 2485 (กำหนดให้ผู้นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในหรือออก  
ไปนอกประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกันเกินกว่าหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ฯ  หรือเทียบเท่า  ต้องสำแดงรายการเงิน
ตราต่างประเทศนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ในขณะที่ผ่านศุลกากรตามกฎหมาย  โดยมีผลใช้บังคับเมื่อ  
พ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงาน 
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะ 
รัฐมนตรี  (เกี่ยวกับกรณีการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของผู้นับถือศาสนาอิสลามผู้เดินทาง  โดยเฉพาะสตรี 
หรือผู้สูงอายุอาจนำเงินมารวมกันและฝากไว้กับหัวหน้าคณะ หรือกรณีการเดินทางของครอบครัวเดียวกันเป็น  
หมู่คณะ เงินทั้งหมดก็จะฝากไว้ที่หัวหน้าครอบครัว  ซึ่งกรณีนี้มิได้มีเจตนาที่จะนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาใน     
หรือออกไปนอกประเทศเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด   พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องควรพิจารณาถึงเจตนา  
ที่แท้จริงดังกล่าวประกอบด้วย    และเนื่องจากหลักการของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้เป็นมาตรการใหม่   ฉะนั้น  
ก่อนที่จะมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายหรือในระยะเริ่มแรก   ควรจะได้ประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าวให้บุคคล 
ทั่วไปได้ทราบอย่างทั่วถึง  และชัดเจนว่า  มิได้กำหนดห้ามหรือจำกัดการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในหรือ  
ออกไปนอกประเทศแต่อย่างใด   เพียงแต่หากมีจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด  ให้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ 
เท่านั้น)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการกำหนดเพดานเงินกู้ในแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ   
พ.ศ. 2545 วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  รวมทั้งอนุมัติในหลักการแผนการก่อหนี้ ฯ  โดยให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงโครงการในแผนการก่อหนี้ ฯ ภายในวงเงินเพดาน 1,000 ล้าน
เหรียญสหรัฐ ฯ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ  โดยโครงการหลักของส่วนราชการในแผนการก่อหนี้ ฯ  ให้ถือ
ว่าอยู่ในแผนการก่อหนี้ ฯ ที่ได้รับอนุมัติแล้ว และดำเนินการต่อไปได้  สำหรับรัฐวิสาหกิจเนื่องจากมีวงเงินลงทุนสูง  
ให้พิจารณาทบทวน  โดยในหลักการให้ใช้เงินกู้ในประเทศให้มากที่สุด  ทั้งนี้  หากมีความจำเป็นจะต้องปรับเพดาน 
ก่อหนี้เพิ่มเติม   ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติในเดือนกรกฎาคม  2545   และให้พิจารณาปรับปรุง
ระเบียบการก่อหนี้ของประเทศ พ.ศ. 2528 ให้เหมาะสมและมีความคล่องตัว

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินโครงการ 
พักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายของรัฐบาลผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตร 
และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ  วันที่  30  กันยายน  2544   โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้
และลดภาระหนี้ ฯ จำนวน 2,309,966 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.53 ของจำนวนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย จำนวน  
2,368,412 ราย มีต้นเงินกู้คงเป็นหนี้รวม 94,328 ล้านบาท  จำแนกเป็น  เกษตรกรที่ขอพักชำระหนี้ จำนวน  
1,171,817 ราย และเกษตรกรที่ขอลดภาระหนี้ จำนวน 1,138,149 ราย  ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้ส่งรายชื่อเกษตรกรที่ 
เข้าร่วมโครงการทั้งหมดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบแล้ว   ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูเกษตรกรหลังพัก 
ชำระหนี้  กระทรวงเกษตร ฯ  จะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูอาชีพภายใต้แผนความต้องการแก่เกษตร
กรร่วมกับกระทรวงการคลัง ส่วนราชการ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ 
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกของประเทศ  โดยในส่วนของการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก ธนาคารเพื่อ   
การส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ   เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคในการปล่อยสินเชื่อ 
พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยให้บริการสินเชื่อก่อนและหลังการส่งออก  รวมถึง
ให้บริการสินเชื่อเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และเงินทุนหมุนเวียนอื่น  ๆ  แก่ผู้ประกอบการส่งออกทั้งทาง 
ตรงและทางอ้อม ส่วนการแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงหรือ  
กำหนดหลักเกณฑ์สำคัญ ของกรมสรรพากร  เพื่อให้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่รวดเร็วและเป็นภาระแก่ผู้ส่งออก   
น้อยที่สุด รวมทั้งการปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าวัตถุดิบเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อยู่ระหว่างเสนอขอ 
ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการปรับปรุงอัตราอากรขาเข้าสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบ  เพื่อให้เข้าสู่อัตราอากร 
ตามโครงสร้าง คือ  ร้อยละ 1  ยกเว้นสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม  และได้พิจารณาปรับลดอัตราอากร
ปัจจัยการผลิตที่ไม่มีผลิตในประเทศลงเหลือร้อยละ 1 เพื่อมิให้เกิดความลักลั่นของโครงสร้างอากรขาเข้า ฯ  ซึ่ง 
จะเป็นการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยและการแข่งขันของผู้ประกอบการ
นอกจากนี้   กระทรวงการคลังโดยกรมศุลกากร  ได้จัดทำแผนแม่บทเพื่อปรับปรุงการบริหารของกรมศุลกากร  
ในทุกด้าน   โดยส่วนที่เกี่ยวกับการบริการการส่งออกมีจำนวน  9  แผน  อยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการเพื่อการ 
ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.  /2545 (สห.1) เรื่อง การยกเว้นอากร 
และการลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (ยกเว้นและลดอัตราอากรสำหรับของที่มีอัตรา 
อากรตามราคาแก่ของที่มีแหล่งกำเนิดจากราชอาณาจักรกัมพูชา สหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน 
ลาว และสาธารณรัฐเวียดนาม จำนวน 48 65 26 และ 19 รายการ ตามลำดับ) และร่างประกาศกระทรวงการคลัง   
ที่ ศก.  /2545 (สห.2) เรื่อง การยกเว้นอากร และการลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน  
(ยกเว้นและลดอัตราอากรสำหรับของที่มีอัตราอากรตามสภาพแก่ของที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพพม่า จำนวน  7 
รายการ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอทั้ง 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็น
เรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้