คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการและแนวทางเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2546  และให้ดำเนินการต่อไปได้  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  ทั้งนี้  ให้ส่วนราชการและรัฐ
วิสาหกิจถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  8  ตุลาคม  2545  เรื่อง รายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2545  (ณ  สิ้นเดือนกันยายน  2545)  เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
และการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณในแผนงาน/โครงการต่าง  ๆ    โดยให้ถือเสมือนว่าเดือนสิงหาคม
2546 เป็นเดือนสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. 2546   แทนเดือนกันยายน  เช่นเดียวกับที่ได้ถือปฏิบัติแล้วในปีงบ
ประมาณที่ผ่านมาด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยธรรมชาติในปี พ.ศ. 2545
ตามที่กระทรวงการคลังเสน อ และให้ดำเนินการต่อไปได้  ได้แก่  กรณีเกษตรกรลูกค้าประสบภัยอย่างร้ายแรงจน
สูญเสียชีวิต   และไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  (ธ.ก.ส.)  ได้อย่างแน่
นอน ให้จำหน่ายลูกหนี้ดังกล่าวออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ โดย ธ.ก.ส.  รับภาระเอง  กรณีเกษตรกรลูกค้ามีหนี้เงิน
กู้เดิมเป็นหนี้เงินกู้เพื่อทำการผลิตและ/หรือเพื่อการลงทุน  (ไม่รวมเงินกู้โครงการตามนโยบายของรัฐบาล)  และ
ประสบความเสียหายอย่างร้ายแรง ให้เลื่อนกำหนดชำระต้นเงินกู้ในปีบัญชี พ.ศ. 2545 ออกไปอีก  1  ปี  และงด
คิดดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา  3  ปี  รวมทั้งการให้เงินกู้แก่เกษตรกรลูกค้าที่ประสงค์ขอกู้เงินสัญญาใหม่ เพื่อใช้
เป็นทุนหมุนเวียนในวงเงินรายละไม่เกิน 30,000 บาท  กำหนดชำระคืนเป็นรายปี  ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี  อัตรา
ดอกเบี้ยร้อยละ  3  ต่อปี  ทั้งนี้  ให้กระทรวงการคลัง  (ธ.ก.ส.)  รับความเห็นของกระทรวงเกษตร ฯ  (ที่เห็นควร
ให้ขยายมาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรอื่น (สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร)
รวมถึงเกษตรกรรายย่อยทั่วไป)  ไปดำเนินการด้วย    สำหรับจำนวนเงินชดเชยดอกเบี้ยจากรัฐบาล  เมื่อมีความ
ชัดเจนแล้ว ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) ประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการตั้งงบประมาณเพื่อการนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพิมล  ศรีวิกรม์  เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และพันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนา
กร) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายไชยยศ สะสมทรัพย์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
คลัง  และนายพัฒเดช  ธรรมจรีย์  เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) 
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการเงินของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2544   ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว   โดยฐานะการเงินของแผ่นดิน  ณ  วันที่  30
กันยายน 2545  ประกอบด้วย  รายรับรวมทั้งสิ้น 874,918.41 ล้านบาท  รายจ่ายรวมทั้งสิ้น 897,706.21 
ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 230,930.77 ล้านบาท  หนี้สินจำนวน 1,476,264.08 ล้านบาท  เงิน
ลงทุนจำนวน  73,933.93  ล้านบาท  และภาระค้ำประกันการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจจำนวน  1,073,764.01
ล้านบาท  ทั้งนี้  การเคลื่อนไหวของทุนแผ่นดินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  มีรายจ่ายสูงกว่ารายรับจำนวน
23,271.68  ล้านบาท  และมีทุนแผ่นดินติดลบสะสมทั้งสิ้นจำนวน 151,096.58 ล้านบาท   และให้นำเสนอ
สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป  และโดยที่งบแสดงฐานะการเงินของแผ่นดินมีความสำคัญและจำเป็นต่อ
การกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ  รวมทั้งมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงแผนทางการเงินให้เหมาะ
สมและสอดคล้องกับสถานการณ์     จึงมอบให้กระทรวงการคลังรับไปเร่งรัดการจัดทำงบแสดงฐานะการเงิน
ของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2545  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  สรุปได้ว่า  ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ฯ  ณ  สิ้นเดือนกันยายน
2545 ในภาพรวม  กรณีไม่รวมเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 58,000 ล้านบาท มี
การเบิกจ่ายจำนวน 896,157 ล้านบาท หรือร้อยละ  92.87  ของวงเงินงบประมาณ 965,000 ล้านบาท  ส่วน
กรณีรวมเงินงบกลาง ฯ  มีการเบิกจ่ายจำนวน 917,505 ล้านบาท  หรือร้อยละ  89.69  ของวงเงินงบประมาณ
1,023,000 ล้านบาท  สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ  (งบประจำ/งบลง
ทุน)  โดยในส่วนของงบประจำมีการเบิกจ่ายจำนวน 725,200 ล้านบาท  หรือร้อยละ 96.34  ของงบประมาณ
รายจ่ายประจำ 752,770 ล้านบาท งบลงทุน มีการเบิกจ่ายจำนวน  170,957  ล้านบาท  หรือร้อยละ 80.55 
ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน 212,230 ล้านบาท  ทั้งนี้  งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐ
กิจ  58,000  ล้านบาท  คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการทั้งสิ้นจำนวน  49  โครงการ  เป็นเงิน  36,688  ล้าน
บาทมีการเบิกจ่ายได้จำนวน  21,348  ล้านบาท    หรือร้อยละ  58.19   ของวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครง
การ  ผลของการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกระตุ้นความเติบโตทางเศรษฐกิจ  และให้
เกิดผลสำเร็จเป็นอย่างดี   ดังนั้น  คณะรัฐมนตรีขอให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งรัดการเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณ    รวมทั้งการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณในแผนงาน/โครงการต่าง ๆ  ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  4  กันยายน  2544  ต่อไปอย่างเคร่งครัด  และให้ถือเสมือนว่า
เดือนสิงหาคม 2546 เป็นเดือนสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 แทนเดือนกันยายนเช่นเดียวกับที่ได้ถือปฏิบัติ
แล้วในปีงบประมาณที่ผ่านมา

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของ
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) สำหรับงวดหกเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 สิ้นสุด
วันที่ 31 มีนาคม 2545 โดยในส่วนของงบดุล ปรส.  มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น  826.26  ล้านบาท  มีหนี้สินหมุน
เวียน 7.55 ล้านบาท หนี้สินอื่น 1.33 ล้านบาท และส่วนของทุน 817.38 ล้านบาท งบรายได้ค่าใช้จ่าย ปรส.
มีรายได้ 10.6 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 71.32 ล้านบาท โดยมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย 60.73 ล้านบาท  ทั้งนี้
รายได้ของ ปรส. ในปี พ.ศ. 2545 ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และรายได้จากค่าธรรม
เนียมในการจำหน่ายสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ  ส่วนค่าใช้จ่าย เป็นค่าใช้จ่าย
เกี่ยวกับกรรมการและพนักงาน   ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่  และอุปกรณ์  และค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
งาน สำหรับการดำเนินงานของ  ปรส.  ตั้งแต่จัดตั้งถึงปัจจุบัน  (31 มีนาคม 2545)  ปรส.  ได้ดำเนินกิจการ
ต่าง ๆ ได้แก่  การจำหน่ายสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่ง  การตรวจสอบหนี้ของเจ้าหนี้  การจัดสรร
เงินชำระคืน  การนำสถาบันการเงินเข้าสู่ระบบการล้มละลาย  และการลดขนาดสถาบันการเงิน  นอกจากนี้
คณะรัฐมนตรีให้เร่งกระบวนการยุบเลิก ปรส. ด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่  30  สิงหาคม  2545  โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม กรณีไม่
รวมงบกลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (58,000 ล้านบาท) มีการเบิกจ่าย  800,611  ล้าน
บาท  หรือร้อยละ 82.96 ของวงเงินงบประมาณ (965,000 ล้านบาท) และกรณีรวมงบกลางรายการค่าใช้จ่าย
สำรอง ฯ มีการเบิกจ่ายเงิน 812,904 ล้านบาท หรือร้อยละ 79.46 ของวงเงินงบประมาณ  (1,023,000 ล้าน
บาท) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 649,342  ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 163,562 ล้านบาท สำหรับการเบิก
จ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน  1,000  ล้านบาท   จำนวน  26  แห่ง    มีการเบิกจ่าย
จำนวน  117,303  ล้านบาท   หรือร้อยละ  72.66  ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้   การเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวน 23,674 ล้าน
บาท คิดเป็นร้อยละ 87.47 ของวงเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ  รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  งบ
กลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวน 12,293 ล้านบาท  หรือร้อยละ  33.78  ของวงเงินงบ
ประมาณที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี    ส่วนการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณในส่วนของกองทุนและเงิน
ทุนหมุนเวียนมีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 108,707 ล้านบาท  หรือร้อยละ 78.92 ของแผน
การใช้จ่ายเงินจำนวน 137,738 ล้านบาท  เงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่าย  41,286  ล้านบาท   หรือร้อยละ 
76.66  ของแผนการใช้จ่ายเงินกู้ต่างประเทศจำนวน 53,859 ล้านบาท  และเงินของรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่าย
1,219,775 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำการ 1,123,650 ล้านบาท และงบลงทุน 96,125 ล้านบาท โดยในส่วน
ของงบลงทุนเป็นการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 29 แห่ง (ไม่รวมรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน) ทั้งนี้
ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  เงินนอกงบประมาณ  เงินกู้ต่างประเทศ  และเงินของรัฐวิสาหกิจ  เมื่อหักราย
การซ้ำซ้อนจำนวน  105,196  ล้านบาทแล้ว   ทำให้การเบิกจ่ายเงินภาครัฐมีจำนวนรวมทั้งสิ้น  2,077,476 
ล้านบาท หรือร้อยละ 87.68 วงเงินภาครัฐจำนวน 2,369,327 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อ
การส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 5 คน ได้แก่ นายปกรณ์  มาลากุล ณ อยุธยา เป็นประธานกรรม
การ นายบรรพต หงษ์ทอง นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ นายประกอบ ตันติยาพงศ์  และนายพิชิต อัคราทิตย์  เป็น
กรรมการ  ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่  26  ตุลาคม  2545  เป็นต้นไป  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และเลขาธิการคณะ
รัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติม

        คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างสัญญาเงินกู้โครงการการก่อสร้างเส้นทางเชียงราย-คุนหมิง ผ่าน สปป.ลาว 
(R3) ผู้กู้ คือ รัฐบาล สปป.ลาว วงเงินกู้ไม่เกิน 1,385 ล้านบาท  ระยะเงินกู้ไม่เกิน 30 ปี รวมระยะเวลาปลอด
หนี้เงินต้นประมาณ 10 ปี ระยะเวลาการชำระคืน 20 ปี ปีละ 2 งวด รวมทั้งสิ้น 40 งวด  อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่
ต่ำกว่าร้อยละ 1.5 ต่อปี  และคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0  เฉพาะในส่วนของค่าจ้างที่ปรึกษาในการสำรวจออก
แบบก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้าง   ทั้งนี้  ให้กระทรวงการคลัง  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็น
ผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าว     รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถลงนามได้โดยมิต้องขอ
อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง  หากว่าสัญญาเงินกู้นี้มีการแก้ไขแต่มิใช่สาระสำคัญ   ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การประปาส่วนภูมิภาค  การรถไฟแห่งประเทศไทย  การเคหะแห่งชาติ
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย  และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  กู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในประเทศเพื่อชำระ
คืนหนี้เงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการ
กู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน ตลอดจนการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวได้ตามความเหมาะ
สมและจำเป็น และให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 5 แห่ง กู้เงินระยะสั้น (Bridge Loan) ไปก่อนในกรณีที่ยังไม่สามารถจัด
หาเงินกู้ระยะยาวที่มีเงื่อนไขที่เหมาะสมเป็นประโยชน์ได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ใหม่ทดแทน (Roll Over) ในภายหลังให้เหมาะสม
และมีเงื่อนไขการให้กู้ที่ดี และให้กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจทั้ง 5 แห่ง รับข้อสังเกตของกระทรวงการ
คลังไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า ควรเร่งรัดให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ
อย่างจริงจังต่อไป     ส่วนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจควรพิจารณาปรับขนาดการลงทุนให้เหมาะสมกับฐานะ
ทางการเงินที่มีอยู่ เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการขาดสภาพคล่องในการดำเนินการ  นอกจากนี้  คณะรัฐมนตรี
เห็นว่า โครงการน้ำประปาดื่มได้ของการประปาส่วนภูมิภาคเป็นโครงการที่ดีและเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วย
ประชาชนผู้บริโภคน้ำประหยัดค่าใช้จ่ายได้  จึงควรขยายผลการดำเนินการให้ทั่วถึง  รวมทั้งเผยแพร่ประชา
สัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น     โดยให้องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยและ
กรมประชาสัมพันธ์ให้ความร่วมมือแก่การประปาส่วนภูมิภาคในการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และนายรังสิน 
สืบแสง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทน นายสุกรี คุ้มพันธุ์ และนายสมเจตน์ 
หมู่ศิริเลิศ ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การประปานครหลวงกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในประเทศทดแทนการกู้เงิน
จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 จำนวน 650 ล้านบาท  โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำ
ประกัน  และการประปานครหลวงเป็นผู้รับภาระชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย  ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ที่
เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน และอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน  เงื่อนไข  และรายละเอียด
ต่าง ๆ ของการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติการเตรียมการเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติทางการเงิน กรณีปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  โดยให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณเร่งดำเนินการให้เป็นส่วนราชการ
ผู้เบิกตามวิธีการที่กระทรวงการคลังเสนอ   หากส่วนราชการเจ้าของงบประมาณยังไม่พร้อมในการเป็นส่วนราชการ
ผู้เบิก  คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็นหลักการให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณนั้น  ๆ  มอบอำนาจให้ส่วนราช
การอื่นเป็นผู้เบิกเงินงบประมาณแทน  (ตามนัยมาตรา 38 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่น
ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 13)

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนมิถุนายน 
2545 โดยการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้า  มีมูลค่านำเข้ารวม 42.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ลดลง
จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 10.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 20.51 โดยมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน
7 รายการ ตั้งแต่ร้อยละ 3.33 (ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์) ถึงร้อยละ 28.13 (เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล) และ
มี  10  รายการ  ที่มีมูลค่านำเข้าลดลงตั้งแต่ร้อยละ  14.40  (เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร  ฯ)  ถึงร้อยละ 
60.03 (สุราต่างประเทศ) ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่ม เปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวม
ของสินค้าทุกชนิดในเดือนมิถุนายน 2545 (5,316.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย
ทั้ง  17  กลุ่ม มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ  0.79  ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด  ส่วนมูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยตั้งแต่
ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  (ตุลาคม 2544-มิถุนายน 2545)  มีมูลค่านำเข้ารวม  427.10  ล้านดอลลาร์
สหรัฐ  เปรียบเทียบกับต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 (ตุลาคม 2543-มิถุนายน 2544) มีมูลค่าลดลง 21.19
ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 4.73

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมศุลกากรนำเงินค่าขายของกลางสินค้าพืชเกษตร  5  ชนิด  ได้แก่ 
กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ (รวมเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่) มันฝรั่ง และเส้นไหม ส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
ไปก่อน ในระหว่างรอการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ศุลกากร พุทธศักราช 2469 (ยกเลิกด่านศุลกากรนราธิวาส  จังหวัดนราธิวาส  ด่านศุลกากรพังงา  จังหวัดพังงา 
ด่านศุลกากรศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย) และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราช
บัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2480 (ยกเลิกทางอนุมัติ ด่านพรมแดน  และด่านศุลกากรศรีเชียงใหม่
จังหวัดหนองคาย) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ตั้งแต่ต้นปีงบ
ประมาณจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2545 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวมมีจำนวน 763,868 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 74.67 ของวงเงินงบประมาณ จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 609,291 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.55 ของ
วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน  154,577  ล้านบาท หรือร้อยละ   57.99  ของวงเงินงบ
ประมาณรายจ่ายลงทุน  โดยกระทรวงที่มีการเบิกจ่ายสูงสุดใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2545  ได้แก่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ส่วนหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญมีการเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปี
จนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม 2545 มากที่สุด  สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบลงทุนแยกเป็นส่วนกลางและ
ส่วนภูมิภาค มีการเบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 54,527 ล้านบาท และ 100,049 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนการเบิก
จ่ายงบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน  58,000  ล้านบาท  คณะรัฐมนตรีมีการ
อนุมัติโครงการเป็นเงินทั้งสิ้น 30,915 ล้านบาท  และเบิกจ่ายไปแล้ว 11,713 ล้านบาท  หรือร้อยละ 37.89
ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของโครงการถ่ายโอน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง 23,067 ล้านบาท  หรือร้อยละ  85.23  ของวงเงินงบ
ประมาณ  นอกจากนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนมีการเบิกจ่ายเงิน
จำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 108,534 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.41  รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศมี
การเบิกจ่าย 39,784 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.11 และผลการเบิกจ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายแล้ว
1,115,065 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.88 ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  เงินนอกงบประมาณ  เงินกู้
ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ  เมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน 103,637 ล้านบาทแล้ว  ทำให้การเบิก
จ่ายมีทั้งสิ้น 1,923,614 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.19 ของแผนการใช้จ่ายเงินภาครัฐ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินในประเทศ เพื่อโครงการสินเชื่อเคหะรวมใจ 
วงเงิน 8,000 ล้านบาท  และเพื่อการดำเนินงานปกติ  วงเงิน  4,000  ล้านบาท  เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น  12,000 
ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และราย
ละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ