ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 692 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13821 - 13840 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13821 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเลื่อนวันใช้บังคับของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ จากเดิมที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เป็นให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ปรับแก้ไขร่างประกาศดังกล่าวให้เป็นไปตามรูปแบบที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ ตรวจพิจารณา และตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13822 | ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำเสียในคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ | สว | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำเสียในคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปแล้วบางส่วน ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำเฉพาะหน้าในช่วงที่มีการร้องเรียน เช่น ขุดลอกคลองแม่ข่า กำจัดวัชพืชและผักตบชวาในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ และองค์การบริหารส่วนตำบลสบแม่ข่า (๒) แผนการปรับปรุงการบำบัดน้ำเสียและการระบายน้ำ เช่น ศึกษาปรับปรุงแนวท่อรวบรวมน้ำเสียเดิม และขยายพื้นที่รวบรวมน้ำเสียให้ครอบคลุมพื้นที่เทศบาล (๓) การจัดทำรายงานแหล่งกำเนิดมลพิษขนาดใหญ่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น จัดทำรายงานสรุปผลการจัดส่งแบบรายงานสรุป (ทส.๒) ของแหล่งกำเนิดมลพิษขนาดใหญ่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ (๔) การควบคุมการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เช่น แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ และคณะทำงานสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งยินดีให้คณะอนุกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนเมืองเป็นที่ปรึกษา กำกับ และติดตามในภาพรวม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13823 | การเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณ ที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป | นร07 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดการเสนอเรื่องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายการที่มีวงเงินตั้งแต่หนี่งพันล้านบาทขึ้นไปไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติได้ทันภายในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ นั้น เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นมีระยะเวลาในการพิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงเห็นควรให้ขยายระยะเวลา จากเดิม ที่กำหนดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ทันภายในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็น ให้ส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13824 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2561)] | นร | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๑ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13825 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2561)] | นร | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13826 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช 2562) ให้แก่ประชาชน | กห | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒) ให้แก่ประชาชน ภายใต้การดำเนินโครงการ “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑-๒ มกราคม ๒๕๖๒ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่มงานหลัก ได้แก่ งานสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน งานการช่วยเหลือประชาชน และงานให้บริการและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13827 | รัฐบาลราชรัฐลักเซมเบิร์กเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายฌ็อง-ปอล เซนนิงเกอร์) | กต | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฌ็อง-ปอล เซนนิงเกอร์ (Mr. Jean-Paul Senninger) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายรอแบร์ เลาแอร์ (Mr. Robert Lauer) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13828 | ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี พ.ศ. .... | นร10 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์กลางสำหรับการพิจารณาเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี เพื่อให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลตามกฎหมายของแต่ละส่วนราชการมีกรอบแนวทางในการพิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับการเทียบตำแหน่งสำหรับใช้ในส่วนราชการของตน และกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการเทียบตำแหน่ง มีหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการเทียบตำแหน่งและกำหนดหลักเกณฑ์กลางสำหรับเป็นแนวทางโดยไม่ขัดต่อร่างพระราชบัญญัตินี้ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๑ ที่กำหนดให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ ว่า เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการเทียบตำแหน่งไว้อย่างชัดเจนแล้ว ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าวจึงมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมกรรมการตามนัยพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่ต้องกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ จึงเห็นควรตัดความนัยมาตรา ๑๑ ของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการดังกล่าวควรรวมถึงการเทียบตำแหน่งของ “หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่ากรม” ตามมาตรา ๒๒๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระเบี้ยประชุมของประธานกรรมการและกรรมการที่จะเกิดขึ้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรเป็นลำดับแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13829 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ วางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน เพื่อการสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก จังหวัดพิจิตร ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13830 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... | มท | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวนคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ประเทศละจำนวนไม่เกิน ๑๐๐ คนต่อปี และคนต่างด้าวไร้สัญชาติ จำนวนไม่เกิน ๕๐ คนต่อปี เพื่อให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยสามารถยื่นคำขอมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยต่อไป อันเป็นการส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนและทำงานในประเทศไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบและพิจารณาประเมินพฤติกรรมความเป็นอยู่ของคนต่างด้าวที่ได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13831 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่ เวลา 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 27 ธันวาคม 2561 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกาของวันที่ 3 มกราคม 2562) | คค | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๒ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งเห็นควรให้กรมทางหลวงบูรณาการการทำงานร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพื่อป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนนตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13832 | ขอความเห็นชอบการขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา | กษ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เพื่อให้เกษตรกรที่มีความสนใจ พร้อมทั้งพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างทั่วถึง จากพื้นที่เป้าหมาย ๒ ล้านไร่ ใน ๓๓ จังหวัด เพิ่มเติมอีก ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ สำหรับจังหวัดอื่นที่เกษตรกรมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ พื้นที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดและมีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวโพด พร้อมทั้งมีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการรับซื้อผลผลิต สามารถที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากสมาคมประกันวินาศภัยไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรก่อน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างใกล้ชิด และควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงด้านการตลาด ตลอดจนติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสำเร็จของโครงการฯ ทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา และการทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ ควรกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ในกรณีที่มีการขยายพื้นที่ดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาในจังหวัดอื่นที่เกษตรกรมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ นอกเหนือจาก ๔ จังหวัดที่เพิ่มเติมในครั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13833 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ยธ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Memorandum of Understanding on Justice and Legal Affairs Cooperation between The Ministry of Justice of the Lao People’s Democratic Republic and The Ministry of Justice of the Kingdom of Thailand) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางกิจการยุติธรรมผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดทำกฎหมาย การแลกเปลี่ยนการเยือน ความร่วมมือทางวิชาการ และการเสริมสร้างองค์ความรู้ ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงยุติธรรมหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ ๓ ที่จะจัดขึ้น ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรปรับข้อความในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยเปลี่ยนคำว่า “shall” เป็น “will” ในทุกที่ที่ปรากฏ และตัดคำว่า “IN WITNESS WHEREOF, the undersigned, being duly authorized by representative government…” ในวรรคที่ต่อจากข้อ ๘ ไปดำเนินการปรับแก้ไขให้ถูกต้องตรงกันก่อนการลงนามต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13834 | สรุปผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมาย (ASEAN Senior Law Officials Meeting:ASLOM) ครั้งที่ 18 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย (ASEAN Law Ministers Meeting:ALAWMM) ครั้งที่ 10 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ยธ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13835 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร11 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ เช่น (๑) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับภาคเศรษฐกิจในพื้นที่ (๒) การส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง (๓) การพัฒนาทุนมนุษย์และยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกช่วงวัยอย่างเท่าเทียม และ (๔) การรักษาสมดุลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13836 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร11 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จังหวัดหนองคาย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย การยกระดับการผลิตและการสร้างมูลคาเพิ่มผลผลิต การท่องเที่ยว และการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งข้อสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและรูปแบบการบริหารการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรไปทดลองกับพื้นที่ที่มีความเหมาะสมโดยใช้หลักคิดเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13837 | รายงานความคืบหน้าการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | กก | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) โดยมีเป้าหมายการพัฒนาเป็น “แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม เชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” เพื่อเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีความโดดเด่นของทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว และมีมาตรฐานในทุกมิติ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสินค้าและบริการ ด้านการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร และด้านความปลอดภัย เป็นต้น โดยมีแนวทางการพัฒนาทั้งสิ้น ๖ แนวทาง ได้แก่ (๑) การส่งเริมการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (๒) การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเข้าถึงของคนทั้งมวล และการส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวตามแนว EWEC (๓) การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยว (๔) การพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน และการยกระดับมาตรฐานสำหรับการท่องเที่ยว (๕) การยกระดับยุทธศาสตร์การตลาด และ (๖) การบูรณาการความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13838 | รายงานผลการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ) ของกระทรวงคมนาคม | คค | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) ของกระทรวงคมนาคม โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม (๒) รายงานความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย และ (๓) รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13839 | ร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | นร09 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อให้มีการกำหนดนโยบายของรัฐที่ชัดเจนและแน่นอนในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ โดยมุ่งเน้นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน และมีมาตรการส่งเสริมการร่วมลงทุนอย่างเหมาะสม โดยกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการจัดทำโครงการร่วมลงทุนที่กระชับ โปร่งใส และตรวจสอบได้ และสามารถสร้างแรงจูงใจให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา โดยให้นำความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการเพิ่มข้อกำหนดภายหลังการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในเรื่องการดำรงตำแหน่งและสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในกิจการของเอกชนที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ การปรับปรุงถ้อยคำในมาตรา ๒๙ ๓๐ และ ๓๖ เป็น “คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการร่วมลงทุน” แทน “คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการของโครงการร่วมลงทุน” และการนำแนวทางตามบทบัญญัติในมาตรา ๒๕ มาใช้บังคับแก่หน่วยงานเจ้าของโครงการและคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อให้การปรับเปลี่ยนรูปแบบการคัดเลือกเอกชนมีความรอบคอบ โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมีข้อมูลที่ครบถ้วน รวมทั้งการให้คณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในฐานะคณะกรรมการที่มีอำนาจและหน้าที่ในการกำกับดูแลการร่วมลงทุนของรัฐพิจารณาให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน ร่างสัญญาร่วมลงทุน และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน ไปประกอบการพิจารณาด้วย ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่จัดทำโดยกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับเพิ่มบทบาทของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ (Check and Balance) และการกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และกรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติงานบนหลักการของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ตามเจตนารมณ์ของร่างกฎหมายที่เสนอในครั้งนี้ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13840 | ร่างพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยที่ดินที่ได้รับการยกเว้นภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ เพื่อยกเว้นการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินในทรัพย์สินของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยที่ดินที่ได้รับการยกเว้นภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยที่ดินที่ได้รับการยกเว้นภาษีบำรุงท้องที่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไป
|
.....